ตอนที่ 1 : First Day
First Day
เซเวอรัสเคยคิดมาตลอดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่ต้องมานั่งเลี้ยงเด็กเล็กๆ เพราะเขาตัวคนเดียวไม่ได้มีญาติสนิทที่ไหน และความรักของเขาที่มีให้เพื่อนสาวอย่างลิลี่ อีแวนส์ ก็มากมายเสียจนทำให้เขาไม่อาจมองผู้หญิงคนอื่นได้อีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีลูกหลาน แต่การที่เขาต้องอยู่ร่วมกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก หรือผู้หญิงที่เข้ามาเป็นเพียงตัวแทนของลิลี่คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เซเวอรัสจึงตัดใจเรื่องการสร้างครอบครัวหรือการมีลูกไปโดยปริยาย
แต่โชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับเขาเสมอ...
“จะให้ผมรับเด็กพอตเตอร์ไปเลี้ยง?” ชายหนุ่มในชุดดำสนิทขึ้นเสียงสูงใส่ชายชราผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“คุณลืมไปหรือเปล่าอัลบัสว่าคุณบอกผมเองเรื่องจอมมารจะกลับมา แล้วจะให้ผมที่เป็นสายลับเลี้ยงเด็กที่จอมมารต้องการตัวนี่น่ะหรือ?”
ชายชราเจ้าของนามอัลบัส ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจยาวทันทีที่ได้ฟังชายหนุ่มตรงหน้าทักท้วงจบ “มันเป็นเรื่องจำเป็นเซเวอรัส ตอนนี้แฮร์รี่ถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กเพราะครอบครัวเดอร์สลีย์ปล่อยให้เขาร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนเพื่อนบ้านต้องเรียกพวกนักสังคมสงเคราะห์มาพาตัวเขาไป”
“แล้วเราปล่อยให้เด็กนั่นอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้หรือไงกัน ผมไม่เคยเลี้ยงเด็ก!”
“พวกผู้เสพความตายก็จะได้ฆ่าเขาทันทีตั้งแต่เขายังไม่ทันพูดได้น่ะสิ ฉันคิดดีแล้วเซเวอรัส จริงๆบ้านเดอร์สลีย์จะปลอดภัยกับเขาเพราะบ้านหลังนั้นลงเวทมนตร์ไว้ที่ทำให้พวกผู้เสพความตายเข้าบ้านไม่ได้ แต่เมื่อพวกนักสังคมสงเคราะห์ของมักเกิ้ลมาพาตัวเขาไป มันก็ยากที่เราจะพาแฮร์รี่กลับไปส่งให้บ้านนั้นอีกครั้ง”
“แล้วพวกผู้วิเศษคนอื่นๆล่ะ ผมเชื่อว่าพวกเขายินดีที่จะรับเด็กชายผู้รอดชีวิตไปเลี้ยงดู” เซเวอรัสยังคงโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงเด็กนั่นจะเป็นลูกของลิลี่ก็เถอะ แต่การที่ต้องมาดูแลเด็กคนนึงมันเป็นเรื่องง่ายเสียที่ไหนกัน
“การที่ให้แฮร์รี่เติบโตในหมู่ผู้วิเศษฉันเกรงว่านั่นจะทำให้เด็กเสียคน และเราอาจจะได้ลอร์ดมืดอีกคนมาแทน” คำชี้แจงของอัลบัสเป็นสิ่งที่เซเวอรัสเข้าใจได้ไม่ยาก การที่เด็กชายคนดังขนาดนี้โตท่ามกลางเหล่าผู้วิเศษที่ชื่นชมเขา ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเด็กชายคงจะโดนตามใจจนเย่อหยิ่งไม่ต่างจากพ่อของเจ้าตัวหรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
“คุณเลยจะให้ผมที่มีพ่อเป็นมักเกิ้ลเลี้ยงดูเด็กนั่นให้โตมาแบบมักเกิ้ลสินะ?”
