ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #1 : |1| DISCOMBOBULATE | เงาเล็ก ๆ ผู้ขึ้นตรงต่อเบื้องบน

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 63


    ( Cr : https://www.pinterest.com/pin/356980707966624831/ )

    “พวกเรานั้นต่างก็มีความฝันที่งดงาม ความฝันงดงามที่ซักวันต้องหมดลง” 
    - Binary Star/Cage - SawanoHiroyuki[nZk] -

    ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งที่โชคชะตาพลิกผันกลับดีเป็นร้ายหรือคลายร้ายกลายดี...โอกาสสักครั้งหนึ่งนั่นมาเยือนพวกเขามากกว่าสองครั้ง...

    ครั้งแรกเปลี่ยนจากเด็กแฝดผู้ควรอยู่ในครอบครัวอบอุ่นมาเติบโตในสถานกำพร้าชานเมืองอิตาลี่ ความเป็นอยู่ของพวกเขาไม่แย่นัก แต่เอ่ยได้ไม่เต็มปากว่าดีเท่าไหร่... ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดเป็นคนเอาเด็กแฝดที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลและรอยฉีดยามาทิ้งเอาไว้ ซิสเตอร์เองก็กลัวว่าทั้งคู่จะไม่รอดก่อนหมดฤดูหนาวแต่พวกเขาก็ดวงแข็งกว่าที่คิด

    ครั้งที่สองพอห้าขวบได้ไม่นานก็เปลี่ยนชีวิตในโลกใต้ตะวันเจิดจ้า กลับต้องมาอาศัยใต้แสงเย็นเหยียบของโลกเบื้องหลัง ชายแก่คนหนึ่งมาหาพวกเขาและรับอุปถัมภ์ทั้งคู่กลับไปที่คฤหาสน์ของตน บ้านหลังใหม่นี้มืดดำน่ากลัวแต่ว่ากลับอบอุ่นยิ่งกว่าสถานที่ที่จากมา

    ซันซัส ตั้งแต่ว่านี้เด็กพวกนี้จะมาเป็นลูกพี่ลูกน้องของลูกนะรู้จักกันไว้สิ ชายผู้บอกว่าเป็นรุ่นที่เก้ายิ้มแย้มและดันหลังเด็กแฝด ผู้เป็นแฝดชายเผยสีหน้าระแวดระวังและหวาดกลัวพี่ชายที่โตกว่าเกือบสิบปี กลับกันแฝดหญิงที่เค้าหน้าคล้ายกันมากได้ยิ้มแฉ่งเดินเข้าไปเกาะอย่างไม่กลัวตาย

    พี่จ๋า?’

     


    “คุณอลอนโซ่ คอนติน รุ่นที่เก้ากำลังรอคุณอยู่เลย” ชายในสูทดำนำทางพ่อค้าอาวุธไปยังห้องประชุมเล็ก อลอนโซ่เป็นหนึ่งในนักค้าขายที่ติดต่อทำสัญญากับวองโกเล่แฟมิลี่ เป็นหนุ่มวัยรุ่นตัวสูงผอมที่มีใบหน้าร้ายลึก มักยิ้มอ่านยากที่ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับเด็กแฝดในอุปถัมภ์ของรุ่นที่เก้า แค่แรกสบตากับแฝดคนหนึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้มีความสามารถแฝง แววตาทะเยอทะยานสีน้ำเงินนั่นกับใบหน้านิ่งงันราวกับประเมินเขา ก่อนจะเดินผ่านไปแต่ก็ยังได้ยินบทสนทนาสั้น ๆ ของเด็กคนนั้นกับทายาทท่านรุ่นที่เก้า

    “ไอ้เปี๊ยก ให้ไว” ซันซัสเอ็ดเด็กที่ตัวเล็กกว่าพลางยีผมสีเงินสว่าง

    “เฮียอ่า...ไปดูเฮียฝึกยิงปืนน่าเบื่อจะตายยังไงก็เข้าเป้าทุกนัดนี่” ซีลอนบุ้ยปากแต่ก็เดินตามพี่ชายบุญธรรมไป

    “ทำไม อยากลองดูบ้างรึไง ก็เอาสิ ถ้ามันเข้าสักนัดฉันจะสอนแกให้” ซันซัสเค้นหัวเราะขึ้นจมูก

    “สัญญาแล้วนะ! จับตาดูให้ดีเพราะว่าเฮียต้องได้สอนผมแน่!” เสียงเจื้อยแจ้วนั่นร่าเริงขึ้นไปอีกระดับพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่รีบจ้ำหายไป

    อลอนโซ่เข้าไปในห้องประชุมและนั่งลงกับโซฟา ตั้งแต่ที่เขาขึ้นเป็นหัวกลุ่มการค้าเดอะวีคได้ไม่นานนี่ก็เป็นปีแรกที่เขาได้เข้าพบคู่ค้ารายใหญ่โดยตรง

    “คงตกใจสินะที่เรียกมากะทันหันทั้งที่เพิ่งรับตำแหน่งจากพ่อของเธอ แต่ทางฉันก็มีเรื่องอยากจะไหว้วานคนรุ่นใหม่ไฟแรงเสียหน่อย... นักวิจัยใต้ดินของอีเธอร์ที่หายหน้าหายตาไปนานเหมือนจะเคลื่อนไหว เธอเองที่มีความหลังไม่ดีกับพวกมันคงอยากจะได้ยินข่าวนี้” ชายแก่ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

    “เด็กในโครงการวิจัยมีชีวิตรอดหลายคนสองในพวกนั้น...”

