ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #11 : |11| AN ESOTERIC | ต่อกร

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 63



    Cr :  https://sennenkoi.tumblr.com/post/93448035146

    “ฉันไม่สามารถให้เธอรู้รอยบาดแผลที่อยู่ในใจ” | words – Aimer

    ข่าวปล่อยดาวเทียมถูกฉายอย่างผ่านตาผ่านหู ซีลอนไม่ได้ใส่ใจกับทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้นักเพราะง่วนอยู่กับเอิร์ลเกรย์บนโต๊ะที่ระเกะระกะไปด้วยเอกสารมากมาย หัวโต๊ะก็มีกระดานไวท์บอร์ดสำหรับใช้คำนวณสูตรจะได้ลบแก้ได้ง่ายกว่าทำบนกระดาษ

    “เราพลาดอะไรไปตรงไหน?” เอิร์ลเกรย์ขมวดคิ้วใช้ปากกาเกาศีรษะ พวกเขาดึงเอาข้อมูลเก่าทั้งหมดของมาเฟียแต่ละแก๊งที่ยังเหลืออยู่มานั่งเทียบรายชื่อ มีคนจากกองเอกสารมาช่วยพวกเขาสองสามคน

    “เจอแล้วครับ! ข้อมูลใบหน้าที่ตรงกันกับที่กล้องของหน่วยข่าวกรองอิตาลี่จับภาพได้!” เขารีบปัดภาพขึ้นจอมอนิเตอร์ ชายผู้มีรอยยิ้มและเสน่ห์ของผู้ใหญ่ผมสีทองบลอนซ์

    “สายฟ้า... สายฟ้าของ จิโลเนโร? เป็นไปได้ยังไง บอสของจิโลเนโรรักสงบยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก?” ซีลอนพึมพำขึ้นหลังจากเห็นใบหน้าของแกมม่าชายผู้ทำงานถวายหัวให้เด็กหญิงตัวเล็กผู้เป็นบอสของจิโลเนโร

    “นั่นสิครับ ข่าวกรองก่อนหน้าพวกเขารักสงบมากแต่เหมือนจะเปลี่ยนไปตั้งแต่เข้าร่วมกับเจสโซ่ที่มีเบียคุรันเป็นผู้นำ” ผู้ช่วยกล่าวและเลือกหาข้อมูลกับข่าวที่เกี่ยวข้องเก่า ๆ ออกมาจากลังเอกสารที่สุมอยู่เกือบเต็มห้อง

    ทันใดนั้นเสียงสัญญาเตือนแสบแก้วหูร้องลั่นไปทั่วฐานของพวกเขา เหล่าผู้คนที่ทำงานพากันหยุดมือและไปรวมตัวกันตามการฝึกซ้อม

    “พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่ไหน! พวกนายรีบหนีไปซะ เอิร์ลก็ด้วย ให้ตายสิ วุ่นวายชะมัดยังไม่คืบหน้าถึงไหนเลย” ซีลอนเหวี่ยงเอกสารลงโต๊ะอย่างหัวเสียเปิดลิ้นชักในห้องเพื่อหยิบปืนออกมาปลดเซฟตี้และหย่อนตลับกระสุนใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองไปหลายตลับ

    “ดูเหมือนเราจะเจออะไรไม่ชอบมาพากลเยอะเสียเหลือเกินนะ...” เอิร์ลเกรย์ถอนหายใจไหวไหล่ “เจอกันตรงจุดนัดพบนะซีนแล้วผมจะรอ”

    “จะไปหาอย่างแน่นอน ถึงอยากให้นายอยู่ด้วยกันใจจะขาดก็เถอะ” นักฆ่าเม้มปากเป็นเส้นตรงและวิ่งออกไปจากห้องสวมแว่นและสมอลทอร์คเพื่อติดต่อกับห้องบัญชาการที่มีภาพจากกล้องทุกตัว

    [ทางเข้าAแปดคน ทางเข้าBหกคน มีทั้งอาวุธธรรมดาและปืนกลหนักระวังด้วยครับ!] คนคุมกล้องรายงานสดจากห้องควบคุม ทยอยบอกตำแหน่งผู้บุกรุกต่าง ๆ ให้เจ้าบ้านได้ลงมือกันตามสะดวก

    “กลุ่มผู้คุ้มกันที่ยังทำงานได้ขนย้ายแพทย์และนักวิจัยหลบหนีไปซะ! สมาชิกรองจากระดับผู้บริหารคุ้มกันผู้บริหาร! หน่วยข่าวกรองกับเอกสารอย่าลืมของสำคัญหน่วยคุ้มกันจะตามไปสมทบทีหลัง!

    [ชิชิชิชิ เจ้าชายก็เอามั่งดิ หน่วยวายุโจมตีทางเข้าA!!!]

    [โว๊ยยยย ออกคำสั่งช้าหน่อยเดียวทำตัวเป็นคนใหญ่คนโตเชียวนะแกไอ้เปี๊ยก! หน่วยฉลามคลั่งปิดล้อมผู้บุกรุกเอาไว้!]

    [พวกแกอย่าเสียงดัง! บอสกำลังพักผ่อนอยู่!]

