ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาเวทย์ชาเรียท[yaoi] สถานะ:ลงเนื้อหา

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่1 : Distrust ต้องสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 61




              เสียงฝีเท้าของม้าดังก้องพร้อมกับเสียงล้อบดกับพื้นถนนส่งเสียงกึกกัก รถม้าวิ่งไปตาม


    เส้นทางในป่าเพื่อส่งผู้โดยสารที่จุดหมายปลายทาง



                  ลมเย็นๆทิ้งท้ายของฤดูหนาวหอบเอากลิ่นหอมของมวลบุปผาเข้ามาทางหน้าต่างทำให้รู้สึก


    สดชื่นไม่น้อย แต่กระนั้นสีหน้าของผู้ที่อยู่บนรถม้ากลับเคร่งเครียดขัดกับบรรยากาศรอบข้างที่กำลัง


    เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ



                  เส้นทางในป่าเริ่มเปลี่ยนเป็นถนนอิฐสีน้ำตาลแดง บ่งบอกว่าขณะนี้พวกเขากำลังเข้าสู่เขต


    เมืองหลวงแห่งอาณาจักรลูซิเลีย



                  บ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นที่รักของตัวเขาและครอบครัว...



    "ถึงแล้วขอรับท่านลูอิซ..."



                  เสียงของคนขับรถม้าแฝงความลังเลใจ ทำให้ผู้ที่กำลังก้าวลงจากรถม้าเหยียดยิ้มออกมา


    เล็กน้อยเป็นการปลอบโยนอีกฝ่าย



    "ฉันไม่เป็นไรหรอก อย่ากังวลไปเลย"



    "..ทราบแล้วขอรับ ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา"


                  ชายวัยกลางคนร่างผอมสูงค้อมตัวให้กับผู้เป็นเจ้านายที่ก้าวเดินเข้าสู่ปราสาทด้วยท่าที


    สง่าผ่าเผยสมกับผู้เป็นทหารกรำศึก



    "ขณะนี้ดยุคคริสตอฟได้มาถึงแล้ว!"



                  ทหารอัศวินประกาศชื่อดังก้องก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นห้อง


    ประชุมขนาดใหญ่อันหรูหราสง่างาม



                  แต่ในเวลานี้ไม่มีใครสักคนในห้องประชุมที่จะสนใจกับความงามของห้องประชุมแห่งนี้     



    "มาแล้วเหรอ...คนทรยศ"



    “ดูเหมือนข่าวสารของดยุคมอเรลจะรวดเร็วนักถึงได้กล้ากล่าวหากันโดยไร้หลักฐานแบบนี้”



                  ลูอิสตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง...เก้าอี้สิบสองตัว


    รอบโต๊ะกลมเสมือนสิบสองตระกูลที่เคียงข้างราชวงศ์จากอดีตจวบจนปัจจุบัน นั่นคือความหมาย


    ของ ‘โดเซ่ เซอวาลิเยร์’



                  ไม่สิ...ในตอนนี้ไม่ใช่สิบสองตระกูลอีกต่อไปแล้ว



    “หากว่าไร้หลักฐานจริงมีหรือที่คนอย่างฉันจะกล้าพูด...ท่านต่างหากที่จะนำหลักฐานอะไรมา


    ปฏิเสธข้อกล่าวหา?...ดยุคคริสตอฟ...ข้อหากบฏมันร้ายแรงนะ...นึกถึงบุตรชายของท่านบ้าง


    รึเปล่า?



    “บุตรชายของฉันไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมนี้”



                  ดยุคมอเรลยิ้มจนดวงตาหยีลงเพราะใบหน้าอวบอูมก่อนจะหันมองรอบๆโต๊ะประชุม...ถึง


    เวลาเปิดม่านการแสดงแล้ว



    “จะให้ถกเถียงกันเพียงแค่สองคนก็เปล่าประโยชน์ พวกท่านที่เหลือว่าอย่างไรบ้างเล่า...


