คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 12 | YOUTH | วัยเยาว์ที่ต่างออกมา
“และในที่สุดวันแห่งการอวยพรก็มาถึงพวกเราที่คอย”
| Torches – Aimer
เหล่าผู้พิทักษ์กระจายตัวกันออกกบดานและสืบหาข่าวทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือวองโกเล่
ก่อนจะกลับรวมตัวเพราะข่าวการเจรจาลับของสึนะกับเบียคุรันโดยตรง มาทันเห็นภาพชวนตกตะลึงในงานเจรจาสัมพันธมิตรระหว่างวองโกเล่กับมิลฟิโอเล่
หลังเสียงปืนและร่างที่ล้มลง ในวินาทีที่ได้เห็นภาพนั้นพวกเขาคิดว่านี่มันคงจบสิ้นแล้ว
ราวกับสีสันบนโลกหายไปเหลือเพียงขาวกับดำ เป็นห้วงอารมณ์ที่สั่นสะเทือนจนผิวหนังก็รับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดของใครบางคนที่ต้องสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นักฆ่าสาวผู้เฝ้าวอนขอสิ่งที่ไม่อาจได้มาด้วยฝีมือมนุษย์เอ่ยถึงสัญญาครั้งที่สาม
ท่ามกลางสายตาทั้งมิตรและศัตรูในงานเจรจาที่มิลฟิโอเล่เชิญให้สึนะไปพูดคุยด้วย
ได้สูญเสียพลังเยี่ยงในฐานะมนุษย์ไปแทบหมดสิ้น
ทว่าเพราะสัญญาที่ไม่อาจสมบูรณ์พร้อมได้นั้นทำให้หัวใจของเธอทำงานหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ได้ฝาแฝดกลับมาในสภาพเจ้าชายนิทรา สูญเสียพลังสายหมอกไปเกลี้ยง แต่ยังคงหลงเหลือพลังคลุ้งหมึกสีเข้มราวน้ำมันดิน
น้ำตาสีดำที่ไหลลงอาบแก้มและรอยยิ้มยโสเกรี้ยวกราดนั้นลั่นวาจาเอาไว้
‘ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จะพากลับมา
คิดจะตายหนีผมไปเหรอเอิร์ล... ไม่มีทางยอมให้ทำได้หรอกน่า! และพวกเราจะไม่มีทางให้พวกแกได้อย่างหวังแน่
ไม่ใช่แค่พวกเราที่จะถูกแกล่าจำเอาไว้’
สิ่งที่เรียกขานตนเองว่ายมทูตนั้นเหลือบมองพวกเขาแล้วยิ้มพลางยกนิ้วทาบปากเอ่ยสิ่งที่ซีลอนไม่ได้ยินออกมา
‘แล้วจะดีขึ้นเองนี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้
ตรงกันข้ามต่างหาก’
พลังสีดำของซีลอนดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนมาก
แต่ก็มากพอจะทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวกว่าเดิม
เหมือนพร้อมจะไม่ใช่มนุษย์ได้ทุกวินาทีขณะใช้พลังนั่น
สองร่างที่นอนนิ่งสนิทถูกอุ้มกลับมายังฐาน
ในโลงศพสีดำที่ป่าในพื้นที่ส่วนตัวของวองโกเล่มีร่างของสึนะหลับใหลอย่างสงบนิ่ง
รายล้อมด้วยดอกไม้สีขาว มันไม่ใช่อนาคตที่พวกเขาคิดหวังเอาไว้
‘รวบรวมผู้พิทักษ์’ นั่นคือข้อความทิ้งท้ายที่สึนะตั้งเวลาให้ส่งไปยังผู้พิทักษ์แต่ละคนที่กบดานแยกย้ายกันหลังจากที่มิลฟิโอเล่เข้ามามีบทบาทในวงการมาเฟียอย่างใหญ่โต
บางคนหายสาบสูญ บางคนได้ข่าวว่าตายแล้ว และบางคนก็ไม่ได้ยินข่าวอะไรกลับมา
การกระจัดกระจายครั้งใหญ่เริ่มขึ้นหลังจากฐานทัพวองโกเล่ที่อิตาลี่ถูกโจมตีและยึดไป
และทางญี่ปุ่นเองสมาชิกแต่ละคนและผู้เกี่ยวข้องก็ถูกตามล่าไม่ต่างกัน
ทุกคนจำต้องใช้โซ่ผนึกออร่าแหวนเพื่อไม่ให้ถูกดาวเทียมของมิลฟิโอเล่ตรวจจับได้
อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ พร้อมทั้งออกเดินทางตามหาข้อมูลจากแต่ละมุมโลก
ทั้งอาวุธกล่องและข้อมูลของทรีนิเซตเต้
ณ
ญี่ปุ่นซีลอนเองก็มีคฤหาสน์ในนามของผู้อื่นอยู่ซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียนมากพอที่จะไม่มีใครสาวถึง
เธอจึงพาทีมแพทย์และทีมวิจัยไปหลบอยู่ที่นั่นส่วนหนึ่งพร้อมฝาแฝดของตน
โคลม เคน และจิคุสะตัดสินใจแยกตัวออกไปเพื่อช่วยมุคุโร่ออกมาจากวินดิเช่เพื่อแก้แค้นมิลฟิโอเล่ถึงปากจะบอกว่าเกลียดมาเฟีย
แต่พวกเขาก็ยังคอยเป็นทั้งสายข่าวและกำลังรบยามจำเป็นให้กับวองโกเล่มาเสมอ
ภายหลังพวกเขากลายเป็นบุคคลสาบสูญและข่าวลือว่ามุคุโร่ได้ตายลงแล้วก็กระจายไปทั่วหลังจากปะทะกับโกร
คิชิเนีย
บ้านหลังใหญ่ดูเงียบเหงากว่าที่เคย
เพราะคนที่ส่งเสียงหัวเราะตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
วิทยาการก้าวกระโดดของกลุ่มวิจัยใต้ดินพัฒนาไปถึงขั้นอ่านคลื่นสมองของมนุษย์ได้
เธอจึงไม่ลังเลจะแบ่งเงินส่วนตัวให้หัวข้อโครงการนี้พร้อมทั้งใช้มันกับเอิร์ลเกรย์
อย่างน้อยถ้าเธอโชคดีพอตอนไปเยี่ยมฝาแฝดเขาก็กำลังตื่นอยู่ แต่ขยับตัวหรือส่งเสียงตอบสนองไม่ได้...
