คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : |10| MANTRA | อาละวาด
Cr : https://thinkingimages.tumblr.com/post/139832066781/su-mei-tse-solo-show-at-the-art-tower-mito-in
“ถึงอย่างงั้นก็ยังจะจับมือเอาไว้
และคอยยืนอยู่เคียงข้าง” | Spring Song – Aimer
ในค่ำนั้นพวกเขาแต่งสูทเรียบร้อยเพื่อความสุภาพ
ซีลอนคาดเข็มขัดอาวุธเต็มคราบนักฆ่าและใช้มายากลบร่องรอยให้แนบเนียน
คู่พันธมิตรในงานเลี้ยงมื้อค่ำนี้คือกลุ่มเดโบเมีย
มาเฟียเก่าแก่ที่ฝั่งตะวันออกของเมือง ไม่ใหญ่นักแต่เก๋าเกมเรื่องตรอกซอยและควบคุมความปลอดภัยในพื้นที่ตัวเอง
นับเป็นแฟมิลี่พันธมิตรที่คบค้ากันมานานพอตัวตั้งแต่รุ่นที่สี่เรื่อยมา
ดูเหมือนเมื่อไม่นานมานี้จะผลัดให้รุ่นที่หกขึ้นมาดำรงตำแหน่งแล้วจึงอยากนัดกระชับมิตร
แม้จะดูเสียมารยาทที่สึนะไม่ได้เป็นฝ่ายลงเจรจาด้วยตัวเองแต่ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องว่าฝ่ายเจรจาของวองโกเล่จะเป็นผู้พิทักษ์สักคนหรือเงาหลังเก้าอี้ก็ได้เพราะถ้าแจ้งมาเขาก็จะส่งตัวแทนมาคุยแทนเช่นกัน
ซีลอนจึงกันสึนะให้ปลอดภัยอยู่วงนอกทันที
หากหน้าที่ไหนลูกน้องทำแทนได้ก็จงทำแทน จงปกป้องหัวที่มีเพียงส่วนเดียวและเสียไปอย่างไม่ได้เด็ดขาดซะ
นั่นเป็นสิ่งที่เธอเรียนรู้มาโดยตลอดเมื่อทำงานอยู่ใกล้รุ่นที่เก้า
“ขอบคุณที่มาตามเทียบเชิญนะครับท่านตัวแทน
ผมนาธานตัวแทนรุ่นที่หก ทางนั้นคงเป็นเงาหลังเก้าอี้สินะครับ เป็นเกียรติจริง ๆ
ที่ได้พบซึ่งหน้าแบบนี้” นาธานยิ้มแย้มจับมือทักทายกับซีลอน
มุคุโร่ยืนอยู่ด้านหลังคอยเฝ้าระวังให้ ให้เขาไปจับมือกับมาเฟียอื่นน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ...แค่ยอมตามมาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มมื้อค่ำนี้กันเถอะครับ”
นาธานเป็นฝ่ายเอ่ยปากอาหารหนึ่งชุดถูกนำมาเสิร์ฟมีเพียงคนที่นั่งเก้าอี้ที่ได้กินมื้อค่ำ
ในเมื่อคนที่ยืนซ้อนหลังเยื้องขวามาในฐานะผู้คุ้มกันเฉย ๆ
‘ลงไปนั่งเล้านจ์กับเอิร์ลเกรย์ก็ได้นะตอนนี้คงอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อใหญ่อยู่’ ซีลอนสื่อสารทางจิตกับมุคุโร่ เขาไม่ได้ขยับหรือเปลี่ยนสีหน้าอะไร
แต่ก็โต้ตอบกลับไปในใจ
‘เอิร์ลมีผู้คุ้มกันตั้งสามคนแล้วคุณมีสักคนก็น่าจะดีกว่านี่ครับ’ สายหมอกหนุ่มถอนหายใจให้ได้ยินในหัว
“อันที่จริงที่เชิญมา...ก็เพราะว่าเราได้ยินข่าวไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีมาหลายแก๊งถูกรวบเข้ากับกลุ่มหน้าใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
แถมยังเก็บกวาดพวกที่แข็งข้อเสียเกลี้ยง บอสของผมเลยคิดว่าการที่แก๊งเก่า ๆ จะจับมือร่วมกันต่อต้านพวกมันคงเป็นหนทางที่ดีกว่า...”
นาธานเอ่ยเข้าประเด็น
ซีลอนเองก็ทราบมาว่าช่วงนี้ที่อิตาลี่โลกเบื้องหลังมีเรื่องไม่เว้นวันทีเดียว
เธอหมุนแก้วไวน์ราคาแพงในมือ ของเหลวสีเข้มในนั้นแกว่งไปมา เธอประเมินความหนืดของมันทั้งสี
ทั้งกลิ่น
“ไวน์ดีนะ...”
นักฆ่าไม่ได้ตอบตกลงอะไรสักคำเดียว หลังจากจิบไปเธอก็เอ่ยต่อเหลือบมองคู่สนทนา
“นี่...นายคิดอย่างที่พูดจริงเหรอ?” เธอยิ้มตาปิด
บดบังแววตาที่เต็มไปด้วยความรำคาญกลบฝังความขุ่นมัวหลังเปลือกตาครู่หนึ่งก่อนจะจ้องคู่เจรจา
เธอวางแก้วไวน์ลงกับโต๊ะแลบลิ้นเลียริมฝีปากรู้สึกเสียดายที่มื้อนี้คงต้องวางช้อนไวกว่าที่คิด
“เอ่อ...แน่นอนสิครับ
พวกเรากลุ่มเก่าก็ควรร่วมมือกันเวลามีภัยมาถึง
ถ้ายังไงจะช่วยนัดพบท่านสึนะให้ได้ไหมครับ?” นาธานได้ยินมาว่าเงาหลังเก้าอี้ของรุ่นที่สิบค่อนข้างอันตราย
เอาใจได้ยาก เธอเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับอาหารหรูหราและไวน์ชั้นดีราคาแพง
และหล่อนชอบการคุยอย่างตรงไปตรงมา อย่าเยินยอหรือโอ้อวดให้มากเพราะนักฆ่าลำดับสิบเอ็ดเป็นพวกขี้เบื่อ
“งั้นพอจะมีข้อมูลของพวกมันบ้างไหม?”
ซีลอนประสานมือเท้าคางยิ้มแย้ม สิ่งที่ฝึกมาเป็นเวลาหลายปีไม่ใช่ใบหน้าที่คนปกติ
หรือคนทั่วไปจะดูออกว่าปั้นแต่ง
เธอประเมินนาธานไว้สูงและผิดหวังที่เขาไม่เอะใจในรอยยิ้มของเธอสักนิด
‘น่าเบื่อ’ นักฆ่าหัวเงินเริ่มอยากไปให้ไกลจากตรงนี้ เธอทนฟังคำโกหกมาพอแล้ว
“ต้องขออภัยด้วยครับแต่พวกผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ทราบแต่ข่าวที่เริ่มมีการกวาดล้างและขยายอำนาจ” นาธานถอนหายใจ
เขาแสร้งได้เก่ง...เสียดายที่คู่สนทนาของเขาเก่งกว่าเลยมองออกทั้งหมด
“แต่นายดูมั่นใจนะว่าพวกมันเป็นหน้าใหม่น่ะ”
สิ้นประโยคของเงาหลังเก้าอี้ผู้นำวองโกเล่นาธานสะอึกไป เขาพลาด? ได้ยังไง?