อัลบัสยิ้มให้อย่างอบอุ่นก่อนตอบ “ฉันคิดว่าเธอจะต้องเป็นพ่อที่ดีอย่างแน่นอน”
“และคุณควรรู้ว่าผมไม่เคยมีพ่อที่ดี” เซเวอรัสได้แต่ถอนหายใจยอมรับชะตากรรม เพราะอย่างไรเขาก็คงปฏิเสธชายชราตรงหน้านี้ไม่ได้
**********
เซเวอรัสได้พาแฮร์รี่มาอยู่ที่บ้านของเขาที่ปลายถนนสปินเนอร์ บ้านถูกทิ้งร้างไปนานตั้งแต่แม่ของเขาเสียไป และพ่อของเขาก็เลือกที่จะกลับไปอยู่กับญาติมักเกิ้ลของเขามากกว่าลูกชายที่เป็นพ่อมด ส่วนตัวเขาเองก็เลือกที่จะใช้ชีวิตในโรงเรียนมากกว่ากลับมาอยู่ที่บ้าน ตอนที่เขาพาเด็กเข้ามาที่บ้านครั้งแรกเขาจึงต้องทำความสะอาดขนานใหญ่
การเลี้ยงแฮร์รี่ดูจะง่ายกว่าที่เขาคิด เมื่อแฮร์รี่โตพอที่จะเริ่มเข้าใจภาษาบ้างแล้ว และเริ่มที่จะหัดกินอาหารเองด้วย ถึงจะมีเลอะเทอะจนเขาต้องคอยทำความสะอาดอยู่บ้างแต่ก็นับว่าไม่ลำบากนัก อีกทั้งช่วงแรกๆเขายังมีมิเนอว่าและป๊อปปี้มาคอยช่วยสอนเขาดูแลเด็กจึงทำให้เขาสามารถรับมือกับแฮร์รี่ได้ไม่ยากเย็น
แต่มีหนึ่งอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ คือการร้องไห้ตอนกลางคืนของเด็กชาย แฮร์รี่มักร้องไห้ทุกคืนทันทีที่เขาปล่อยให้เด็กชายนอนคนเดียว ถึงแม้เขาจะกล่อมแฮร์รี่จนหลับแล้วแต่เมื่อตื่นมาไม่เจอใครแฮร์รี่จะเริ่มต้นร้องอีกครั้ง เซเวอรัสจึงตัดสินใจย้ายเปลของเด็กชายมาไว้ที่ห้องของเขาเองเผื่อว่าเด็กชายที่ตื่นมาเจอเขานอนข้างๆจะได้เลิกร้องไห้ยามกลางคืน
จนกลางดึกคืนนั้นเซเวอรัสได้ยินเสียงแฮร์รี่ร้องอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป ในตอนนั้นเขาคิดว่าเด็กชายคงจะเห็นเขาที่นอนอยู่ไม่ไกลแล้วจึงเงียบเสียงลง แต่อะไรบางอย่างสะกิดใจให้เซเวอรัสลืมตาขึ้นมาดู ในนาทีนั้นเซเวอรัสคิดว่าหัวใจของเขาแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อพบเด็กชายนอนร้องไม่มีเสียงอยู่ข้างเปล
“แฮร์รี่!” ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปอุุ้มเด็กชายขึ้นมา แฮร์รี่ดูเหมือนจะจุกที่ตกลงมาจากเปลแต่ก็ยังพยายามร้องเสียจนหน้าเขียวไปหมด เซเวอรัสจึงรีบอุ้มพาไปที่เตาผิงแล้วใช้ผงฟลูเพื่อไปหาป๊อปปี้โดยไว
ชายหนุ่มมองดูป๊อปปี้ที่ทำการรักษาและตรวจร่างกายเด็กจนแน่ใจแล้วว่าเขาจะไม่เป็นไรก่อนที่เธอจะอุ้มแฮร์รี่มาส่งคืนให้
“เขาตกเปลมาหรือเซเวอรัส แต่เปลเป็นแบบมีคอกกั้นนี่?” หญิงสาวถามอย่างข้องใจ
“ฉันคิดว่าเขาปีนคอกกั้นจนตกลงมาเพราะเห็นฉันนอนอยู่ที่เตียงข้างๆ”
“คุณพาเขาเข้าไปในห้องด้วยงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปหาคุณเอาเขาไว้ที่อีกห้องนี่นา” สิ้นคำถามของผู้รักษาสาว เซเวอรัสจึงก้มลงมองเด็กในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจเบาๆ
“จำที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ได้ไหมว่าเขามักร้องตอนกลางคืนที่ตื่นมาแล้วไม่เจอใคร อาจจะเป็นความกลัวจากคืนนั้น ฉันเลยย้ายเปลของเขามาที่ห้องฉันเพราะคิดว่าถ้าเขาเห็นฉันเขาอาจจะหยุดร้องและนอนต่อได้ แต่เห็นได้ชัดว่าฉันคิดผิด”
ป๊อปปี้ที่ได้ฟังอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะลูบบ่าของชายหนุ่มอย่างเห็นใจ มันไม่ง่ายเลยที่หนุ่มโสดคนนึงจะต้องมาเลี้ยงเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นเซเวอรัสก็ยังพยายามอย่างดีที่สุด
“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นความผิดคุณหรอกนะ แต่ช่วงนี้คุณอาจจะต้องทนลุกขึ้นมากล่อมแกกลางดึกอีกสักพัก พอแกรู้ว่ามันปลอดภัยแกก็จะเลิกร้องเองล่ะ”
ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าสักพักนั้นนานแค่ไหนแต่เซเวอรัสก็ทำได้แค่พยักหน้ารับแล้วอุ้มพาเด็กกลับไปที่บ้านของพวกเขา
**********
“แฮร์รี่! เธอต้องลงมากินข้าวได้แล้วไม่อย่างนั้นจะไปโรงเรียนสายนะ!”