เจ้าของบ้านมองเงาร่างแขกที่มายืนตรงหน้าต่างทรงสูงเธอยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะเดินไปหาและเอาหัวพิงไหล่อีกฝ่าย
สายหมอกหนุ่มลูบแผ่นหลังของนักฆ่าที่ดูอ่อนแอลงไปถนัดตา
ย้อนนึกถึงแผนการที่แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ทว่าเขาบังเอิญได้ยินเข้า และก็เลือกจะไม่ปริปากเอ่ยเตือนกับเธอ...
มันเป็นความลับของเขากับเอิร์ลเกรย์
มุคุโร่รู้ว่าวันนั้นสึนะจะแกล้งตายและเอิร์ลเกรย์นั่นแหละที่ตั้งใจจะตายแทนบอสของพวกเขา
แผนการที่แท้ทุกอย่างจะเริ่มจากตรงนั้น
‘มันจำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นมุคุโร่คุง
เพราะว่าพวกเราก็มีเรื่องที่มีแต่ฉันเท่านั้นถึงจะทำได้เหมือน ๆ กัน’
เขาคิดว่ามันเป็นความไว้ใจของซีลอนที่แม้แต่เขาเองก็คาดไม่ถึง
จะสร้างมายาคลุมกายแล้วหัวเราะหรือส่งยิ้มหน้ากระจกก็ได้
แต่บางทีเธอคงรู้ตัวเองดีว่ายิ้มของเธอมันปลอมเปลือกมากแค่ไหนในสายตาคนที่รู้ดีที่สุดว่ากำลังแสร้งทำ
แสร้งพยายามสร้างหน้ากากของคนรักสนุกขึ้นมาใช้แทบตลอดเวลา เลยเลือกจะเดินมาพิงเขานิ่ง
ๆ แล้วไม่พูดอะไรทั้งนั้น
ไม่มีทั้งบทสนทนาหรือเสียงสะอื้น
เธอก็แค่เหนื่อยล้ากับการวิ่งไล่ความต้องการของตัวเองขึ้นมาหลังจากถูกทรยศจากคนที่ไว้ใจที่สุด...โดยฝาแฝด
แต่ถึงจะเสียอะไรไปมากมายพวกมันก็ไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้
สงครามกับมิลฟิโอเล่มันเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น
ความชิงชังเคียดแค้นของเธอเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น...
“ถึงอย่างนั้นก็จะจับมือเอาไว้...ทำไมเขาถึงเลือกจะปล่อยมือฉันซะละ...”
ซีลอนเอ่ยขึ้นมาหลังจากยืนเงียบอยู่พักใหญ่ปล่อยให้สายหมอกโอบแขนคล้องเอวเธอไว้หลวม
ๆ พลางลูบหลัง
สัมผัสที่เลียนแบบเอิร์ลเกรย์ทำให้ซีลอนรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อยแต่กระนั้นก็ยังมีส่วนที่ต่างออกไปอยู่ดี...
เคยเอะใจมาตลอดถึงความตายที่เรียกหาชื่อของเขา
ไม่นึกว่าเอิร์ลเกรย์เองนั่นแหละที่ลึก ๆ
ก็เรียกหาความตายเพราะว่าต่างฝ่ายต่างอยากให้ฝาแฝดอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
มีเป้าหมายเดียวกันแต่เลือกเส้นทางต่างกันออกไป
เธอรู้มาตลอดว่ามันไม่ค่อยปกติ
ทั้งไอ้นิสัยชอบประชดประชันของมุคุโร่หรือการชอบโผล่มาไม่ว่าจะด้วยการสิงร่างหรือแค่เสียงในหัว
วนเวียนอยู่รอบ ๆ และโผล่มาทุกครั้งที่แอบสูบบุหรี่
เจ้าผู้พิทักษ์สายหมอกก็จะมอบช็อกโกแลตที่เธอชอบที่สุดให้เคี้ยวเล่นแทนพ่นควันเลียนแบบโกคุเทระ
เพราะที่แล้วมามีเอิร์ลเกรย์อยู่ด้วยกันเสมอ
เธอก็เลยไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของคนที่มักจะวนเวียนเหมือนผีอยู่ใกล้
ๆ
ทว่าในตอนนี้ที่ฝาแฝดของเธอกำลังนอนไม่ได้สติมาร่วมเดือน
หัวใจที่ทำงานหนักขึ้นก็ให้คำตอบกับเธอผู้ซึ่งถือครองสัญญาที่มีรอยร้าว
ความรักของมนุษย์จะถูกช่วงชิงไปอย่างสมบูรณ์ก็เมื่อเอิร์ลเกรย์กลับมาจากความตายในสภาพสมบูรณ์
การที่เขาเป็นเจ้าชายนิทราไม่ตรงกับเงื่อนไขที่ว่า เมื่อมีช่องโหว่เกิดขึ้นมา
เธอจึงไม่ถูกริบบางสิ่งไปอย่างครบถ้วน
จะกล่าวถึงพลังที่ถูกริบไปอันที่จริงจะฝืนใช้ก็ได้แต่ต้องถอดแหวนโซ่สีเงินทิ้ง
แต่ก็นั่นแหละ หากว่าทำเช่นนั้นและฝืนใช้อยู่ได้ไม่ถึงสิบนาทีเธอต้องตายแน่นอน
เพราะร่างกายของมนุษย์ทนพลังไฟเกินกว่าสองธาตุไม่ไหว
“เขาอยากให้คุณเป็นมนุษย์ละมั้งครับ”
มุคุโร่ตอบไปตามตรง เอิร์ลเกรย์มักมีสายตาขอโทษเวลามองมาทางเขาเสมอ
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่พักหลังก็เริ่มเข้าใจท่าทีของตัวเองมากขึ้น
คำขอโทษทางสายตาของเอิร์ลมาจากการที่เขาเป็นบ่วงรั้งคอฝาแฝดเอาไว้ ถ้าเอิร์ลเกรย์มีชีวิตอยู่โดยสัญญาจากปีศาจนั่นซีลอนก็จะไม่สามารถสัมผัสถึงรักจากคนอื่นได้นอกจากฝาแฝด
สมองประมวลผลเข้าใจทางเหตุผลและหลักการแต่หัวใจและอารมณ์ไม่ตอบสนองด้วย
“ก็เป็นอยู่ตลอดไม่ใช่รึไง...”