“ดูเหมือนแกจะไม่ได้มาเพื่อร่วมพันธมิตรกับวองโกเล่ของพวกเราหรอก
ว่างั้นไหม?” นักฆ่าแสยะยิ้ม
“กรุณาฟังก่อนครับ! คือว่าทางเราแค่ทราบมาเพราะชื่อของพวกมันไม่เคยอยู่ในทำเนียบก็เท่านั้น!” นาธานเริ่มร้อนรนค่อย ๆ เผยสิ่งที่รู้ออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายไว้วางใจ
“ทั้งที่พูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทราบแต่ข่าวที่เริ่มมีการกวาดล้างและขยายอำนาจ...โอ้
งั้นจะฟังแค่ชื่อที่นายรู้มาก็แล้วกันว่ามาสิ”
ซีลอนยกยิ้มการค้าไหวไหล่และพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
เธอคิดมาตลอดว่าให้สึนะมานั่งเจรจาแบบนี้ไม่ไหวหรอก
ในบ่องูพิษพวกนี้บอสที่น่ารักแสนใสซื่อของเธอจนทันคำโกหกของคนโลกเบื้องหลังได้ยังไง
“...พวกเขาเรียกตัวเองว่ามิลฟิโอเล่ครับ
เป็นพวกเขาที่กว้านรวมแก๊งหลายแห่งมาขึ้นตรงต่อตัวเอง” นาธานเอ่ยออกมาในที่สุด
เขามองมือของซีลอนที่จับก้านแก้วไวน์ไว้และเบนสายตาไปที่หล่อนบ่อย ๆ
‘ทำไม...’
“ทำไมยาพิษถึงไม่ออกฤทธิ์สักที...ใช่ไหม?”
นักฆ่าหัวเงินแสยะยิ้ม มุคุโร่ชะงักแล้วเอื้อมมือไปจะคว้าไหล่ของเธอแต่ซีลอนยกมือห้ามเอาไว้
“อึก...”
นาธานเปลี่ยนสีหน้าทันที ไม่ทันการแล้วทั้งคำพูดทั้งยา ถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งหมด
สมแล้วกับที่ใครต่อใครยกให้เธอเป็นคนที่ไม่อยากเจอเมื่อต้องมีอีกฝ่ายเป็นคู่เจรจาอันดับห้าจากโลกมืด
“ไม่มีทางเธอดื่มมันเข้าไปแล้ว
ไม่มีทางที่มันจะ—”
“ก็มันไม่ได้ผล
จะให้นั่งรออีกสักสิบนาทีมันก็จะยังไม่ได้ผลเหมือนเดิม...
ไม่ต้องโทษนักวิจัยหรือคนคิดค้นมันหรอก มันแรงน่ะใช่ แค่ไม่แรงกว่าพิษที่ฉันเองเลี้ยงไว้ในตัว
แกแค่พลาดตั้งแต่แรกที่คิดจะเล่นงานฉันด้วยพิษก็เท่านั้น...”
ซีลอนหัวเราะในลำคอหมุนก้านแก้วไวน์แล้วจิบจนหมดคว่ำลงกับโต๊ะสีขาวจนเกิดคราบวงสีแดงเพราะปากแก้วไวน์ที่ยังหลงเหลือน้ำบ่มราคาแพง
“แต่จะให้คะแนนเพราะเลือกไวน์ดีก็แล้วกัน
เพลิดเพลินกับรสมันมากเลยล่ะแต่ว่ารู้อะไรไหม
เหมือนว่าพิษของนายจะทำให้กลิ่นมันเพี้ยนไปนิดนึง...
ไวน์รุ่นนี้มันควรจะหอมกว่านี้อีกสักเบอร์ขาไวน์ตอนไหลต้องหนืดกว่านี้อีกสักหน่อย...”
เธอผุดลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะทีนี้ บอกเจตนาจริง ๆ
ของนายมาแล้วฉันจะปล่อยนายวิ่งกลับไปซบอกมิลฟิโอเล่” นักฆ่ารู้สึกว่าไม่ว่ายังไงเธอก็มีแต้มเป็นต่อ
จนกระทั่ง...
จนกระทั่งเลือดข้นของเธอไหลหยดลงบนโต๊ะ
เลือดที่ไม่ได้เกิดจากพิษเริ่มทำงาน แต่เป็นสิ่งพิเศษระหว่างฝาแฝดที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกของเธอ
จากปากแผลที่ลำคอเล็ก ๆ
เพียงเท่านั้นจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยวของมนุษย์ผู้เข้าใกล้ความมืดยิ่งกว่าใครก็ปะทุระเบิดออก
“แก ทำอะไร อีกครึ่ง ของฉัน”
ซีลอนไม่หลงเหลือความเยือกเย็นและสุภาพอีกต่อไป นาธานกับพวกรีบผละออกจากโต๊ะ
พวกเขาเค้นยิ้ม หน้าที่ของพวกเขาคือถ่วงเวลาเท่านั้น
ซีลอนคว้าอากาศราวกับกำลังล้อเล่น
เธอบิดคอเสียงดังกรอบอย่างน่ากลัว
หักนิ้วแล้วกระชากอากาศทั้งนาธานกับพวกก็กระแทกเข้ากับกำแพง
“รู้อะไรไหม
ไม่มีใครรู้ความลับนี่...เพราะว่าพวกเรามักจะ ปิดปากไอ้พวกที่แส่หาเรื่องอีกครึ่งของฉันเสมอ”
เธอยกนิ้วแตะปากตัวเองเบา ๆ แววตายโสที่มองเหยียดราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงสิ่งปฏิกูลชั้นต่ำ
น้ำมันดินสีดำปรากฏในสายตาของพวกเขาและพบว่าพวกมันกำลังตรึงแขนขาของตนไว้ติดกำแพงอย่างแน่นหนา
“และไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นพวกนอกรีตบูชาปีศาจ...