     


    คู่แฝดโตมาท่ามกลางผู้คนที่อาศัยในโลกเบื้องหลัง ซีลอนไม่ได้ใส่ใจนักเพราะว่าชีวิตที่เป็นอยู่ก็ออกจะดี แม้จะมีเรื่องที่คนธรรมดาคงไม่ได้เห็นกันเกิดขึ้นบ่อยไปหน่อย และเพราะว่าเป็นเด็กดี ถึงจะเบื่อเวลาต้องเรียนไปบ้างแต่ท่านรุ่นที่เก้าที่เรียกตัวเองว่าปู่ก็มักจะพาฝาแฝดออกไปเที่ยวเล่นตามสบโอกาสเสมอ เป็นชีวิตที่เหมือนคนปกติไม่มีผิด แค่ไม่มีพ่อกับแม่

    ตั้งแต่เด็กเธอไม่เข้าใจสายตาของซันซัสเท่าไหร่ แล้วก็ไม่เข้าใจรอยยิ้มนั่นที่มักปรากฏเวลาเธอทำได้ดีตอนเรียนยิงปืนหรือใช้มีด เพราะว่าเห็นทุกคนใช้ได้ก็เลยอยากใช้ได้บ้างเท่านั้น

    แต่ว่าเธอก็คิดว่าสำหรับเฮียเธอคงเป็นของเล่นอย่างแรร์ล่ะมั้ง ก็เอิร์ลเกรย์ของเธอไม่ถนัดเรื่องออกแรง เลยหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดมากกว่าดูจะเป็นที่ถูกใจของเลขารุ่นที่เก้ามากกว่าด้วย

    “คืนนี้ไม่ต้องออกจากห้องเข้าใจไหม ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แกแค่นอนไปจนถึงเช้าก็พอ” ซัสซัสที่มาส่งแฝดเข้านอนเขาพ่นลมหายใจออกจมูก

    “เข้าจาย” เด็กแฝดขานรับยานคางแล้วช่วยกันปิดประตู ในวินาทีก่อนที่ภาพภายนอกจะถูกบานประตูบังไปเธอก็เห็นแววตาอีกแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูประกายแต่ดุร้าย... เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามเฮียแล้วกันหรือไม่ก็สังเกตเอา

    ว่าแต่ไม่ให้ออกจากห้องเนี่ยคืนนี้จะมีอะไรผิดปกติสินะ?ซีลอนสรุปกับตัวเองในหัว จูงมือฝาแฝดปีนขึ้นเตียงนอน

    ในคืนนั้นมีเสียงปะทะกันดังสนั่น เอิร์ลเกรย์สั่นเล็กน้อยแต่ก็พยายามกุมมือฝาแฝดที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา

    “ซีลอน...ข้างนอกเขาตีกันเหรอ?” เด็กชายไม่มั่นใจว่าควรจะออกไปรึเปล่า หรือพวกเขาควรหนีไหม?

    “ม่าย เฮียบอกว่าให้อยู่แต่ในห้อง... แต่ถ้าห้องเราโดนบุกไว้ค่อยคิดหนีอีกทีแล้วกันเนอะ” เด็กหญิงขยี้ตาแล้วหาว เธอไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีเสียหน่อย เสียงมันไกลออกไปมาก และคงจะเป็นเสียงระเบิดจึงลั่นดังมาถึงตรงนี้

    “เฮียจะเป็นอะไรไหมนะ?” เอิร์ลเกรย์ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่หรอกเฮียดื้อจะตาย คงได้แผลแต่เดี๋ยวก็ออกมาขี้เหวี่ยงเหมือนเดิมนั่นแหละ” ซีลอนตลบผ้าห่มคลุมหัวหวังว่ามันจะช่วยลดเสียงดังลงไปได้บ้างแต่อากาศในผ้าห่มจำกัดทำให้อบอ้าวขึ้นมาแทน

    “ฟุว อึดอัดอ่ะ เมื่อไหร่เสียงจะจบนะ?”