นักฆ่าพึมพำออกมา
“ไม่ครับ แค่คล้ายก็เท่านั้น แหม
ส่องกระจกดูเอาก็น่าจะเข้าใจนี่ครับไม่งั้นคุณก็คงไปส่องกระจกแทนที่จะมาให้ผมปลอบอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ”
มุคุโร่พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงก่อนจะถอนหายใจ
แนบแก้มกับเส้นผมสีเงินที่ปรกใบหน้าด้านขวาของนักฆ่า
“รู้นี่ครับว่าปกติเป็นยังไง
ยังจะมาถามอีก... แล้วก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเป็นผมล่ะก็จะอ้าแขนรอให้คุณมาซบเสมอนั่นแหละ”
เขาบ่นกระปอดกระแปด
“ไม่ชอบความรู้สึกนี่เลย...”
ซีลอนพึมพำออกมา นิ่วหน้าแต่ไม่ได้ขยับหนี
“เหนื่อยกว่าที่อยู่กับเอิร์ลเกรย์อีกเหรอครับ”
สายหมอกหนุ่มถามตอกย้ำความจริงบางอย่างลึกลงไปว่าซีลอนเองก็ทราบมาตลอดนั่นแหละแค่ไม่เคยรู้สึก
“อืม...เหนื่อยกว่าเยอะเลย
ดีกว่าความรู้สึกเกลียดชังหรือโกรธ แต่ว่าก็เหนื่อยอยู่ดี...”
ซีลอนพิงหัวกับเขาตอบออกมาเสียงเรียบ “มนุษย์ปกติทนได้ได้ยังไงนะ...”
“ที่ชอบงานท้าทายไม่ใช่เพราะว่าชอบตื่นเต้นเหรอครับ
นี่ก็ตื่นเต้นไม่ใช่รึไง?” มุคุโร่เลิกคิ้วเหลือบมองคนแบตหมด
“ไม่เหมือนกันแฮะ...
ไม่รู้จะอธิบายยังไง ตื่นเต้นมันแค่วาบเดียวปะ แต่นี่มันเต้นเร็วตลอด
กับเอิร์ลยังไม่เต้นเร็วขนาดนี้เลยน่าโมโหฉิบหาย...” ซีลอนมุ่นคิ้วอาการติดแฝดที่ต้องนอนกุมมือด้วยตลอดเวลาแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หายไปแต่ว่า...
ทั้งที่ปีนขึ้นเตียงคนป่วยเพื่อไปเบียดนอนด้วยแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถหลับสนิทลงได้
ไม่น่าจะเพราะเสียงเครื่องพยุงชีพหรือเสียงแอร์ที่ต่างจากปกติไปเสียด้วย
การที่ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทเหมือนปกตินั้นทำให้เจ้าตัวหงุดหงิดมากจากอาการนอนไม่พอ
เห็นอะไรก็พาลรกหูรกตาไปหมด
“ง่วงแล้วรึเปล่าครับ ให้ผมช่วยไหม”
มุคุโร่เสนอตัวลูบสางผมสีเงินปลอบอีกฝ่ายเบา ๆ
“ช่วยได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง
เดี๋ยวไม่ไหวก็น็อกไปเอง” นักฆ่าตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
“ยานอนหลับก็ไม่ช่วยเหรอครับ?”
สายหมอกหนุ่มเปรยถามขณะดึงคู่สนทนาให้เดินตามไปที่ห้องนอนสักห้องในคฤหาสน์หลังใหญ่
“ไม่เคยใช้ได้ตั้งแต่ทำสัญญาแล้ว
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องใช้มันเพื่อรักษาแผลแต่ละที่ให้หายเร็วกว่าปกติหรอก”
ซีลอนพ่นลมหายใจใส่ มายาที่คลุมผิวอยู่หายไปตอนเธอคิดจะพัก ร่องรอยปริมาณค่าใช้จ่ายที่แลกไปเพื่อใช้พลังนอกระบบของโลกใบนี้เอาไว้คือลายสีดำคล้ายรากไม้ที่เริ่มจากตาขวาไล่ลามไปตามร่างกายจนถึงต้นแขนขวา
แผลเป็นก็เช่นกัน
“ไม่คิดว่าคนนิสัยแบบคุณจะใช้มายากลบแผลเป็นกับเขาด้วยนะครับ?”
มุคุโร่ลูบคางมองแผลขนาดใหญ่ที่แลบออกมาจากคอเสื้อ
“อ่า
อันที่จริงจะปิดแค่รอยรากไม้ แต่ถ้าปิดแค่ตรงนี้ก็ต้องตกแต่งแผลเป็นให้คงเดิมลบแค่สีดำนี่
ลงรายละเอียดเยอะก็ใช้พลังเยอะ ปิดทั้งหมดมันใช้พลังน้อยกว่าน่ะ”
ซีลอนยกแขนขึ้นมาดูมุ่นคิ้วขัดใจ แต่ก็เอาเถอะเธอไม่ใส่ใจหรอก
“หรือจะเลิกปิดเอาไว้ข่มขู่พวกมันเลยดีนะ?”