เพราะว่าพวกที่เห็น ก็ลงนรกไปหมดแล้ว...” เธอหัวเราะในลำคอเดินเข้ามาให้พวกเขา
ลูบน้ำมันดินที่ระโยงระยางคล้ายลวดเปื้อนสารสีดำหนืดข้น
“มันคงไม่มีปลายทางอื่นสำหรับพวกเราที่อยู่ในโลกอันมืดมิดมาตั้งแต่แรก
ว่างั้นไหม? อันที่จริงพวกแกคงไม่ตาย ถ้าไม่ได้คิดจะหันเขี้ยวใส่วองโกเล่
คงไม่ตายถ้าไม่ได้คิดจะทำอะไรอีกครึ่งของฉัน มันแพ้ตั้งแต่แกเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้ว”
เธอดีดลวดนั่นเมื่อมันสั่น กลไกของมันทำงาน
ในหัวของซีลอนเต็มไปด้วยความโหดร้ายมากถึงมากที่สุดเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการออกมาไหว
นอกจากเล่นกับความกลัวของใจคน เธอยังเก็บข้อมูลศึกษาจากพวกหนังสยองขวัญ จังหวะ
การปล่อยให้คิดว่าไม่มีอะไรแต่มันมี ปล่อยให้จินตนาการไปเอง
หวาดกลัวถึงสิ่งที่ไม่รู้จัก
เธอไม่ได้อยู่ต่อและทิ้งพวกเขาที่เริ่มออกอาการเสียสติจากภาพหลอนเอาไว้
มุคุโร่ไม่สบายใจทุกครั้งที่เห็นพลังนอกเหนือเพลิงสายหมอกและเมฆา
ไฟผสมที่สร้างและเพิ่มจำนวนนั่นสร้างอะไรได้หลายอย่าง
แต่ไม่ใช่กับของสีดำน่าขยะแขยง แต่เพราะคอยตามดูซีลอนอย่างสนใจถึงได้รู้ว่ามีราคาที่ต้องจ่ายเพื่อใช้พวกมัน
เป็นราคาที่หากเป็นเขาคงไม่ยอมตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรพรรค์นั้นมาแน่
“คุณใช้พลังสายหมอกหรือเมฆาก็ได้...”
มุคุโร่วิ่งตามเธอไปแล้วทักท้วง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปบางที...
“มันจะไปสะใจอะไร”
นักฆ่าหัวเงินตอบกลับเสียงเย็น เขาเงียบไปอีกครั้งและปล่อยให้เธอใช้ความเดือดดาลเป็นสิ่งขับเคลื่อน
เขาห้ามเธอไม่ได้ ทำไม่ได้เพราะไม่ใช่อีกครึ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตนั่น...
ซีลอนชะงักไปเมื่อได้แผลเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง
ตั้งแต่ข้อมือของเธอเป็นรอยถลอกยาวไปถึงท้องแขน นักฆ่าสาวกำหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
ในหัวเต็มไปด้วยถ้อยคำเดิม ๆ บังอาจ พวกมัน จะฆ่าให้หมด
จิตสังหารเริ่มสะสมเข้มขึ้นจนมุคุโร่เองก็เริ่มรู้สึกอึดอัด
พวกมันไม่เหมือนจิตสังหารของมนุษย์เขาจึงขว้าข้อมือแล้วกระชากเธอกลับมา
ดวงตาที่วาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ ลงมือชกสวนกลับกระทั่งหนึ่งในผู้พิทักษ์ของสึนะอย่างไม่คิดจะปรานี
แต่เขาไม่ใช่สายหมอกสมัยเมื่อแปดปีก่อนแล้ว เขารู้ว่าต้องรับมือยังไง
เขาสู้แรงเธอได้ แค่ต้องจับหมัดเธอให้มั่น
“...มุคุโร่ อย่ามา-ยั่วโมโห
ไม่งั้น”
“ไม่งั้นจะเก็บผมไปพร้อมพวกมันหรือครับ
โอยะๆ
ดูเหมือนเงาหลังเก้าอี้นายมาเฟียหัวฟูคนนั้นจะลืมไปแล้วมั้งครับว่าสัญญาอะไรกับเอิร์ลเกรย์เอาไว้”
เขาพูดและยกชื่อฝาแฝดของเธอขึ้นมาอ้าง ซึ่งมันมักจะได้ผลเสมอ
พอเห็นท่าทีที่อ่อนลงเขาก็รีบพูดต่อ “โอเค ๆ ยอมแล้ว ใช้พลังสีดำนั่นก็ได้ ไปด้วยกันครับแล้วผมจะช่วยใช้มายากลบให้เอง
รีบไปแล้วรีบกลับฐานกันเถอะ” เขาเปลี่ยนจากกำหมัดที่พุ่งมาชกเขาเป็นการจับมือแล้วกุมไว้แทน
“...” นักฆ่าไม่ได้ว่าอะไรต่อ แต่แววตาแสนขัดใจนั่นเหลือบมองผู้พิทักษ์สายหมอกก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะหายไปจากตรงนั้นและปรากฏตัวในเงามืดหลังเสา
เอิร์ลเกรย์กำลังวิ่งอยู่กับสมิธและผู้คุ้มกันอีกสองที่คอยระวังให้
ที่ตัวเอิร์ลมีแผลเหมือนกับแฝดเป็นสิ่งยืนยันสายสัมพันธ์พิเศษที่พิเศษเหนือธรรมชาติ
สายสัมพันธ์พิเศษทางเดียวด้วยพลังนอกรีต...
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?” ซีลอนยิ้มออกมาอย่างโล่งอกลูบใบหน้าที่คล้ายกันอย่างรักใคร่
หัวใจของเธอคล้ายโยนตัว ไม่เป็นอะไรเขายังอยู่...
“ไม่เป็นไรเรารีบกลับเถอะซีน
นี่มันไม่ปกติพวกมันพยายามจับฉัน” เอิร์ลเกรย์แสดงความกังวลผ่านทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“ถ้าอยู่ด้วยกันละก็นายจะไม่เป็นอะไร...เพราะผมมีชีวิตอยู่เพื่อแบบนั้น”
นักฆ่ากอดและกระซิบสัญญาก่อนจะดันให้ฝาแฝดของตนเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง
“เดโบเมียเข้าร่วมกับมิลฟิโอเล่ไปแล้ว
เบื้องหลังความวุ่นวายนี้ก็คงเป็นมัน” ซีลอนกัดฟันหยิบปืนที่ต้นขาออกมาปลดเซฟตี้
“คงต้องสืบกันต่อเองแล้วว่าใช่พวกชุดขาวชุดดำที่ไล่ตามเราไหม”
เอิร์ลเกรย์หายใจหนักขึ้นก่อนจะล้มลงไปหลังเสียงปืน
เขาถูกยิงต้นขาโชคร้ายที่ไปถูกเส้นเลือดใหญ่พอดี
“เอิร์ล! เอิร์ล!!!” ซีลอนหน้าซีดไปถ้าเขาเจ็บเธอก็จะรู้สึกและมีแผลที่เดียวกัน
แต่ว่าหมอน่ะ จะทนเจ็บได้เท่านักฆ่าได้ยังไง
แฝดชายกัดปากข่มเสียงตัวเองเอาไว้เขาไม่ชอบโลกเบื้องหลังเพราะมีโอกาสเจ็บตัวแบบนี้
เขารีบฉีกเชิ้ตตัวเองพันทับต้นขาเพื่อห้ามเลือดฉุกเฉินไปก่อน
“...”
ซีลอนขยับตัววูบหนึ่งและหายไปจากตรงนั้น พลังนอกรีตทำได้ทุกอย่างที่จินตนาการได้และอยู่บนหลักพื้นฐานความจริงของโลกบ้างประการ
กะระยะ คำนวณทิศทางกระสุน แล้วใช้พลังเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังเป้าหมาย เธอมองข้ามความมืดได้ด้วยพลังนอกรีต
และโผล่มาหลังมือปืนที่ซุ่มยิงเอิร์ลเกรย์ จิกกระชากหัวของมันผู้นั้นแล้วยิงเจาะดวงตาที่ใช้เล็งกล้องสโคป
ทางเส้นเดียวสำหรับผู้ที่ล้ำเส้นมาแตะต้องฝาแฝดของเธอมีเพียงนรกเท่านั้นที่รออยู่
“อ๊ากกก!!!”