“คร้าบบบ” เด็กชายขานรับเสียงใสพร้อมร่างเล็กๆวัย5ขวบกำลังวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรวดเร็ว มันเป็นวันแรกที่เขากำลังจะได้เข้าโรงเรียน เด็กชายจึงค่อนข้างตื่นเต้นมากเสียจนนอนไม่หลับทำให้สุดท้ายกลายเป็นตื่นสายอย่างไม่น่าให้อภัย
ตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านแห่งนี้กับแฮร์รี่เซเวอรัสก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใดๆได้ตราบเท่าที่อยู่ในบ้านหรือเท่าที่แฮร์รี่อาจจะเห็น ตามที่เขาได้คุยกับดัมเบิลดอร์ไว้ว่าเขาจะเลี้ยงเด็กชายอย่างมักเกิ้ลคนนึง แม้จะลำบากบ้างในช่วงแรกแต่เมื่อปรับตัวจนชินได้แล้วเขาก็ไม่มีปัญหากับการที่ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือของมักเกิ้ลแทนเวทมนตร์
“ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าห้ามวิ่งลงบันได” เซเวอรัสกล่าวเสียงดุพลางตักไข่ดาวและไส้กรอกลงในจานของเด็กชาย
“แต่เซฟบอกให้ผมรีบนี่นา” แฮร์รี่ที่รีบเดินมาในครัวแอบเถียงเสียงเบาพร้อมรับจานของตัวเองไปนั่งกิน แต่ถึงจะแอบเถียงยังไงเซเวอรัสก็ยังคงได้ยินอยู่ดี สายตาคมกริบที่จ้องมองมาทำให้เด็กชายต้องรีบก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ
อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาต้องมาเลี้ยงดูเด็กนี่เขาก็ต้องใช้ชื่อใหม่ในโลกมักเกิ้ลว่าโจเซฟ ปริ๊นซ์ ส่วนแฮร์รี่ที่กลายมาเป็นลูกบุญธรรมของเขาจึงได้นามสกุลปริ๊นซ์ไปใช้ด้วย แต่ทั้งเขาและดัมเบิลดอร์มีความเห็นตรงกันว่าแฮร์รี่ไม่ควรเปลี่ยนชื่อเพื่อกันการสับสนของเด็กในอนาคต เด็กชายจึงยังได้ใช้ชื่อแฮร์รี่อยู่
เซเวอรัสเคยพยายามสอนให้แฮร์รี่เรียกเขาว่าโจเซฟตอนเด็กๆ แต่แฮร์รี่กลับออกเสียงแค่พยางค์หลังทำให้พ้องเสียงกับชื่อเล่นจากชื่อจริงๆของเขาไป ซึ่งเซเวอรัสก็คิดว่ามันง่ายกว่าเมื่อบอกความจริงแฮร์รี่ในวันที่อายุครบ11ปี เขาจึงไม่เคยแก้คำเรียกของเด็กชายเลย
“ฉันจะไปส่งแต่อาจจะไม่ได้ไปรับเอง ฉันบอกคุณนายแมรี่ไปแล้วว่าฝากรับเธอกลับมาที่บ้านด้วย” เซเวอรัสพูดพร้อมทั้งชงกาแฟให้ตัวเองดื่ม
“โรงเรียนอยู่แค่นี้เองผมเดินกลับเองได้” เด็กชายที่เห็นเซฟดูจะไม่ได้โกรธเขาเรื่องเมื่อครู่มากนักจึงตอบรับเสียงแจ๋ว
“ยังไงคุณนายแมรี่ก็ต้องไปรับลูกชายอยู่แล้ว ให้เธอเดินกลับเองคนเดียวมันอันตราย”
