คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่2 : Lost สูญเสีย
เสียงข้างมากสรุปให้ลูอิซมีเวลาหาหลักฐานเพิ่มอีกเจ็ดวัน ทุกคนยืนขึ้นเมื่อการประชุมจบลง
ก่อนจะแยกย้ายกันไป ลูอิซก้าวเดินไปตามทางเดินของปราสาทจนพบกับรถม้าที่รอเขาอยู่
“เชิญขอรับ...ท่านลูอิซ?”
“ไม่มีอะไร...รีบกลับกันเถอะ”
ดยุคผู้เคร่งขรึมสะบัดมือเป็นสัญญาณห้ามรบกวนก่อนจะขึ้นไปบนรถม้าโดยไม่พูดอะไรอีกจวบจนกระทั่งได้ยินเสียงรถม้าเคลื่อนตัวจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ท่าทีโรยแรงทำให้ดยุคผู้สง่างามกลับกลายเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่เหนื่อยอ่อน ผมสีเข้ม
สะท้อนแสงจันทร์เห็นสีดอกเลาแซมจางๆไปตามวัยบ่งบอกถึงอายุยิ่งย้ำเตือนว่าตัวเขานั้นเหลือ
เวลาน้อยเพียงใด
"ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้..."
ตลอดมาตัวเขาและครอบครัวจงรักภักดีต่อราชวงศ์และอาณาจักรมาโดยไร้ซึ่งความคิด
ทรยศเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เมื่อหลับตาลงก็หวนนึกถึงใบหน้าของบุตรชายเพียงคนเดียวที่เป็นความรักและของขวัญ
ของตัวเขาและผู้เป็นที่รัก
"โรเวน...พ่อจะปกป้องลูกได้อย่างไรกัน..."
แกะดำของตระกูลคริสตอฟ...จะกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกนำมาบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไร้ข้อโต้แย้ง ไม่สามารถปฏิเสธได้
หนทางของลูกชายของเขาช่างเต็มไปด้วยหนามพิษอันแหลมคมจนน่าหวาดหวั่น
"ถึงคฤหาสน์แล้วขอรับท่านลูอิซ"
เสียงร้องบอกทำให้ลูอิซหลุดจากห้วงคำนึง ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจลึกก่อนก้าวลง
จากรถม้าด้วยสีหน้าของท่านดยุคคริสตอฟผู้สง่าและห้าวหาญ
"ยินดีต้อนรับกลับขอรับ/เจ้าค่ะ"
"ยินดีต้อนรับกลับมาครับท่านพ่อ!"
ดวงตาสีเขียวเข้มของลูอิซสะท้อนภาพชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปี ดวงตาสีเขียวกระจ่าง
ฉายแววสดใสเปี่ยมด้วยพลังของวัยหนุ่มสาวรับกับรอยยิ้มอ่อนๆที่ชวนให้รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้
โรเวน คริสตอฟ บุตรชายเพียงคนเดียวของเขากับอลิเซีย...
แกะดำแล้วอย่างไร? ไร้เวทย์แล้วอย่างไร? ต่อให้จากนี้ไปตระกูลคริสตอฟจะกลายเป็น
ตระกูลไร้เวทย์เขาก็ไม่มีวันทรยศอาณาจักรเพื่อลูกชายที่รักแต่ไม่สำคัญมากไปกว่าบ้านเกิดของ
เขาเป็นแน่
ทว่าดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเขาเลยสักคนเดียว...
"พ่อ..ท่านพ่อครับ?"
"...ขอโทษที พ่อเดินทางมาเหนื่อยนะ"
โรเวนเผยยิ้มที่หายไปจากความกังวลเมื่อครู่ก่อนส่ายหน้าไปมาแล้วเดินนำหน้าเพื่อสั่งให้
เหล่าคนรับใช้เตรียมการต่างๆเพื่อให้ตัวเขาได้พักผ่อนจากการเดินทาง
"เดินทางครั้งนี้ท่านพ่อดูล้ามาก ประชุมกับโดเซ่ เชอวาลิเยร์คงจะเป็นศึกที่หนักหน่วงไม่ใช่น้อยเลย
สินะครับ?"
ชายหนุ่มชวนคุยทีเล่นทีจริงขณะที่ตักอาหารให้อีกฝ่าย แต่เมื่อเห็นบิดาของตนไม่อยู่ใน
อารมณ์ที่อยากจะคุยเรื่องการเมืองเท่าไหร่นักจึงหันไปชวนคุยเรื่องอื่นๆแทน เรียกสีหน้าผ่อนคลาย
จากลูอิซได้ไม่น้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง
"...โรเวน พ่อจะไปทำธุระที่อื่นสักอาทิตย์หนึ่งนะ ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า"
ดวงตาสีเขียวใสกระพริบอย่างงุนงงก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยตอบ
"ทำไมกะทันหันจังครับ?...แล้วท่านพ่อจะไปที่ไหน...เพิ่งกลับมาจากเมืองหลวงแท้ๆ?"
ลูอิซไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่วางช้อนส้อมลงเป็นสัญญาณของการจบมื้ออาหาร โรเวน
มองบิดาของตนขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานด้วยจิตใจที่สับสน
เกิดอะไรขึ้นที่การประชุมกัน?
ในคอกม้า เจคกำลังใส่หญ้าลงไปในรางเพื่อเป็นรางวัลสำหรับม้าที่วิ่งมาทั้งวันจน
เหนื่อยอ่อน เสียงร้องของม้าดังฮึมฮัมเบาๆก่อนที่จะมีตัวหนึ่งร้องเสียงดังขึ้น
"โว้วๆ เป็นอะไรไปรึลีอาห์? ร้องเสียงดังทำไมกัน?"
"คงเพราะรู้ว่าผมมาแน่เลย"
เสียงใสปนเสียงหัวเราะดังขึ้นทำให้เจคสะดุ้งโหยง ร่างผอมสูงโค้งคำนับผู้เป็นเจ้านาย
อีกคนของตนก่อนจะโดนโรเวนโบกไม้โบกมือใส่
"ลุงเจคล่ะก็! ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมเองก็เหมือนลูกหลานของลุงแท้ๆ"
"ไม่ได้หรอกขอรับ ถ้ามีคนอื่นมาเห็นเข้าอาจจะนำไปดูหมิ่นท่านโรเวนเอาได้นะขอรับ"
ท่าทางจริงจังของคนรับใช้ในบ้านทำให้โรเวนยิ้มอย่างอ่อนใจ...เขาเองก็ถูกเรียกว่า
แกะดำมาตลอดอยู่แล้ว เพิ่มข้อหาทำตัวสนิทสนมกับสามัญชนอีกข้อหาหนึ่งคงไม่เหนื่อยใจไปกว่า
ที่เคยเป็นหรอก
"ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวงกันครับ?"
ใบหน้าเรียวสวยยังคงยิ้มอ่อนแต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาสีเขียวกระจ่างที่นิ่งสงบ
ราวกับกระจก สีหน้านั้นทำให้เจคไม่กล้าสบตาได้แต่ก้มหน้าเอ่ยขอโทษขอโพย
"ขออภัยจริงๆขอรับ ท่านลูอิซสั่งให้เก็บเรื่องของวันนี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไป...แต่กระผมเองก็ไม่
ได้รู้อะไรมากมายเลยขอรับ..."
เมื่อเห็นสีหน้าสลดใจของอีกฝ่ายชายหนุ่มจึงยอมรามือไม่คาดคั้นอะไรเพิ่มอีก เขาเอา
ตัวพิงคอกม้าพลางลูบหัวลีอาห์ ม้าตัวโปรดของตนขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
...หลายวันก่อนทางวังหลวงได้ส่งคนมา'เชิญ'บิดาของเขาไปด้วยท่าทีไร้ซึ่งความเคารพ
ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่ก็โดนท่านพ่อของเขา'สั่งสอน'ไปจนหลาบจำก่อนที่ตัวท่านจะเข้าเมือง
หลวงไปด้วยตนเองในช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน
สาเหตุที่ทางวังหลวงเรียกท่านพ่อไปพบคืออะไรกัน?
"เกี่ยวกับเรารึเปล่านะ..."
ที่ผ่านมาประวัติของท่านพ่อและท่านแม่ของเขาล้วนมีแต่เรื่องที่น่าชื่นชม สิ่งเดียวที่
ทำให้พวกท่านด่างพร้อยคงเป็นตัวเขาที่เกิดมาโดยไร้พลัง...
แต่เพราะท่านทั้งสองต่างรักเขามากเหลือเกินจึงตัดสินใจไม่มีลูกคนที่สองเพื่อเป็นการ
ยุติปัญหาผู้สืบทอดตระกูลคริสตอฟ...แม้จะทำให้ต่อจากนี้ตระกูลคริสตอฟจะตกต่ำเพราะไร้สิ่งที่จะ
คานอำนาจกับตระกูลอื่นๆในโดเซ่ เชอวาลิเยร์ก็ตาม
"ฮี้! ฮี้!"
จู่ๆม้าสาวก็ส่งเสียงร้องดังลั่นก่อนสะบัดตัวไปมาอย่างรุนแรง ทำให้ชายหนุ่มตกใจจน
อุทานออกมาก่อนที่จะหันไปปลอบม้าของตนอย่างงุนงง
"ท่านโรเวน ท่านลูอิซเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานขอรับ
เมื่อเห็นไอแวน คนสนิทของบิดาตนวิ่งมาตามด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ ชายหนุ่มก็รีบ
พยักหน้ารับแล้วหันมาปลอบลีอาห์ทิ้งท้าย
"เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา ทำตัวว่าง่ายอย่าให้เจคลำบากใจนะเด็กดี"
ม้าสาวยังคงมีท่าทีกระสับกระส่ายแต่ก็สงบลงกว่าเมื่อครู่ โรเวนจึงฝากให้เจครับช่วงดูแล
ต่อก่อนวิ่งตามไอแวนกลับไปที่คฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ก๊อกๆ!
