ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์ชาเรียท[yaoi] สถานะ:ลงเนื้อหา

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่2 : Lost สูญเสีย

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 61




    เสียงข้างมากสรุปให้ลูอิซมีเวลาหาหลักฐานเพิ่มอีกเจ็ดวัน ทุกคนยืนขึ้นเมื่อการประชุมจบลง


    ก่อนจะแยกย้ายกันไป ลูอิซก้าวเดินไปตามทางเดินของปราสาทจนพบกับรถม้าที่รอเขาอยู่



    “เชิญขอรับ...ท่านลูอิซ?”



    “ไม่มีอะไร...รีบกลับกันเถอะ”



    ดยุคผู้เคร่งขรึมสะบัดมือเป็นสัญญาณห้ามรบกวนก่อนจะขึ้นไปบนรถม้าโดยไม่พูดอะไรอีกจวบจนกระทั่งได้ยินเสียงรถม้าเคลื่อนตัวจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



                  ท่าทีโรยแรงทำให้ดยุคผู้สง่างามกลับกลายเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่เหนื่อยอ่อน ผมสีเข้ม


    สะท้อนแสงจันทร์เห็นสีดอกเลาแซมจางๆไปตามวัยบ่งบอกถึงอายุยิ่งย้ำเตือนว่าตัวเขานั้นเหลือ


    เวลาน้อยเพียงใด



    "ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้..."



                  ตลอดมาตัวเขาและครอบครัวจงรักภักดีต่อราชวงศ์และอาณาจักรมาโดยไร้ซึ่งความคิด


    ทรยศเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว


                   เมื่อหลับตาลงก็หวนนึกถึงใบหน้าของบุตรชายเพียงคนเดียวที่เป็นความรักและของขวัญ


    ของตัวเขาและผู้เป็นที่รัก



    "โรเวน...พ่อจะปกป้องลูกได้อย่างไรกัน..."



                  แกะดำของตระกูลคริสตอฟ...จะกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกนำมาบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า



                  ไร้ข้อโต้แย้ง ไม่สามารถปฏิเสธได้



                   หนทางของลูกชายของเขาช่างเต็มไปด้วยหนามพิษอันแหลมคมจนน่าหวาดหวั่น



    "ถึงคฤหาสน์แล้วขอรับท่านลูอิซ"



                   เสียงร้องบอกทำให้ลูอิซหลุดจากห้วงคำนึง ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจลึกก่อนก้าวลง


    จากรถม้าด้วยสีหน้าของท่านดยุคคริสตอฟผู้สง่าและห้าวหาญ



    "ยินดีต้อนรับกลับขอรับ/เจ้าค่ะ"



    "ยินดีต้อนรับกลับมาครับท่านพ่อ!"



                       ดวงตาสีเขียวเข้มของลูอิซสะท้อนภาพชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปี ดวงตาสีเขียวกระจ่าง


    ฉายแววสดใสเปี่ยมด้วยพลังของวัยหนุ่มสาวรับกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ชวนให้รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้



                       โรเวน คริสตอฟ บุตรชายเพียงคนเดียวของเขากับอลิเซีย...



                        แกะดำแล้วอย่างไร? ไร้เวทย์แล้วอย่างไร? ต่อให้จากนี้ไปตระกูลคริสตอฟจะกลายเป็น


    ตระกูลไร้เวทย์เขาก็ไม่มีวันทรยศอาณาจักรเพื่อลูกชายที่รักแต่ไม่สำคัญมากไปกว่าบ้านเกิดของ


    เขาเป็นแน่


                        ทว่าดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเขาเลยสักคนเดียว...



    "พ่อ..ท่านพ่อครับ?"



    "...ขอโทษที พ่อเดินทางมาเหนื่อยนะ"



                        โรเวนเผยยิ้มที่หายไปจากความกังวลเมื่อครู่ก่อนส่ายหน้าไปมาแล้วเดินนำหน้าเพื่อสั่งให้


    เหล่าคนรับใช้เตรียมการต่างๆเพื่อให้ตัวเขาได้พักผ่อนจากการเดินทาง



    "เดินทางครั้งนี้ท่านพ่อดูล้ามาก ประชุมกับโดเซ่ เชอวาลิเยร์คงจะเป็นศึกที่หนักหน่วงไม่ใช่น้อยเลย


    สินะครับ?"



                       ชายหนุ่มชวนคุยทีเล่นทีจริงขณะที่ตักอาหารให้อีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นบิดาของตนไม่อยู่ใน


    อารมณ์ที่อยากจะคุยเรื่องการเมืองเท่าไหร่นักจึงหันไปชวนคุยเรื่องอื่นๆแทน เรียกสีหน้าผ่อนคลาย


    จากลูอิซได้ไม่น้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง



    "...โรเวน พ่อจะไปทำธุระที่อื่นสักอาทิตย์หนึ่งนะ ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า"



                        ดวงตาสีเขียวใสกระพริบอย่างงุนงงก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยตอบ



    "ทำไมกะทันหันจังครับ?...แล้วท่านพ่อจะไปที่ไหน...เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงแท้ๆ?"



                        ลูอิซไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่วางช้อนส้อมลงเป็นสัญญาณของการจบมื้ออาหาร โรเวน


    มองบิดาของตนขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานด้วยจิตใจที่สับสน



                        เกิดอะไรขึ้นที่การประชุมกัน?