“จุ๊ๆๆ
เจ็บเหรอนั่นสิคงเจ็บแหละเนอะ” เธอหัวเราะคิกคักยิงเจาะต้นขาศัตรูไปอีกนัด
“เอิร์ลน่ะ เกลียดความเจ็บปวดที่สุดเลยล่ะ... ฉันก็ด้วย”
เธอส่งยิ้มไร้พิษสงและจ่อปืนกับหน้าผากลั่นไกดับชีวิตสไนเปอร์ในชุดรัดรูปดำทั้งตัว
“มิลฟิโอเล่
หันเขี้ยวเล็บใส่วองโกเล่ฉันคงไล่เก็บตามมารยาท...
แต่นี่แกคิดจะกัดเอิร์ลสุดที่รักของฉัน คงต้องล่าพวกแกเหมือนหมูเหมือนหมาซะแล้ว...
ไม่ว่าพวกแกอยู่ที่ไหน แล้วถ้าฉันเจอ จะตามไปฆ่าให้หมด”
เธอเอ่ยเสียงเย็น ก้าวไปหานักฆ่าจากมิลฟิโอเล่อีกสองคนที่วิ่งตามเสียงร้องเพื่อนมา
“มาวิ่งกันเถอะ คุณหนู(หนูท่อ)”
เธอแสยะยิ้มและพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดจะออมมือหรือเกริ่นให้มากความไปกว่านี้
สามศพบนตึกจอดรถรกร้าง
เสร็จจากตรงนี้เธอกลับไปยังจุดเดิมบนถนนในตรอกแต่ก็ไม่พบฝาแฝดและพรรคพวกอยู่อีก
นักฆ่าสูดหายใจเข้าสุดปอดข่มความหงุดหงิดและตามรอยเลือดไป
และแทบหลุดการควบคุมเมื่อเห็นลูกน้องของสมิธร่อแร่กับพื้นสองคน
ลูกน้องมือดีของเธอรับมือพวกมันไม่ได้?
“เกล็น ธีโอ นี่มันบ้าอะไร”
เสียงของนักฆ่าฟังดูน่ากลัวกว่าตอนจากไปจัดการพวกซุ่มยิงเสียอีก
“หัวหน้า...พวกมันมีอาวุธกล่อง...”
พวกเขาพยายามส่งข้อมูลที่รู้ให้กับเธอมากเท่าที่จะไหว
ซีลอนลากแขนพวกเขาแล้ววับหายไปโยนทั้งสองคนใส่เตียงแพทย์ท่ามกลางการแตกฮือของหน่วยแพทย์วองโกเล่
“ค คุณหนู?”
“จัดการ
แล้วเตรียมไว้อีกสามเตียง” เธอตัดบทในกรณีเลวร้ายที่สุดเอาไว้
พอใช้พลังบ่อยเข้าก็เริ่มปวดร้าวตาไปถึงสมอง ทุก ๆ ส่วนเซลล์ที่เลือดสีดำเกาะติดอยู่
ไม่มีใครเห็นเพราะใช้มายาพรางตาเอาไว้ตลอด นี่คือราคาที่จ้องจ่าย
พลังนอกรีตยิ่งใช้เท่าไหร่ก็ยิ่งสะสมเซลล์พิษสีดำ และเมื่อถูกกลืนลามไปทั้งตัว
ก็ตาย
เธอกลับไปที่ตรอกนั่นอีกครั้งและสับขาให้ไวขึ้นลับประสาทให้คมที่สุดเพื่อตามหาอีกสามคน
‘หลังโรงกลั่นเหล้าครับ!’ เสียงของมุคุโร่ดังขึ้นในหัวของเธอและถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง
แต่ซีลอนก็เลือกไปตามนั้นก่อนจะพบเข้ากับศัตรูแปลกหน้าที่ใช้นกฮูกเพลิงวรุณกับอาวุธกล่องในการต่อสู้
‘ไอ้นักวิจัยที่ขายอาวุธกล่องมันขายให้ทุกแก๊งไม่เลือกหน้าเหรอวะ
เวรเอ๊ย!!’ ซีลอนสบถขึ้นในใจเรื่องนี้ต้องรีบกลับไปบอกพวกผู้บริหารระดับสูงให้เร็วที่สุด
สมิธสลบ
เอิร์ลเกรย์ประคองและปฐมพยาบาลให้เขาอย่างร้อนรนโดยมีมุคุโร่ที่สภาพร่อแร่อยู่ด้านหน้า
ซีลอนยังไม่ได้ก้าวออกจากการกลบฝังตัวเองในมายา
ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้เก่งขนาดจะล้มมุคุโร่ได้แล้วทำไม?
“คุฟุฟุฟุฟุ
ดูเหมือนจะเจอกับคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจเข้าให้ซะแล้วสินะครับ”
เขาสร้างบาดแผลให้นกฮูกวรุณนั่นได้แต่พลังของการชะล้างนั่นทำให้มายาสายหมอกทำงานไม่เต็มที่
มุคุโร่เหลือบมองนักฆ่าหัวเงินที่ตามมาสมทบเขาพอจะรู้สึกได้เพราะสัญญาที่ทำเอาไว้เลยรู้ว่าเธออยู่ไหนถ้าซีลอนไม่ได้ใช้พลังสีดำนั่นปกปิดตำแหน่งตัวเองซ้อนอีกทบ
“หึ ปากดี
ทั้งที่ตัวเองกำลังจะแพ้เนี่ยนะ...หืม? ข้างหลัง?” ชายสวมแว่นตาตี่นวดหัวตาเหลือบมองด้านหลังที่ไม่มีอะไร
“ยังหวังว่าจะมีใครมาช่วยพวกแกอีกเรอะ น่าสังเวชจริงๆ
ครอบครองแหวนออร่าระดับเอสแท้ๆ”
“เอาเถอะ โกร คิชิเนียผู้นี้ จะเก็บกวาดพวกแกแล้วนำแหวนไปเอง
คงต้องรวมถึงการนำตัวผู้ชายคนนั้นไปด้วยล่ะนะ”
โกรหันกลับและจ้องไปที่ชายผมเงินที่ดูเป็นแนวหลังอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่เห็นว่างานนี้จะยากตรงไหนถึงกับที่เขาต้องลงมือเองแต่ว่าการได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้อื่นก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา
เขาแสยะยิ้ม
“อึก!!!” ก่อนจะตะลึงไปกับมีดที่เสียบทะลุสีข้างของตนอย่างไร้สุ้มเสียง
“...ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่าเชื่อแค่ในสิ่งที่เห็น”
ซีลอนโผล่มาด้านหลังเขาเงียบ ๆ เอ่ยอย่างเย็นชาแล้วกดมีดแทงลึกเข้าไปอีก
“ไสหัวไปซะตอนที่ฉันยังปล่อยให้แกหนี” จิตสังหารมากมายห้อมล้อมโกร
เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนต่างกับทุกจิตสังหารที่เขาเคยเจอ
โกรคิ้วกระตุกรู้สึกถูกลูบคมอย่างแรง
นกฮูกพิรุณของเขามีพลังในการชำระล้างและกระจายพลังไฟไม่ให้มารวมตัวกันได้
แล้วนั่นใครกัน! ทำไมพลังของเขาถึงไร้ผลกับแม่นี่!