“ปิดไว้ดีกว่าครับ
ขืนเห็นจนจับสังเกตได้ว่ายิ่งใช้ยิ่งมีลายเยอะอาจจะจับทางได้ว่าเร่งให้คุณใช้พลังจนลายนี่ลามไปทั่วตัวคุณจะแพ้เอา”
มุคุโร่เปิดประตูห้อง
“ก็แพ้จริง
แพ้แบบดินกลบหน้าน่ะนะ” นักฆ่าหัวเราะเยาะในลำคอไม่ยี่หระ
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าใช้บ่อยสิครับ”
มุคุโร่ถอนหายใจกดไหล่ให้เจ้าของบ้านลงนั่งกับเตียงในห้องนั้น
“เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนเอง ถึงไม่รู้ว่าจะช่วยได้ไหมก็ตามเถอะ”
“ไปทำงานไป๊ แทรกซึมไปถึงไหนแล้ว”
ซีลอนท้วงขึ้น
“โอยะๆ คุณเลิกถามเรื่องงานทุกครั้งที่เจอหน้าผมจะได้ไหมเนี่ย
ผมเองก็อยากคุยเรื่องอื่นเหมือนกันนะ” มุคุโร่หยอกเย้านักฆ่าแล้วถอนหายใจเล็กน้อย “ก็ลึกแบบที่คิดว่ามีตำแหน่งใกล้ชิดผู้บริหารคนไหนหายไปหน่อยก็คงได้เข้าแทนละมั้งครับ
คุฟุฟุฟุฟุ”
“ได้ งั้นหลังจากนี้ฉันจะไปล่ะดับผู้บริหารให้คนมันน้อยลงไปอีกสักสองสามคนแล้วกัน...แล้วก็ทางอาจารย์
คงต้อง...”
นักฆ่าเลิกคิดมากหลังจากโดนจ้อง
เธอทิ้งตัวลงแล้วตลบผ้าห่มคลุมตัวแล้วพักสายตา ร่องรอยความอิดโรยปรากฏชัดเจนบนใบหน้า
ที่จริงทั้งอาการย้ำคิดย้ำทำและอาการวิตกจริต
หรือแม้แต่อาการหลงผิดที่เริ่มมีอาการเมื่อไม่นานมานี้
พวกมันยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเธอนอนไม่พอ
เสียงของเอิร์ลยังก้องอยู่ในหูแต่ว่าจะเป็นไปได้ยังไงก็เพราะว่าฝาแฝดของเธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย...
ซีลอนหลับตาลงจากนั้นจึงถูกกุมมือเอาไว้
สัมผัสของฝ่ามือที่อบอุ่นและอัตราการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอ
ที่นอนกับเอิร์ลเกรย์เสมอมาก็เพราะกลัวว่าจะเสียเขาไปตอนที่หลับใหลไม่ได้สติ
เหมือนค่ำนั้นที่เขาถูกพาไป
เธอจึงคอยกุมมือของฝาแฝดอยู่เสมอไม่ว่าตื่นหรือนอนตามแต่สบโอกาส
เพราะว่าจับมือเอาไว้ถึงได้แน่ใจว่ายังอยู่ด้วยกัน
เพราะความอุ่นในมือทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ใช่ศพอันเย็นชืด
“...”
มุคุโร่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
วันนี้เขาไม่ได้มีตารางงานที่ไหนอยู่แล้วทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางไปตามที่พวกเขาวางเอาไว้ล่วงหน้า
ก็เหมือนสมัยที่ซีลอนหลอกซันซัส ‘ถ้าไม่ประมาณนี้คนที่ฉลาดและระวังตัวแจก็จะฉุกคิดเอาได้’ พวกเขาในตอนนี้ก็กำลังหลอกมิลฟิโอเล่อยู่เช่นกัน ทั้งปั่นข่าว ทิ้งร่องรอยปลอมนำทางผิด
ๆ เอาไว้ กระจายตัวกันเพื่อให้จับทางยากคิดว่าระส่ำระสายแต่ยังคงติดต่อกันอย่างลับ
ๆ ในบางครั้ง แถมยังพุ่งเป้าหมายไปที่อิริเอะ โชวอิจิ ชายผู้เป็นมันสมองสำรองคอยสนับสนุนเบียคุรันอยู่เบื้องหลัง
ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนบนเตียงหลับไปแล้วอย่างรวดเร็ว
สายหมอกหนุ่มนึกดีใจขึ้นมาหน่อยว่าดูเหมือนมือของเขาก็จะช่วยได้อย่างดี
หรือบางทีคงจะต้องเรียกว่าได้ใจขึ้นมาว่าเขาเองก็คงพิเศษกว่าคนอื่น
“พวกเรานี่ดูไม่เหมือนคนที่จะอยู่แฟมิลี่เดียวกับพวกเขาเลยนะครับ”
มุคุโร่พึมพำออกมาและหัวเราะในลำคอ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาถึงจุดนี้
ทั้งที่เกลียดมาเฟียมาก ความเกลียดชังเขายังไม่หายไปไหน มันยังอยู่ครบ
เขาแค่โตขึ้น รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกยังไง
และรู้ว่าจะเอาความเกลียดชังเหล่านี้ไปลงกับใครให้เป็นประโยชน์
รู้สึกเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นสองคนที่อยู่ผิดที่ผิดทางเสียเหลือเกิน
แต่ว่าทั้งเขาและเธอก็ต่างมีเป้าหมายต่างกันออกไป แม้จะร่วมอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
มุคุโร่มองนาฬิกาคิดว่าจะฟุบหลับไปด้วยดีไหมเพราะถ้าเขาดึงมือออกอีกฝ่ายจะต้องตื่นแน่นอนเพราะเธอฝึกมาแบบนั้น
ฝืนฝึกให้ตื่นทันทียามมือที่กอบกุมไว้หลุดคลายออก มุคุโร่ลูบหน้าตัวเองขำ ๆ
บางทีเขาน่าจะขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย จะได้ไม่ต้องมาลำบากฟุบข้างเตียงให้ปวดหลังแบบนี้
อืม...หรือเขาจะเฝ้าจนเธอตื่นขึ้นมาดีล่ะ?