                        ในคอกม้า เจคกำลังใส่หญ้าลงไปในรางเพื่อเป็นรางวัลสำหรับม้าที่วิ่งมาทั้งวันจน


    เหนื่อยอ่อน เสียงร้องของม้าดังฮึมฮัมเบาๆก่อนที่จะมีตัวหนึ่งร้องเสียงดังขึ้น



    "โว้วๆ เป็นอะไรไปรึลีอาห์? ร้องเสียงดังทำไมกัน?"



    "คงเพราะรู้ว่าผมมาแน่เลย"



                        เสียงใสปนเสียงหัวเราะดังขึ้นทำให้เจคสะดุ้งโหยง ร่างผอมสูงโค้งคำนับผู้เป็นเจ้านาย


    อีกคนของตนก่อนจะโดนโรเวนโบกไม้โบกมือใส่



    "ลุงเจคล่ะก็! ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมเองก็เหมือนลูกหลานของลุงแท้ๆ"



    "ไม่ได้หรอกขอรับ ถ้ามีคนอื่นมาเห็นเข้าอาจจะนำไปดูหมิ่นท่านโรเวนเอาได้นะขอรับ"



                        ท่าทางจริงจังของคนรับใช้ในบ้านทำให้โรเวนยิ้มอย่างอ่อนใจ...เขาเองก็ถูกเรียกว่า


    แกะดำมาตลอดอยู่แล้ว เพิ่มข้อหาทำตัวสนิทสนมกับสามัญชนอีกข้อหาหนึ่งคงไม่เหนื่อยใจไปกว่า


    ที่เคยเป็นหรอก



    "ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวงกันครับ?"



                        ใบหน้าเรียวสวยยังคงยิ้มอ่อนแต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาสีเขียวกระจ่างที่นิ่งสงบ


    ราวกับกระจก สีหน้านั้นทำให้เจคไม่กล้าสบตาได้แต่ก้มหน้าเอ่ยขอโทษขอโพย



    "ขออภัยจริงๆขอรับ ท่านลูอิซสั่งให้เก็บเรื่องของวันนี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไป...แต่กระผมเองก็ไม่


    ได้รู้อะไรมากมายเลยขอรับ..."



                            เมื่อเห็นสีหน้าสลดใจของอีกฝ่ายชายหนุ่มจึงยอมรามือไม่คาดคั้นอะไรเพิ่มอีก เขาเอา


    ตัวพิงคอกม้าพลางลูบหัวลีอาห์ ม้าตัวโปรดของตนขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย



                        ...หลายวันก่อนทางวังหลวงได้ส่งคนมา'เชิญ'บิดาของเขาไปด้วยท่าทีไร้ซึ่งความเคารพ


    ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่ก็โดนท่านพ่อของเขา'สั่งสอน'ไปจนหลาบจำก่อนที่ตัวท่านจะเข้าเมือง


    หลวงไปด้วยตนเองในช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน



                        สาเหตุที่ทางวังหลวงเรียกท่านพ่อไปพบคืออะไรกัน?



    "เกี่ยวกับเรารึเปล่านะ..."



                        ที่ผ่านมาประวัติของท่านพ่อและท่านแม่ของเขาล้วนมีแต่เรื่องที่น่าชื่นชม สิ่งเดียวที่


    ทำให้พวกท่านด่างพร้อยคงเป็นตัวเขาที่เกิดมาโดยไร้พลัง...



                        แต่เพราะท่านทั้งสองต่างรักเขามากเหลือเกินจึงตัดสินใจไม่มีลูกคนที่สองเพื่อเป็นการ


    ยุติปัญหาผู้สืบทอดตระกูลคริสตอฟ...แม้จะทำให้ต่อจากนี้ตระกูลคริสตอฟจะตกต่ำเพราะไร้สิ่งที่จะ


    คานอำนาจกับตระกูลอื่นๆในโดเซ่ เชอวาลิเยร์ก็ตาม



    "ฮี้! ฮี้!"



                        จู่ๆม้าสาวก็ส่งเสียงร้องดังลั่นก่อนสะบัดตัวไปมาอย่างรุนแรง ทำให้ชายหนุ่มตกใจจน


    อุทานออกมาก่อนที่จะหันไปปลอบม้าของตนอย่างงุนงง



    "ท่านโรเวน ท่านลูอิซเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานขอรับ



                        เมื่อเห็นไอแวน คนสนิทของบิดาตนวิ่งมาตามด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ ชายหนุ่มก็รีบ


    พยักหน้ารับแล้วหันมาปลอบลีอาห์ทิ้งท้าย



    "เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา ทำตัวว่าง่ายอย่าให้เจคลำบากใจนะเด็กดี"



                        ม้าสาวยังคงมีท่าทีกระสับกระส่ายแต่ก็สงบลงกว่าเมื่อครู่ โรเวนจึงฝากให้เจครับช่วงดูแล


    ต่อก่อนวิ่งตามไอแวนกลับไปที่คฤหาสน์อย่างรวดเร็ว



    ก๊อกๆ!