คุณนายแมรี่คือเพื่อนบ้านของพวกเขาที่มีลูกชายชื่อวิลอายุแก่กว่าแฮร์รี่1ปี และแฮร์รี่เองก็ได้เข้าโรงเรียนตามที่คุณนายแมรี่แนะนำจึงทำให้เขาได้เรียนที่โรงเรียนเดียวกับลูกชายของเธอด้วย
“แต่ผมไม่ชอบวิลนี่นา เขาชอบเล่นกับผมแรงๆ เซฟจะกลับมากี่โมงไม่อย่างนั้นผมรอที่โรงเรียนก็ได้นะ” เมื่อเห็นแฮร์รี่เริ่มงอแงเซเวอรัสก็ได้แต่ถอนหายใจ
ช่วงก่อนที่แฮร์รี่จะเข้าโรงเรียนเซเวอรัสต้องอยู่บ้านตลอดและปรุงยาขายจากห้องใต้ดินที่ปิดไว้ไม่ให้แฮร์รี่รู้แทนการสอนเพื่อให้ได้เงินมาใช้จับจ่ายในบ้าน ถึงแม้ในส่วนค่าใช้จ่ายของเด็กชายดัมเบิลดอร์จะเป็นผู้ออกให้ทั้งหมดก็ตาม แต่เซเวอรัสก็ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนเองอยู่ดี ดังนั้นเมื่อแฮร์รี่เข้าโรงเรียนแล้วเซเวอรัสคิดว่ามันดีกว่าที่จะกลับไปสอน ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบสอนนักแต่ก็ต้องยอมรับว่ารายได้นั้นดีกว่าการปรุงยาขายอยู่ที่บ้านพอสมควรเลยทีเดียว
“ฉันสอนโรงเรียนประจำแฮร์รี่ กว่าฉันจะได้กลับก็คงเย็นมากแล้ว แต่ฉันจะให้กุญแจบ้านเธอไว้ถ้าเธอไม่อยากต้องไปนั่งรอที่บ้านคุณนายแมรี่ โอเคไหม?” พอได้ยินว่าตัวเองไม่ต้องไปนั่งรอในบ้านคนอื่นแฮร์รี่จึงพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง
“ดี พอเข้าบ้านแล้วล็อกประตูหน้าต่างทุกบาน ถ้าคนแปลกหน้ามาเรียกหาก็ห้ามเปิด ถ้ามีใครบุกเข้ามาก็หาที่ซ่อนตัวซะ เข้าใจนะ?” ถึงบางครั้งแฮร์รี่จะไม่เข้าใจนักว่าทำไมเซฟถึงต้องกำชับทุกครั้งที่เขาอยู่บ้านคนเดียวแต่เด็กชายก็ยอมตอบรับแต่โดยดี
**********
มันเป็นเวลาเกือบครบเทอมแล้วนับแต่แฮร์รี่เปิดเรียนครั้งแรก เซเวอรัสยังคงไปกลับฮอกวอตทุกวันด้วยผงฟลู เขาติดตั้งเครือข่ายฟลูไว้ที่เตาผิงชั้นใต้ดินเพื่อป้องกันแฮร์รี่มาเจอขณะที่เขากำลังไปหรือกลับจากฮอกวอต การทำงานของเขาราบรื่นดี แต่ที่ไม่ราบรื่นเห็นจะเป็นเรื่องการเลี้ยงเจ้าเด็กตัวปัญหาเสียมากกว่า
“เนี่ยเพื่อนผมที่เป็นเด็กรับมาเลี้ยงเหมือนกันยังเรียกพ่อกับแม่ของเขาว่าพ่อกับแม่ได้เลย แล้วทำไมผมจะเรียกเซฟว่าพ่อบ้างไม่ได้ล่ะ?” เด็กชายที่พึ่งเริ่มเข้าโรงเรียนและเรียนรู้สิ่งอื่นๆนอกจากสิ่งที่เซเวอรัสสอนกำลังทักท้วงสิ่งที่เขาพึ่งรู้มากจากเพื่อนร่วมห้อง