ชายหนุ่มเคาะประตูเบาๆ จนได้ยินเสียงตอบรับจึงค่อยเปิดเข้าไป ห้องที่ตกแต่งอย่าง
เรียบง่ายแต่สง่างามด้วยโทนสีทอง-แดง ตรงกลางห้องชิดหน้าต่างเป็นโต๊ะทำงานที่แกะจาก
ไม้เนื้อดี โรเวนไล่สายตาไปยังบุคคลที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานก่อนที่จะสบตากับดวงตาสีเดียวกัน
"ไอแวนบอกว่าท่านพ่อเรียกผม มีอะไรรึเปล่าครับ?"
ลูอิซสบตาบุตรชายของตนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนก่อนหยัดยิ้มบางเบาแล้วกวักมือเรียก
โรเวนให้เข้ามาใกล้
"พ่อกำลังคิดว่าเราไม่ได้คุยตามประสาพ่อลูกกันมานานมากแล้ว...ก่อนจะออกเดินทางพ่อก็เลย
อยากคุยด้วยเท่านั้นเอง"
"มีอะไรเกิดขึ้นที่เมืองหลวงจริงๆสินะครับ..."
แม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจอะไรนักแต่ก็ยิ้มออกมาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน
รอคอยว่าบิดาของเขาจะชวนคุยเรื่องอะไร ดยุคคริสตอฟลุกขึ้นยืนแล้วเสมองไปด้านหลังของ
โรเวนด้วยแววตานุ่มนวล
“แม่ของลูกเป็นคนงดงาม...และกล้าหาญ...แววตาของลูกเหมือนเธอมาก”
รูปของหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าๆ ดวงตาสีฟ้าสดใสกับเรือนผมสีทองเป็นลอนเสริมให้
ดวงหน้างดงามนั้นงามมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้รูปนี้สมบูรณ์แบบคือรอยยิ้มอ่อนหวานที่ใครมองก็
สบายใจเฉกเช่นเดียวกับตัวบุตรชายของเขา
"น่าเสียดาย...พ่อคงไม่ได้เห็นแววตาแบบนี้อีกแล้ว..."
ยังไม่ทันที่โรเวนจะได้เข้าใจคำพูดนั้นก็ต้องตกตะลึงเมื่อปลายแหลมของดาบโลหะจ่อ
ที่ลำคอของตนเอง และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่กุมด้ามดาบเอาไว้กลับเป็นบิดาที่เขารักและเคารพสุดหัวใจ
"ท่าน...พ่อ..."
"ความผิดพลาดของตระกูลคริสตอฟ...พ่อต้องเป็นคนจบมัน...ด้วย...ตัวเอง..."
น้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุทำให้ชายหนุ่มเจ็บลึกในอก...รู้อยู่
แก่ใจแท้ๆว่าตัวเขาคือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ ที่มีชีวิตสุขสบายได้ขนาดนี้ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด
ของท่านพ่อมากมายขนาดไหนเขารู้ดีอยู่แล้ว
"ขอโทษ...ครับท่านพ่อ..."
คำพูดสั้นๆทำให้ลูอิซผงะไป โรเวนหลับตาลงอย่างเตรียมใจเพราะรู้ดีว่าตนนั้นไม่อาจ
ทำใจขัดขืนให้บิดาของตนต้องบาดเจ็บได้
สิบเก้าปีที่ผ่านมาเขามีความสุขมากพอแล้ว...ท่านแม่...ผมกำลังไปหาแล้วนะครับ
ฉึก!
"สุดท้ายแล้ว...ลูกก็เหมือนแม่ของลูกมากจริงๆ..."
ของอุ่นเหลวกลิ่นคาวกระเซ็นโดนใบหน้าและลำคอของชายหนุ่มโดยไร้ความเจ็บปวด
เมื่อลืมตาขึ้นโรเวนก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างมึนงง
ดยุคคริสตอฟยิ้มจางให้กับท่าทางของลูกชายตนก่อนจะสำลักเลือดออกมาอีกครั้ง
ใบดาบที่ควรปลิดชีวิตลูกชายของตนกลับถูกนำมาใช้แทงที่อกของตัวเองจนลึก เลือดจาก
บาดแผลกระจายไปด้านหลังเผยให้เห็นเส้นใยสีดำมากมายพันแขนขาของเขาจนราวกับว่าเขานั้น
เป็นหุ่นชักใยตัวหนึ่ง
"อ...อะไรกัน..."
ดวงตาสีมรกตสั่นระริกด้วยความสับสนและหวาดหวั่น...ไม่เข้าใจ...เกิดอะไรขึ้น...
"หนีไปซะ...โรเวน...พ่อขอโทษ...พ่อคงปกป้องลูก...ไม่ได้อีก...แล้ว..."
"หุๆๆ แหม...ช่างโง่เขลาเสียจริงค่ะ...ทั้งๆที่ตายด้วยน้ำมือของคุณคงทรมานน้อยกว่าฝีมือของ
พวกเราแท้ๆ...เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้จริงๆหรือคะ?"
