คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่1 : Distrust ต้องสงสัย
เสียงฝีเท้าของม้าดังก้องพร้อมกับเสียงล้อบดกับพื้นถนนส่งเสียงกึกกัก รถม้าวิ่งไปตาม
เส้นทางในป่าเพื่อส่งผู้โดยสารที่จุดหมายปลายทาง
ลมเย็นๆทิ้งท้ายของฤดูหนาวหอบเอากลิ่นหอมของมวลบุปผาเข้ามาทางหน้าต่างทำให้รู้สึก
สดชื่นไม่น้อย แต่กระนั้นสีหน้าของผู้ที่อยู่บนรถม้ากลับเคร่งเครียดขัดกับบรรยากาศรอบข้างที่กำลัง
เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
เส้นทางในป่าเริ่มเปลี่ยนเป็นถนนอิฐสีน้ำตาลแดง บ่งบอกว่าขณะนี้พวกเขากำลังเข้าสู่เขต
เมืองหลวงแห่งอาณาจักรลูซิเลีย
บ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นที่รักของตัวเขาและครอบครัว...
"ถึงแล้วขอรับท่านลูอิซ..."
เสียงของคนขับรถม้าแฝงความลังเลใจ ทำให้ผู้ที่กำลังก้าวลงจากรถม้าเหยียดยิ้มออกมา
เล็กน้อยเป็นการปลอบโยนอีกฝ่าย
"ฉันไม่เป็นไรหรอก อย่ากังวลไปเลย"
"..ทราบแล้วขอรับ ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา"
ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงค้อมตัวให้กับผู้เป็นเจ้านายที่ก้าวเดินเข้าสู่ปราสาทด้วยท่าที
สง่าผ่าเผยสมกับผู้เป็นทหารกรำศึก
"ขณะนี้ดยุคคริสตอฟได้มาถึงแล้ว!"
ทหารอัศวินประกาศชื่อดังก้องก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นห้อง
ประชุมขนาดใหญ่อันหรูหราสง่างาม
แต่ในเวลานี้ไม่มีใครสักคนในห้องประชุมที่จะสนใจกับความงามของห้องประชุมแห่งนี้
"มาแล้วเหรอ...คนทรยศ"
“ดูเหมือนข่าวสารของดยุคมอเรลจะรวดเร็วนักถึงได้กล้ากล่าวหากันโดยไร้หลักฐานแบบนี้”
ลูอิสตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง...เก้าอี้สิบสองตัว
รอบโต๊ะกลมเสมือนสิบสองตระกูลที่เคียงข้างราชวงศ์จากอดีตจวบจนปัจจุบัน นั่นคือความหมาย
ของ ‘โดเซ่ เซอวาลิเยร์’
ไม่สิ...ในตอนนี้ไม่ใช่สิบสองตระกูลอีกต่อไปแล้ว
“หากว่าไร้หลักฐานจริงมีหรือที่คนอย่างฉันจะกล้าพูด...ท่านต่างหากที่จะนำหลักฐานอะไรมา
ปฏิเสธข้อกล่าวหา?...ดยุคคริสตอฟ...ข้อหากบฏมันร้ายแรงนะ...นึกถึงบุตรชายของท่านบ้าง
รึเปล่า?
“บุตรชายของฉันไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมนี้”
ดยุคมอเรลยิ้มจนดวงตาหยีลงเพราะใบหน้าอวบอูมก่อนจะหันมองรอบๆโต๊ะประชุม...ถึง
เวลาเปิดม่านการแสดงแล้ว
“จะให้ถกเถียงกันเพียงแค่สองคนก็เปล่าประโยชน์ พวกท่านที่เหลือว่าอย่างไรบ้างเล่า...