ซีลอนตื่นขึ้นมาพบร่างของสายหมอกหนุ่มที่ฟุบอยู่ข้างเตียง
เธอนวดหัวคิ้ว อาการปวดหัวคลายลงเยอะ
พอสมองปลอดโปร่งเจ้าตัวก็หัวหมุนไปกับแผนการของสึนะที่ทิ้งเอาไว้ให้
ต่อจากนี้คนที่ต้องเดินหมากต่อเป็นเธอ
สปายมีครบแล้ว ทุกอย่างกำลังอยู่ในตำแหน่งของมัน
บางทีเวลาที่ตัวเองและสึนะในอดีตจะมายังยุคสมัยนี้คงใกล้เข้ามาในอีกสองสามวันข้างหน้า
ก่อนอื่นต้องลากรีบอร์นข้ามมาก่อน อาจารย์ของเธอในยุคสมัยนี้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
อัลโกบาเลโน่แต่ละคนถูกหมายหัวและไล่ฆ่าเพื่อชิงจุกนมไปเกือบทั้งหมด
ซีลอนขบคิดเรื่องที่ต้องทำในลำดับต่อไปขณะอุ้มมุคุโร่ขึ้นไปนอนบนเตียงดี
ๆ และห่มผ้าให้เขา
“...” นี่เธอเป็นเหมือนคนปกติขึ้นทุกขณะ?
ถ้าเป็นตัวเธอก่อนหน้าสัญญาร้าวละก็คงไม่แม้แต่จะชายตามองว่าใครมาอยู่ข้างเตียงตั้งแต่ไม่ใช่เอิร์ลเกรย์แล้ว
เธอลูบคางขมวดคิ้ว
“เป็นแบบนี้แล้วภาระแฮะ
สัมภาระเยอะแยะไปหมด ทำไงดีวะเนี่ย...”
คนเป็นนักฆ่าไม่ชินเอาซะเลยกับการที่มีคนที่รู้สึกเป็นห่วงผุดเพิ่มขึ้นมามากมายราวดอกเห็ด...
เธอพ่นลมหายใจแล้วมองนาฬิกา เริ่มจะค่ำแล้วได้เวลาทำงานเธอสักที...
“คุณซีลอนจะไปแล้วเหรอคะ?”
โคลมที่อยู่บนเตียงแทนร่างของมุคุโร่เอ่ยขึ้น
“อืม... หลังจากหว่านข่าวว่าเธอถูกพบล่าสุดที่อิตาลี่ก็หมดหน้าที่แล้วโคลม
ตอนนี้ก่อกวนพวกที่ใช้ดาวเทียมค้นหาเราก็พอ อันที่จริงฉันว่าจะไปปรับปรุงใต้ดินของโกคุโยแลนด์ด้วย...
แต่ที่นั่นตัวเธอในอดีตต้องใช้มันเอาชนะโกร
คิชิเนียก่อนเพื่อบั่นทอนกำลังใจพวกผู้บริหารระดับสูง...
ทำให้ที่นั่นรกร้างซะเหมือนเมื่อเกือบสิบปีก่อนให้สภาพแวดล้อมเหมือนตอนนั้นที่สุด”
เจ้าของคฤหาสน์ขานรับและอธิบายเพิ่ม
“เข้าใจแล้วค่ะ
แล้วจะบอกเคนกับจิคุสะให้นะคะ” โคลมขานรับจริงจัง
สาวน้อยในวันวานเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวมากความสามารถและยังสวยขึ้นจม
ซีลอนหันไปมองผู้พิทักษ์สายหมอกสาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ก็พอเข้าใจหมอนั่นละนะว่าโคลมที่น่ารักของผมอย่างนู้นอย่างนี้
เพราะอยู่กับเธอก็ชวนให้สบายใจจริง ๆ นั่นแหละ ฝากดูเอิร์ลเกรย์ด้วยนะ เดี๋ยวดึก ๆ
จะกลับมา ถ้ามีข่าวจากอัลม่าวานส่งให้ฮิบาริที แล้วก็ถ้ามีข่าวจากลุซซูเรียเมื่อไหร่บอกตำแหน่งหมอนั่นกับเรียวเฮได้เลย”
ซีลอนหายใจเข้าปอดลึก อยากให้ผู้ดูแลนอกแก๊งขยับตัวสักทีแต่อิเอมิสึยิ้มแล้วบอกว่ายุคสมัยของพวกเขาก็ต้องจัดการกันเอง
นักฆ่าสวมเข็มขัดรัดอาวุธตามร่างกายแล้วออกไปทำงานทันที
ตอนกลางคืนเวรยามจะมากเป็นพิเศษ
และใช่ เธอจงใจเลือกตอนกลางคืนเพื่อบุกรุกท้าทายมิลฟิโอเล่
สำหรับพวกชุดขาวล้วนดำล้วนเธอเป็นตัวตนที่เหมือนดั่งฝันร้าย
เป็นเหมือนผี ทั้งเลเซอร์ตรวจจับ อินฟาเรด หรือกระทั่งดาวเทียมจับออร่าแหวนไม่สามารถระบุตำแหน่งของเธอได้
นอกจากนี้กล้องทุกตัวที่สายข่าวของมิลฟิโอเล่จับภาพเธอได้มันจะเป็นภาพที่ชูสองนิ้วให้เสมอ
เธอจงใจและรู้ตัวว่าถูกจับตาและแอบถ่าย เป็นการหยามหน้าที่เมื่อภาพของหล่อนขึ้นมอนิเตอร์ทีไรพวกผู้บริหารระดับสูงในห้องประชุมก็จะหัวเสียทุกครั้งโดยเฉพาะโกร
แม้เขาจะเอาชนะและฆ่ามุคุโร่ไปได้แต่ก็ไม่สามารถเรียกให้เธอปรากฏตัวได้
และเมื่อไล่จับแม้แต่เงาเธอไม่ทัน
ตอนนี้เธอจึงเป็นคนเดียวในวองโกเล่ที่ออกมาในที่แจ้งเพื่อไล่ล่าพวกเขาสวนกลับในทุก
ๆ การจู่โจมวองโกเล่ในเวลาไล่เลี่ยกันทันที ตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าเป็นการชักใยของมันสมองบางคนเบื้องหลังเธอแต่เมื่อประกอบความสามารถของเธอตามที่โกรเล่าออกมาแล้วเธอน่าจะมีพลังที่พวกเขาเฝ้าตามหากันมากกว่า
‘เคลื่อนย้ายฉับพลัน’
“ยังเป็นคนที่ล่อง่ายเหมือนเดิมเลยน้า...แต่ว่าฉันไม่อยากได้รับรายงานจับกุมผิดพลาดอีก
ทำให้ดีหน่อยละ~” เบียคุรันประสานมือเท้าคางด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องการข่าวดีภายในอาทิตย์นี้เข้าใจใช่ไหม?”