    “อือ นั่นสิ” เอิร์ลเกรย์พยักหน้าพลางเอามืออุดหูด้วย แต่ไม่นานเสียงปืนก็หยุดลง

    ““จบแล้วล่ะมั้ง?”” ทั้งคู่เอ่ยออกมาประโยคเดียว ล้มตัวลงนอนกอดกันกลมในผ้าห่มจากนั้นในเช้ารุ่งขึ้นท่านรุ่นที่เก้าที่อุปถัมภ์พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวถึงซันซัสที่ไม่ได้มาทานอาหารเช้าด้วยกัน ยังไงอีกฝ่ายก็เอาแน่เอานอนไม่ได้และมักตื่นช่วงสายของวันอยู่แล้ว

    ในมื้อเที่ยงซีลอนสอดส่ายสายตามองหาพี่บุญธรรมแต่ก็ไม่เห็น

    “ไม่ต้องหา ซันซัสจะไม่อยู่หลายปี...เรื่องยิงปืนปู่จะหาครูมาให้นะซีลอน” ท่านรุ่นที่เก้ากล่าวเช่นนั้น

    “โอเค~” เจ้าตัวเล็กไม่เถียงอะไรนัก และเข้าใจว่าสักวันเธอก็คงจะต้องทำงานเหมือนคุณน้าที่ใส่สูทดำในคฤหาสน์

    แต่ว่าเธอก็ไม่เสียใจหรอกที่ข้ามมายังโลกฝั่งนี้ มีผู้อุปถัมภ์ที่ใจดี มีอาหารและที่นอนอบอุ่นเสื้อผ้านุ่มนิ่มและที่ให้วิ่งเล่น ได้รับการสั่งสอนมารยาทและความรู้ทางวิชาการต่าง ๆ อย่างที่สถานกำพร้าเทียบไม่ติด สำหรับคนที่มาจากที่ต่ำกว่าอย่างเธอกับฝาแฝดจึงไม่ได้ต่อต้านกับอนาคตเปื้อนเลือดเหล่านั้น

     


    แต่ว่าเวลาแห่งความสุขมักอยู่ไม่นาน จุดหักเหครั้งที่สามคือในช่วงเก้าขวบ เด็กตัวน้อยปีนลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำตอนที่เธอกำลังจะออกมากลับมีเสียงกระจกแตกและฝีเท้าของผู้บุกรุก

    บนเตียงว่างเปล่า...

    เขาที่ใช้ชีวิตตลอดมาโดยมีตัวเองอีกคนร่วมยิ้มและร้องไห้อยู่ด้วยเสมอก็ทำอะไรบ้าบิ่นขึ้นมา...

    ไม่เป็นไรก็ซีลอนกับผมพวกเรามีเครื่องติดตาม แค่ตามไปก็พาแล้วก็ยิงพวกมันซะเด็กชายหยิบปืนออกมาจากที่ซ่อนและรีบวิ่งไปที่ห้องอิเล็กทรอนิกส์เพื่อหยิบเครื่องติดตาม พวกผู้ใหญ่วิ่งวุ่นกันเพราะเหตุบุกรุกที่หยามกันซึ่งหน้า

    และเพราะการปะทะที่ยาวนานจึงทำให้พวกเขามารู้ตัวว่าเด็กสองคนถูกลักพาไปจากคฤหาสน์ก็เกือบชั่วโมงถัดมา

    เอิร์ลเกรย์ใช้จักรยานไฟฟ้าลัดเลาะไปตามตรอกซอยเพื่อตามสัญญาณของฝาแฝด เขาจะไม่วิ่งลงถนนใหญ่เพราะมันผิดปกติเกินไปที่เด็กตัวเล็ก ๆ จะออกมากลางค่ำกลางคืนแถมเขายังพกอาวุธอีก

    เด็กชายเชี่ยวชาญเรื่องระบบไฟฟ้ากับอุปกรณ์ไฮเทค เมื่อตำแหน่งของพวกเขาใกล้กันมากแต่มองไม่เห็นกันจึงรู้ได้ทันทีว่าแฝดของตนคงอยู่ใต้ดินหรือชั้นบนของอาคารสักแห่งรอบนี้ เขาเปิดระบบติดตามขั้นสองและทำให้ต่างหูของฝาแฝดส่งสัญญาณไฟฟ้าออกมาเพื่อตรวจจับสภาพโดยรอบ แม้จะทำงานได้ไม่ดีนักเพราะเป็นรุ่นทดลองแต่ก็มากพอให้เขาคลำทางเข้าไปช่วยเธอได้

    ฝาแฝดไม่ได้แค่ฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกันอย่างมนุษย์ปกติ...แต่เพราะทั้งคู่เป็นเด็กที่รอดจากการทดลองของแล็บอีเธอร์ ทำให้มีศักยภาพเหนือมนุษย์จากการเลือกเฟ้นยีนที่ดีที่สุดออกมาในบรรดาหลายหลอดทดลอง พวกที่รอดตายมีหยิบมือ และนักวิจัยที่ยังหลงเหลือมนุษยธรรมก็นำพวกเขาหลบหนีออกไปส่งตามสถานกำพร้าแห่งต่าง ๆ ก่อนที่จะถูกเอเธเนียแฟมิลี่กวาดล้างเพราะขัดผลประโยชน์กับอีเธอร์แฟมิลี่ทั้งที่ต้นสายตระกูลเป็นเส้นเดียวกัน

    นี่เป็นความลับที่ฝาแฝดไม่รู้ และเป็นเหตุผลที่รุ่นที่เก้าแห่งวองโกเล่ยื่นมือเข้ามายุ่งด้วยตัวเอง

    ความอัจฉริยะพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากแล็บผิดกฎหมายของมาเฟีย