เซเวอรัสก้มลงมองเด็กชายที่ยืนจับขากางเกงของเขาขณะที่เขากำลังทำมื้อค่ำ แฮร์รี่กำลังทำแก้มป่องง้องอนอย่างที่เจ้าตัวคงคิดเอาเองว่าน่าเอ็นดู? แต่ในสายตาเซเวอรัสแล้วเขากลับรู้สึกว่าน่าบีบให้แก้มบี้เสียมากกว่า เจ้าเด็กมากปัญหา
“เพราะฉันไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อของเธอน่ะสิ” ยิ่งคิดถึงหน้าคู่อริเก่ายิ่งทำให้เซเวอรัสหงุดหงิด ถ้าเขายอมให้เจ้าเด็กนี่เรียกเขาว่าพ่อมันก็เหมือนว่าเขามาแทนที่เจมส์น่ะสิ! เพราะงั้นไม่เอาด้วยล่ะ
“แปลว่าเซฟไม่อยากเป็นพ่อผมเหรอ?” แต่ดูเหมือนคำพูดที่สื่อออกไปจะทำให้เด็กน้อยเข้าใจผิดความหมาย ดวงตาสีเขียวคู่นั้นจึงเริ่มเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาพร้อมปล่อยมือจากขากางเกงของชายหนุ่มแล้วยืนซึมก้มหน้านิ่ง
เซเวอรัสรู้สึกใจหายทันทีที่เห็นเด็กชายเริ่มมีน้ำตาหยดลงบนข้างแก้มเพราะคำพูดของตน จึงต้องรีบวางทุกอย่างแล้วนั่งคุกเข่าลงคุยกับเด็กน้อยโดยไว สมองพยายามประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าควรอธิบายอย่างไรให้เด็กนี่เข้าใจได้โดยง่ายดี
“อย่าร้องไห้สิ มันไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจ” ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งลูบหัวเด็กชายเบาๆ ก่อนสูดลมหายใจเล็กน้อยเรียบเรียงคำพูดปลอบ “ฉัน...เธอควรรู้ไว้ว่าฉันไม่เคยมีพ่อที่ดี ในความทรงจำฉันพ่อเป็นคนที่เลวร้ายน่าดูเชียวล่ะ”
“เซฟเลย...ไม่อยากให้ผมเรียกว่าพ่อ...เหรอฮะ” แฮร์รี่ที่ได้ฟังคำอธิบายก็เริ่มปาดน้ำตาตัวเองออกแล้วมองคนที่เลี้ยงดูเขามาชัดๆ อันที่จริงเด็กชายก็รู้เสมอว่าคนตรงหน้านี่รักเขาแค่ไหน ต่อให้เซเวอรัสจะไม่เคยกอดหอมเขาอย่างที่บ้านอื่นๆทำกัน แต่ชายหนุ่มก็มีวิธีแสดงความรักในแบบอื่นมากพอที่จะทำให้เด็ก5ขวบอย่างแฮร์รี่เข้าใจ เพียงแค่เขารู้สึกแปลกแยกเวลาเพื่อนๆมีพ่อแม่แต่เขาไม่มีใครสักคน เด็กชายจึงอดไม่ได้ที่จะมางอแงอย่างตอนนี้
“ใช่ มันทำให้ฉันนึกถึงพ่อของฉันส่วนหนึ่ง และอีกส่วนฉันไม่ค่อยชอบพ่อของเธอเท่าไหร่” เซเวอรัสรู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองทันทีที่หลุดประโยคสุดท้ายออกไป มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ถ้าเขาจะยุให้เด็กชายเกลียดพ่อแท้ๆของตัวเอง แต่สักวันเด็กชายก็ต้องถามเรื่องพ่อแม่แท้ๆอยู่ดี ดังนั้นให้รู้แต่เนิ่นๆว่าเขาไม่ชอบพ่อของเจ้าตัวก็คงไม่เป็นไร?