“ค-ครับ!!”
นักฆ่าลำดับ 11 เลื่อนขึ้นมาเป็นลำดับ 7 ทันทีเมื่ออัลโกบาเลโน่หลายคนเสียชีวิตลงไปจากการไล่ล่า
ซีลอนหันมาแสยะยิ้มให้กล้องที่ถ่ายในความมืดได้ แม้มันจะถูกซ่อนอยู่ในเงาของแมกไม้
ชูสองนิ้วให้มันและรู้ดีว่าตอนนี้เจ้ากล้องที่กำลังทำงานและคงฉายภาพไปยังห้องประชุมของมิลฟิโอเล่แน่นอนถ้าไม่ใช่ตอนนี้เลยก็เป็นในพรุ่งนี้
‘เมื่อจ้องลงไปในหุบเหว
หุบเหวก็จะจ้องแกตอบกลับไปเช่นกัน ถ้าถือมีดจะแทงคนเอาไว้ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกแทงกลับพวกแกล่ะเตรียมใจให้ฉันไปเยี่ยมถึงรังรึยัง?’ นั่นคือประโยคทิ้งท้ายของซีลอนก่อนที่สัญญาณกล้องถูกรบกวนและดับลงอย่างถาวร
สองวันถัดมาเกิดเหตุฉุกเฉินกับวองโกเล่ทั้งหมด
ศูนย์บัญชาการวองโกเล่อยู่ในสภาพย่อยยับทั้งฐานที่มั่นในอิตาลี่และในญี่ปุ่น
โดยฝีมือโกร่ามอสก้ารุ่นพัฒนาล่าสุดจากมิลฟิโอเล่ รุ่นที่เก้าหายสาบสูญไม่สามารถติดต่อได้
ไม่มีผู้รอดชีวิต
และสองวันถัดจากนั้นชายผู้เป็นดั่งแสงสว่างก็ข้ามกาลเวลามายังอนาคตอันมืดมิด
ในโลงศพสีดำกลางป่า
ในฐานทัพใต้ดิน ณ
ญี่ปุ่นซึ่งถูกเร่งสร้างขึ้นมาพร้อมแห่งแรกอย่างลับ ๆ ซีลอนก็นั่งจิบกาแฟกับอาจารย์ร่างจิ๋วของตนเองบนโซฟา
“จนกระทั่งฉันตายแกก็ยังไม่ได้อันดับหนึ่ง?
ไม่ได้เรื่อง...” รีบอร์นค่อนแคะลูกศิษย์นักฆ่าของตน
“โหย
อาจารย์ก็ต้องเข้าใจนะว่าก่อนจะถึงอาจารย์ยังมีสัตว์ประหลาดอีกตั้งหลายตัวป๊ะ ผมที่ถึงขนาดขายวิญญาณแลกพลังมาก็ยังเอาชนะซึ่งหน้าไม่ได้ก็คิดดูแล้วกันว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดขนาดไหน”
ซีลอนไหวไหล่
“แกเปลี่ยนไป...” ทารกนักฆ่าที่ข้ามเวลามาเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น
เขานั่งฟังทุกอย่างจากปากลูกศิษย์ว่าในยุคสมัยนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นบ้างก็นิ่งไป และแน่นอนว่าสายตาอันเฉียบแหลมนั้นสังเกตได้ถึงบางอย่าง
“โอ๊ะ สังเกตเห็นด้วยเหรอ
แหมน่าประทับใจจังอาจารย์เองก็เป็นห่วงผมสิน้า แหม
ก็ยุคสมัยนี้น่ะเอิร์ลที่รักของผมเขานอนอยู่ตลอดเวลานี่ พอไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็ไม่เข้าข่ายสัญญาที่รัดกุมเพราะงั้นอะไร
ๆ ก็เลยลำบากขึ้นมาอีกหน่อย” นักฆ่าหลังเก้าอี้ไขว้เท้าแล้วหัวเราะในลำคอ
โทรศัพท์ของซีลอนส่งสัญญาณแจ้งสมาชิกที่เข้าใกล้ฐานเธอจึงหยิบมาเช็กแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงใหม่
“ดูเหมือนจะตามมาติด ๆ เลยนะ
เอาล่ะยามาโมโตะเองก็มาด้วยงั้นให้เขาอธิบายแล้วกัน ถ้าเป็นเมื่อเก้าปีสิบเดือนก่อน
ผมน่าจะยังแกล้งสึนะอยู่เลยมั้ง?” ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอยนั่งไหลบนโซฟา
ไม่นานนักแขกผู้มาเยือนก็เข้ามาในห้องรับรองของฐานใต้ดิน
“ช้าจังเฟ้ย!!” รีบอร์นหันไปตวาดใส่ลูกศิษย์คนปัจจุบันของเขาในยุคสมัยนั้น “ดีจ้า!”
ซีลอนกลั้นหัวเราะเพราะเธอในเก้าปีต่อมาเข้าใจความหมายของคำว่าดีจ้าที่อาจารย์มักจะพูดบ่อย
ๆ ว่าออกเสียงผิดเนื่องจากร่างกายเป็นเด็ก
“ร รีบอร์น”
สึนะน้ำตาซึมเข้ามาหาตุ๊กตาตัวล่อบนโซฟาและบอกว่าอยากให้กอดแต่ว่า
“ทางนี้เฟ้ย!” รีบอร์นตัวจริงโดดลงมาจากเพดานเตะเข้าหลังหัวสึนะอย่างแม่นยำ “อุแหม่
หลังหัวรองรับเท้าได้เหมาะเจาะดีจริง!”