                        ชายหนุ่มเคาะประตูเบาๆ จนได้ยินเสียงตอบรับจึงค่อยเปิดเข้าไป ห้องที่ตกแต่งอย่าง


    เรียบง่ายแต่สง่างามด้วยโทนสีทอง-แดง ตรงกลางห้องชิดหน้าต่างเป็นโต๊ะทำงานที่แกะจาก


    ไม้เนื้อดี โรเวนไล่สายตาไปยังบุคคลที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานก่อนที่จะสบตากับดวงตาสีเดียวกัน



    "ไอแวนบอกว่าท่านพ่อเรียกผม มีอะไรรึเปล่าครับ?"



                        ลูอิซสบตาบุตรชายของตนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนก่อนหยัดยิ้มบางเบาแล้วกวักมือเรียก


    โรเวนให้เข้ามาใกล้



    "พ่อกำลังคิดว่าเราไม่ได้คุยตามประสาพ่อลูกกันมานานมากแล้ว...ก่อนจะออกเดินทางพ่อก็เลย


    อยากคุยด้วยเท่านั้นเอง"



    "มีอะไรเกิดขึ้นที่เมืองหลวงจริงๆสินะครับ..."



                        แม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจอะไรนักแต่ก็ยิ้มออกมาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน


    รอคอยว่าบิดาของเขาจะชวนคุยเรื่องอะไร ดยุคคริสตอฟลุกขึ้นยืนแล้วเสมองไปด้านหลังของ


    โรเวนด้วยแววตานุ่มนวล



    “แม่ของลูกเป็นคนงดงาม...และกล้าหาญ...แววตาของลูกเหมือนเธอมาก”



                        รูปของหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าๆ ดวงตาสีฟ้าสดใสกับเรือนผมสีทองเป็นลอนเสริมให้


    ดวงหน้างดงามนั้นงามมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้รูปนี้สมบูรณ์แบบคือรอยยิ้มอ่อนหวานที่ใครมองก็


    สบายใจเฉกเช่นเดียวกับตัวบุตรชายของเขา



    "น่าเสียดาย...พ่อคงไม่ได้เห็นแววตาแบบนี้อีกแล้ว..."



                           ยังไม่ทันที่โรเวนจะได้เข้าใจคำพูดนั้นก็ต้องตกตะลึงเมื่อปลายแหลมของดาบโลหะจ่อ


    ที่ลำคอของตนเอง และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่กุมด้ามดาบเอาไว้กลับเป็นบิดาที่เขารักและเคารพสุดหัวใจ



    "ท่าน...พ่อ..."



    "ความผิดพลาดของตระกูลคริสตอฟ...พ่อต้องเป็นคนจบมัน...ด้วย...ตัวเอง..."



                        น้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุทำให้ชายหนุ่มเจ็บลึกในอก...รู้อยู่


    แก่ใจแท้ๆว่าตัวเขาคือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ ที่มีชีวิตสุขสบายได้ขนาดนี้ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด


    ของท่านพ่อมากมายขนาดไหนเขารู้ดีอยู่แล้ว



    "ขอโทษ...ครับท่านพ่อ..."



                        คำพูดสั้นๆทำให้ลูอิซผงะไป โรเวนหลับตาลงอย่างเตรียมใจเพราะรู้ดีว่าตนนั้นไม่อาจ


    ทำใจขัดขืนให้บิดาของตนต้องบาดเจ็บได้



                        สิบเก้าปีที่ผ่านมาเขามีความสุขมากพอแล้ว...ท่านแม่...ผมกำลังไปหาแล้วนะครับ



    ฉึก!



    "สุดท้ายแล้ว...ลูกก็เหมือนแม่ของลูกมากจริงๆ..."



                        ของอุ่นเหลวกลิ่นคาวกระเซ็นโดนใบหน้าและลำคอของชายหนุ่มโดยไร้ความเจ็บปวด


    เมื่อลืมตาขึ้นโรเวนก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างมึนงง



                        ดยุคคริสตอฟยิ้มจางให้กับท่าทางของลูกชายตนก่อนจะสำลักเลือดออกมาอีกครั้ง


    ใบดาบที่ควรปลิดชีวิตลูกชายของตนกลับถูกนำมาใช้แทงที่อกของตัวเองจนลึก เลือดจาก


    บาดแผลกระจายไปด้านหลังเผยให้เห็นเส้นใยสีดำมากมายพันแขนขาของเขาจนราวกับว่าเขานั้น


    เป็นหุ่นชักใยตัวหนึ่ง



    "อ...อะไรกัน..."



                        ดวงตาสีมรกตสั่นระริกด้วยความสับสนและหวาดหวั่น...ไม่เข้าใจ...เกิดอะไรขึ้น...



    "หนีไปซะ...โรเวน...พ่อขอโทษ...พ่อคงปกป้องลูก...ไม่ได้อีก...แล้ว..."



    "หุๆๆ แหม...ช่างโง่เขลาเสียจริงค่ะ...ทั้งๆที่ตายด้วยน้ำมือของคุณคงทรมานน้อยกว่าฝีมือของ


    พวกเราแท้ๆ...เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆหรือคะ?"



                        แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสลายเส้นใยสีดำให้หายไป


    ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองร่างของบิดาตนที่ทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับหันมามองหน้า


    หญิงสาวด้วยแววตาเย็นเยียบ



    "เธอเป็นใคร! ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย!"