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสลายเส้นใยสีดำให้หายไป
ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองร่างของบิดาตนที่ทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงพร้อมกับหันมามองหน้า
หญิงสาวด้วยแววตาเย็นเยียบ
"เธอเป็นใคร! ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย!"
เส้นผมสีฟ้าอ่อนถูกม้วนเล่นไปมาก่อนที่หญิงสาวจะเหยียดยิ้มสุภาพที่ดูออกว่าเสแสร้ง
ทำให้โรเวนยิ่งโกรธจนผุดลุกขึ้นแล้วกระชากดาบจากหุ่นที่ใช้ประดับห้องออกมาขู่อีกฝ่ายที่มีเพียง
ร่มสีดำเท่านั้น
"ฉันมีชื่อว่ามอลลิอา...เอาล่ะ...ส่งตราประจำตระกูลของคุณมาซะ คิดเหรอค่ะว่าดาบแบบนั้นจะใช้สู้
กับฉันได้ หุๆๆ...ความโง่เขลานี่คงสืบทอดกันทางสายเลือดสินะคะ"
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของหญิงสาวพราวระยับอย่างสนุกสนานเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียง
แมลงตัวจ้อย ดวงตาสีเขียวมรกตเต็มไปความเดือดดาลก่อนที่ชายหนุ่มจะตั้งท่าเตรียมสู้กับอีกฝ่าย
ทว่าแรงกระชากอย่างรุนแรงจากด้านหลังทำให้เขาเสียหลักจนกระเด็นออกนอกห้องไปจนถึง
บันได
"ท...ท่านพ่อ!"
"ไปซะ! นี่เป็นคำสั่ง!"
ลูอิซใช้แรงเฮือกสุดท้ายร่ายเวทย์ลมให้ปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะหันไปสบตากับศัตรู
ด้วยแววตาพร่ามัวแต่ดุดันสมกับการเป็นทหารมานาน
"ฉันไม่รู้ว่าพวกแกต้องการตราประจำตระกูลคริสตอฟไปเพื่ออะไร แต่ไม่มีวันที่ฉันจะทรยศตระกูล
และลูซิเลียด้วยการส่งมันให้ศัตรูเด็ดขาด!"
"ชิ! เป็นแค่แมลงที่น่ารำคาญแท้ๆ...แต่เอาเถอะ ยังไงลูกชายของคุณรวมถึงทุกคนในบ้านก็ไม่มี
ทางรอดอยู่แล้ว ไว้ถึงตอนนั้นค่อยหาตราประจำตระกูลของคุณใหม่ก็ได้...จริงไหมคะ"
รอยยิ้มอันงดงามสวนกับคำพูดไม่ทำให้ลูอิซหวาดกลัวแต่อย่างใด...พ่อเชื่อในตัวของ
ลูก...
หนีไปให้ได้...แล้วกู้ชื่อตระกูลของเราคืนมา...
เราไม่ใช่ผู้ทรยศ!
"ยังจะยิ้มออกอีกเหรอคะ! [shadow]!"
เส้นใยสีดำก่อตัวขึ้นจากเงารอบๆตัวหญิงสาวก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหาร่างของชายวัย
กลางคนแล้วแย่งชิงสติสัมปชัญญะของเขา...ไปตลอดกาล
อลิเซีย...เธอจะโกรธฉันที่ไปหาเธอเร็วกว่าที่คิดไว้ไหม...
ลูกของเรา...มาช่วยภาวนาให้เขาปลอดภัยทีเถอะ...
"ท่านพ่อ! ท่านพ่อครับ!"
เสียงร้องของโรเวนดังลั่น ทำให้เหล่าคนรับใช้วิ่งมาดูอย่างตื่นตระหนกก่อนที่จะกรีดร้อง
ออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัว
"ทุกคน!"
"ท่าน...โร..."
โรเวนมองทุกคนที่อยู่ชั้นล่างด้วยอาการขวัญเสีย ของมีคมที่ไม่มีตัวตนตัดร่างของ
เหล่าคนที่เขารู้จักจนขาดสะบั้นเป็นชิ้นๆ
น่ากลัว! น่ากลัว!
"ท่านโรเวน! ทางนี้ขอรับ!"
ไอแวนกระชากตัวโรเวนที่เข่าอ่อนจนขยับไปไหนไม่ได้ให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังระเบียง
ด้านข้างของคฤหาสน์ จากหน้าต่างตรงนั้นเห็นคอกม้าอยู่ไม่ไกลนัก
ชายวัยกลางคนหันมามองนายน้อยของตนที่เสียขวัญจนทำอะไรไม่ถูกก่อนพึมพำ
ขออภัยแผ่วเบา
เพี๊ยะ!
"ท่านโรเวน กรุณาตั้งสติแล้วรีบใช้ม้าหนีไปที่ชาเรียทนะขอรับ เข้าใจใช่ไหมขอรับ!"