นี่น่ะ...คือการพิพากษาความผิดของดยุคคริสตอฟในข้อหากบฏต่ออาณาจักรลูซิเลียนะ”
ในตอนนี้ โดเซ่ เซอวาลิเยร์กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ…
“ข้าพเจ้าดยุคเรย์ เดอวัล ผู้ตรวจการแผ่นดินภายใต้คิงเอลลิออทขอเริ่มการพิจารณาข้อกล่าวหา
กบฏของดยุคคริสตอฟ”
“คิงเอลลิออททรงพระเจริญ”
ทุกคนในห้องกล่าวสรรเสริญคิงเอลลิออทตามธรรมเนียม เมื่อทุกเสียงในห้องสงบลง
ดยุคเดอวัลก็วางแผ่นเอกสารต่างๆบนโต๊ะ
“จากการสืบสวน คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาสองอาทิตย์ก่อนในวันครบรอบการก่อตั้งราชวงศ์
ลูซิเลีย...รัชทายาทซึ่งก็คือองค์ชายอัลเบิร์ตทรงนั่งรถม้าเพื่อพบปะกับประชาชนรอบเมืองหลวงจน
กระทั่งย้อนกลับมาที่เส้นทางหลักเพื่อกลับมายังปราสาท”
แผนที่ที่ถูกวางบนโต๊ะปรากฏภาพเคลื่อนไหวเป็นเส้นทางที่องค์ชายอัลเบิร์ตเดินทางไป
เรื่อยๆก่อนจะหยุดลงที่จุดหนึ่ง
“เส้นทางทั้งหมดที่อยู่ในแผนการเดินทางนั้นจะมีทหารอัศวินและจอมเวทย์ประจำการเพื่อรักษา
ความปลอดภัยแก่รัชทายาท...”
ดวงตาสีไวน์ของดยุคเดอวัลจับจ้องมาที่ลูอิซ อดีตทหารอัศวินยังคงมีท่าทีสงบนิ่งคล้ายกับ
เรื่องที่กำลังฟังอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องของตนเอง
“แต่ ณ จุดนี้...รัชทายาทถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนขณะนี้แพทย์หลวงยังคงต้องเฝ้าดู
อาการอย่างใกล้ชิด...”
“เรย์ ที่นี่มีแต่คนกันเอง ท่านเลิกอ้อมค้อมพูดในสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วแล้วเข้าเรื่องเลยไม่ได้รึไง?”
มาร์ควิสเรมิดิ ตระกูลแพทย์หลวงประจำราชวงศ์...ชายวัยสามสิบที่มีใบหน้าหมองคล้ำ
ท่าทางอิดโรยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ฉันต้องรีบไปตรวจอาการของรัชทายาท ถ้าท่านไม่เข้าเรื่องเร็วๆฉันคงต้องขอออกจาก
การประชุมนี้”
“ใจเย็นก่อนเถอะนะอลัน...”
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ท้ายสุด
ชายหนุ่มก็ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษยอมเย็นลงอย่างที่หญิงสาวต้องการ
“ถ้าอย่างนั้น...ลูอิซ...มีทหารอัศวินบอกว่ามีคนนำเอกสารที่มีตราประทับของตระกูลคริสตอฟมาให้
แก่จอมเวทย์ที่เป็นหัวหน้าของทหารอัศวินและจอมเวทย์ที่ประจำการที่จุดเกิดเหตุ เอกสารนั้นคือ
คำสั่งเปลี่ยนชุดกองกำลังที่ประจำการตรงนั้นให้เป็นคนของท่านแทน...เชิญแสดงหลักฐาน
ดยุคเรนทิสต์”
ชายวัยกลางคนอีกคนลุกยืนขึ้นก่อนยื่นหินสีฟ้าใสก้อนหนึ่งมาวางเพิ่มบนโต๊ะ...ดยุคเรนทิสต์
มองเพื่อนสนิทของตนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างลำบากใจ
ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาเป็นผู้หันปลายดาบไปทางอีกฝ่าย
“...นี่คือคำให้การของจอมเวทย์ผู้นั้น”
หินสีฟ้านัั้นเรืองแสงจากเวทย์บันทึกก่อนจะแสดงภาพของจอมเวทย์คนหนึ่งขึ้นมา
‘...ครับ...ผมได้รับเอกสารที่มีตราประทับของดยุคคริสตอฟจริงครับ...นี่ครับ...เพราะมีเอกสารถูก
ต้องผมจึงนำกองกำลังย้ายออกไป…’
“นี่คือเอกสารที่มีตราประทับ”
ลูอิซรับเอกสารมาพิจารณา ตราประทับเหมือนกับตราประจำตระกูลของเขาไม่มีผิดเพี้ยนอีก
ทั้งเอกสารก็เป็นของจริงไม่มีการปลอมแปลงใดๆ
“มีหลักฐานอะไรอีกไหม หรือคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอที่จะจับกุมฉัน?”
“แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว! ใช่ไหมเซอร์โดมินิก?”
ดยุคมอเรลพูดเสียงดังอย่างผู้เหนือกว่า เอเดน โดมินิกเพียงแค่ปรายตามองด้วยแววตา
เฉยชาแต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับดยุคมอเรลจนต้องเสหน้าไปทางอื่น
“หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารรัชทายาท ทหารอัศวินที่ประจำการในจุดใกล้เคียงได้เร่งทำการ
จับกุมผู้ทำความผิด...แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าผู้ทำความผิดทุกคนได้ฆ่าตัวตายจึงไม่สามารถสืบหาผู้
บงการได้”
หินสีฟ้าอีกก้อนถูกวางลงมาบนโต๊ะ เมื่อเรืองแสงก็ปรากฏภาพเหล่าคนที่เสียชีวิต...ทุกคนที่
ปรากฏล้วนแต่เป็นผู้ทำความผิดที่ฆ่าตัวตายทั้งสิ้น
“นี่มัน!...เป็นไปไม่ได้...”
ลูอิซสีหน้าเปลี่ยนในทันทีพร้อมกับอุทานออกมาอย่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความ
สับสนและความเสียใจ เอเดนปิดการทำงานของหินเวทมนต์ลงแล้วพูดต่อไป
“ทุกคนที่ถูกพบในสถานที่เกิดเหตุมีประวัติเป็นทหารอัศวินภายใต้สังกัดของท่าน ดยุคคริสตอฟ เรา
ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีการใช้เวทย์ธาตุจิตหรือธาตุมืดในบริเวณนัั้น”
“ฉันคอยดูแลพวกเขาอยู่ตลอด ไม่มี...ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะทำเรื่องแบบนี้...”
“นั่นไงล่ะ! ท่านคงเลี้ยงพวกเขาไว้เพื่อก่อการกบฏสินะ!”
ดยุคมอเรลตะโกนลั่นอย่างมีชัย ร่างกายกระเพื่อมไปมาจากการหอบเพราะความตื่นเต้น ลูอิซ
ผุดลุกขึ้นยืนก่อนโต้เถียงด้วยน้ำเสียงคุกรุ่น
“ฉันดูแลพวกเขาในฐานะทหารผ่านศึก...ตระกูลคริสตอฟไม่เคยมีความคิดที่จะกบฏ พวกเราภักดี
ต่อลูซิเลียเสมอมาและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป!”
มือหยาบกร้านจากการจับดาบและเต็มไปด้วยรอยแผลที่มาจากการสู้รบหยิบตราประจำ
ตระกูลออกมา อัญมณีสีน้ำเงินและเขียวรูปโล่ แกะสลักเป็นลายหมาป่าน่าเกรงขาม
“ตราประทับในเอกสารนี้เป็นของปลอมอย่างแน่นอน....มันสมบูรณ์เกินไป...นี่คือตราของตระกูล
คริสตอฟ เชิญเอาไปดูแล้วทุกท่านจะพบว่ามันมีรอยบิ่นที่ข้างใต้ซึ่งผ่านมานานแล้ว”
ตราถูกส่งไปยังทุกคนในห้องก่อนจะกลับมายังเจ้าของ สีหน้าของทุกคนในห้องไม่เปลี่ยนไป
จากเดิมนัก...เพียงแค่รอยบิ่นเล็กน้อยมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะบอกว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
“ลูอิซ ท่านจะเอาหลักฐานเพียงแค่นี้มาแย้งข้อกล่าวหางั้นเหรอ?”