                        เส้นผมสีฟ้าอ่อนถูกม้วนเล่นไปมาก่อนที่หญิงสาวจะเหยียดยิ้มสุภาพที่ดูออกว่าเสแสร้ง


    ทำให้โรเวนยิ่งโกรธจนผุดลุกขึ้นแล้วกระชากดาบจากหุ่นที่ใช้ประดับห้องออกมาขู่อีกฝ่ายที่มีเพียง


    ร่มสีดำเท่านั้น



    "ฉันมีชื่อว่ามอลลิอา...เอาล่ะ...ส่งตราประจำตระกูลของคุณมาซะ คิดเหรอค่ะว่าดาบแบบนั้นจะใช้สู้


    กับฉันได้ หุๆๆ...ความโง่เขลานี่คงสืบทอดกันทางสายเลือดสินะคะ"



                        ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของหญิงสาวพราวระยับอย่างสนุกสนานเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียง


    แมลงตัวจ้อย ดวงตาสีเขียวมรกตเต็มไปความเดือดดาลก่อนที่ชายหนุ่มจะตั้งท่าเตรียมสู้กับอีกฝ่าย


    ทว่าแรงกระชากอย่างรุนแรงจากด้านหลังทำให้เขาเสียหลักจนกระเด็นออกนอกห้องไปจนถึง


    บันได



    "ท...ท่านพ่อ!"



    "ไปซะ! นี่เป็นคำสั่ง!"



                   ลูอิซใช้แรงเฮือกสุดท้ายร่ายเวทย์ลมให้ปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะหันไปสบตากับศัตรู


    ด้วยแววตาพร่ามัวแต่ดุดันสมกับการเป็นทหารมานาน



    "ฉันไม่รู้ว่าพวกแกต้องการตราประจำตระกูลคริสตอฟไปเพื่ออะไร แต่ไม่มีวันที่ฉันจะทรยศตระกูล


    และลูซิเลียด้วยการส่งมันให้ศัตรูเด็ดขาด!"



    "ชิ! เป็นแค่แมลงที่น่ารำคาญแท้ๆ...แต่เอาเถอะ ยังไงลูกชายของคุณรวมถึงทุกคนในบ้านก็ไม่มี


    ทางรอดอยู่แล้ว ไว้ถึงตอนนั้นค่อยหาตราประจำตระกูลของคุณใหม่ก็ได้...จริงไหมคะ"



                       รอยยิ้มอันงดงามสวนกับคำพูดไม่ทำให้ลูอิซหวาดกลัวแต่อย่างใด...พ่อเชื่อในตัวของ


    ลูก...



                        หนีไปให้ได้...แล้วกู้ชื่อตระกูลของเราคืนมา...



                        เราไม่ใช่ผู้ทรยศ!



    "ยังจะยิ้มออกอีกเหรอคะ! [shadow]!"



                        เส้นใยสีดำก่อตัวขึ้นจากเงารอบๆตัวหญิงสาวก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาร่างของชายวัย


    กลางคนแล้วแย่งชิงสติสัมปชัญญะของเขา...ไปตลอดกาล



                        อลิเซีย...เธอจะโกรธฉันที่ไปหาเธอเร็วกว่าที่คิดไว้ไหม...



                        ลูกของเรา...มาช่วยภาวนาให้เขาปลอดภัยทีเถอะ...



    "ท่านพ่อ! ท่านพ่อครับ!"



                        เสียงร้องของโรเวนดังลั่น ทำให้เหล่าคนรับใช้วิ่งมาดูอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะกรีดร้อง


    ออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัว



    "ทุกคน!"



    "ท่าน...โร..."



                       โรเวนมองทุกคนที่อยู่ชั้นล่างด้วยอาการขวัญเสีย ของมีคมที่ไม่มีตัวตนตัดร่างของ


    เหล่าคนที่เขารู้จักจนขาดสะบั้นเป็นชิ้นๆ



                         น่ากลัว! น่ากลัว!



    "ท่านโรเวน! ทางนี้ขอรับ!"



                        ไอแวนกระชากตัวโรเวนที่เข่าอ่อนจนขยับไปไหนไม่ได้ให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังระเบียง


    ด้านข้างของคฤหาสน์ จากหน้าต่างตรงนั้นเห็นคอกม้าอยู่ไม่ไกลนัก



                           ชายวัยกลางคนหันมามองนายน้อยของตนที่เสียขวัญจนทำอะไรไม่ถูกก่อนพึมพำ


    ขออภัยแผ่วเบา



    เพี๊ยะ!



    "ท่านโรเวน กรุณาตั้งสติแล้วรีบใช้ม้าหนีไปที่ชาเรียทนะขอรับ เข้าใจใช่ไหมขอรับ!"


                            ความเจ็บจากการถูกตบทำให้ชายหนุ่มได้สติ โรเวนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่นแม้


    จะหวาดกลัวจนนึกอะไรไม่ออก



    "นี่เป็นจดหมายของนายหญิงที่สั่งให้กระผมนำติดตัวไว้ตลอดแล้วมอบให้ท่านในยามฉุกเฉิน


    ท่านอลิเซียสั่งให้ท่านโรเวนนำมันไปที่ชาเรียท รับไปขอรับ!"