    นี่น่ะ...คือการพิพากษาความผิดของดยุคคริสตอฟในข้อหากบฏต่ออาณาจักรลูซิเลียนะ”



                  ในตอนนี้ โดเซ่ เซอวาลิเยร์กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ…



    “ข้าพเจ้าดยุคเรย์ เดอวัล ผู้ตรวจการแผ่นดินภายใต้คิงเอลลิออทขอเริ่มการพิจารณาข้อกล่าวหา


    กบฏของดยุคคริสตอฟ”



    “คิงเอลลิออททรงพระเจริญ”



                  ทุกคนในห้องกล่าวสรรเสริญคิงเอลลิออทตามธรรมเนียม เมื่อทุกเสียงในห้องสงบลง


    ดยุคเดอวัลก็วางแผ่นเอกสารต่างๆบนโต๊ะ



    “จากการสืบสวน คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาสองอาทิตย์ก่อนในวันครบรอบการก่อตั้งราชวงศ์


    ลูซิเลีย...รัชทายาทซึ่งก็คือองค์ชายอัลเบิร์ตทรงนั่งรถม้าเพื่อพบปะกับประชาชนรอบเมืองหลวงจน


    กระทั่งย้อนกลับมาที่เส้นทางหลักเพื่อกลับมายังปราสาท”



                  แผนที่ที่ถูกวางบนโต๊ะปรากฏภาพเคลื่อนไหวเป็นเส้นทางที่องค์ชายอัลเบิร์ตเดินทางไป


    เรื่อยๆก่อนจะหยุดลงที่จุดหนึ่ง



    “เส้นทางทั้งหมดที่อยู่ในแผนการเดินทางนั้นจะมีทหารอัศวินและจอมเวทย์ประจำการเพื่อรักษา


    ความปลอดภัยแก่รัชทายาท...”



                  ดวงตาสีไวน์ของดยุคเดอวัลจับจ้องมาที่ลูอิซ อดีตทหารอัศวินยังคงมีท่าทีสงบนิ่งคล้ายกับ


    เรื่องที่กำลังฟังอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องของตนเอง



    “แต่ ณ จุดนี้...รัชทายาทถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนขณะนี้แพทย์หลวงยังคงต้องเฝ้าดู


    อาการอย่างใกล้ชิด...”



    “เรย์ ที่นี่มีแต่คนกันเอง ท่านเลิกอ้อมค้อมพูดในสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วแล้วเข้าเรื่องเลยไม่ได้รึไง?”



                  มาร์ควิสเรมิดิ ตระกูลแพทย์หลวงประจำราชวงศ์...ชายวัยสามสิบที่มีใบหน้าหมองคล้ำ


    ท่าทางอิดโรยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว



    “ฉันต้องรีบไปตรวจอาการของรัชทายาท ถ้าท่านไม่เข้าเรื่องเร็วๆฉันคงต้องขอออกจาก


    การประชุมนี้”



    “ใจเย็นก่อนเถอะนะอลัน...”



                  หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบหวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ท้ายสุด


    ชายหนุ่มก็ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษยอมเย็นลงอย่างที่หญิงสาวต้องการ



    “ถ้าอย่างนั้น...ลูอิซ...มีทหารอัศวินบอกว่ามีคนนำเอกสารที่มีตราประทับของตระกูลคริสตอฟมาให้


    แก่จอมเวทย์ที่เป็นหัวหน้าของทหารอัศวินและจอมเวทย์ที่ประจำการที่จุดเกิดเหตุ เอกสารนั้นคือ


    คำสั่งเปลี่ยนชุดกองกำลังที่ประจำการตรงนั้นให้เป็นคนของท่านแทน...เชิญแสดงหลักฐาน


    ดยุคเรนทิสต์”



    ชายวัยกลางคนอีกคนลุกยืนขึ้นก่อนยื่นหินสีฟ้าใสก้อนหนึ่งมาวางเพิ่มบนโต๊ะ...ดยุคเรนทิสต์


    มองเพื่อนสนิทของตนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างลำบากใจ



    ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาเป็นผู้หันปลายดาบไปทางอีกฝ่าย



    “...นี่คือคำให้การของจอมเวทย์ผู้นั้น”



    หินสีฟ้านัั้นเรืองแสงจากเวทย์บันทึกก่อนจะแสดงภาพของจอมเวทย์คนหนึ่งขึ้นมา



    ‘...ครับ...ผมได้รับเอกสารที่มีตราประทับของดยุคคริสตอฟจริงครับ...นี่ครับ...เพราะมีเอกสารถูก


    ต้องผมจึงนำกองกำลังย้ายออกไป…’



    “นี่คือเอกสารที่มีตราประทับ”



    ลูอิซรับเอกสารมาพิจารณา ตราประทับเหมือนกับตราประจำตระกูลของเขาไม่มีผิดเพี้ยนอีก


    ทั้งเอกสารก็เป็นของจริงไม่มีการปลอมแปลงใดๆ



    “มีหลักฐานอะไรอีกไหม หรือคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอที่จะจับกุมฉัน?”