“รีบเข้าเถอะครับแฝดคุณจะไม่ไหวแล้ว”
มุคุโร่เอ่ยเตือนสติ ซีลอนเมินชายจากมิลฟิโอเล่แล้วเดินราวกับไร้การ์ดป้องกันกลับไปหาพรรคพวกของตน
“แก!” โกรกุมแผลแล้วพุ่งเข้าไปตวัดแส้ม้าใส่ผู้มาใหม่ที่เต็มไปด้วยความยโส
เคยได้ยินใครพูดว่าเขายโสจนน่าหงุดหงิดแต่เหมือนลงสนามครั้งนี้เขาจะได้เจอกับคนที่น่าหงุดหงิดยิ่งว่าตน
แส้นั่นฟาดเข้ากับถุงมือดำของนักฆ่าสาว
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองแค่รับการโจมตีแล้วกระชากเพื่อโต้กลับ
ดึงให้ล้มแล้วเตะสวนแต่ใต้รองเท้าของซีลอนนั้นเป็นใบมีดคมกริบเด้งออกมาเมื่อขยับในมุมพิเศษ
โกรผงะไปแล้วเบี่ยงตัวล้มออกข้างผมของเขาถูกตัดไปช่อใหญ่
“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันไอ้สวะ”
เธอเลียนแบบทั้งคำพูดและบรรยากาศของซันซัสตอกหน้าโกร คิชิเนีย ก่อนที่เธอจะรวบร่างฝาแฝดขึ้น
มุคุโร่ช่วยพยุงสมิธ
นักฆ่าลำดับสิบเอ็ดคว้าแขนของสายหมอกแล้วหมอกสีดำก็โอบล้อมพวกเขาเป็นบอลใหญ่ก่อนจะหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยอยู่แต่แรก
“พลังบ้าอะไรวะ...
นั่นรึที่ท่านเบียคุรันอยากได้” โกรกัดฟัน เขาแพ้
ไม่คิดว่าจะไม่แพ้เสียท่าให้ศัตรูง่าย ๆ ทั้งที่ตัวเองมีอาวุธกล่อง นักฆ่าคนนั้นก็ใช้พลังสายหมอกเหมือนผู้พิทักษ์วองโกเล่แต่ทำไมพลังของนกฮูกพิรุณของเขากลับต่อกรไม่ได้?
“นังนั่นพลังอยู่สูงกว่ากี่ระดับนะ...
น่าสนใจนี่ ถ้าได้สั่งสอนให้พ่ายแพ้หมดรูปคงน่าตื่นเต้น” โกรหัวเราะอยู่ในตรอกมืด
เขาได้พบเป้าหมายใหม่ที่น่าสนุกเข้าให้ ชักจะรอการล้างตาแก้แค้นไม่ไหวแล้ว...
เขาต้องรีบกลับไปรายงานท่านเบียคุรัน
“เอาเลือดในเซฟมาใช้! ฉันจะไปฝ่ายบริหาร พวกแกเร่งมือเข้า!” ซีลอนโผล่มาในพื้นที่หน่วยแพทย์อีกครั้งตวาดเสียงดังสั่งการหน่วยแพทย์
“คุณสมิธ! คุณชาย!”
พวกเขาแตกตื่นกันเมื่อเห็นทั้งผู้คุ้มกันมือดีกับเอิร์ลเกรย์ได้แผลกลับมา
“แย่แล้วถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป...”
พวกเขาซุบซิบกันแล้วรีบวิ่งไปมาจนดูน่าปวดหัว
หน่วยแพทย์วองโกเล่เป็นสมาชิกหัวกะทิฝีมือดีเฉพาะทาง
มักจะทำงานกับพวกนักวิจัยเป็นบางโครงการ สมาชิกส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ที่ฐานทัพในอิตาลี่
หรือก็คือที่นี่
“ชิชิชิชิ
เจ้าชายละหน่ายกับเสียงวิ่งไปวิ่งมาจัง ให้เบากว่านี้หน่อยดิ๊”
สมาชิกวาเรียคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามาในปีกอาคารแพทย์สนับสนุน
“ต้องขออภัยด้วยครับแต่ตอนนี้เป็นกรณีฉุกเฉินจริง
ๆ” นายพยาบาลสับเท้าอย่างรวดเร็วเข็นรถเข็นอุปกรณ์มา
พวกเขาวุ่นวายกันใหญ่กับการรักษาคนทั้งห้า
เสียงเครื่องพยุงชีพร้องดัง
พวกเขาซีดเป็นไก่ต้ม
“เปิดเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ชาร์ต! ฉีดอะดรีนาลีน! เพิ่มเลือดด้วย! ด่วนเลย!” สำหรับหน่วยแพทย์วองโกเล่สิ่งที่พวกเขากลัวไม่ใช่ความล้มเหลว
แต่เป็นเวลาที่เอิร์ลเกรย์อันตรายถึงชีวิตแล้วฝาแฝดของเขาอยู่ด้วย
ไม่มีจิตสังหารแต่รู้สึกหนาวสันหลังไล่ลามมายันท้ายทอย
รู้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอย่างกดดัน
พวกเขาพยายามกันอย่างเต็มที่แต่เพราะเอิร์ลเสียเลือดมากเกินไป มีภาวะขาดเลือดเลี้ยงสมอง
ถึงจะฝืนให้เลือดเพิ่มก็เติมเต็มไม่ทันการ
มุคุโร่ได้รับการทำแผลนั่งอยู่ไม่ไกล
เขาเห็นทุกอย่าง เบลเฟกอลพอเห็นว่าน่าจะสนุกก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยืนมองทุกอย่างกับมาม่อนบนไหล่
ซีลอนตาพร่าเซไปข้างหน้า
ยกมือกดเบ้าตาขวาที่ปวดตุบอย่างรุนแรงก่อนจะล้มลงเพราะทรงตัวไม่อยู่จนคว้าเอารถเข็นอุปกรณ์ใกล้
ๆ ล้มลงไปด้วย เสียงเอะอะทำให้หลายคนหันมาสนใจเธอที่คลานกับพื้น
ของเหลวสีดำบางอย่างที่เป็นสสารประหลาดเริ่มไหลออกมาจากตาขวาใต้ผมปรกหน้า
ก่อนที่เธอจะไอและสำรอกพวกมันออกมาทางปากด้วยเช่นกัน
“คุณหนู! เอาเตียงมาเร็วเข้า!”
นายแพทย์อีกคนร้องลั่นแล้วหันไปสั่งพยาบาล
‘ทุกอย่างราคาที่ต้องจ่าย’ เสียงที่ไม่ได้ยินมานานมากดังขึ้นในหัวของซีลอน เธอคำรามก้องห้องพยาบาล
สัญญาณชีพของเอิร์ลไม่ได้เต้นครบสามนาทีแล้ว เมื่อฝาแฝดตายทุกอย่างก็จะถูกริบคืนในเวลาอันสั้น
“อีกแล้วเรอะ! อีกครั้ง! ขออีกครั้ง!!