                             ไอแวนยัดจดหมายใส่มือของชายหนุ่มที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก...พยานรักของบุคคล


    ที่เขาเคารพเทิดทูนสุดหัวใจทั้งสอง แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนที่เขาจะเริ่ม


    ร่ายเวทย์



    "วารีจงแปรเปลี่ยนเป็นสะพานไปสู่เบื้องล่าง...!"



    "ไอแวน!"



                            ชายหนุ่มตัวสั่นอย่างหวาดผวาเมื่อขาของอีกฝ่ายหายไปในพริบตา ดวงตาสีแดงฉาน



    ปรากฎในเงามืดด้านหลังอีกฝ่ายก่อนที่จะปรากฎเป็นชายร่างสูงใหญ่



    "จะหนีไปไหน...รีบๆตายจะได้จบๆไปซะที!"



                             ไอแวนเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วร่ายเวทย์โดยไม่หยุดแม้จะ


    เสียขาทั้งสองไป ไอน้ำรอบข้างเกาะกลุ่มกันกลายเป็นสะพานน้ำแข็งลงไปสู่พื้นดิน



    "ไปสิขอรับ...ท่านโร..."



                             ชายวัยกลางคนยิ้มอ่อนโยนก่อนจะผลักชายหนุ่มออกไปทางหน้าต่างแล้วใช้แรงเฮือก


    สุดท้ายหยัดตัวบังคมมีดที่มองไม่เห็นจากเจ้าของดวงตาสีเลือด สะพานน้ำแข็งค่อยๆสลายจากการ


    ที่เจ้าของเวทย์หมดสิ้นพลังลง



    "โธ่เว้ย! รีบๆตายง่ายๆไม่ได้รึไง ขวางกันอยู่ได้ไอ้แก่!"



                             ชายร่างสูงใหญ่คำรามอย่างขุ่นเคืองพร้อมกับเตะซากร่างที่ไร้ลมหายใจก่อนจะรีบ


    วิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว



    "ฮึก!"



                             ร่างของโรเวนไถลไปตามสะพานน้ำแข็งจนมาถึงพื้นดินอย่างปลอดภัย ชายหนุ่มวิ่ง


    โซซัดโซเซมายังคอกม้าก่อนจะรีบปลดเชือกของลีอาห์ด้วยมือสั่นเทา



    "จะรีบไปไหนกันเล่า แกต้องตายอยู่ที่นี่!"



                             เสียงตะโกนลั่นทำให้ม้าสาวตื่นตระหนก แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดีทำให้มันฉลาดพอ


    จนกระชากเชือกที่เริ่มคลายออกจนหลุดออกมาได้ มันร้องข่มขู่ภัยคุกคามของเจ้านายมันเสียงดัง


    จนโรเวนได้สติรีบกระโดดขึ้นขี่อย่างรวดเร็ว



    "แค่ม้าโง่ๆจะพาไปได้เร็วแค่ไหนกัน [wind knife]!"



                             ลีอาห์วิ่งฝ่าไปโดยไม่หวาดกลัวแม้จะส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อสายลมที่คมกริบ


    บางส่วนโดนผิวเนื้อของมัน โรเวนเหลือบมองอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นยังคงตามมา


    ติดๆ



                             แสงสว่างจากดวงจันทร์เผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีเส้นผมและดวงตาสีแดงฉาน ดวงตา


    คู่นั้นเต็มไปด้วยแววตาของนักล่า ส่วนตัวเขาคงเป็นแค่เหยื่อตัวจ้อยของอีกฝ่ายเท่านั้น



    "บ้าเอ๊ย!"



                             นี่เป็นครั้งแรกที่โรเวนเกลียดที่ตัวเองไม่มีพลังเวทย์เหมือนคนอื่นๆ ทำได้แค่หนี


    หัวซุกหัวซุนโดยที่ปกป้องใครไม่ได้เลยสักคน



    "ฮี้!"



                             ลีอาห์กู่ร้องทำให้ชายหนุ่มเผลอหันไปมองด้านหน้า ลมหายใจคล้ายขาดห้วงเมื่อ


    ได้เห็นภาพตรงชั้นสองของคฤหาสน์



    "ท่านพ่อ!"



                        กรีดร้องราวกับใจจะขาดเมื่อเห็นบิดาของตนถูกห้อยแขวนไว้ตรงนอกหน้าต่างที่ห้อง


    ทำงานราวกับหุ่นเชิด ร่างนั้นกระตุกไปมาก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นเสียงดังโดยที่หน้าต่างมี


    หญิงสาวคนนั้นกำลังยิ้มให้ด้วยท่าทีใสซื่อราวกับไม่รู้ว่าตนนั้นได้ทำอะไรลงไป



    "ลีอาห์ไป!"



                           ดวงตาสีมรกตเย็นเยียบด้วยความแค้น...ชายหนุ่มกล้ำกลืนความเจ็บปวดทุกหยาดหยด


    เอาไว้ในจิตใจ



                             ต่อให้ต้องใช้เวลาชั่วชีวิตเขาก็จะล้างแค้นให้ได้! ผู้หญิงที่แสนน่ารังเกียจคนนั้น!



    "อ๊ะอ๋า! อย่าลืมฉันสิเจ้าหนูตัวจ้อย!"