    [เลวี่นี่น่ารำคาญชะมัดเลยว่ามะไอ้กบ]

    [คร้าบ meน่ะไม่สนหรอกว่าแต่รุ่นพี่เถอะไม่มีสมาธิเดี๋ยวก็โดนพวกลูกกระจ๊อกซิวเอาหรอกคร้าบ]

    [อย่าทะเลาะกันในสายรวมสิวะ!] เสียงแปดหลอดของสคอวโล่ดังทะลุออกมา ซีลอนทำหน้าทำตาเดิม ๆ รู้สึกชินไปเสียแล้วก็เลยปรับช่องรับเสียงของคลื่นจากตัวส่งสัญญาณสคอวโล่ให้เสียงเบากว่าระดับปกติ

    [อี๋ เจ๊ไม่ชอบเลยอ่ะ มาจ้องแหวนชาวบ้านแล้วเขาแล้วบอกว่าออร่าระดับAอะไรเนี่ย หยาบคายพลังของฉันมันต้องระดับSSSอยู่แล้วนะจ๊ะ]

    “หืม?” ซีลอนทวนขึ้นหลังไล่ยิงผู้บุกรุกที่ลักลอบเข้ามาทางช่องลมก่อนจะลงไปที่ท่อระบายน้ำชั้นใต้ดินเพื่อกำจัดพวกที่ผ่านทางลับ

    “ระวังทางช่องลมกับหน้าต่างด้วยกำลังเคลียร์ทางน้ำใต้ดินฝั่งใต้” ซีลอนรายงานไปตามรูปการณ์ที่เจอ

    [ไอ้เลือดที่ไหลจากช่องลมนี่ฝีมือแกนี่เอง!! นึกแค้นขึ้นมารึไง?!] ฉลามคลั่งที่วิ่งตามทางเดินมาชนเส้นทางที่ซีลอนเพิ่งผ่านทำสีหน้าไม่ชอบออกมาเขาไม่อยากเลอะเลือดศัตรูที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนจัดการ

    “ไม่อ่ะขัดหูขัดตาจะตายเหมือนวันนั้นไม่มีผิด เลือดขึ้นหน้าขึ้นมาเลยล่ะ” ซีลอนปรายตามองนักประดาน้ำที่เข้ามาตายในรังคนอื่นด้วยสายตาเรียบเฉย วันนั้นที่ได้เจอกับเจ้าปีศาจนั่น ก็มีเลือดไหลลงมาจากช่องลมเหมือนกัน

    [ชิชิชิชิ รำลึกวันวานอะไรกันทำไมเจ้าชายไม่เห็นรู้เรื่องด้วยเลย]

    “รุ่นพี่มาม่อนอยู่ไหน?”

    [บังอาจอู้งานเรื่องนี้ต้องถึงหูบอส!] เลวี่ตะคอกใส่

    “เบล ฟราน หามาม่อนเดี๋ยวนี้!

    [กะอีกแค่ชุมสายช้าไปหน่อยไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนั้นก็ได้มั้งซีลอน แกนี่จะรนเกินไปแล้ว ห่างงานฆ่านักรึไง เอาไปอีกสักปึกไหมล่ะ] เสียงของมาม่อนเข้าร่วมการชุมสายสื่อสารดังขึ้นนักฆ่าหัวเงินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ไม่เป็นอะไรก็ดี สังหรณ์ใจนิดหน่อยว่าไม่ปกติแต่ก็เอาเถอะ”

    [เห๊อะ ที่มาสายก็เพราะมัวแต่หาแฝดแกอยู่นี่แหละขอบคุณฉันอย่างงามซะด้วยล่ะ] มาม่อนพ่นลมหายใจเย่อหยิ่ง

    “เดี๋ยวส่งเช็คเปล่าให้ใบนึงเลยครับ...” ซีลอนตอบกลับอย่างจริงจังทันทีแถมทิ้งท้ายประโยคอย่างสุภาพอีกด้วย

    [ว๊อยยยย อย่าไปตามใจมันมากแค่นี้เงินก็เยอะฉิบหายแล้ว!] สคอวโล่แหกปากตะคอกใส่สายรวมพอได้ยินว่าไอ้เปี๊ยกบางคนจะส่งเช็คเปล่าให้คนที่ขี้งกเห็นแก่เงินที่สุดในคฤหาสน์ไปเขียนเลขเอง

    “ทางน้ำใต้ดินเขตใต้เคลียร์”

    [ชิชิชิชิ ประตู A เคลียร์!]

    [ชิ ช้าไปแค่หน่อยเดียวอย่าคิดว่าจะได้หน้าจากบอสนักเลย! ประตู B เคลียร์!]

    [ชั้นสองทางโล่งสบายจ้า~ เลวี่คุงทำดีมาก~ บอสเขาต้องเห็นความพยายามของเธออยู่แล้วแหละ~]

    [แย่แล้ว! รุ่นพี่มาม่อนเป็นอะไรก็ไม่รู้อ่ะอยู่ ๆ ก็ล้มลงไปเลย!]

    “ก็แค่หน้ามืดเพราะนอนไม่พออะไรงี้ปะ?” ซีลอนเค้นหัวเราะตอบปลายสายที่กลายเป็นเอิร์ลเกรย์แบบติดตลก

    [ผมว่าไม่ใช่มันผิดปกติเกินไป พอออกมานอกฐานปุ๊บก็ล้มเลย ดูเขาทรมานมากด้วยทำยังไงดี?]