    “แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว! ใช่ไหมเซอร์โดมินิก?”



    ดยุคมอเรลพูดเสียงดังอย่างผู้เหนือกว่า เอเดน โดมินิกเพียงแค่ปรายตามองด้วยแววตา


    เฉยชาแต่ก็สร้างแรงกดดันให้กับดยุคมอเรลจนต้องเสหน้าไปทางอื่น



    “หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารรัชทายาท ทหารอัศวินที่ประจำการในจุดใกล้เคียงได้เร่งทำการ


    จับกุมผู้ทำความผิด...แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าผู้ทำความผิดทุกคนได้ฆ่าตัวตายจึงไม่สามารถสืบหาผู้


    บงการได้”



    หินสีฟ้าอีกก้อนถูกวางลงมาบนโต๊ะ เมื่อเรืองแสงก็ปรากฏภาพเหล่าคนที่เสียชีวิต...ทุกคนที่


    ปรากฏล้วนแต่เป็นผู้ทำความผิดที่ฆ่าตัวตายทั้งสิ้น



    “นี่มัน!...เป็นไปไม่ได้...”



    ลูอิซสีหน้าเปลี่ยนในทันทีพร้อมกับอุทานออกมาอย่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความ


    สับสนและความเสียใจ เอเดนปิดการทำงานของหินเวทมนต์ลงแล้วพูดต่อไป



    “ทุกคนที่ถูกพบในสถานที่เกิดเหตุมีประวัติเป็นทหารอัศวินภายใต้สังกัดของท่าน ดยุคคริสตอฟ เรา


    ได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีการใช้เวทย์ธาตุจิตหรือธาตุมืดในบริเวณนัั้น”



    “ฉันคอยดูแลพวกเขาอยู่ตลอด ไม่มี...ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะทำเรื่องแบบนี้...”



    “นั่นไงล่ะ! ท่านคงเลี้ยงพวกเขาไว้เพื่อก่อการกบฏสินะ!”



    ดยุคมอเรลตะโกนลั่นอย่างมีชัย ร่างกายกระเพื่อมไปมาจากการหอบเพราะความตื่นเต้น ลูอิซ


    ผุดลุกขึ้นยืนก่อนโต้เถียงด้วยน้ำเสียงคุกรุ่น



    “ฉันดูแลพวกเขาในฐานะทหารผ่านศึก...ตระกูลคริสตอฟไม่เคยมีความคิดที่จะกบฏ พวกเราภักดี


    ต่อลูซิเลียเสมอมาและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป!”



    มือหยาบกร้านจากการจับดาบและเต็มไปด้วยรอยแผลที่มาจากการสู้รบหยิบตราประจำ


    ตระกูลออกมา อัญมณีสีน้ำเงินและเขียวรูปโล่ แกะสลักเป็นลายหมาป่าน่าเกรงขาม



    “ตราประทับในเอกสารนี้เป็นของปลอมอย่างแน่นอน....มันสมบูรณ์เกินไป...นี่คือตราของตระกูล


    คริสตอฟ เชิญเอาไปดูแล้วทุกท่านจะพบว่ามันมีรอยบิ่นที่ข้างใต้ซึ่งผ่านมานานแล้ว”



    ตราถูกส่งไปยังทุกคนในห้องก่อนจะกลับมายังเจ้าของ สีหน้าของทุกคนในห้องไม่เปลี่ยนไป


    จากเดิมนัก...เพียงแค่รอยบิ่นเล็กน้อยมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะบอกว่าเป็นผู้บริสุทธิ์



    “ลูอิซ ท่านจะเอาหลักฐานเพียงแค่นี้มาแย้งข้อกล่าวหางั้นเหรอ?”



    ดยุคเดอวัลส่ายหน้าคล้ายยอมแพ้ ลูอิซนิ่งเงียบไปก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบตาม


    เดิม



    “หลักฐานที่นำมาโต้แย้งของฉันอาจไม่มากพอ แต่ฉันก็ไม่มีแรงจูงใจที่ต้องลอบสังหารรัชทายาท


    เช่นกัน”



    “กฏของโดเซ่ เชอวาลิเยร์...”