“พ่อจริงๆของผมน่ะเหรอ? เขาเป็นคนไม่ดีเหรอฮะ?” เด็กชายเอียงคอมองอย่างสงสัย
“อ่า...อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่แย่กับคนอื่นๆนักหรอก เหมือนว่าพ่อเธอแค่ไม่ชอบหน้าฉันเลยทำไม่ดีกับฉันมากเป็นพิเศษ” เซเวอรัสพยายามอย่างมากที่จะกลั่นกรองภาษาไม่ให้ดูเกลียดชังมากเกินไป อย่างน้อยเด็กชายก็ไม่ควรเกลียดพ่อของตัวเองจากการโดนเขาเสี้ยมสอน
แฮร์รี่ที่ได้ฟังอย่างนั้นก็ยอมพยักหน้าเข้าใจโดยง่ายก่อนจะยักยิ้มร้าย ทั้งๆที่แก้มยังเปรอะคราบน้ำตาที่เช็ดไม่หมด แล้วพุ่งตัวเข้ากอดเซเวอรัสไว้โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว “งั้นถ้าไม่ยอมให้ผมเรียกพ่อ ต้องยอมให้ผมกอดแบบนี้แทน แล้วต้องกอดตอบผมด้วยนะ”
เซเวอรัสที่เจอเด็กเจ้าเล่ห์ต่อรองอย่างนั้นจึงเผลอหัวเราะหึหึออกมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้วยอมกอดตอบเด็กชายอย่างที่เจ้าตัวขอ “แต่ถ้าเธอดื้อมากๆอย่าหวังว่าฉันจะกอดตอบเธอแบบนี้เลยนะเจ้าเด็กมากเรื่อง”
**********
เซเวอรัสกำลังโมโห มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกที่ทำให้เขาโมโหได้ขนาดที่อยากจะชักไม้กายสิทธิ์มาสาปใส่พวกลูกมักเกิ้ลแบบนี้
“ใครทำเธอแบบนี้” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงใจเย็นขณะทำแผลบนใบหน้าที่มีทั้งรอยแตกและรอยฟกช้ำของแฮร์รี่
ปีนี้เด็กชายอายุ7ขวบแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมแฮร์รี่ถึงได้ตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวนัก เซเวอรัสมั่นใจว่าเขาเลี้ยงเด็กชายให้ได้กินอิ่มทุกมื้อที่อยู่ด้วยกัน อาจจะมีบ้างที่มื้อเช้าบางวันเขาทำไม่ทัน และมื้อกลางวันที่เด็กชายต้องไปกินเองที่โรงเรียน แต่นั่นก็ไม่ควรทำให้แฮร์รี่ดูตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันจนโดนรังแกได้แบบนี้
“ไม่ฮะเซฟ มันไม่มีอะไร แค่...เล่นกันแรงนิดหน่อย” แฮร์รี่ตอบทั้งๆที่ไม่ยอมมองหน้า ต่อให้ใครดูก็รู้ว่าเด็กชายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจแต่ไม่กล้าพูดให้เขาฟัง เซเวอรัสจึงต้องเริ่มใช้น้ำเสียงข่มขู่อย่างที่เขามักใช้ในห้องเรียนพูดกับเด็กชาย
“ถ้าเธอคิดว่าการที่ฉันเห็นเธอมีแผลกลับมาทุกวันแบบนี้ยังเป็นเรื่องปกติไม่มีอะไร ฉันคงต้องถามตัวเองแล้วว่าฉันเลี้ยงเธอมาแบบไม่ใส่ใจขนาดนั้นเลยหรือเธอถึงคิดแบบนี้ได้?”