ซีลอนปล่อยให้พวกเขาคุยกันต่อไปส่วนเธอก็หันไปมองผู้พิทักษ์วรุณที่โบกมือทักทาย
“สบายดีก็ดีแล้ว เหนื่อยหน่อยน้า~” นักฆ่าไหวไหล่กระตุกยิ้มมุมปากตอบกลับไป
“อ๊ะ รุ่นพี่เองก็อยู่ด้วยเหรอ
ที่ว่าจะเป็นเงาหลังเก้าอี้นี่ก็...”
“ก็เป็นจริงอ่ะดิ คิดว่าจะมีจบแบบอื่นด้วยรึไง
เจ้าห่วย” ซีลอนฉีกยิ้มหัวเราะคิกคักดูมีลับลมคมใน สึนะยิ้มเจื่อนผงะถอยหลังไป
“จริงด้วยสิ งั้นตกลงที่นี่ที่ไหนกันน่ะ?”
สึนะขมวดคิ้วเกาหัวขึ้น
“หือ? ยังไม่รู้อีกเรอะ!” รีบอร์นเอ็ดเข้าก่อนจะถามยามาโมโตะว่าให้เอาภาพกล้องด้านบนฐานขึ้นมอนิเตอร์ให้ห้องนี้ได้ไหม
“อา—” ผู้พิทักษ์วรุณส่งเสียงในลำคอแล้วกดรีโมตกับทีวีฝังผนัง
“นี่คือข้างบน...พวกนายน่าจะจำที่นี่ได้นะ” เขากดเปลี่ยนช่องไปสถานที่แห่งหนึ่งรั้วคอนกรีตกับประตูเหล็กที่ล้อมอาคารทรงเรียบสะอาดเอาไว้
““โรงเรียนนามิโมรินี่!!””
โกคุเทระกับสึนะร้องออกมาอย่างตกใจตอนแรกพวกเขานึกว่าหลุดไปอิตาลี่เสียอีก ก็จู่ ๆ
โผล่มาในป่าลึกแถมยังมีฐานลับใต้ดินอีก ถึงยามาโมโตะจะบอกว่าตัวเขาเองในอนาคตเป็นคนเร่งให้สร้างขึ้นมาก็เถอะ
“แล้วในเมื่อกลับไปในอดีตไม่ได้
เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ก็ถือว่าเป็นปัญหาของพวกแก” รีบอร์นกล่าว
สึนะกับโกคุเทระงงงันไป
ยามาโมโตะจึงเป็นผู้อธิบายสถานการณ์ในปัจจุบันที่ค่อนข้างย่ำแย่ของวองโกเล่
“ในตอนนี้สถานที่สำคัญของวองโกเล่ถูกบุกพร้อมกันหลายแห่ง
ที่นี่ก็เหมือนกัน...การล่าวองโกเล่ยังดำเนินต่อไป” หนุ่มวรุณตีหน้าเครียด
“พวกแกคงจะเห็นแล้วสินะ โลงที่มีตราวองโกเล่ไงล่ะ”
รีบอร์นเอ่ยถึงสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งบนป่าด้านนอก
“แก!!” โกคุเทระพุ่งเข้าไปชกยามาโมโตะในยุคสมัยนี้ด้วยความเดือดดาล “แกมัวทำอะไรอยู่!ทำไมรุ่นที่สิบถึงเป็นแบบนั้น!!” ซีลอนเหลือบมองแล้วไหวไหล่ใส่สึนะที่เลิ่กลั่กเข้าไปห้ามทั้งคู่
“ฉันขอโทษ...”
“ขอโทษแล้วมันหายไหม!!”
“วันนั้น...” ซีลอนพูดขัดคอพวกเขาขึ้นเรียบ
ๆ เมื่อโกคุเทระหันมาเพราะต้องการจะรู้ทุกอย่างเธอก็เลยพูดต่อ “วันนั้นพวกแกทุกคนอยู่ด้วย
และฉันเองก็ด้วย มันไม่ใช่อนาคตอย่างที่แกหวังไว้แต่มันเป็นแบบนั้นโกคุเทระ
เลิกโทษคนอื่นได้แล้ว มันเป็นความรับผิดชอบร่วมของพวกเราทุกคน”
นักฆ่าหญิงกดเสียงต่ำราวกับเอ่ยดุให้พวกเขาใจเย็นลง
“...โธ่เว้ย!!” วายุรุ่นปล่อยมือจากคอเสื้อยามาโมโตะ เขาจึงพ่นลมหายใจและเล่าต่อ “ตอนที่ศูนย์บัญชาการแตกพวกมันนัดเจรจากับคนของเราคนหนึ่งแต่ว่า
พวกมันกลับลงมือฆ่าโดยไม่มีการเจรจาแม้แต่คำเดียว จากนั้นเป็นต้นมาพวกมันก็ไล่ล่ากำจัดพวกเราทีละคนมาจนถึงตนนี้...เป้าหมายของพวกมันคือเก็บกวาดพวกเราทั้งหมดไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
“หมายความว่าพวกเราที่มาจากอดีตก็ไม่ปลอดภัยนะสิ!” สึนะเริ่มลนลาน
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ มันเหมารวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องด้วย”
รีบอร์นเสริม
“ถ ถ้างั้น!!”
“อย่าเพิ่งลนลาน
ไม่ใช่ว่าจะสิ้นหวังเสียทีเดียว ยามาโมโตะออกไปเพื่อรวบรวมข่าว
เช็กดูแล้วว่ายังไม่มีผู้พิทักษ์คนไหนตายสินะ”
รีบอร์นสรุปความทั้งหมดเพื่อให้สึนะรับรู้ข้อมูลของยุคสมัยนี้
“อ่า...” ยามาโมโตะพยักหน้า
นั่นเป็นสิ่งที่สายข่าวแต่ละกลุ่มส่งต่อกันมาอย่างลับ ๆ
“ที่เหลือก็แค่รวมพลผู้พิทักษ์ทั้งหกล่ะนะ”
รีบอร์นสรุป
“แต่แค่เจ็ดคนจะไปทำอะไรได้ล่ะ!?” สึนะท้วงขึ้น
“...”