    เสียงกรีดร้องของเด็กคนหนึ่งลั่นห้อง เอิร์ลเกรย์มุดไปตามท่อลมเพื่อเข้าใกล้และหาทางช่วยเหลือฝาแฝดด้วยความคิดเด็ก ๆ

    เขาทำได้น่าแค่ยิงปืนไม่ยากหรอก เด็กชายปลอบตัวเองในใจ น้ำตารื้นเพราะฝาแฝดที่ดิ้นอยู่บนเตียงถูกฉีดอะไรบางอย่างเข้าไปจนเส้นเลือดที่แขนปูดขึ้นมาอย่างผิดปกติ

    เขาเล็งปืนไปที่นักวิจัยพวกนั้น

    ปัง! โพละ!

    เด็กชายมือสั่นแล้วอ้วกออกมากับภาพที่ต่างจากจินตนาการเอาไว้แต่ก็พยายามเล็งยิงคนถัดไป

    “ผมมาช่วยแล้วนะ ฮึก... ผ ผมมาช่วยแล้ว” เอิร์ลเกรย์กลั้นสะอื้นพยายามคุมมือที่สั่นให้นิ่งลง มันไม่เหมือนที่เขาคิดไว้ ทำไมเขากลับไม่รู้สึกดีเลยที่ยิงคนชั่วพวกนี้ แต่ถ้าเขาไม่ทำ...ฝาแฝดของเขาจะ...

    ปัง!

    “ยิงท่อลม!

    ปังปังปัง!!!

     

    สายตาของซีลอนพร่าเลือนเพราะฤทธิ์ยาเธอเห็นภาพมัวแต่ก็พออนุมานได้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นสัญชาตญาณ หรือพลังพิเศษของฝาแฝดเธอรู้ว่าเอิร์ลเกรย์อยู่ที่นี่... กระสุนที่ยิงหัวนักวิจัยมาจากทางช่องลม แม้นัดที่สองจะพลาดเพราะอะไรก็ตามมันก็ยังโดนหน้าอกผู้ใหญ่คนหนึ่งให้ล้มลงไปร้องอย่างเจ็บปวดบนพื้น

    “ยิงท่อลม!

    เสียงกระสุนดังขึ้นหลายนัดตามมาด้วยฝนสีเลือดจากท่อบนเพดาน

    นั่นน่ะ...นั่น เธอนิ่งงันไปราวกับว่าความเจ็บปวดในเส้นเลือดพลันหายวับ

    หนาวเหน็บ... และหวาดกลัว

    “เด็กว่ะ...นึกว่าจะตัวเป้งเสียเวลาฉิบหาย” ผู้ใหญ่บางคนหิ้วศพเด็กชายออกมาจากท่อลมและตรวจดูว่าไม่มีผู้บุกรุกอื่น

    “อ...อ๊า!!!!” ซีลอนดิ้นอยู่บนเตียงผ่าตัดพยายามกระชากข้อมือข้อเท้าออกจาสายหนังที่รัดอยู่ต่อให้เกิดบาดแผล ต่อให้เลือดออก แต่ทำไมข้างในถึงเจ็บยิ่งกว่านะ

    เจ็บเหมือนมีอะไรมาทุบในอก... แสบพล่านไปในเส้นเลือดตั้งแต่หัวใจไปยังปลายนิ้ว

    ไม่เข้าใจ! ไม่เข้าใจ!’ เธอคิดว่าบางทีเธอควรจะเสียใจ แต่ว่ากลับรู้สึกโกรธขึ้นมา... มันมากกว่าโกรธแต่เธอไม่รู้จักคำที่จะมาอธิบายความรู้สึกเหล่านี้

    เหมือนจะระเบิดออกมา และถ้าระเบิดออกมาได้ก็คงจะดี จะได้ลากพวกมันไปนรกกับเธอ

    กล้าดียังไง กล้าดียังไง ถึงทำกับเอิร์ล พวกมันทุกตัว จะต้อง...ชดใช้!!’

    “พวกแก— จะต้อง...ชดใช้—” แม้ว่าสิ่งที่ปะทุอยู่ภายในจะเหมือนเพลิงลุกโหมแต่ร่างกายและลำคอกลับเปล่งเสียงออกมาได้แค่คล้ายจะร้องไห้

    แล้วทำไมต้องเป็นเอิร์ลกับเธอกันล่ะ?

    ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย...ไม่-ยุ-ติ-ธรรม!’

    “กราฟพลังแฝงพุ่งสูงจนเลยลิมิตเตอร์ไปแล้ว! ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้จะหัวใจวายตาย!

    “รีบฉีดยาลด! เพิ่มยาคลายกล้ามเนื้อเข้าไปด้วย!

    เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาทำอะไร แต่ตอนนี้นอกจากอาการเจ็บแล้วเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่รู้จักอยู่เต็มไปหมด

    อะไรที่ลุกไหว? หรืออาจจะฝังซ่อนอยู่ข้างใน?