ดยุคเดอวัลส่ายหน้าคล้ายยอมแพ้ ลูอิซนิ่งเงียบไปก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบตาม
เดิม
“หลักฐานที่นำมาโต้แย้งของฉันอาจไม่มากพอ แต่ฉันก็ไม่มีแรงจูงใจที่ต้องลอบสังหารรัชทายาท
เช่นกัน”
“กฏของโดเซ่ เชอวาลิเยร์...”
เสียงพร่าของดยุคมัลวิน่าดังขึ้น...ชายที่อาวุโสที่สุดในห้องยกมือเพื่อเสนอความคิดเห็นก่อน
พูดต่อเมื่อได้รับอนุญาต
“กฏระบุไว้ว่าผู้สืบทอดที่จะเข้าร่วมโดเซ่ เชอวาลิเยร์ได้จะต้องมีเวทมนต์...แต่บุตรชายของท่าน
ไม่มีเวทย์ดังนั้นเขาไม่อาจเป็นผู้สืบทอดได้...”
“ฮ้า! ได้ยินมาว่าท่านพยายามเสนอฎีกาให้ฝ่าบาทแก้กฏหมายแต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา...รึว่า
ท่านขุ่นเคืองมากเสียจนก่อการขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิให้บุตรชายของท่านกัน?”
ดยุคมอเรลยิ้มเยาะ...แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยชอบในตัวอีกฝ่ายเลยสักนิด เพียงแค่ทำความดี
ความชอบไม่กี่ครั้งก็มาขอพระราชทานสิทธิจากคิงเอลลิออทให้เหล่าทหารอัศวินที่ผ่านศึกจนบาด
เจ็บได้รับเงินเดือนเท่ากับทหารที่ประจำการไปเรื่อยๆจนกว่าจะตาย
มันช่างสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินจนเขาอยากกำจัดทหารพวกนั้นไปให้พ้นๆ...ในตอนนี้
โอกาสมาถึงแล้ว เขาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้แน่นๆ!
“ไร้สาระ ฉันยอมรับว่าเสนอฎีกาจริง...แต่การที่ฝ่าบาทจะรับไว้พิจารณาหรือไม่นั่นคือเรื่องที่ฉันไม่
อาจทำอะไรได้ การลอบสังหารรัชทายาทเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่น...สองเรื่องนี้ท่านนำมาโยงกัน
ได้...ความคิดล้ำลึกนัก”
ลูอิซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ชายร่างท้วมตัวสั่นด้วยความโกรธก่อนที่จะชี้นิ้วใส่พร้อมกับ
ตะโกนก้อง
“หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ยังกล้าพูดดี! ท่านไม่มีหลักฐานมาแก้ต่าง! ถึงเวลาที่ท่านจะถูกจับกุม
แล้วดยุคคริสตอฟ! ทหารอัศวิน! จอมเวทย์!”
“ดยุคมอเรล พอแล้ว”
ดยุคเดอวัลยกมือห้ามก่อนจะยืนขึ้นอีกครั้ง เขารวบเอกสารและหลักฐานต่างๆคว่ำไว้บนโต๊ะ
แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
“แม้ว่าคดีนี้จะมีหลักฐานที่แน่นหนามาก แต่ดยุคคริสตอฟเป็นหนึ่งในโดเซ่ เชอวาลิเยร์อันทรง
เกียรติที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อลูซิเลีย อีกทั้งยังได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวง...
ฉันเสนอให้มีการสืบสวนหาหลักฐานเพิ่ม...ท่านว่ายังไง...ลูอิซ”
“ขอบใจสำหรับโอกาส”
“ทุกๆท่านที่เหลือว่าอย่างไรบ้าง? โปรดลงคะแนนเสียง”
“เรมิดิตกลง ฉันไปล่ะ!”
ชายร่างซูบผอมพุ่งตัวออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยลงเสียงต่อ
“มอเรล คัดค้าน!”
“ซีกัส ตกลง”
“มัลวิน่า คัดค้าน”
“โดมินิก ตกลง”
“โซโรแอสเตอร์ ตกลง”
“เรนทิสต์ คัดค้าน”
“เดอวัล ตกลง”
“โรเซ...คัดค้าน”
ความคิดเห็น