ซีลอนหันไปมองยามาโมโตะกำลังคิดว่าเอายังไงดีควรจะปล่อยให้รีบอร์นจัดการหรือควรจะบอกไปเลย
“กลับกันต่างหากมีแค่พวกแกเจ็ดคนนี่แหละที่พอจะทำอะไรได้!” ทารกนักฆ่าสวนกลับในทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด “การต่อสู้ในยุคสมัยนี้มันพิสดารมาก
พวกแกทั้งเจ็ดคนน่าจะได้เปรียบ...”
“เดี๋ยวสิ! แล้วเรื่องของเคียวโกะแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ!”
สึนะรีบถามถึงผู้เกี่ยวข้องที่ไม่ได้มีพลังในการปกป้องตัวเอง
“ตอนที่ฉันออกไปรับรัลกับพวกนาย
แรมโบ้กับอี้ผิงก็ตรงไปทางซาซางาวะและฮารุแล้ว”
สึนะกับโกคุเทระที่ได้ยินว่าพรรคพวกที่โตขึ้นของพวกเขาพึ่งพาได้ก็โล่งใจขึ้น
“ส่วนหม่าม๊ากับอิเอมิสึไปเที่ยวอิตาลี่ผิดจังหวะไปหน่อย
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง”
รีบอร์นที่ฟังข่าวมาจากลูกศิษย์นักฆ่าก็อธิบายให้เด็กหนุ่มที่กำลังร้อนรน
“เบียงกี้กับฟูตะออกไปสืบข่าว
ส่วนพวกเราคนอื่นๆ... สองวันมานี้ลอนซานกับโมจิดะหายสาบสูญ คนที่รู้จักที่ผ่านมาในราว
10 มาปีนี้พากันถูกกำจัดไปเกือบทั้งหมด”
ยามาโมโตะนิ่งไปเล็กน้อยหลังรายงานสิ่งที่สึนะในอดีตควรรู้
“พ่อของยามาโมโตะก็ด้วย...”
รีบอร์นเอ่ยเสริม ไม่ใช่แค่โกคุเทระที่สะเทือนใจว่ารุ่นที่สิบในอนาคตเสียชีวิตลง
ยามาโมโตะเองก็มีช่วงเวลาที่ลำบาก
แต่ถ้าจะให้พูดในช่วงหลายปีมานี้ไม่มีใครเลยที่ยังไม่สูญเสีย...
พวกเขาเผชิญหน้ากับยุคสมัยที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้
ในวันรุ่งขึ้นสึนะกับโกคุเทระตื่นขึ้นมาพร้อมมุ่งหน้าไปที่ห้องรับรองเมื่อวานสวนทางกับรัลพอดีและได้ยินว่าเธอตั้งใจจะล้างแค้นให้โคโลเนโร่
ส่วนนักฆ่าที่มีอาการนอนไม่พอก็เข้ามาสมทบด้วยสีหน้าง่วง
ๆ เข้ามาดื่มกาแฟ แต่พอโดนจ้องหนักเข้าก็โพล่งออกมา “อะไร?”
“เอ่อ รุ่นพี่
ได้นอนรึเปล่าเนี่ย” สึนะมองนักฆ่าที่ดูน่ากลัวน้อยกว่าทุกที
แต่ก็ไม่อยากจะทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
“ไม่อ่ะ มันเป็นอาการข้างเคียง
ช่างมันเหอะสนใจเรื่องตัวเองเข้าเถอะสึนะ” ซีลอนไหวไหล่ “อ้อ จะออกไปสินะ นายพาพวกเขาไปทางออกซากโรงงานแล้วกัน”
ซีลอนหมุนนิ้วใส่ผู้พิทักษ์วรุณ
“เข้าใจแล้ว”
ยามาโมโกระตุกยิ้มให้เงาหลังเก้าอี้ที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป
“เอ๊ะ? แต่แบบนี้รุ่นพี่ไม่กลับไปทำงานให้ซันซัสเหรอครับ?
ก็ถ้าผมในยุคนี้ตายแล้ว...” สึนะยังคงมีคำถามมากมายในหัว
“...ฉันชอบแกตอนที่เป็นเจ้าห่วยจังว่ะซือคุง
เอ้า!ไหนบอกซิ ว่าไอ้ที่ยืนถามฉันอยู่ตรงนี้นี่มันใครกัน?”
ซีลอนก้มลงไปหาสีหน้าสับสนนั่นด้วยรอยยิ้มยียวน
สึนะรู้สึกว่าซีลอนในยุคสมัยนี้มีบางอย่างผิดปกติเอามาก!
“มันก็...ผมน่ะสิ” สึนะอ้ำอึ้ง
“ใช่ไง ก็เดชิโม่อยู่นี่แล้วจะให้ผมไปทำงานที่ไหนซะล่ะ
เอาล่ะเลิกกลัวว่าตัวเองจะถ่วงแข้งถ่วงขาชาวบ้านแล้วออกไปทำงานได้ละ
เวลาไม่คอยท่าหรอกนะซือคุง ไปดีมาดีล่ะ”
นักฆ่าโบกมือให้ทั้งสามก่อนจะถือถ้วยกาแฟเดินออกไปจากห้องนั้น
หลังจากนั้นที่สึนะออกไปนอกฐานยามาโมโตะจึงเล่าความต่อให้ฟังถึงประโยคที่เขาพูดว่าสึนะในอดีตนั้นมาที่นี่พร้อมความหวังที่เรียกว่า
‘วองโกเล่ริง’ และเหตุผลที่ในยุคสมัยนี้ไม่มีแหวนวองโกเล่ริงอีกต่อไปแล้ว
ความคิดเห็น