    และเธอเองก็รู้สึกว่ามันจะเป็น...สิ่งที่ทำให้เธอมีอำนาจเหนือพวกผู้ใหญ่ได้

    ระเบิดไฟธาตุแตกตัวออกอย่างรุนแรงโดยมีเด็กหญิงเป็นศูนย์กลาง เธอวิงเวียน ไม่เข้าใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอรู้จักไฟพวกนี้ ไฟที่ไม่ทำร้ายเจ้าของ แบบเดียวกับซันซัสและรุ่นที่เก้า

    เข็มขัดหนังที่รัดเอาไว้ลุกไหม้จนทำให้เป็นอิสระ แต่ว่าร่างที่นอนอยู่บนแอ่งเลือดข้างเตียงนั้นไม่มีการตอบสนองอย่างคนมีชีวิต

    เด็กหญิงตัวน้อยทึ้งผมสะอื้น ไฟธาตุอรุณรักษาเยียวยาได้... เธอจำที่พวกผู้ใหญ่เคยสอนเอาไว้ได้

    ทำอะไรได้บ้าง เธอพยายามจะควบคุมไฟธาตุอรุณแต่ว่ามันกลับไม่ยอมเป็นไปตามที่คิด อย่าว่าแต่ควบคุมการเคลื่อนไหวเลย แค่จะดับเพลิงที่โหมไหม้รอบ ๆ ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

    “คำตอบคือไม่มีเลยน่ะสิ” ร่างของใครบางคนนอนเท้าคางอยู่กลางอากาศ “น่าประทับใจจังที่ใช้พลังที่ไม่รู้จักได้ ถึงกับทำให้เกิดการสั่นสะเทือนจนสร้างรูขึ้นมาในบรรดาพาราเรลเวิร์ล... แถมยังน่าอร่อยอีกต่างหาก” สิ่งนั้นฉีกยิ้มฟันแหลมที่ไม่เหมือนมนุษย์เรียงตัวสวยงามและไม่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรอยู่

    สัญชาตญาณของซีลอนยังคงทำงานได้อย่างดีเยี่ยม... มันกรีดร้องตะโกนว่าที่อยู่ตรงหน้า... สู้ไม่ได้

    “มันต้องมีสักสิ่ง ที่ทำได้บ้าง” เด็กหญิงกัดฟันพูด เธอไม่เชื่อหรอกว่าวิทยาการของวองโกเล่ที่ทำได้ทุกอย่างนั้นจะเอาฝาแฝดเธอกลับมาไม่ได้

    “อย่างเช่น?” บางสิ่งนั้นคลี่ยิ้มเอียงคอเล็กน้อย ผมสีขาวโพลนกับดวงตาแดงก่ำหรี่โค้งดูสนุกสนานเสียเต็มประดา

    “ตายไปด้วย” ร่างเล็ก ๆ เอียงคอตอบสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอนกลับไป ดวงตาที่เบิกกว้างไม่คิดจะหลบหรือเบนหนี ไม่ใช่เพราะกล้าหาญหรือสนใจ แต่เป็นเพราะหัวใจได้พังลงไปแล้ว

    “ช่างไม่รักชีวิตเอาเสียเลย ถ้าอย่างนั้นขายให้กับข้าสิ แล้วจะจ่ายให้อย่างงามเชียวล่ะ” มันกลางอากาศพลิกตัวแล้วเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิ เพราะเปลี่ยนท่าทางไปจึงทำให้เห็นว่านั่นเหมือนอะไรบางอย่างที่ไม่มีมนุษย์เชื่อว่าจะมีตัวตนอยู่จริง เขาแหลมเล็กสีแดง ปีกและหางปลายลูกศรสีเดียวกัน

    บางทีมันคงเป็นภาพหลอน ซีลอนคิดอย่างนั้น

    “ไม่มีอะไร มีค่า ไปมากกว่า เอิร์ล” และเพราะสวนไปเช่นนั้นมันก็ยิ้มออกมา

    “จ่ายให้อย่างงามเป็นเขาที่กลับมามีชีวิต เหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” เล็บดำของมันกรีดกับอกเสื้อเป็นกากบาท

    ต่อให้เป็นการหลอนไปเองแต่ซีลอนก็เต็มใจจะตกลง ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ช่างเป็นภาพหลอนที่งดงามเด็กตัวน้อยคิดเช่นนั้น... จินตนาการถึงแฝดที่ลุกขึ้นมาอีกครั้ง อยู่กับเธอ เหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดเขาไม่ได้...ตาย

    “ด้วยอะไร” ใช่ไม่ว่าด้วยอะไรเธอจะตอบคำว่าตกลงกลับไป ถ้าเพื่อแลกกับชีวิตของฝาแฝดแล้วย่อมคุ้มค่าจะจ่าย ต่อให้เป็นวิญญาณก็ตาม

    “พลังเจ็ดสีนั่น ตานั่น แล้วก็ความรู้สึกอีกสักหน่อย แล้วจะแถมอย่างอื่นให้ด้วยแล้วกันนะ~ เพราะว่าเธอก็คงไม่ต้องการจะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยใช่ไหมล่ะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นบอกให้เด็กหญิงรู้ว่าเธอเรียกร้องมันได้ แต่ก็ต้องจ่ายเพิ่ม