                             ชายผมสีแดงเพลิงชูมือขึ้นก่อนตวัดลงอย่างรุนแรงทำให้เกิดสายลมอันคมกริบขนาด


    ใหญ่พุ่งมาทางโรเวน ชายหนุ่มกระตุ้นให้ลีอาห์วิ่งให้เร็วขึ้นจึงรอดคมมีดมาได้หวุดหวิดแต่นั่นยิ่ง


    ทำให้อีกฝ่ายโกรธมากขึ้น



    "กล้าดีนี่ที่ทำให้มอตโต้ผู้นี้เสียเวลาขนาดนี้ ได้...อยากเล่นไล่จับนักก็เอาสิ!"



                             มอตโต้...เป็นอีกชื่อที่โรเวนจะไม่มีวันลืม ชายหนุ่มได้แต่ควบม้าหนีให้เร็วที่สุด ให้ไกล


    จากชายคนนั้นมากที่สุดก่อนจะหันไปมองด้านหลังอย่างประหลาดใจ



                             ชายผมสีเพลิงตะโกนกร้าวอย่างหงุดหงิดขณะที่หยุดห่างจากเขาหลายเมตร...ชายป่า


    ที่เป็นเขตคฤหาสน์คริสตอฟ ต่อจากนี้ไปจะเข้าสู่เขตตัวเมืองชีร่าอย่างเต็มที่...เพราะมีคนเยอะ


    ทำให้ไม่ไล่ตามเขาต่องั้นเหรอ?



                             หลังจากควบม้าหนีต่ออีกครู่หนึ่งโรเวนเลือกที่จะทิ้งลีอาห์เอาไว้ที่ชายป่าฝั่งที่ติดตัว


    เมือง ม้าสาวแสนสวยของเขาหายใจรวยรินจากความเหนื่อยล้าและพิษจากบาดแผล มันส่งเสียง


    ร้องเบาๆราวกับอยากให้เขารีบหนีไปจากอันตราย



    "ขอโทษ...และขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะลีอาห์..."



                                โรเวนหลับตาลงก่อนวิ่งเข้าไปในตัวเมือง สถานที่ใกล้ที่สุดที่เขาคิดออกคือบาร์เหล้า


    ที่มีอดีตลูกน้องของบิดาเขาเป็นเจ้าของร้าน



    ปึง! ปึง!



    "ร้านปิดแล้ว! ถ้าจะสั่งเหล้าให้มาพรุ...ท่านโรเวน!"



                             ฟิลิปจ้องลูกชายของอดีตเจ้านายอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มเนื้อตัวเปรอะเปื้อนเลือดแถม


    มีท่าทีขวัญเสียจนทำอะไรไม่ถูก



    "เกิดอะไรขึ้นขอรับ!"



    "ฟิล...ช่วยผมที..."



                             แววตาคมกริบของอดีตทหารอัศวินกวาดมองรอบด้านจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น


    เหตุการณ์นี้ก่อนจะพยุงร่างของโรเวนเข้าไปห้องเก็บของด้านหลังร้าน



    "เกิดอะไรขึ้นขอรับ"



                             โรเวนตัวสั่นไม่หยุดจากเหตุการณ์เมื่อครู่...ทั้งโกรธแค้นและหวาดกลัว แต่เขามีเรื่อง


    ที่ต้องทำให้สำเร็จ



    "ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม...ฟิล"



                             ชายร่างกำยำพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น...ดยุคคริสตอฟ ไม่สิ หัวหน้าลูอิซคือ


    ผู้มีพระคุณสำหรับตัวเขาอย่างมากทั้งเรื่องในสนามรบและการรับมือชีวิตหลังจากจบสงครามด้วย


    การให้เงินทุนเปิดร้านเหล้าแห่งนี้



                             ร้านเหล้า...ที่มอบชีวิตใหม่ให้กับคนพิการอย่างเขา



    "โปรดเชื่อใจกระผมดั่งที่บิดาของท่านเชื่อใจเถอะ ท่านโรเวน"



    "ท่านพ่อ...ทุกคน...ตายหมดแล้ว...มีคนอยากฆ่าผมฟิล...ผมต้องไปที่ชาเรียท..."



                             ดวงตาที่ใช้ได้เพียงข้างเดียวของฟิลลิปเบิกกว้าง อดีตทหารพยักหน้าโดยไม่ถามอะไร


    ต่อก่อนจะเดินเข้าไปในร้านแล้วกลับมาพร้อมกลับเสื้อคลุมอำพรางตัวเงินถุงใหญ่และอาหารเย็น


    ของคืนนี้



    "ขอให้ท่านรอถึงพรุ่งนี้เช้า รถของกระผมจะไปส่งเหล้าพร้อมกับท่านที่เมืองควาเดีย...ขออภัยที่


    กระผมช่วยได้เพียงเท่านี้ขอรับ"



    "ถ้ามีคนมาถามเรื่องผมไม่ว่าจะเป็นใคร...รวมทั้งคนจากเมืองหลวง..."



    "คืนนี้กระผมรับลูกค้ามากมายจนถึงเวลาร้านปิด จำหน้าลูกค้าได้ไม่หมดขอรับ"



                             ฟิลิปตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะปิดประตูและล็อคเอาไว้ไม่ให้ใคร


    เข้าออกได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไปแล้วหยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นจากใบหน้าได้รูป โรเวนทรุดตัวลงที่พื้น


    ก่อนร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด…ไม่เหลืออีกแล้ว เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว



    “ทำยังไงดี…ผมควรทำยังไงดี…ท่านพ่อ..."