เพราะนี่มันเพิ่งครั้งที่สองเองนะ!!! ออกมา!!” เธอตวาดลั่นปัดมือของนายแพทย์ที่เข้ามาพยุงผลักเขาออกไป
“อยู่ให้ห่างจากไอ้พวกนี้ซะ!” เธอสำลักแล้วร้องเตือนแต่ละคนที่ทำท่าจะย่ำเท้าเข้ามา พอมองดี ๆ พวกเขาจึงได้สังเกตว่าของสีดำพวกนี้มีฤทธิ์กรัดกร่อนสูงมาก
ครู่เดียวก็เจาะพื้นเป็นแอ่งเสียแล้วแต่ไม่มีทั้งควันหรือกลิ่นฉุน
มันเข้มคลุ้งเหล็กคล้ายเลือดมากกว่า
“ยมทูต!! เดี๋ยวนี้ ฉันสั่ง ให้แก ออกมาเดี๋ยวนี้!!”
ซีลอนตวาดอย่างเหลืออดอีกครั้งเหมือนเด็กเพ้อเจ้อ แต่หมอบางคนที่ได้เห็นสิ่งนั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนรับรู้ว่าบางอย่างที่ไม่เคยเห็นและเป็นเรื่องเล่ามันมีอยู่จริง
เหมือนทุกอย่างเป็นภาพช้าเมื่อหยาดสีดำร่วงลงจากเพดาน
คลุ้งกระจายเหมือนหมึกสีดำยามหยดลงในแก้วน้ำใส
ผู้ที่ปรากฏตัวออกมานั้นมิใช่มนุษย์แต่อย่างใด
“อ๊า~ ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยนี่นา... มาช้าไปครู่เดียวเองนะ
ข้าไม่ได้อยู่ว่าง ๆ เสียเมื่อไหร่ทางนี้ก็มีงานของทางนี้นะแต่ก็... ฮึๆๆๆ
ดีใจจังที่ได้พบกันอีก เร็วกว่าที่คิด” สิ่งนั้นหัวเราะราวกับไร้เดียงสา
ใบหน้าของเด็กวัยไม่เกินสิบห้าปีที่ไม่อาจตัดสินใจได้ในแวบแรกว่าเป็นหญิงหรือชาย
ผิวขาวซีดผมขาวโพลนและดวงตาสีแดงก่ำแบบเดียวกับปีกและหางปลายลูกศร
“คราวนี้...จะเอาอะไรมาแลกดีล่ะ
ลูกมนุษย์ที่น่าเอ็นดูของข้า” มันแสยะยิ้มฟันเขี้ยวเรียงสวยแหลมคมไม่ใช่รูปแบบเดียวกับฟันมนุษย์สักนิด
“เอิร์ลเกรย์ที่มีชีวิตและสมบูรณ์...”
ซีลอนใช้สองมือที่เปื้อนคราบดำเกาะชายเสื้อปีศาจผิวเผือกที่ลอยอยู่ในอากาศ
มันหัวเราะในลำคอจับจูงสองมือของนักฆ่าสาวที่สั่นราวลูกนก
เธอสำลักของเหลวสีดำออกมาจากปากอีกครั้งกัดปากข่มความเจ็บเพื่อที่จะไม่ร้องไห้ออกแม้น้ำตาจะไหลอาบสองแก้ม
เกลียดความเจ็บปวดที่สุดแต่เกลียดการต้องเสียอีกครึ่งของตนเองไปมากกว่า
ราคาที่ต้องจ่ายในการใช้พลังสีดำแต่ละครั้งคือความเจ็บปวด
เซลล์พิษ เลือดสีดำ ร่างกายของมนุษย์
หากวันใดที่สีดำอาบย้อมร่างกลืนกายไปสิ้นก็จะตาย
“...พิษร้ายของคำลวงสุดท้ายจะเป็นตัวตนของเจ้า
ยิ่งโกหกนึกคิดได้เหี้ยมโหดมากมายเท่าไหร่พลังของข้าก็ตอบสนองเจ้าได้มากเท่านั้นเพราะว่ามันไม่ใช่ของของมนุษย์ แต่ว่า...นั่นก็จะสร้างมลทินสีดำในเลือดของเจ้า และยิ่งใช้พลังได้รุนแรงเท่าไหร่ความรู้สึกแบบมนุษย์ก็จะหายไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น”
พวกเขาขยับไม่ได้ ทำไม่ได้แม้แต่กระพริบตา
ทำได้แค่ฟังและดูในสิ่งที่เกิดขึ้นค้างอยู่ในท่าทางเดิมราวกับภาพฉายที่ถูกหยุด
สิ่งนั้นพูดคุยกับซีลอนอย่างเป็นธรรมชาติลูบหลังมือที่เปื้อนของสีดำแล้วหัวเราะในลำคอเหมือนชอบใจ
“...พิษร้ายของอำนาจสะท้อนกลับใส่ผู้ควบคุม
ราคาที่เจ้าต้องจ่ายทั้งร่างกาย ทั้งเลือด เซลล์พิษทุก ๆ อณูสีดำเข้มคลั่กนี้จะฝังอยู่ในกายเจ้าจนสิ้นลมหายใจ
คนเราพอสิ้นอำนาจก็จะได้ถูกผลกระทบย้อนหลังใช่ไหมเจ้าในตอนนี้ก็เช่นกัน เอาล่ะ
นี่คือแผลทั้งหมดที่ได้พลังสีดำรักษาเอาไว้ไงล่ะ~”
ยมทูตดึงรั้งประคองให้หญิงสาวฝืนยืนขึ้นแม้จะคอตกและขาสั่นมือที่ถูกกุมเอาไว้ป่ายปัดเกาะกับบ่าเล็ก
ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เสียงกระดูกหักลั่นก่อนจะบิดกลับมาคืนรูปทำให้เจ้าของร่างหลุดเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“หมายความ ว่ายังไง แผลเก่าพวกนี้...”
นักฆ่ากดเสียงต่ำ ความเจ็บปวดทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้พลังย้อนกลับมา
บาดแผลมากมายเริ่มปริซึมสีแดงของเลือดจนชุดที่ใส่เริ่มเปียกชุ่มก่อนจะสมานกันและเหลือเป็นแผลเป็นมากมายตามผิว
รวมทั้งรอยสีดำราวกับรากไม้ที่เกี่ยวพันตั้งตาขาขวาลามไปถึงท้องแขนขวา
นั่นคือราคาที่เธอจ่ายไปตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้
จะสู้ยืนหยัดขึ้นเพื่อเก่งกว่าใครทั้งนั้น
เพื่อปกป้องให้ได้ตามสัญญา แต่ว่าวันนี้...เธอผิดสัญญาเข้าให้
“ถ้าอยู่ด้วยกันจะไม่เป็นอะไร...
เจ้าเคยกล่าวเช่นนี้ แต่วันนี้มันเป็น หึหึหึ
สัญญาเวทมนตร์ของข้าก็เลยย้อนความทรงจำร่างกายของเจ้านิดหน่อย...”