    “พลังที่จะฆ่าพวกมันทุกตัว” เธอต้องการแค่นี้ แค่ลากพวกมันทุกตัวมาไว้ใต้เท้าแล้วเหยียบย่ำให้แหลก

    “กว้างจังน้า อยากให้พูดเป็นรูปธรรมกว่านี้หน่อยล่ะ~” มันเหยียดขาลงพื้นแล้วอุ้มเอิร์ลเกรย์ขึ้นมาแม้เลือดจะเปื้อนมือแต่กลับไม่เปื้อนเสื้อผ้าที่สวมอยู่

    “พลังนอกเหนือไฟธาตุเพราะจะเอามันไปนี่ใช่ไหม ให้อย่างอื่นมาสิ” เด็กสาวเอ่ยขึ้น

    “อืมก็ได้อยู่หรอก แลกพลังเจ็ดสีนั่นกับพลังนอกระบบ ส่วนฝาแฝดแลกกับอะไรดีนะ...รู้แล้ว~ ความรู้สึกที่ไม่จำเป็นของเธอดีไหม คุ้มค่า~ เอาล่ะ ความรู้สึกไหนที่ไม่จำเป็นกับเธอล่ะ...เลือกจ่ายมาได้เลย” มันเผยมือใส่เด็กหญิงบนเตียง

    ซีลอนไม่คิดว่าตัวเองจะได้เลือกจึงนิ่งงันไปเพื่อขบคิด พลันนึกถึงประโยคของซันซัสและสมาชิกหัวกะทิของวาเรียขึ้นมาบางคน

    สิ่งที่ไม่จำเป็นกับนักฆ่า…’

    “ความรัก” ซีลอนเอ่ยขึ้นถึงหนึ่งห้วงอารมณ์ที่จะตัดทิ้งไป

    ใช่ความรักไม่จำเป็นสำหรับนักฆ่า ในโลกเบื้องหลังนี้สายสัมพันธ์คือสิ่งที่ถ่วงรั้งสองขา ทำให้พะว้าพะวัง และเป็นจุดอ่อน

    “แน่นอนว่าไม่รวมรักที่มีต่อฉันอีกคน ไม่รวมความรักที่มีต่อฝาแฝด ต่อเอิร์ลเกรย์” เธอกล่าวอย่างชัดเจนว่ายกเว้นฝาแฝด

    เจ้าปีศาจนอกระบบหัวเราะออกมา

    “อืม ไหวพริบดี~ เอาแบบนั้นก็ได้ อุตส่าห์จ่ายด้วยอะไรน่าสนุกขนาดนี้มาให้งั้นจะสมนาคุณให้หน่อยก็แล้วกัน...” มันจรดปลายนิ้วกับกลางอกของเด็กชาย เสกสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาภายใต้กลิ่นคาวเลือด ร่างของฝาแฝดที่ไร้บาดแผลนอนหลับสนิทไม่รับรู้อะไร

    “จะให้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรดี...ใช่แล้ว... ยมทูตแล้วกัน ทำสัญญากับยมทูตถึงได้ช่วงชิงเอาฝาแฝดกลับมาจากความตายได้” ยมทูตผมขาวกรีดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ลากปลายเล็บกับอกของเอิร์ลเกรย์เกิดแสงเรือขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนจางหาย

    “เขาจะตายได้สี่ครั้งเท่านั้นจำเอาไว้ ผู้ที่หลีกหนีจากความตายจะถูกความตายไล่ตามจนกว่าคนผู้นั้นจะอยู่ถูกที่ถูกทางในท้ายที่สุด...” ยมทูตเอ่ยแล้วหัวเราะขึ้นเมื่อสบเข้ากับแววตาไม่เป็นมิตรของเด็กสาว

    “กระนั้นหากเรียก ข้าก็จะ... รีบมาช่วย แต่ว่าไม่ได้ฟรีหรอกนะ~” มันจรดนิ้วกับปากตัวเองและยิ้ม

    “เพราะว่าอุตส่าห์ให้พลังมาตั้งเจ็ดอย่าง แต่ข้าจะไม่เอาไปทั้งหมดหรอกนะ เพราะว่าราคาของมันมากกว่าสิ่งที่ข้าแลกไป... ให้ความมืดอยู่เคียงข้างเจ้าก็แล้วกัน ยิ่งมืดมิดยิ่งได้เปรียบ ทั้งความมืดที่ครอบคลุมจนไม่เห็นสิ่งใด และเงาชัดเข้มใต้แสงเจิดจ้า จะเป็นพลังคลุ้งหมึกคล้ายน้ำมันดินในเลือดของเจ้า...” มันกดเล็บกับอุ้งมือตัวเองให้เกิดแผลจนเลือดนอง

    “ดื่มสิ”

    ซีลอนไม่แม้แต่จะหยุดคิดเธอเงยหน้าอ้าปากปล่อยให้ตัวตนตรงหน้าเทเลือดกลิ่นเถ้าไฟลงคอตัวเอง ความเจ็บปวดที่มีไม่ต่างกับตอนโดนฉีดยากระตุ้นแล่นไปทั่วเหมือนวิ่งไปตามเส้นเลือด