                             ทั้งร่างกายเจ็บปวดจากความสูญเสียและความโกรธแค้นที่กัดกินหัวใจ ไม่รู้ว่าเวลา


    ผ่านไปนานแค่ไหนที่ชายหนุ่มเอาแต่สะอื้นไห้อย่างสิ้นหวังจนหมดแรง



    "ท่านโรเวน...รถม้ามาแล้วขอรับ..."



                              อดีตทหารมองภาพตรงหน้าอย่างเข้าใจ ใครบ้างไม่เคยสูญเสียแต่สิ่งที่อีกฝ่ายพบคง


    เจ็บปวดเกินรับไหว



    "ขอบคุณครับ..."



                             ดวงตาสีเขียวใสกระจ่างมีรอยแดงจากการร้องไห้และยังสั่นไหวอยู่น้อยๆ แต่ถึงอย่าง


    นั้นฟิลิปก็เห็นความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่เดียวกันนั้นเช่นกัน



    "ขอให้ท่านโชคดี"





                             โรเวนซ่อนตัวอยู่ในถังเหล้าใบหนึ่งก่อนที่รถม้าจะออกวิ่งไปตามเส้นทางขรุขระสู่เมือง


    ควาเดีย เมืองที่เจริญเป็นอันดับสามและเป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งของโรงเรียนมหาเวทชาเรียทที่เขา


    ต้องการไปนั่นเอง



                             ชาเรียท...คือสถาบันที่สอนเกี่ยวกับเวทย์มนต์เพียงแห่งเดียวของลูซิเลีย ที่แห่งนี้คือ


    สถานที่ที่ผู้มีพลังเวทย์ส่วนใหญ่ต้องเคยอยู่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมพลังของตนเพื่อไม่ให้


    ก่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่น



                             แต่การสมัครเข้าไปเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ได้ยินมาว่าบางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะ


    เข้าไปเรียนได้ บางคนก็ยอมถอดใจแล้วไปขึ้นทะเบียนขอเป็น'วิซ'หรือผู้มีเวทย์ธรรมดาเพื่อที่จะ


    สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้



                             ส่วนตัวโรเวนเองนั้นไม่มีพลังเวทย์จึงคิดจะรอให้อายุครบยี่สิบปีในอีกไม่กี่เดือนแล้ว


    สมัครเข้าโรงเรียนโซลิแตร์เพื่อเป็นทหารอัศวินเหมือนบิดาของตน



    "ว่าแต่...ทำไมท่านแม่ถึงอยากให้ไปที่ชาเรียทกันนะ"



                             ชายหนุ่มพึมพำอย่างเหม่อลอยก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรถม้าหยุดวิ่ง เสียงถังไม้หนักๆถูกยก


    ลงจากรถดังอยู่ด้านนอกก่อนที่จะมีเสียงเคาะถังที่เขาซ่อนตัวอยู่เบาๆ เมื่อโรเวนดันตัวเองออกมาก็


    พบว่าตนเองอยู่ด้านหลังของร้านค้าแห่งหนึ่งส่วนเวลานั้นก็เป็นช่วงเกือบๆเที่ยงแล้ว



    "ขอบคุณมากครับ"



                             คนขับรถม้าพยักหน้าก่อนหันไปขนเหล้าต่อราวกับไม่เห็นว่ามีใครออกมาจากถังเหล้า


    ที่มากับรถ โรเวนรีบสวมเสื้อคลุมแล้วดึงฮู้ดปิดบังใบหน้าของตนเองก่อนจะเดินปะปนเข้าไปกับ


    ฝูงชน



    "แอปเปิลไหมจ๊ะ! แอปเปิลไหม! หวานๆกรอบๆไม่แพงจ้า!"



    "นี่เนื้อวัวอย่างดีจากมิลเลท์เลยนะ กิโลละ5เหรียญเงินเท่านั้น!"



                             ชายหนุ่มฟังเสียงของชาวบ้านที่ขายของอย่างครื้นเครงด้วยจิตใจว่างเปล่า เขาใช้เงิน


    ซื้อของเล็กน้อยพร้อมกับอาศัยถามทางไปด้วย



    "จากนี่ไปชาเรียท? ถ้าเป็นรถม้าก็ไม่กี่ชั่วโมงแต่ถ้าเดินเท้าก็คงเกือบๆวันนั่นล่ะ พ่อหนุ่มจะไปสมัคร


    เรียนงั้นเหรอ?"



    "อ่า...ครับ"



    "งั้นสนใจจ้างรถม้...อ้าว?..."



                                  โรเวนอาศัยจังหวะที่คนพลุกพล่านหายไปกับฝูงชนก่อนจะมาใช้ความคิดที่


    ตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง



                                  เมืองควาเดียอยู่ทิศเหนือของชาเรียทถ้าเขารีบเดินทางอาจจะถึงที่นั่นก่อน


    พระอาทิตย์วันใหม่จะขึ้น...แม้เดินทางกลางคืนจะเสี่ยงแต่เขารู้สึกได้ว่ายิ่งไปถึงชาเรียทเร็วมาก


    เท่าไหร่ก็ยิ่งดี



                                  เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบออกเดินปะปนเข้าไปในฝูงชนอีกครั้งเพื่อไปยัง


    เส้นทางสู่ชาเรียท...