แฮร์รี่ที่พึ่งจะได้เห็นเซฟของเขาดุขนาดนี้เป็นครั้งแรกจึงยิ่งนั่งกุมมือก้มหน้านิ่งไม่กล้าตอบอะไร เพราะเหตุประหลาดที่เจอทำให้เขากลัวว่าเซเวอรัสจะรังเกียจเขาไปด้วยอีกคน
ชายหนุ่มที่เห็นเด็กชายยิ่งก้มหน้านิ่งสั่นกลัวแบบนั้นก็รู้ได้เลยว่าเขาเลือกใช้เสียงผิดเข้าเสียแล้ว เซเวอรัสแน่ใจว่ามันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เด็กชายไม่กล้าพูด แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เด็กชายยอมพูดออกมา มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดและแอบน้อยใจอยู่ลึกๆจนเผลอใช้น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับความเงียบของอีกฝ่าย “ถ้าเธอคิดว่าฉันไว้ใจไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ทันทีที่เห็นเซเวอรัสลุกขึ้นหลังพูดจบ ความหวาดกลัวที่ว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจพลันหายไปจากใจเด็กชายทันที แทนที่ด้วยความกลัวที่เซเวอรัสจะไม่สนใจเขาอีกจนต้องรีบเอื้อมไปดึงรั้งมือของชายหนุ่มไว้
“ถ้าผมเล่า...ห้ามรังเกียจผมนะ... ห้ามคิดว่า...ผมเป็นตัวประหลาดนะ...ห้าม...ห้ามทิ้งผมนะ” ทำนบน้ำตาที่พังทลายทำให้เด็กชายพูดไปสะอื้นไปอย่างน่าสงสาร เซเวอรัสจึงหันกลับมาดึงตัวเด็กชายเข้ามากอดปลอบอย่างที่อีกฝ่ายเคยขอไว้
“ฉันจะไม่ว่าเธออย่างนั้น ฉันก็เคยโดนเรียกอย่างนั้นมาก่อนและฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดยังไง” ชายหนุ่มลูบผมปลอบเด็กชายเบาๆ
“ฮึก... ต่อให้... ต่อให้ผมจะทำเรื่องแปลกๆได้น่ะเหรอ?...” แฮร์รี่เล่าเสียงอู้อี้ซบอยู่กับอกของชายหนุ่ม พร้อมเล่าต่อโดยไม่กล้ามองหน้าคนฟัง แต่เซเวอรัสที่ได้ฟังอย่างนั้นก็พอจะเดาได้แล้วว่าปัญหาของแฮร์รี่คืออะไร
“รู้อะไรไหมแฮร์รี่ ฉันว่าฉันพอจะรู้ว่าเธอทำอะไรได้ และฉันก็ทำได้เหมือนเธอ” เซเวอรัสกล่าวพร้อมทั้งดึงเด็กชายให้ขึ้นมาสบตาแล้วเช็ดน้ำตาออกให้ เฝ้ามองปฏิกิริยาของดวงตาสีมรกตที่มนแสงเมื่อครู่ค่อยๆเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“อันที่จริงมันยังไม่ถึงเวลาที่ควรบอกเธอ แต่ถ้ามันทำให้เธอทรมานการบอกเธอให้รู้ไว้ก็คงไม่ได้เสียหายอะไรนัก” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อพร้อมทั้งดึงแฮร์รี่ที่ยังมึนงงให้เดินตามไปที่ห้องใต้ดินลับ
“ม...หมายความว่า...เซฟก็ทำอะไรแปลกๆได้เหรอฮะ?” แทนที่คำตอบของเด็กชาย จู่ๆบานประตูที่ไม่เคยเห็นก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นให้เด็กชายได้ตกตะลึงอีกครั้ง
“สิ่งแรกที่เธอควรรู้แฮร์รี่ ทั้งเธอและฉันเป็นพ่อมด ฉันสามารถทำอะไรแปลกๆอย่างที่เธอทำได้และมากมายกว่าที่เธอเคยทำเยอะนัก”
“แล้วทำไมเซฟไม่บอกผมแต่แรกล่ะ ปล่อยให้ผมกลัวอยู่คนเดียวตั้งนาน” ปากเล็กๆเริ่มเบะอีกครั้งเมื่อได้รู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
“เพราะก่อนนี้เธอยังเด็กเกินที่จะเก็บความลับของพวกเราน่ะสิ และฉันก็พึ่งรู้เมื่อสักครู่นี้เองว่าเธอเริ่มใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ตั้งใจ” เซเวอรัสโกหก เขารู้ดีว่าการที่ไม่เคยบอกเด็กชายเรื่องเวทมนตร์ เป็นเพราะข้อตกลงกับอัลบัสต่างหาก แต่เรื่องนั้นแฮร์รี่ยังไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
แฮร์รี่พยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจและหายโกรธงอนในทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องลับใต้ดิน เด็กชายไปมองรอบๆห้องที่มีแต่ของประหลาดๆอย่างตื่นเต้นและเริ่มตั้งคำถาม “มีคนแบบพวกเราอีกไหมฮะ?”