    “และเพราะว่าเป็นพลังนอกระบบ จำต้องค้ำจุนด้วยของนอกระบบ... แหวนสองวงนี้สร้างขึ้นเพื่อปรับเสถียรร่างกาย วงนี้ทำให้ใช้ได้แค่หนึ่งไฟธาตุเท่านั้น วงสีเงินทำให้เหลือสองอานุภาพในการกดพลังด้อยกว่าวงสีทอง” มันวางแหวนลงบนเตียงเหล็กปล่อยให้เด็กหญิงเลือกสวมเอง

    “ทำไมต้องกดเอาไว้?” ซีลอนถามขึ้น การใช้ไฟได้เจ็ดธาตุไม่ใช่เรื่องดีหรืออย่างไร?

    “ลองทายดูสิว่าทำไมมนุษย์ถึงใช้ไฟธาตุได้เพียงแค่ 1 จาก 7” ยมทูตกระตุกยิ้ม ก่อนที่มันจะตอบเองโดยไม่รอให้เด็กสาวคิด “ก็เพราะว่าร่างกายมนุษย์รับพลังมากขนาดนั้นไม่ไหวยังไงล่ะ... มันจะทำให้เซลล์เสื่อมอย่างรวดเร็ว พูดอย่างรวบรัดก็คือยิ่งทรงพลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตายไวมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเจ้าเอ่ยปากจ่ายมาตั้งมากมาย ให้เจ้ากับฝาแฝดตายเร็วข้าก็ไม่สนุกนะซิ~” เสียงหัวเราะในลำคอของมันไม่ได้ทำให้ซีลอนรู้สึกดีแต่ก็หยิบแหวนโซ่สีเงินขึ้นมาสวม และสวมแหวนสีทองให้เอิร์ลเกรย์

    เธอจ่ายไปตั้งมากมายเพราะงั้นแล้วก็ต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ฝาแฝด

    “แน่นอนว่าตานั่นแลกเป็นค่าแหวนล่ะนะ~” ผู้มากอำนาจราวกับจะเสกสรรได้ทุกอย่างเอ่ยอีกครั้ง เด็กหญิงกระตุกเล็กน้อยเม้มปากเป็นเส้นตรงเพราะเธอเกลียดความเจ็บปวด

    “ไม่ต้องห่วงไม่ควักออกไปหรอก เพราะตาที่ข้ารับมาเป็นสิทธิ์ในการมองและควบคุมของเจ้า เพราะว่าข้านะเลือกจ่ายแบบควักเนื้อตัวเองเชียวนะ~” ยมทูตคลี่ยิ้มแล้วเกลี่ยเส้นผมสีเงินหยดเลือดตัวเองลงบนตาขวาของเด็กตัวน้อย

    ปัง!!!

    “คุณหนู!” บอดี้การ์ดจากวองโกเล่รีบตามมาช่วยเหลือพวกเขาแต่ช้ากว่าสิ่งที่จบไปแล้ว

    “แน่นอนว่าข้ามิใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด” ยมทูตแสยะยิ้มกรีดหัวเราะชอบใจ หายไปก่อนที่กระสุนจะเข้าถึงตัวมันเสียอีก ความเย็นแทงไขกระดูกจากตาขวาทำให้ซีลอนรู้สึกถึงเลือดของปีศาจที่ไหลเวียนอยู่ในร่างตัวเองมากระจุกรวมที่ตาขวา

    ทำสัญญากับปีศาจ ไม่คิดว่ามันเท่าเทียมหรอกหรือ เป้าหมายที่ชัดเจนกับราคาที่จ่ายไป มีความสุขจนกว่าจะถึงเวลาที่สัญญาจะเริ่มผุพังลง

    ทัศนียภาพของตาขวามืดบอดไป แต่ก็ยังรับรู้ว่ามีมันและกลอกกลิ้งไปมาโดยที่เธอไม่ได้เป็นผู้ควบคุม นี่คงเป็นความหมายของตาที่ยมทูตตนนั้นกล่าว

    มันจบแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล เธอกระชับอ้อมกอดที่คล้องฝาแฝดเอาไว้เงียบ ๆ ไม่ต้อง...กังวล

    “คุณหนูตาของคุณ...” คนที่มาช่วยแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนใจจากนั้นจึงพยายามหาอะไรเงา ๆ ที่สามารถสะท้อนเงาได้ชัดเจนส่งให้เด็กหญิง

    เนื้อตาขาวกลายเป็นสีดำสนิท และรูม่านตาก็เปลี่ยนไปคล้ายวงรีแต่เธอไม่ได้สนใจมันนัก

    “ช่างมัน ฉันได้สิ่งที่ดีกว่ามาแล้ว” เด็กหญิงวางถอดโลหะเงากับเตียงเหล็ก ไม่จำเป็นต้องมีมันก็ได้ในเมื่อจ่ายมันเพื่อตัวเองและตัวเองอีกคนได้ อ้อมแขนของซีลอนรัดฝาแฝดแน่นขึ้น