    เสียงพร่าของดยุคมัลวิน่าดังขึ้น...ชายที่อาวุโสที่สุดในห้องยกมือเพื่อเสนอความคิดเห็นก่อน


    พูดต่อเมื่อได้รับอนุญาต



    “กฏระบุไว้ว่าผู้สืบทอดที่จะเข้าร่วมโดเซ่ เชอวาลิเยร์ได้จะต้องมีเวทมนต์...แต่บุตรชายของท่าน


    ไม่มีเวทย์ดังนั้นเขาไม่อาจเป็นผู้สืบทอดได้...”



    “ฮ้า! ได้ยินมาว่าท่านพยายามเสนอฎีกาให้ฝ่าบาทแก้กฏหมายแต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา...รึว่า


    ท่านขุ่นเคืองมากเสียจนก่อการขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิให้บุตรชายของท่านกัน?”



    ดยุคมอเรลยิ้มเยาะ...แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยชอบในตัวอีกฝ่ายเลยสักนิด เพียงแค่ทำความดี


    ความชอบไม่กี่ครั้งก็มาขอพระราชทานสิทธิจากคิงเอลลิออทให้เหล่าทหารอัศวินที่ผ่านศึกจนบาด


    เจ็บได้รับเงินเดือนเท่ากับทหารที่ประจำการไปเรื่อยๆจนกว่าจะตาย



    มันช่างสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินจนเขาอยากกำจัดทหารพวกนั้นไปให้พ้นๆ...ในตอนนี้


    โอกาสมาถึงแล้ว เขาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้แน่นๆ!



    “ไร้สาระ ฉันยอมรับว่าเสนอฎีกาจริง...แต่การที่ฝ่าบาทจะรับไว้พิจารณาหรือไม่นั่นคือเรื่องที่ฉันไม่


    อาจทำอะไรได้ การลอบสังหารรัชทายาทเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่น...สองเรื่องนี้ท่านนำมาโยงกัน


    ได้...ความคิดล้ำลึกนัก”



    ลูอิซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ชายร่างท้วมตัวสั่นด้วยความโกรธก่อนที่จะชี้นิ้วใส่พร้อมกับ


    ตะโกนก้อง



    “หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ยังกล้าพูดดี! ท่านไม่มีหลักฐานมาแก้ต่าง! ถึงเวลาที่ท่านจะถูกจับกุม


    แล้วดยุคคริสตอฟ! ทหารอัศวิน! จอมเวทย์!”



    “ดยุคมอเรล พอแล้ว”



    ดยุคเดอวัลยกมือห้ามก่อนจะยืนขึ้นอีกครั้ง เขารวบเอกสารและหลักฐานต่างๆคว่ำไว้บนโต๊ะ


    แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ



    “แม้ว่าคดีนี้จะมีหลักฐานที่แน่นหนามาก แต่ดยุคคริสตอฟเป็นหนึ่งในโดเซ่ เชอวาลิเยร์อันทรง


    เกียรติที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อลูซิเลีย อีกทั้งยังได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวง...


    ฉันเสนอให้มีการสืบสวนหาหลักฐานเพิ่ม...ท่านว่ายังไง...ลูอิซ”



    “ขอบใจสำหรับโอกาส”



    “ทุกๆท่านที่เหลือว่าอย่างไรบ้าง? โปรดลงคะแนนเสียง”



    “เรมิดิตกลง ฉันไปล่ะ!”



    ชายร่างซูบผอมพุ่งตัวออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยลงเสียงต่อ



    “มอเรล คัดค้าน!”



    “ซีกัส ตกลง”



    “มัลวิน่า คัดค้าน”



    “โดมินิก ตกลง”



    “โซโรแอสเตอร์ ตกลง”



    “เรนทิสต์ คัดค้าน”



    “เดอวัล ตกลง”



    “โรเซ...คัดค้าน”





    พูดคุยกับนักเขียน :

    ในที่สุดตอนแรกก็มาลงแล้ว ยังไม่มีอะไรมากแต่ก็ตื่นเต้นสุดๆไปเลยค่ะ ไม่ถนัดเขียนการโต้เถียงของชนชั้นสูงด้วยแถมมีการเมืองอีก! เครียดสุดๆไปเลย ถ้าใครมีคำแนะนำ ติชมก็พูดคุยกันได้เต็มที่เลยนะคะ ^v^ แล้วพบกันตอนต่อไปค่ะ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×