                                  เวลาผ่านไปจนดวงจันทร์ใกล้ลาลับ โรเวนกำลังเดินไปตามเส้นทางในป่า เหยียบย่ำ


    ไปตามผืนดินที่เหล่าพืชพรรณเพิ่งงอกเงยช่วยเก็บเสียงฝีเท้าของเขาได้เป็นอย่างดี



    "อ..."



                             ไม่ไกลนักเขาเห็นชาเรียท ตัวปราสาทอันเป็นตึกเรียนสวยงามกว่าที่เขาเคย



    จินตนาการเอาไว้มากมายนัก



    "อีกนิดเดียวเท่านั้น…”



                             สองเท้าเร่งก้าวเพียงแค่พ้นแนวป่านี้ไปเขาก็จะถึงชาเรียทแล้ว โรเวนคลี่ยิ้มก่อนจะเร่ง


    ฝีเท้าขึ้นแต่ทว่า…



    “หึ…คิดว่าแค่นี้ก็จะหนีพ้นแล้วงั้นเหรอ”



                             เสียงเย็นเยียบดังขึ้น ก่อนที่ความเย็นวูบจะวาดผ่านข้างหลังเขาพร้อมกับความแสบ


    ร้อนที่ปะทุขึ้น



    “อะ…อั่ก…”



                             เจ้าของดวงตาสีมรกตทรุดตัวล้มลงกระแทกพื้น บาดแผลยาวลึกจากบ่าข้างขวาพาด


    จรดเอวข้างซ้ายทำให้เลือดไหลไม่หยุด



    "ดีนะที่เวทย์[shadow]ที่ยัยมอลลิอาร่ายไว้ติดอยู่ที่ตัวแกด้วย ฉันเลยตามจับตัวแกได้ง่ายๆ...เอาล่ะ


    มาจบเรื่องนี้กันเถอะ!"



                             มอตโต้ที่ปรากฎตัวจากเงามืดหัวเราะอย่างสมใจก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่ออัดเวทย์ใส่ร่าง


    ของชายหนุ่ม



    "[wind knife]!"



    'เกราะแห่งแสง...'



                             เสียงอันอ่อนโยนนุ่มนวลดังขึ้นก่อนที่แสงสีนวลจะห่อหุ้มร่างของโรเวนเอาไว้แล้ว


    สะท้อนเวทย์ของอีกฝ่ายกลับไปจนหมด



    "ใครนะ!"



                             มอตโต้หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังก่อนที่จะถูกเส้นใยสีดำพันร่างเอาไว้จนแน่น


    แล้วหายกลับเข้าไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว



    "ไม่เห็นมีใครเลยนี่นา...กลับกันเถอะโจนาส...ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว..."



    "โอไรออนนี่เป็นคำสั่งของท่านผู้อำนวยการนะ ไปไกลอีกหน่อยดีกว่า"



                             เสียงพูดคุยดังเข้าไปในโสตประสาทของโรเวนแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มได้สติ...


    ใครน่ะ...ช่วยด้วย...



    "ช่วย...ด้วย..."



                             ยังไม่อยากตาย...เขายังตายไม่ได้...ขอร้องล่ะ...



    "ส...เสียงใครนะ!"



    "แค่ก!... แค่ก!...”



                             แผ่นหลังแสบร้อนจากบาดแผลลึก…เจ็บเสียจนไม่รู้สึกอย่างอื่นอีกแล้ว



    “ช่วย…ด้วย…ช่วย…ด้วย…”



                            โรเวนกระซิบแผ่วเบาสั่นเครือ…ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเห็นมารดาของเขา


    กำลังจะสิ้นใจจากการป่วย



                             ทรมาน…สิ้นหวัง…แต่ส่วนลึกในใจก็หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นสักครั้ง



    “ช่วย..ด้วย…ช่วย…”



                             ดวงตาสีเขียวใสหม่นลง ร่างโปร่งนอนจมกองเลือดแน่นิ่งไปพร้อมกับเสียงเสียงตะโกน


    อันเลือนราง



    "คำสั่งของท่านผู้อำนวยการ! เปิดประตูเร็วเข้า!"







    พูดคุยกับนักเขียน :

         จากคอมเมนท์ของตอนที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนสับสนมากกับตัวละคร ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ความจริงแล้วเนื้อเรื่องในตอนนี้ตั้งใจจะใส่ในตอนแรกแต่กลัวจะยาวไปเลยตัดสินใจตัดแบ่งใส่ตอนใหม่...ที่คิดว่าจะลงในอีกสองอาทิตย์ แต่จากคอมเมนท์ทำให้รู้ว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก ต้องขอโทษจริงๆค่ะเลยรีบมาลงให้เผื่อว่าจะทำให้หายสับสน

         อีกเรื่องนิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อหาทุกๆสองถึงสามอาทิตย์นะคะ นักเขียนมีสตอกนิยายอยู่เพราะงั้นคิดว่าคงไม่คลาดเคลื่อนตามกำหนดที่แจ้งไว้...ถ้าหายไปนานคือโดนเรื่องการเรียนในมหาลัยรุมเร้านะคะ TT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×