ความเจ็บจากการถูกตบทำให้ชายหนุ่มได้สติ โรเวนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่นแม้
จะหวาดกลัวจนนึกอะไรไม่ออก
"นี่เป็นจดหมายของนายหญิงที่สั่งให้กระผมนำติดตัวไว้ตลอดแล้วมอบให้ท่านในยามฉุกเฉิน
ท่านอลิเซียสั่งให้ท่านโรเวนนำมันไปที่ชาเรียท รับไปขอรับ!"
ไอแวนยัดจดหมายใส่มือของชายหนุ่มที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก...พยานรักของบุคคล
ที่เขาเคารพเทิดทูนสุดหัวใจทั้งสอง แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนที่เขาจะเริ่ม
ร่ายเวทย์
"วารีจงแปรเปลี่ยนเป็นสะพานไปสู่เบื้องล่าง...!"
"ไอแวน!"
ชายหนุ่มตัวสั่นอย่างหวาดผวาเมื่อขาของอีกฝ่ายหายไปในพริบตา ดวงตาสีแดงฉาน
ปรากฎในเงามืดด้านหลังอีกฝ่ายก่อนที่จะปรากฎเป็นชายร่างสูงใหญ่
"จะหนีไปไหน...รีบๆตายจะได้จบๆไปซะที!"
ไอแวนเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วร่ายเวทย์โดยไม่หยุดแม้จะ
เสียขาทั้งสองไป ไอน้ำรอบข้างเกาะกลุ่มกันกลายเป็นสะพานน้ำแข็งลงไปสู่พื้นดิน
"ไปสิขอรับ...ท่านโร..."
ชายวัยกลางคนยิ้มอ่อนโยนก่อนจะผลักชายหนุ่มออกไปทางหน้าต่างแล้วใช้แรงเฮือก
สุดท้ายหยัดตัวบังคมมีดที่มองไม่เห็นจากเจ้าของดวงตาสีเลือด สะพานน้ำแข็งค่อยๆสลายจากการ
ที่เจ้าของเวทย์หมดสิ้นพลังลง
"โธ่เว้ย! รีบๆตายง่ายๆไม่ได้รึไง ขวางกันอยู่ได้ไอ้แก่!"
ชายร่างสูงใหญ่คำรามอย่างขุ่นเคืองพร้อมกับเตะซากร่างที่ไร้ลมหายใจก่อนจะรีบ
วิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
"ฮึก!"
ร่างของโรเวนไถลไปตามสะพานน้ำแข็งจนมาถึงพื้นดินอย่างปลอดภัย ชายหนุ่มวิ่ง
โซซัดโซเซมายังคอกม้าก่อนจะรีบปลดเชือกของลีอาห์ด้วยมือสั่นเทา
"จะรีบไปไหนกันเล่า แกต้องตายอยู่ที่นี่!"
เสียงตะโกนลั่นทำให้ม้าสาวตื่นตระหนก แต่เพราะถูกฝึกมาอย่างดีทำให้มันฉลาดพอ
จนกระชากเชือกที่เริ่มคลายออกจนหลุดออกมาได้ มันร้องข่มขู่ภัยคุกคามของเจ้านายมันเสียงดัง
จนโรเวนได้สติรีบกระโดดขึ้นขี่อย่างรวดเร็ว
"แค่ม้าโง่ๆจะพาไปได้เร็วแค่ไหนกัน [wind knife]!"
ลีอาห์วิ่งฝ่าไปโดยไม่หวาดกลัวแม้จะส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อสายลมที่คมกริบ
บางส่วนโดนผิวเนื้อของมัน โรเวนเหลือบมองอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นยังคงตามมา
ติดๆ
แสงสว่างจากดวงจันทร์เผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีเส้นผมและดวงตาสีแดงฉาน ดวงตา
คู่นั้นเต็มไปด้วยแววตาของนักล่า ส่วนตัวเขาคงเป็นแค่เหยื่อตัวจ้อยของอีกฝ่ายเท่านั้น
"บ้าเอ๊ย!"
นี่เป็นครั้งแรกที่โรเวนเกลียดที่ตัวเองไม่มีพลังเวทย์เหมือนคนอื่นๆ ทำได้แค่หนี
หัวซุกหัวซุนโดยที่ปกป้องใครไม่ได้เลยสักคน
"ฮี้!"
ลีอาห์กู่ร้องทำให้ชายหนุ่มเผลอหันไปมองด้านหน้า ลมหายใจคล้ายขาดห้วงเมื่อ
ได้เห็นภาพตรงชั้นสองของคฤหาสน์
"ท่านพ่อ!"
กรีดร้องราวกับใจจะขาดเมื่อเห็นบิดาของตนถูกห้อยแขวนไว้ตรงนอกหน้าต่างที่ห้อง
ทำงานราวกับหุ่นเชิด ร่างนั้นกระตุกไปมาก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นเสียงดังโดยที่หน้าต่างมี
หญิงสาวคนนั้นกำลังยิ้มให้ด้วยท่าทีใสซื่อราวกับไม่รู้ว่าตนนั้นได้ทำอะไรลงไป
"ลีอาห์ไป!"