ยมทูตลูบริมฝีปากตัวเองกลอกตาคล้ายนึกถึงเนื้อหาเหล่านั้น
“สุดท้าย...พิษร้ายของความรู้สึกแผดเผาไร้ความยุติธรรม
เจ็บมากใช่ไหมล่ะ
เมื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เคยหายไปถาโถมกลับเข้ามาในครั้งเดียวเพียงเสี้ยววินาที
ประหลาดดีเนอะทั้งที่มีก็มีอารมณ์ของความสุขด้วยแท้ ๆ
แต่พอบีบอัดคืนไปในพริบตารู้สึกราวใจจะขาดเสียให้ได้ หึหึหึ” ยมทูตนั้นไม่ใช่ชื่อที่แท้แต่มันก็ใช้นามนี้เพื่อให้ซีลอนเรียกหายกมือแตะหัวใจกลางอกของนักฆ่า
พอเอิร์ลหัวใจหยุดเต้น
ความทรงจำตั้งแต่เด็กก็ย้อนกลับมาเหมือนฉากซ้ำชีวิตของเธอใหม่ทั้งหมด
แต่คราวนี้เธอรู้สึก ในเรื่องที่น่าดีใจหัวใจก็เต้น
ในเรื่องที่น่าเศร้าหัวใจนี้ก็บีบรัด ทั้งความรัก ความห่วงใย ความรู้สึกต่าง ๆ
ที่มีรักเป็นส่วนประกอบกลับมาอีกครั้งในเสี้ยววินาทีที่หวนนึกถึง
ซีลอนลูบยกมือปิดสายตาหน้ากัดปากตัวเองอย่างไม่คิดว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
เหนื่อยและล้า
ในวินาทีที่รักตัวเองเพิ่มขึ้นมากลับตั้งคำถามว่าทั้งหมดมันคุ้มแล้วแน่หรือ
แต่ว่าจะมันไม่คุ้มได้ยังไงในเมื่อแลกเอาเอิร์ลเกรย์ที่สดใสเป็นแสงเดียวในชีวิตกลับมาได้
เคยซ้อมจนน็อก
ฝึกจนขยับตัวไม่ได้ทั้งเหนื่อยทั้งล้าแต่กลับคิดว่ามันก็เป็นราคาที่ต้องจ่าย
แต่พอมาตอนนี้ทั้งขำทั้งสมเพชเป็นแค่เด็กก็ควรจะวิ่งเล่นอย่างมีความสุข แต่เธอเลือกจะใช้เงาแค้นทั้งหมดเพื่อผลักดันตนเอง
ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกทำให้เด็กคนหนึ่งต้องทำขนาดนี้แล้วไปอยู่โลกเบื้องหลังกันนะ
เคยอยู่กับพวกสึนะแล้วมองอย่างไม่รู้สึกอะไร
แต่ตอนนี้เห็นภาพเดิมอีกครั้งกลับรู้สึกอยากยิ้มขึ้นมากับใบหน้าซื่อ ๆ
โลกเบื้องหน้ามันสว่างไสวมากจริง ๆ ผิดกับตลอดมาที่เธอใช้ชีวิตอยู่
แต่ว่าเธอจะไม่มีทางเสียใจกับทางเลือกของตัวเอง
เคยร่วมออกศึกกับใครหลายคน
มองอย่างผ่านตาก็ไม่เคยนึกมีปัญหาตรงไหนถ้าพวกอ่อนแอจะตายลงต่อหน้าต่อตา มาตอนนี้ก็มีความคิดผุดขึ้นว่าถ้าเป็นไปได้ก็อย่าตายเชียวนะ
อย่าตายในที่ที่เธอเอื้อมไปถึง เพราะไม่อยากรู้สึกอ่อนแอไปมากกว่านี้แล้ว
เคยถูกบอกว่ายังจะเก่งกว่านี้อีกเหรอ ก็ไม่แม้แต่จะลังเล ในครั้งที่ความรู้สึกทั้งหมดกลับมากลับห่อเหี่ยวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำไมล่ะ ก็เพื่อจะได้ปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดยิ่งกว่าชีวิตเอาไว้ มันก็มีแต่จะต้องปีนขึ้นไปจนกว่าจะร่วงลงมาไม่ใช่รึยังไง?
มันเจ็บปวด เพราะเธอไม่เคยรู้สึก
ความรู้สึกที่ถ่วงรั้งพลังไม่มีมันบางทีคงจะดีกว่า ซีลอนเหลือบมองคนในห้องผ่ายร่องนิ้วของตนแล้วเค้นหัวเราะในลำคอเหมือนคนสติหลุด
เลื่อนมือไปกำเสื้อสีสันสดใสนั่นของยมทูตที่แท้จริงเป็นปีศาจเงยหน้าขึ้นจ้องอย่างไม่คิดจะหนีสายตาสัตว์ป่านั่นด้วยความกลัว
อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูของเธอ
เธอคิดดีแล้วของที่ไม่จำเป็นกับนักฆ่า...ไม่ต้องได้รับกลับมาหรอก...
คนที่รักและห่วงใยได้มีแค่เอิร์ลเกรย์คนเดียวก็พอ
แล้วเพราะถ้ามากกว่านั้น...จะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่ทำใครหล่นหายไปกลางทาง
“ไม่มีมันจะดีกว่านะ
ผมน่ะ...ไม่เหมาะกับความรู้สึกอย่างมนุษย์หรอก เพราะงั้นในครั้งที่สองนี้จะเป็นอะไรก็จะจ่ายทั้งนั้น
แน่นอนว่าความรักที่ไม่จำเป็นนั่นด้วย แน่นอนว่ายกเว้นส่วนของเอิร์ลเกรย์
วิญญาณอีกครึ่งของผม” ซีลอนเหลือบตามองร่างที่อยู่สูงกว่าเพราะการลอยตัวอิสระ
ทาบมือที่เปื้อนสีดำติดแน่นกับอกตัวเองก่อนจะกำคอเสื้อตนจนยับ ได้ไม่คุ้มเสีย?
ไม่จำเป็น... แค่เอิร์ลเกรย์เท่านั้นที่ห้ามตายก่อนเธอ นี่คือ
ความเห็นแก่ตัวและความรักตัวเองของเธอ
ต่อให้ร่างกายเย็นชืดหรือป่วยไข้ก็จะยังคงจับมือของตัวเองอีกคนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
เธอไม่ใส่ใจทั้งร่ายกายและวิญญาณของตัวเอง หลังจากตายแล้วจะเจออะไรก็เรื่องของตอนนั้น
แต่ขณะที่มีชีวิตจะต้องได้อยู่ด้วยกันกับอีกครึ่งของตน
“จะแลกชีวิตของฝาแฝดที่กลับมามีชีวิตแข็งแรงสมบูรณ์กับความรักของมนุษย์และพลังเมฆาในตัวหรือไม่”
ยมทูตกรีดยิ้ม ซีลอนไม่คิดว่าสัญญาซ้อนครั้งที่สองจะจ่ายเพียงสิ่งเดียวอยู่แล้ว
ยมทูตยื่นมือให้จับ
“ยินยอม...มอบให้ทั้งสองอย่าง”
นักฆ่าเค้นยิ้ม เธอยังคง...ก้าวลงไปในบึงสีดำนี่
เอื้อมมือไปจับมือของปีศาจที่ยื่นเข้ามาสัญญาว่าจะมอบแสงสว่างอันระยิบระยับให้กับเธอ
“ในครั้งหน้า
การตายครั้งที่สามข้าจะเอาพลังสายหมอกของเจ้าไป...