    [ชิชิชิชิ เจ้าตัวกะเปี๊ยกนั่นเนี่ยนะป่วย เจ้าชายม่ายเชื่ออ่ะ~]

    [meว่าถ้าผิดปกติขนาดนั้นเป็นลมแดดอะไรงี้ปะครับหรือโลหิตจาง แหมคนปกติก็ไม่น่าสลบทันทีที่ออกมาเจอแดดปะครับเว้นแต่จะเป็นแวมไพร์เงี้ยะ] ฟรานจีบปากจีบคอ

    “อยู่ตรงไหน?”

    [ทางออก 15 น่ะ]

    “เดี๋ยวไปรับอยู่ตรงนั้น จะพากลับเข้าไปห้องนิรภัย”

    [โว๊ยยยย อย่าเคลื่อนไหวกันตามใจสิวะ! ทำตามแผนกันหน่อย!]

    “งั้นผบ.เอาไง?” ซีลอนถามกลับในทันทีเธอตรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้บุกรุกเพิ่มก็ปิดทางเข้าให้แน่นหนาเหมือนเดิมแล้วทิ้งศพผู้บุกรุกเอาไว้ให้พวกกลุ่มเก็บกวาดมาเคลียร์ทีหลัง

    [น่าโมโหชะมัด เออ! เอาแบบที่แกว่านั่นแหละวะ!]

    “ก็แค่เนี่ย...” เธอเบะปากพ่นลมหายใจใส่ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางจากไปเคลียร์ทางน้ำใต้ดินทิศอื่นขึ้นไปบนชั้นพื้นดินและไปยังทางออก 15 แทน

    มีบางอย่างผิดปกตินะครับ... มุคุโร่คุยกับซีลอนผ่านความคิดเขากำลังพักฟื้นสะสมพลังงานและเมื่อหลายวันก่อนก็ออกแรงไปมากตอนที่เจอกับโกร คิชิเนีย

    ก็คิดอย่างนั้น แต่อะไรล่ะ ไม่อยากได้ยินแค่ลางสังหรณ์จากคนเหมือนผีหรอกนะ นักฆ่าหัวเงินกลอกตาเถียงกลับไปในใจ

    บางทีคงจะเป็นอะไรที่ตาเปล่ามองไม่เห็นก็ได้นะครับ เพราะดูเหมือนที่ญี่ปุ่นเองก็มีอัลโกบาเลโน่ป่วยประหลาดฉับพลันเหมือนกัน มุคุโร่ส่งข่าวจากอีกฟากโลกมาให้ เธอครุ่นคิดถึงความผิดปกติ

    บอกทุกอย่างให้สึนะรู้ บางทีสุดยอดลางสังหรณ์เขาอาจจะทำให้เราได้อะไรก็ได้

    เรื่องที่ผมถูกทักออร่าแหวนระดับเอสกับที่คุณลุซซูเรียพูดด้วยไหมครับ?

    เดี๋ยวนะ แกอยู่ตั้งแต่ตอนไหน... เดี๋ยวนี้หัดเป็นผีสิงตามหลอนชาวบ้านจริง ๆ เข้าแล้วสินะ! คราวหน้าหัดส่งเสียงว่าอยู่ด้วยสิโว้ย!’

    แหม ไม่มีโอกาสได้ทักทายต่างหากครับไม่ได้สิงสักหน่อย สิงได้ก็คงสิงไปก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้วล่ะครับ คุฟุฟุฟุฟุฟุ เสียงของมุคุโร่หายไป ซีลอนคิดว่าเขาคงไปติดต่อกับผู้ทำสัญญาคนอื่นที่อยู่ญี่ปุ่น

    [ทำไงดี อาการเหมือนโดนพิษเลยแต่ทำไมเป็นแค่อัลโกบาเลโน่คนเดียวละ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ!] เอิร์ลเกรย์เสียงร้อนรนเหมือนทำอะไรไม่ถูก เขาเป็นหมอจบแพทย์มาก็ทำงานให้วองโกเล่ และยังทำงานวิจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นลูกมือหัวหน้าโครงการอื่น ๆ ในแฟมิลี่ เอิร์ลเกรย์เป็นแพทย์หนุ่มอัจฉริยะก็ว่าได้ เขาที่ไหวพริบดีและมือนิ่งรอบคอบนั้นรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับโรคประหลาดเป็นครั้งแรก

    “มุคุโร่มาส่งข่าวว่าที่ญี่ปุ่นตอนนี้อัลโกบาเลโน่ที่อยู่ที่นั่นก็กำลังแสดงอาการแปลก ๆ เหมือนกัน มันไม่ปกติแล้วนะ วางยา?”

    [เป็นไปไม่ได้ พร้อมกันทั่วทุกมุมโลกเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้! เพราะการ์ดการระวังตัวของอัลโกบาเลโน่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาหรือแค่นักฆ่าแนวหน้าจะเข้าถึงพวกเขาได้!]

    “หรือมีอะไรที่เราไม่เห็น? มองข้ามไป?” ซีลอนพึมพำขึ้น

    [แย่แล้วครับ ค่ารังสีอะไรไม่รู้พุ่งพรวดเลย! ไม่ใช่กัมมันตรังสีที่เป็นอันตรายกับมนุษย์เครื่องเลยไม่แจ้งเตือนครับ! แผนกวิจัยที่กลับห้องได้ส่วนหนึ่งกำลังตรวจสอบครับ!]