ดวงตาสีมรกตเย็นเยียบด้วยความแค้น...ชายหนุ่มกล้ำกลืนความเจ็บปวดทุกหยาดหยด
เอาไว้ในจิตใจ
ต่อให้ต้องใช้เวลาชั่วชีวิตเขาก็จะล้างแค้นให้ได้! ผู้หญิงที่แสนน่ารังเกียจคนนั้น!
"อ๊ะอ๋า! อย่าลืมฉันสิเจ้าหนูตัวจ้อย!"
ชายผมสีแดงเพลิงชูมือขึ้นก่อนตวัดลงอย่างรุนแรงทำให้เกิดสายลมอันคมกริบขนาด
ใหญ่พุ่งมาทางโรเวน ชายหนุ่มกระตุ้นให้ลีอาห์วิ่งให้เร็วขึ้นจึงรอดคมมีดมาได้หวุดหวิดแต่นั่นยิ่ง
ทำให้อีกฝ่ายโกรธมากขึ้น
"กล้าดีนี่ที่ทำให้มอตโต้ผู้นี้เสียเวลาขนาดนี้ ได้...อยากเล่นไล่จับนักก็เอาสิ!"
มอตโต้...เป็นอีกชื่อที่โรเวนจะไม่มีวันลืม ชายหนุ่มได้แต่ควบม้าหนีให้เร็วที่สุด ให้ไกล
จากชายคนนั้นมากที่สุดก่อนจะหันไปมองด้านหลังอย่างประหลาดใจ
ชายผมสีเพลิงตะโกนกร้าวอย่างหงุดหงิดขณะที่หยุดห่างจากเขาหลายเมตร...ชายป่า
ที่เป็นเขตคฤหาสน์คริสตอฟ ต่อจากนี้ไปจะเข้าสู่เขตตัวเมืองชีร่าอย่างเต็มที่...เพราะมีคนเยอะ
ทำให้ไม่ไล่ตามเขาต่องั้นเหรอ?
หลังจากควบม้าหนีต่ออีกครู่หนึ่งโรเวนเลือกที่จะทิ้งลีอาห์เอาไว้ที่ชายป่าฝั่งที่ติดตัว
เมือง ม้าสาวแสนสวยของเขาหายใจรวยรินจากความเหนื่อยล้าและพิษจากบาดแผล มันส่งเสียง
ร้องเบาๆราวกับอยากให้เขารีบหนีไปจากอันตราย
"ขอโทษ...และขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะลีอาห์..."
โรเวนหลับตาลงก่อนวิ่งเข้าไปในตัวเมือง สถานที่ใกล้ที่สุดที่เขาคิดออกคือบาร์เหล้า
ที่มีอดีตลูกน้องของบิดาเขาเป็นเจ้าของร้าน
ปึง! ปึง!
"ร้านปิดแล้ว! ถ้าจะสั่งเหล้าให้มาพรุ...ท่านโรเวน!"
ฟิลิปจ้องลูกชายของอดีตเจ้านายอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มเนื้อตัวเปรอะเปื้อนเลือดแถม
มีท่าทีขวัญเสียจนทำอะไรไม่ถูก
"เกิดอะไรขึ้นขอรับ!"
"ฟิล...ช่วยผมที..."
แววตาคมกริบของอดีตทหารอัศวินกวาดมองรอบด้านจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น
เหตุการณ์นี้ก่อนจะพยุงร่างของโรเวนเข้าไปห้องเก็บของด้านหลังร้าน
"เกิดอะไรขึ้นขอรับ"
โรเวนตัวสั่นไม่หยุดจากเหตุการณ์เมื่อครู่...ทั้งโกรธแค้นและหวาดกลัว แต่เขามีเรื่อง
ที่ต้องทำให้สำเร็จ
"ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม...ฟิล"
ชายร่างกำยำพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น...ดยุคคริสตอฟ ไม่สิ หัวหน้าลูอิซคือ
ผู้มีพระคุณสำหรับตัวเขาอย่างมากทั้งเรื่องในสนามรบและการรับมือชีวิตหลังจากจบสงครามด้วย
การให้เงินทุนเปิดร้านเหล้าแห่งนี้
ร้านเหล้า...ที่มอบชีวิตใหม่ให้กับคนพิการอย่างเขา
"โปรดเชื่อใจกระผมดั่งที่บิดาของท่านเชื่อใจเถอะ ท่านโรเวน"
"ท่านพ่อ...ทุกคน...ตายหมดแล้ว...มีคนอยากฆ่าผมฟิล...ผมต้องไปที่ชาเรียท..."
ดวงตาที่ใช้ได้เพียงข้างเดียวของฟิลลิปเบิกกว้าง อดีตทหารพยักหน้าโดยไม่ถามอะไร
ต่อก่อนจะเดินเข้าไปในร้านแล้วกลับมาพร้อมกลับเสื้อคลุมอำพรางตัวเงินถุงใหญ่และอาหารเย็น
ของคืนนี้
"ขอให้ท่านรอถึงพรุ่งนี้เช้า รถของกระผมจะไปส่งเหล้าพร้อมกับท่านที่เมืองควาเดีย...ขออภัยที่
กระผมช่วยได้เพียงเท่านี้ขอรับ"
"ถ้ามีคนมาถามเรื่องผมไม่ว่าจะเป็นใคร...รวมทั้งคนจากเมืองหลวง..."