อย่าให้เร็วนักแล้วกันลูกมนุษย์ที่น่าเอ็นดูของข้า...” มันหยดเลือดลงปากผู้ทำสัญญา
รอยรากไม้สีดำบนร่างกายเลื้อยย้อนกลับไปในตาขวา
“เพราะความตายยังคงถามหาชื่อของเขา”
ยมทูตกระซิบลา
“ส่วนค่าใช้จ่ายการใช้พลังแถมให้เพราะหลังจากนี้เจ้าคงใช้มันบ่อยยิ่งกว่ายี่สิบปีนี้รวมกันเสียอีก”
มันหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน
ดวงตาแดงก่ำหรี่โค้งถอนมือออกจากนักฆ่าและหมุนตัวหายวับไปจากตรงนั้นราวมายากล
ไม่เหลือทั้งเค้าไอและบรรยากาศหนักอึ้งอยู่อีก
ทุกคนหายใจเฮือกทรุดลงกับพื้นบ้างยืนแข็งค้างบ้าง
พลังที่ระบุไม่ได้เพราะไม่ใช่ของของมนุษย์
ไม่ว่าจะวิจัยเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจการทำงานหรือนำมาใช้ได้โดยผู้อื่น
เบลเฟกอลหลังติดกำแพงฝืนยิ้มและพบว่าการที่ได้เห็นอะไรแบบนี้มันช่างคุ้มค่าที่เดินมา
ซีลอนเดินไปที่เตียงของเอิร์ลเกรย์ลูบแก้มที่ขึ้นเลือดฝาดหายใจสม่ำเสมอ
ไม่ได้สนใจสายตาของใครต่อใครเพราะนั่นไม่ใช่เอิร์ลเกรย์ของเธอ
“ถึงอย่างนั้นก็จะกุมมือเอาไว้...
จะพากลับมาไม่ว่าต้องเสียอะไรไปอีกกี่ครั้งก็ตาม”
เธอก้มลงแตะหน้าผากกับฝาแฝดด้วยสายตาอ่อนแรง แฝดชายตื่นขึ้นมาพอดีก็ส่งยิ้มอ่อนแรงให้เช่นกัน
หัวใจเธอโตมาอย่างคนที่ไม่แยแสกับทั้งโลกยกเว้นฝาแฝด
การจะยอมให้ตัวเองมีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไปมันหนักหนาเกินไปหน่อย...
ใจของเธอคงรับมันไม่ไหว สีสันหลากหลายที่เต็มตื้นทั้งในความทรงจำและหัวใจบีบรัดไม่ใช่ความเคยชินที่แล้วมา
“ไม่อยากตื่นขึ้นมาเห็นเธอเสียสละอะไรไปตั้งมากมายเพราะผมเลยนะ...
นี่ผมเองก็อยากเป็นฝ่ายจ่ายบ้าง” เอิร์ลเกรย์เอ่ยเสียงเบา
ร่างกายเขากลับมาปกติแต่ยังคงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง บาดแผลทั้งหมดหายไปแล้ว
“ไม่ได้หรอก
เพราะเอิร์ลน่ะเกลียดความเจ็บปวดที่สุดนี่... หมอจะทนเจ็บเท่านักฆ่าได้ยังไง
อีกอย่างไม่สำคัญหรอกว่าผมจ่ายอะไรไป แค่นายกลับมาก็พอ...”
ความยึดติดเกินธรรมดาราวกับคลั่งไคล้
จับมือที่กลับมาอุ่นอีกครั้งและยิ้มแย้มราวกับคนธรรมดา รอยยิ้มของหญิงสาวธรรมดา
“อรุณสวัสดิ์เอิร์ลที่รักของผม
จะนอนต่อก็ได้นะ เพราะหลังจากนี้พวกเรามีงานอีกมากที่ต้องสะสางด้วยกันเลยล่ะ...”
ซีลอนบีบมือของฝาแฝดแล้วยิ้ม ยกขึ้นทาบแก้มของตนอย่างรักใคร่
“เพราะผมไม่ถนัดคำนวณเท่านาย
แต่ก็จะช่วยนะ เรามาล่าพวกมันด้วยกันเถอะเอิร์ล
พวกมันทุกตัวที่ทำให้นายเสียเลือดจนตาย ไอ้แก๊งที่หันเขี้ยวเล็บใส่นาย
ผมจะฆ่าให้หมดเอง”
ซีลอนยิ้มแย้มออกมาเหมือนกำลังคุยถึงขนมหวานที่กำลังรอพวกเขาอยู่
แต่ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังสุดหัวใจ
“ฮะๆๆ ซีนที่น่ารักของผมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นรุนแรงจังนะ
แต่ว่าผมจะให้ความร่วมมือเต็มที่เลยก็แล้วกันเนอะ”
เอิร์ลเกรย์ลูบม้วนปลายผมสีเงินของฝาแฝดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ถ้าซีลอนชอบเขาจะหามาให้...ทุกอย่างเลย
ต่อให้ต้องหันหลังให้โลกทั้งใบก็ตาม
คนที่ไม่เคยโกหก
ไม่เคยทอดทิ้งเขาแม้ว่าจะอ่อนแอแค่ไหน
ต่อให้ป่วยจนลุกไปทำอะไรเองไม่ได้ก็จะมีมือของซีลอนคอยประคองไว้
หากผู้คนทั้งโลกสามารถที่จะทรยศใส่คนข้างตัวได้
แค่อีกครึ่งของเขาจะไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ก็เพราะต่อให้ต้องเป็นศัตรูหรือฆ่าคนทั้งโลกเธอก็จะยังกุมมือเขาไว้...อย่างดื้อรั้น
รู้ว่าเพราะความรู้สึกที่ขาดหายบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไปทำให้เธอแสดงออกมาสุดโต่งแบบนี้
แต่เขาก็รู้ว่าเธอเป็นคนปกติได้...ยามที่เขาหมดลมหายใจ
เขาตายได้สี่ครั้งเท่านั้น
หมายความว่าอีกแค่สองครั้ง... ซีนที่น่ารักของเขาก็ไม่ต้องมีเขาคอยถ่วงแข้งถ่วงขาอีกต่อไป
ในทุกครั้งที่เอิร์ลเกรย์ตื่นขึ้นมาความปรารถนาบางอย่างก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
เธอจะเป็นคนปกติ
เป็นมนุษย์ธรรมดา...ที่ไม่มีพลังอะไรทั้งนั้น
เมื่อถึงเวลานั้นเขาหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปได้...
ยื่นมือไปเพื่อโอบกอดฝาแฝดผู้ซึ่งเป็นตัวเองอีกครึ่งเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
โดยที่ปรารถนาถึงสิ่งเดียวกัน
‘ ‘มันเป็นรักที่เห็นแก่ตัวของฉัน’ ’
‘ปรารถนาให้เธอมีชีวิตอยู่โดยไม่มีฉัน’
‘ปรารถนาให้นายมีชีวิตอยู่กับฉัน’
ความคิดเห็น