    “รังสี?... ดาวเทียมเรอะ! เอิร์ล! พามาม่อนเข้าฐานเดี๋ยวนี้!” ซีลอนวิ่งไปพบพวกเขากำลังหลบอยู่ในแนวไม้

    “แล้วเรื่องผู้บุกรุกล่ะ!?” เอิร์ลเกรย์อุ้มทารกนักฆ่าขึ้น นักวิจัยกับหน่วยแพทย์ที่อยู่ด้วยกลุ่มเล็ก ๆ ลุกตามพร้อมจะเคลื่อนย้ายตำแหน่ง

    “ฉันจัดการเอง ตามมาติดๆ เกิดอะไรขึ้นยกกระเป๋าบังหัวกับอกไว้มันเป็นรุ่นผลิตพิเศษน่าจะกันกระสุนได้หลายครั้งอยู่” ซีลอนเปลี่ยนตลับกระสุนปืนทั้งสองกระบอก เธอถนัดสองข้างเหมือนซันซัส แม้ว่าอาวุธที่เลออนคายให้ตอนจบการศึกษากับอาจารย์รีบอร์นจะไม่ใช่ปืนคู่ก็ตาม ที่แล้วมาเธอยังไม่เคยใช้มันสักครั้งเพราะที่ผ่านมาไม่มีความจำเป็นต้องเข้าใกล้เหยื่อระยะประชิดเลย

    หลังจากกลับเข้ามาได้เธอก็ยืนเฝ้าคุ้มกันอยู่นอกห้อง

    [ไม่ไหวครับ เป็นรังสีที่ไม่รู้จักเลย! ต้องขอเวลาอีกสักพักเพื่อวิเคราะห์แล้วสร้างรังสีส่วนกลับครับ!]

    ทั้งนักวิจัยทั้งแพทย์ชุลมุนกันใหญ่เมื่อหนึ่งในผู้บริหารวาเรียล้มตึงลงไป ซีลอนลูบปากตัวเองครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปที่เตียงของมาม่อนวาดมือผ่านเพื่อใช้พลังงานสีดำ

    ตัดขาดรังสีแปลกปลอมภายนอกจะแยกยังไงดี สร้างคลื่นรบกวน? ไม่ใช่รังสีปกติเพราะผ่านคอนกรีตมาได้ แถมยังไม่รบกวนเครื่องวัดกัมมันตรังสีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ซีลอนเบิกตากว้างขึ้นจ้องมองร่างของอัลโกบาเลโน่ที่จวนเจียนจะตายอย่างครุ่นคิด

    “ถ้าไม่ใช่รังสีทั่วไปก็คือรังสีส่วนกลับ? รังสีพิเศษที่มีผลต่ออัลโกบาเลที่ถูกจุกนมสาป? การวิเคราะห์ส่วนประกอบและทำการกักกั้นรังสีด้วยรังสีหักล้างจำต้องใช้เวลาพอสมควรในสถานการณ์แบบนี้” เอิร์ลเกรย์ขมวดคิ้วหนักพิมพ์การคำนวณคู่ไปกับหน้าจอวิเคราะห์ที่นักวิจัยห้องรังสีส่งมาให้

    “ผมทำได้เร็วกว่านั้น แต่ถ้าในระยะยาวก็คงต้องเป็นแบบที่นายบอก” ซีลอนกำมือตัวเองบีบอัดมวลควันสีดำที่ห้อมล้อมทารกนักฆ่าเพื่อดัดแปลงคุณสมบัติของหมอกควันดำนอกเหนือพลังทั่วไปของโลกใบนี้

    สีหน้าของมาม่อนเริ่มดีขึ้นตามลำดับและกลายเป็นการนอนพักอย่างสงบ

    “ตั้งเอาไว้ที่สองชั่วโมงจะหายไปน่าจะทันกับทางนายนะเอิร์ล” ซีลอนพ่นลมหายใจออก

    “อื้ม! ยังคงกะเวลาได้ยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนนะสำหรับผมการวิเคราะห์เพื่อสร้างรังสีกักกันเฉพาะทางแค่สามสิบนาทีก็พอแล้วแต่ต้องให้เวลาช่างเทคนิคของเราสร้างเครื่องกั้นตามทางเข้าฐานด้วยก็คงราว ๆ นั้นแหละนะ สมกับเป็นฝาแฝดของผมจริงๆ” เอิร์ลเกรย์ยิ้มแย้มอารมณ์ดี

    “เพราะว่าเป็นนายที่ไม่ใช่นายละมั้ง?” เธอเอ่ยติดตลกพลางยักไหล่ก่อนจะออกไปจากห้องไม่รบกวนการทำงานและคอยคุ้มกันพวกเขาทีมวิจัยจากผู้บุกรุก

    ดูเหมือนว่าจะได้เรื่องแล้วนี่ครับ

    “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าโผล่มาเหมือนผีน่ะ...” ซีลอนถอนหายใจเอ็ดเสียงผู้พิทักษ์สายหมอกในหัว

    คุฟุฟุฟุฟุ แหม ต้องขอโทษทีนะครับพอดีว่าไม่มีร่างแถวนั้นให้ใช้ได้เลย โคลมที่น่ารักของผมก็ไม่ว่างซะด้วยสิ เก่งขึ้นมากจนน้ำตาจะไหลเลยล่ะครับ เสียงของชายหนุ่มโอ้อวดนางิที่น่าจะกำลังต่อต้านผู้บุกรุกอยู่ในสวน

    “แล้วไงทางงั้นไหวไหมต้องให้ไปช่วยไหม?”