"คืนนี้กระผมรับลูกค้ามากมายจนถึงเวลาร้านปิด จำหน้าลูกค้าได้ไม่หมดขอรับ"
ฟิลิปตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะปิดประตูและล็อคเอาไว้ไม่ให้ใคร
เข้าออกได้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไปแล้วหยาดน้ำตาก็ร่วงหล่นจากใบหน้าได้รูป โรเวนทรุดตัวลงที่พื้น
ก่อนร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด…ไม่เหลืออีกแล้ว เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว
“ทำยังไงดี…ผมควรทำยังไงดี…ท่านพ่อ..."
ทั้งร่างกายเจ็บปวดจากความสูญเสียและความโกรธแค้นที่กัดกินหัวใจ ไม่รู้ว่าเวลา
ผ่านไปนานแค่ไหนที่ชายหนุ่มเอาแต่สะอื้นไห้อย่างสิ้นหวังจนหมดแรง
"ท่านโรเวน...รถม้ามาแล้วขอรับ..."
อดีตทหารมองภาพตรงหน้าอย่างเข้าใจ ใครบ้างไม่เคยสูญเสียแต่สิ่งที่อีกฝ่ายพบคง
เจ็บปวดเกินรับไหว
"ขอบคุณครับ..."
ดวงตาสีเขียวใสกระจ่างมีรอยแดงจากการร้องไห้และยังสั่นไหวอยู่น้อยๆ แต่ถึงอย่าง
นั้นฟิลิปก็เห็นความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่เดียวกันนั้นเช่นกัน
"ขอให้ท่านโชคดี"
โรเวนซ่อนตัวอยู่ในถังเหล้าใบหนึ่งก่อนที่รถม้าจะออกวิ่งไปตามเส้นทางขรุขระสู่เมือง
ควาเดีย เมืองที่เจริญเป็นอันดับสามและเป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งของโรงเรียนมหาเวทชาเรียทที่เขา
ต้องการไปนั่นเอง
ชาเรียท...คือสถาบันที่สอนเกี่ยวกับเวทย์มนต์เพียงแห่งเดียวของลูซิเลีย ที่แห่งนี้คือ
สถานที่ที่ผู้มีพลังเวทย์ส่วนใหญ่ต้องเคยอยู่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมพลังของตนเพื่อไม่ให้
ก่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่น
แต่การสมัครเข้าไปเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ได้ยินมาว่าบางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะ
เข้าไปเรียนได้ บางคนก็ยอมถอดใจแล้วไปขึ้นทะเบียนขอเป็น'วิซ'หรือผู้มีเวทย์ธรรมดาเพื่อที่จะ
สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้
ส่วนตัวโรเวนเองนั้นไม่มีพลังเวทย์จึงคิดจะรอให้อายุครบยี่สิบปีในอีกไม่กี่เดือนแล้ว
สมัครเข้าโรงเรียนโซลิแตร์เพื่อเป็นทหารอัศวินเหมือนบิดาของตน
"ว่าแต่...ทำไมท่านแม่ถึงอยากให้ไปที่ชาเรียทกันนะ"
ชายหนุ่มพึมพำอย่างเหม่อลอยก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรถม้าหยุดวิ่ง เสียงถังไม้หนักๆถูกยก
ลงจากรถดังอยู่ด้านนอกก่อนที่จะมีเสียงเคาะถังที่เขาซ่อนตัวอยู่เบาๆ เมื่อโรเวนดันตัวเองออกมาก็
พบว่าตนเองอยู่ด้านหลังของร้านค้าแห่งหนึ่งส่วนเวลานั้นก็เป็นช่วงเกือบๆเที่ยงแล้ว
"ขอบคุณมากครับ"
คนขับรถม้าพยักหน้าก่อนหันไปขนเหล้าต่อราวกับไม่เห็นว่ามีใครออกมาจากถังเหล้า
ที่มากับรถ โรเวนรีบสวมเสื้อคลุมแล้วดึงฮู้ดปิดบังใบหน้าของตนเองก่อนจะเดินปะปนเข้าไปกับ
ฝูงชน
"แอปเปิลไหมจ๊ะ! แอปเปิลไหม! หวานๆกรอบๆไม่แพงจ้า!"
"นี่เนื้อวัวอย่างดีจากมิลเลท์เลยนะ กิโลละ5เหรียญเงินเท่านั้น!"
ชายหนุ่มฟังเสียงของชาวบ้านที่ขายของอย่างครื้นเครงด้วยจิตใจว่างเปล่า เขาใช้เงิน
ซื้อของเล็กน้อยพร้อมกับอาศัยถามทางไปด้วย
"จากนี่ไปชาเรียท? ถ้าเป็นรถม้าก็ไม่กี่ชั่วโมงแต่ถ้าเดินเท้าก็คงเกือบๆวันนั่นล่ะ พ่อหนุ่มจะไปสมัคร
เรียนงั้นเหรอ?"