    ต้องให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรมาแย่งเขาไปได้อีก

    ต้องให้แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย

    ต้องให้แน่ใจว่าเธอมีพลังมากพอจะกำจัดทุกสิ่งที่ขวางทางพวกเรา

    เอิร์ลเกรย์นอนป่วยในวันถัดมา ส่วนซีลอนก็เข้าพบผู้อุปถัมภ์ บรรยากาศรอบตัวเด็กหญิงที่เปลี่ยนไปอย่างมากบอกถึงเวลาอันเหมาะสมที่เธอจะก้าวเท้าสู่โลกเบื้องหลัง

    “นี่ปู่... สอนผมหน่อยสิ ทุกอย่าง ทุก ๆ อย่างของโลกใต้เงา อาวุธ ยาพิษ วิธีฆ่า และพลังที่จะไม่แพ้ใครทั้งนั้น” แววตาสีครามยังคงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ทั้งซันซัสและรุ่นที่เก้าชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก เพลิงสีครามของไฟมายาถูกจุดขึ้นอย่างจงใจ เธอควบคุมมันได้ด้วยแหวนโซ่ที่คอยเติมเต็มเสถียรพลังอันผิดเพี้ยนนี้

    พวกเขาที่อยู่มาก่อนสัมผัสได้ถึงปีศาจร้ายในตัวเด็กน้อยหนึ่งในฝาแฝด

    เหมือนดังงูที่ไม่ข้องเกี่ยวหากไม่มีธุระด้วย ไม่ระรานก่อนถ้าไม่ถูกล้ำเขต และเมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่เข้ามาในถิ่นของตนพร้อมสัญญาณอันตราย ก็พร้อมจะกัดและพ่นพิษถึงตาย

    เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ปลุกอสูรร้ายขึ้นมา สัญชาตญาณและความอาฆาตที่ลืมตาจ้องมองโลกใบนี้นั้นเบิกกว้างอย่างต้องการจะจดจำพวกมันทุกตัวที่อาจเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตของเธอ

    ไม่ว่าใครก็มีประตูในใจที่ไม่ควรไปแตะต้องเพราะเมื่อมันเปิดขึ้นมาหนึ่งครั้ง...ก็ไม่อาจปิดสนิทได้อีกตลอดกาล

    “ชีวิตนี้ป๋าเก็บมา เพราะงั้นเพื่อปกป้องเอิร์ลจากพวกมันและตอบแทนป๋า ดังนั้น ผมก็จะ...เป็นเงาอยู่หลังเก้าอี้ของคุณ” เธอได้ตัดสินใจแล้ว ถึงเส้นทางต่อจากนี้ เส้นทางที่สองมือจะเปียกโชกไปด้วยเลือด และถนนที่จะมีแต่ความตายของพวกมันทั้งหมดซ้อนทับถมจนเป็นบันไดให้เหยียบข้ามไป


    DISCOMBOBULATE หมายถึง ยุ่งเหยิงค่ะ : ไรท์เองตีความเห็นความยุ่งเหยิงของชะตาชีวิตที่ผิดเพี้ยนไป ตอนแรกก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ
    แต่พอมีจุดพลิกผันใหญ่ก็เลือกจะยื่นมือไปหามันและตอบรับเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ไม่ว่าจะทำให้เรื่องในอนาคตยุ่งยากขึ้นเท่าไหร่
    ส่วนเรื่องที่ดึงเวทมนตร์มามีบทบาทในฟิครีบอร์นเนี่ยเพราะยังไงไฟธาตุสำหรับไรท์ก็มองเป็นพลังจิตไปไม่ได้จริงๆค่ะ 555555555 เวทชัดๆ
    ส่วนยมทูตที่โพล่มาใช้แล้วอลันเดย์เอง <3 ตามสตอรี่ส่วนของของอลันเดย์เองนางก็โพล่ไปหลายโลก(เรื่อง) เพราะเป็นตัวตนที่ทำงานระหว่างมิติ
    และมีพลังมาพอจะไปไหนมาไหนระหว่างมิติได้ด้วยตัวคนเดียว ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้านและเฝ้ามองวิญญาณน่าอร่อยที่ไม่มีทางกินได้อีกด้วย
    อลันเดย์ : ในเมื่อกินไม่ได้อ่ะนะ งั้นเลี้ยงไว้ดูเล่นให้อายุยืนหน่อยแล้วกัน /หัวเราะคิกคักแล้วไหวหางไปมา/

    สำหรับไรท์แล้วซีลอนเป็นยูเมะโจชิตัวแรก ๆ เลยที่งอกมาตอนอ่านรีบอร์นเมื่อม.ต้น 
    ตอนนั้นยังไม่รู้เลยค่ะว่ายูเมะโจชิคืออะไรเพิ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้เอง 555555 แบบไม่ได้มีเราคนเดียวที่งอกยูเมะโตชิเข้าไปหาหนุ่ม ๆ ในการ์ตูนกับเกมนะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×