    รีบอร์นเป็นอัลโกบาเลโน่ที่ฉลาดครับ พอปะติดปะต่อเรื่องการปล่อยดาวเทียมสื่อสารกับเรื่องนี้ได้เลยรู้ว่าเป็นคลื่นรังสีพิเศษ ที่น่าเป็นห่วงคืออัลโกบาเลโน่คนอื่นที่อยู่ต่างประเทศต่างหากครับ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ปัญหาของผมหรอกนะ ดีซะอีกไม่ต้องลงมือทำอะไรพวกมาเฟียก็จะล้มหายตายไปเสียแล้ว ถ้อยคำแอบแฝงการเยาะเย้ยเป็นเอกลักษณ์ที่ซีลอนเองก็ชินไปแล้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปเวลาน้อยใจหรือไม่สบอารมณ์ขึ้นมามุคุโร่ก็มักจะประชดประชันเก่งขึ้นมาอีกเบอร์จากปกติ

    “เรื่องแหวนล่ะ”

    ดูเหมือนอาจจะเกี่ยวข้องกับดาวเทียมครับ หาสัญญาณจากพลังที่ปล่อยออกจากแหวน น่าแปลกที่ทั้งที่แม้จะไม่ใช้พลังไฟธาตุแต่กลับตรวจจับได้ด้วย

    “ตรวจจับทั้งที่ไม่ได้ใช้พลัง...” ซีลอนทวนคำแล้วลูบคางขมวดคิ้วแน่น

    “มีวิธีป้องกันอยู่หรอกแต่รุ่นพี่มาม่อนตอนนี้ไม่รู้จะทำไหวไหมนี่สิ”

    โซ่กักการตรวจจับสินะครับ ผมก็คิดแบบนั้น แต่พวกเราสายหมอกน่ะไม่ต้องพึ่งโซ่นั่นก็ปกปิดแหวนของตนเองได้

    “อ่า เพราะถ้าทำไม่ได้คงต้องมาใหม่ล่ะนะว่าทำไมแกถึงกระจอกแบบนั้น” นักฆ่าหัวเงินสัพยอกเสียงในหัวขึ้นแล้วเค้นหัวเราะ

    ไม่ได้ทำสัญญากับปีศาจแบบคุณเสียหน่อย แต่ก็เอาเถอะสำหรับพวกเราแล้วนี่ก็คงเป็นเรื่องปกติอีกนั่นแหละครับ มุคุโร่ทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

    “ทำไมถึงอยากได้แหวนกับเอิร์ล... ทั้งคู่มีความหมายอะไรกับมัน?” ซีลอนเลิกคิ้วแล้วพิงกำแพงตรงทางเดิน เสียงการปะทะเงียบลงแล้วบางทีคงจะจบไวกว่าที่คิด

    “...สงสัยงานจะหยาบ มุคุโร่นายไปประกบโคลมไว้ ดูท่าว่าฐานตรงนี้ก็คงยื้อไว้ไม่ได้แล้ว” ซีลอนกัดปากอารมณ์เสียเธอเดาะลิ้นแล้วเข้าไปในห้อง

    “เตรียมอพยพ! ต้องทิ้งฐานแล้ว!! เอิร์ลเอาข้อมูลออกมาให้หมด! เราจะไปสร้างตัวกักกันที่ฐานใหม่!” เธอร้อนรนเพราะประสาทหูของเธอได้ยินฝีเท้าจำนวนมากที่ไม่ใช่เสียงของพวกในฐานที่ปกติจะวิ่งกัน

    “บ้าน่า! นี่คฤหาสน์วาเรียนะ!” เอิร์ลเกรย์ดึงข้อมูลทั้งหมดใส่ต่างหูของตนเองที่เป็นแผ่นสำรองใช้เก็บข้อมูลฉุกเฉินเหมือนแฝด ต่างหูของพวกเขาเป็นแผ่นชิพคล้ายทรัมไดร์ฟที่ใช้งานได้แต่อยู่ในรูปเครื่องประดับ

    ซีลอนก้าวยาว ๆ ไปปลดต่างหูของตัวเองออกแล้วใส่ให้เอิร์ลเกรย์เพื่อสลับเอาข้อมูลสำคัญมาไว้ที่ตัวเองอย่างทุกที ฝาแฝดของเธอไว้ใจจะฝากข้อมูลสำคัญเอาไว้กับเธอมากกว่าตัวเอง ฝาแฝดของเธอกลัดทรัมไดร์ฟที่ทำขึ้นมาเป็นเครื่องประดับให้เธอพวกเขาเช็กว่ามันจะไม่หลุดออกมาคนในห้องก็ถือกระเป๋าคนละใบเตรียมพร้อมหนีแล้ว