"อ่า...ครับ"
"งั้นสนใจจ้างรถม้...อ้าว?..."
โรเวนอาศัยจังหวะที่คนพลุกพล่านหายไปกับฝูงชนก่อนจะมาใช้ความคิดที่
ตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง
เมืองควาเดียอยู่ทิศเหนือของชาเรียทถ้าเขารีบเดินทางอาจจะถึงที่นั่นก่อน
พระอาทิตย์วันใหม่จะขึ้น...แม้เดินทางกลางคืนจะเสี่ยงแต่เขารู้สึกได้ว่ายิ่งไปถึงชาเรียทเร็วมาก
เท่าไหร่ก็ยิ่งดี
เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงรีบออกเดินปะปนเข้าไปในฝูงชนอีกครั้งเพื่อไปยัง
เส้นทางสู่ชาเรียท...
เวลาผ่านไปจนดวงจันทร์ใกล้ลาลับ โรเวนกำลังเดินไปตามเส้นทางในป่า เหยียบย่ำ
ไปตามผืนดินที่เหล่าพืชพรรณเพิ่งงอกเงยช่วยเก็บเสียงฝีเท้าของเขาได้เป็นอย่างดี
"อ..."
ไม่ไกลนักเขาเห็นชาเรียท ตัวปราสาทอันเป็นตึกเรียนสวยงามกว่าที่เขาเคย
จินตนาการเอาไว้มากมายนัก
"อีกนิดเดียวเท่านั้น…”
สองเท้าเร่งก้าวเพียงแค่พ้นแนวป่านี้ไปเขาก็จะถึงชาเรียทแล้ว โรเวนคลี่ยิ้มก่อนจะเร่ง
ฝีเท้าขึ้นแต่ทว่า…
“หึ…คิดว่าแค่นี้ก็จะหนีพ้นแล้วงั้นเหรอ”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้น ก่อนที่ความเย็นวูบจะวาดผ่านข้างหลังเขาพร้อมกับความแสบ
ร้อนที่ปะทุขึ้น
“อะ…อั่ก…”
เจ้าของดวงตาสีมรกตทรุดตัวล้มลงกระแทกพื้น บาดแผลยาวลึกจากบ่าข้างขวาพาด
จรดเอวข้างซ้ายทำให้เลือดไหลไม่หยุด
"ดีนะที่เวทย์[shadow]ที่ยัยมอลลิอาร่ายไว้ติดอยู่ที่ตัวแกด้วย ฉันเลยตามจับตัวแกได้ง่ายๆ...เอาล่ะ
มาจบเรื่องนี้กันเถอะ!"
มอตโต้ที่ปรากฎตัวจากเงามืดหัวเราะอย่างสมใจก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่ออัดเวทย์ใส่ร่าง
ของชายหนุ่ม
"[wind knife]!"
'เกราะแห่งแสง...'
เสียงอันอ่อนโยนนุ่มนวลดังขึ้นก่อนที่แสงสีนวลจะห่อหุ้มร่างของโรเวนเอาไว้แล้ว
สะท้อนเวทย์ของอีกฝ่ายกลับไปจนหมด
"ใครนะ!"
มอตโต้หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังก่อนที่จะถูกเส้นใยสีดำพันร่างเอาไว้จนแน่น
แล้วหายกลับเข้าไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว
"ไม่เห็นมีใครเลยนี่นา...กลับกันเถอะโจนาส...ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว..."
"โอไรออนนี่เป็นคำสั่งของท่านผู้อำนวยการนะ ไปไกลอีกหน่อยดีกว่า"
เสียงพูดคุยดังเข้าไปในโสตประสาทของโรเวนแผ่วเบาทำให้ชายหนุ่มได้สติ...
ใครน่ะ...ช่วยด้วย...
"ช่วย...ด้วย..."
ยังไม่อยากตาย...เขายังตายไม่ได้...ขอร้องล่ะ...
"ส...เสียงใครนะ!"
"แค่ก!... แค่ก!...”
แผ่นหลังแสบร้อนจากบาดแผลลึก…เจ็บเสียจนไม่รู้สึกอย่างอื่นอีกแล้ว
“ช่วย…ด้วย…ช่วย…ด้วย…”
โรเวนกระซิบแผ่วเบาสั่นเครือ…ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเห็นมารดาของเขา
กำลังจะสิ้นใจจากการป่วย
ทรมาน…สิ้นหวัง…แต่ส่วนลึกในใจก็หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นสักครั้ง
“ช่วย..ด้วย…ช่วย…”
ดวงตาสีเขียวใสหม่นลง ร่างโปร่งนอนจมกองเลือดแน่นิ่งไปพร้อมกับเสียงเสียงตะโกน
อันเลือนราง
"คำสั่งของท่านผู้อำนวยการ! เปิดประตูเร็วเข้า!"
ความคิดเห็น