    ทีมแพทย์และนักวิจัยกลุ่มย่อยที่ทำงานให้กับวองโกเล่เพราะทุนวิจัยหนาก็ส่วนหนึ่ง เป็นบุญคุณก็ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็คงเป็นอุดมการณ์ พวกเขาเชื่อว่าสังคมใต้ดินบางทีก็ขับเคลื่อนสังคมและโลกได้มากกว่าสังคมคนปกติ งานวิจัยที่ทำเงินทางการแพทย์ไม่ได้สูงจะไม่ถูกพิจารณาให้ดำเนินโครงการ การวิจัยรังสีหรืออาวุธก็ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ต้องพูดถึงวิทยาการใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือพัฒนาไปเป็นอาวุธได้ หรือวิทยาการที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานในปัจจุบันก็จะถูกผัดผ่อนไปก่อน

    พวกเขาที่อยู่ที่นี่ก็คงเพราะใจที่อยากจะเห็นโครงการของตัวเองสำเร็จขึ้นมาและเป็นประโยชน์ อย่างน้อยงานของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในมือองค์กรเปื้อนเลือดนัก

    เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้พวกเขาตื่นกลัว แต่บางทีคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรเพราะตอนนี้ ที่นี่ มีนักฆ่าลำดับสิบเอ็ดของโลกเบื้องหลังอยู่ขวางพวกเขากับผู้บุกรุก

    พวกเขาชอบเธอในฐานะที่เก่งกาจมากถ้ามีคำสั่งให้คุ้มครองพวกเขาจะปลอดภัยถ้าได้คนคนนี้คอยปกป้อง แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวเพราะนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอมักจะมีเหตุผลกับฝาแฝดเท่านั้น ราวกับทุกอย่างก็ผิดทั้งหมดนั่นแหละหากคนที่ก่อเรื่องไม่ใช่เอิร์ลเกรย์

    “มาให้เชือดถึงที่ก็สะดวกดี เจ้าพวกหนูสกปรกเอ๊ย” นักฆ่าสาวแสยะยิ้มกระหน่ำยิงไปอย่างไม่เสียดายลูกกระสุน เธอเป็นลูกศิษย์ของผู้ใดกัน การจะพลาดมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยขาดการฝึกซ้อมอย่างคนย้ำคิดย้ำทำดั่งที่เคยเป็นมาตลอด

    ทว่าการที่ไม่อาจก้าวข้ามลำดับไปได้เพราะเหนือกว่าเธอมีแต่พวกสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าเธอเอง ใช่ แม้จะทำสัญญากับปีศาจที่เรียกขานตนเองว่าเป็นยมทูตก็ตามก็ยังมีสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่ดี

    นักฆ่าเชือดเรียบกลุ่มผู้บุกรุก เสียงกระสุนที่ดีดตัวจากลำกล้องกระทบพื้นก้องสะท้อนไปทั่วและหยุดลงตอนที่เธอเปลี่ยนตลับกระสุน

    “ตามมา” หลังจากออกนำหน้าและจัดการพวกชุดดำล้วนเธอก็ปะทะเข้ากับกลุ่มชุดขาวล้วนด้านนอก เธอใช้ไฟมายาไปเล็กน้อยกับปืน นานกว่าเมื่อครู่จึงพาทุกคนฝ่าออกไปได้อย่างปลอดภัย กลุ่มสนับสนุนมาพร้อมรถ เธอยืนส่งให้พวกเขากระจายไปกับพวกผู้คุ้มกันมือดี และท้ายสุดคือส่งเอิร์ลเกรย์กับมาม่อนที่สะลึมสะลือขึ้นมาอย่างปวดหัว

    “ได้สติแล้วใช่ไหมรุ่นพี่มาม่อน ถ้าไม่อยากเฉียดตายอีกก็ทำโซ่ผนึกจุกนมให้ทุกคนที่สวมแหวนซะ พวกมันรู้ตำแหน่งพวกเราผ่านแหวน เหมือนที่รุ่นพี่ใช้ภาพขี้มูกนั่นแหละ และถ้าโซ่สร้างไม่ทันก็ใช้พลังมายารบกวนสัญญาณไปพลางคงช่วยได้สักระยะ...อ้อ ผมช่วยรุ่นพี่เอาไว้ถือว่าเจ๊ากับที่ช่วยคุ้มครองเอิร์ลแล้วก่อนเนอะ เจอกันที่ฐานใหม่” เธอทิ้งท้ายเอาไว้กำชับสมิธที่เพิ่งหายดีด้วยความเป็นห่วงฝาแฝด ยื่นมือไปเพิ่มพลังสีดำรอบตัวทารกนักฆ่าเพื่อยืดเวลาออกไปก่อนจะกล่าวว่าอีกสามชั่วโมงคงจะคลาย หวังว่าฐานใหม่จะทำเครื่องกักกันรังสีเสร็จก่อนที่พลังของเธอจะสลายไป ซีลอนยืนส่งทั้งคู่จนลับตาแล้วถอนหายใจ

    จะทำยังไงให้พวกมันไม่กล้าเผยอหน้ามายุ่งกับวองโกเล่อีกเป็นครั้งที่สอง แต่จากการเล่นใหญ่ใช้รังสีคลื่นพิเศษเพื่อจู่โจมอัลโกบาเลทั่วโลกก็เหนือความคิดคนธรรมดาไปมากแล้ว ไม่ใช่คนที่เธอชอบต่อกรด้วยเลยเพราะไม่เข้าใจทั้งเป้าหมายและเหตุผล

    “มิลฟิโอเล่สินะ... ดูเหมือนการตัดสินใจของผมที่เดินตามสึนะมาก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นี่? สงครามมันแค่ช้าไปหน่อยก็เท่านั้น” ดวงตาวาวโรจน์สีไพลินกลอกไปมาและยิงไปด้านหลังตัวเองโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง โดรนเครื่องเล็กร่วงลงกับพื้นก่อนจะระเบิด

    “เอ้า ๆ มาเล่นกันเถอะ” ซีลอนใช้มายาคลุมกายและกลายเป็นเอิร์ลเกรย์ ครั้งก่อนเขาถูกล่าอย่างเป็น ๆ แสดงว่าเอิร์ลเกรย์จะต้องมีนัยสำคัญอะไรบางอย่างที่มิลฟิโอเล่ต้องการตัวไป

    การแสดงสีหน้าของเธอน่ะคนปกติแยกไม่ออกหรอกนะ... ซีลอนในคราบแฝดชายกอดอุ้มกระเป๋าแล้วกลับเข้าไปในตึกด้วยท่าทีร้อนรน

     



    ฐานทัพหลักของวองโกเล่ที่อิตาลี่ถูกถล่มยับ แม้จะมีความเสียหายเรื่องสถานที่มากแต่ส่วนใหญ่สมาชิกหนีกันทัน มีแค่หน่วยจู่โจมบางกลุ่มที่เสียชีวิตไป วาเรียเลือดขึ้นหน้าทันทีที่ถูกลูบคมกันแบบนี้พวกเขากระจายตัวกันกบดาน จากนั้นดูเหมือนพวกมิลฟิโอเล่จะใช้ซากคฤหาสน์เพื่อตั้งเป็นฐานชั่วคราว

    สึนะคิดว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ดูเหมือนเป้าหมายของมิลฟิโอเล่จะพุ่งเป้ามาที่แหวนวองโกเล่ จุกนมอัลโกบาเลโน่ และตัวของเอิร์ลเกรย์

    ฝาแฝดกับโคลมที่ถูกมุคุโร่ใช้ร่างบินกลับมาที่ญี่ปุ่น สึนะเองก็ออกคำสั่งสร้างฐานใต้ดินและติดตั้งประตูกันรังสีเฉพาะขึ้นในที่ดินว่างเปล่าทันที การก่อสร้างใช้เวลาไม่นานนักด้วยเทคโนโลยีโอเวอร์สเปคของทีมวิจัยวองโกเล่

    เป้าหมายจับเป็นเอิร์ลเกรย์ที่จริงก็มีเรื่องเดียวไม่ใช่เหรอครับ? ก็เพื่อดึงรุ่นพี่ไปฝั่งนั้นไง? สึนะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งเธอและคนอื่นถึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้

    แต่เอิร์ลจะไม่หักหลังวองโกเล่ ซีลอนขมวดคิ้วและคิดว่าเรื่องนี้มันไร้สาระสิ้นดี

    เพราะฝั่งนั้นคงคิดว่าจะเจรจาสำเร็จละมั้งครับ? สึนะตีหน้ายุ่งคิดหนักถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย

    ยังไงก็ตามเรื่องแหวนใช้แล้วทิ้งไปถึงไหนแล้วครับคุณจางนีนี่

    เรียบร้อยขอรับ! กระผมใช้เวลาอยู่นานทีเดียวเพื่อปรับให้สามารถเข้ากันได้กับกล่องอาวุธและเสถียรพลังของท่านฮิบาริ สามารถดึงความสามารถออกมาได้สุดขีดแต่ว่าแหวนก็จะพังในทันทีขอรับ! ส่วนของท่านอื่น ๆ กระผมวัดจากค่าพลังแล้วทำให้สามารถรองรับพลังไฟได้มากกว่าที่วัดอีกหน่อยคาดว่าคงไม่มีใครต้องใช้แหวนแบบจุดไฟแล้วทิ้งแบบท่านฮิบาริหรอกขอรับ นักประดิษฐ์ใต้สังกัดวองโกเล่รายงานผล

    พวกมันจะเอาวองโกเล่ริงไปทำไม? แหวนวงอื่นน่ะไม่เท่าไหร่แต่แหวนนภาจะปฏิเสธคนที่ไม่ใช่สายเลือดวองโกเล่นะ ซีลอนพิงกำแพงห้องประชุมพลางลูบปากคิด นึกวิธีที่เอาไปใช้ได้ก็ไม่เห็นจะมีหนทางใดให้ดึงพลังออกมาได้นอกจากสวมแหวน จนกระทั่งนึกขึ้นมาได้ว่าบางทีเธอคงชินกับของนอกระบบไปหน่อย...

    ทรีนิเซตเต้สินะ... เงาหลังเก้าอี้พึมพำออกมา

    รุ่นพี่รู้อะไรเหรอครับ!? สึนะผุดลุกขึ้นอย่างลนลาน แม้จะเป็นข้อมูลไม่มีแหล่งรับรองเขาก็อยากได้พวกมันทั้งหมด

    จะรู้ก็รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้เพราะได้ยินแค่ชื่อจากไอ้เจ้าปีศาจนั่นน่ะสิ... อะไรน้า... ทรีนิเซตเต้ สามเซตของเครื่องประดับที่ทรงพลัง หนึ่งในนั้นมีวองโกเล่ริงด้วย และถ้าพวกมันเล็งจุกนมของอัลโกบาเลโน่แสดงว่าจุกนมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...ซีลอนโคลงหัวไปมาก่อนจะเอ่ยอีกประโยค แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันรวมกันแล้วจะทำอะไรได้

    สึนะเรียกประชุมและตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม เขาเคยพูดเอาไว้แล้วถ้าวองโกเล่จะเดินไปในทางที่ผิดเขาจะทำลายวองโกเล่ด้วยมือเขาเอง และคราวนี้ก็ดูเหมือนจะมาถึงจุดเปลี่ยนที่ว่านั่นเข้าให้

    นภารวบรวมแหวนทั้งหมดและตัดสินใจทำลายทิ้ง พวกเขาหันไปใช้แหวนสำรองที่ไม่ใช่วองโกเล่ริงแทน แม้ประสิทธิภาพจะด้อยลงมาเล็กน้อย

    ซีลอนลาดตระเวนไล่ฆ่าพวกมิลฟิโอเล่ไปทั่วไม่ว่าจะในญี่ปุ่นหรืออิตาลี่ และเพราะเธอไม่ถูกตรวจจับแม้จะใช้พลังจากพลังนอกระบบ ดูเหมือนเครื่องมือตรวจจับจะอ่านค่าของพลังสีดำนั่นไม่ได้ นับว่าเป็นเรื่องฆ่าเวลาที่สาแก่ใจนักฆ่าหัวเงินมากทีเดียวที่ได้ทำทั้งงานและแก้แค้นไปในตัว

    แต่ว่าเธอเองก็รู้ตัวว่าขอบเขตพลังของตัวเองด้อยลงจากการเสียพลังเมฆาไปทั้งหมด

    เอิร์ลเกรย์พยายามทบทวนวิธีต่าง ๆ เพื่อหาทางเอาชนะมิลฟิโอเล่ไม่ว่าจะการสร้างพันธมิตรหรือขัดขาพวกมันแต่ทว่าไม่ว่าจะเป็นแผนของเขาหรือของสึนะ นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วบางครั้งยังถูกตลบหลังจนเกือบเสียบุคลากรไปอีกด้วย

    ราวกับถูกชายผู้นั้นควบคุมเอาไว้ทุกอย่างแล้ว

    ซีลอนในห้องประชุมลับที่มีแค่เธอฝาแฝด รีบอร์นกับสึนะแทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก

    จะทำยังไง

    “มันมีข้อมูลของพวกเราทั้งหมดแน่ ไม่อย่างนั้นจะวิเคราะห์ทุกอย่างแบบนี้ได้ยังไง” เอิร์ลเกรย์นวดหัวคิ้ว สึนะที่ขอให้เขามาช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ก็ปวดหัวไม่ต่างกัน

    “มันต้องมีวิธีสิ...” ซีลอนขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจ “ถ้าเป็นฉันสมัยก่อนคงจะง่ายขึ้นละนะก็มีพลังเมฆาอยู่ด้วย...”

    “แล้ว... เมลล์นั่นนายคิดว่าของจริงรึเปล่า” รีบอร์น

    “คิดว่าเป็นของจริง... อย่างคนที่คอยแปลสารให้เป็นแฮกเกอร์อันดับสี่ที่ทำงานอิสระด้วย ฉันเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองนะ” สึนะสรุปออกมา

    “งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ แผนของบอสน่ะ...เราจะต้องทำให้เสร็จก่อนที่พวกมันจะรู้ว่าคนของฝั่งมันคิดจะตุกติก” ซีลอนกางกระดาษแผ่นใหญ่ลงบนโต๊ะ “ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากอัลม่า แอชเชอร์น่ะ...”

    “พวกเราคงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะหลังจากนี้” สึนะหัวเราะเบา ๆ

    “อืม คงต้องทิ้งพวกโน้ตการลัดฝึกเอาไว้ให้ตัวเองเมื่อเกือบสิบปีก่อนด้วย ถ้าทำได้ก็คงก้าวกระโดดน่าดู แหม ตัวฉันที่จะอนาคตจะเก่งกว่าฉันในตอนนี้นี่น่าสนุกแฮะ จะปีนขึ้นไปได้อีกเท่าไหร่กันนะ...” นักฆ่าหัวเงินแสยะยิ้ม

    โดยที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงมันจะมีเรื่องราวมากมายจนทำให้เธอแทบจะสติแตกอย่างที่ไม่เคยเป็น

    ไม่รู้ถึงสัญญาและแผนการลับอีกขั้นของสึนะและเอิร์ลเกรย์

    “ผมเองก็คงต้องทิ้งโน้ตเอาไว้เยอะเลยสิน้า~” เอิร์ลเกรย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หลายต่อหลายครั้งที่ถูกปกป้องคราวนี้เขาเองก็จะเป็นฝ่ายปกป้องบ้าง แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงซีลอนในโลกคู่ขนานอื่นก็ตาม


    (AN) ESOTERIC หมายถึง ลึกลับ,ลับเฉพาะ, ซึ่งรู้เฉพาะไม่กี่คน, ซึ่งรู้ในวงจำกัด,เป็นความลับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×