“มีมากทีเดียว แต่เธอจะได้พบพวกเขาเมื่อเธออายุครบ11ปี” เซเวอรัสที่มองเด็กชายเที่ยวจับนู้นจับนี่อย่างอ่อนใจ จนอันไหนที่เขาเห็นว่าอันตรายก็จะรีบคว้าไว้ก่อนที่แฮร์รี่จะไปหยิบมัน
“ทำไมฮะ? ผมเจอพวกเขาเลยไม่ได้เหรอ?” แฮร์รี่ที่โดนเซเวอรัสแย่งของที่สนใจไปก็ทำแก้มพองเล็กน้อยอย่างขัดใจ แต่ก็ละความสนใจไปจับอย่างอื่นต่ออย่างรวดเร็ว
“เพราะเมื่ออายุ11เธอจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนพ่อมดแม่มด ซึ่ง...เป็นโรงเรียนที่ฉันสอนอยู่ไงล่ะ” เซเวอรัสตอบไปก็ไล่เก็บของที่เขาเห็นว่าอันตรายให้สูงพ้นมือเจ้าเด็กตัวยุ่งไปด้วย
ด้านแฮร์รี่ที่ได้ฟังคำตอบอย่างนั้นเด็กชายยิ่งมองชายผู้ที่เป็นดั่งพ่อของเขาตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้นเซฟก็เสกเวทมนตร์ได้ใช่ไหมฮะ? ทำให้ผมดูหน่อยได้ไหม?”
เซเวอรัสพยักหน้ารับคำขอเล็กน้อยก่อนหยิบเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาเสกคาถาง่ายๆใส่ไม้กวาด ให้มันเริ่มขยับและกวาดพื้นเอง ทำให้เด็กชายที่มองอยู่ต้องร้องว้าวออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วเดินเข้าไปจับไม้กวาดที่ขยับไปมาเองด้วยความสงสัย
“ถ้าเซฟทำแบบนี้ได้แต่แรก ทำไมต้องใช้ให้ผมกวาดถูบ้านเองด้วยล่ะ เราเสกใส่ของในบ้านให้มันทำความสะอาดตัวเองเลยก็ได้นี่นา?”
“เพราะเราให้พวกมักเกิ้ล... ฉันหมายถึงคนธรรมดาที่ไม่มีเวทมนตร์เห็นของพวกนี้ขยับเองไม่ได้น่ะสิ ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายจนเราต้องย้ายที่อยู่กัน” เซเวอรัสพยายามอธิบาย แต่แฮร์รี่ยังฟังยิ่งรู้สึกสงสัยไปหมด
“ถ้าแบบนั้นแล้วทำไมเราไม่อยู่กับพวกพ่อมดแม่มดแต่แรกล่ะฮะ ทำไมเราต้องมาอยู่กับพวกคนธรรมดาด้วย?”
เซเวอรัสนิ่งคิดคำตอบอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าจะอธิบายอย่างไรให้เด็กตรงหน้านี้เข้าใจถึงสถานการณ์ของตัวเอง “ตอนนี้ฉันพูดไปเธอก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก รอเธอเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ก่อนแล้วเธอจะเข้าใจเอง”
ถึงจะไม่ค่อยชอบคำตอบนักแต่สุดท้ายแฮร์รี่ก็ยอมพยักหน้ารับและเริ่มสนใจวิธีการควบคุมเวทมนตร์ที่เซเวอรัสสอนแทน
**********
วันนี้เป็นวันที่แฮร์รี่อายุครบ11ปีแล้ว ถึงแฮร์รี่จะรู้ตั้งแต่7ขวบแล้วว่าตนเองเป็นพ่อมด แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เคยได้เจอพ่อมดหรือแม่มดคนอื่นๆเลย กระทั่งโรงเรียนที่เซเวอรัสสอนอยู่เขาก็ไม่เคยได้เข้าไปดูก่อนจะได้เรียนจริงๆ แม้จะเคยเห็นภาพที่เซเวอรัสเคยเอาให้ดูบ้างแล้ว แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดีที่ใกล้จะได้ไปเห็นโรงเรียนจริงๆเสียที
แฮร์รี่รีบล้างหน้าแต่งตัวแต่เช้าเพราะเซเวอรัสสัญญากับเขาไว้ว่าวันนี้จะพาไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอน ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายของที่ใหญ่ที่สุดของเหล่าผู้วิเศษในสหราชอาณาจักร(แฮร์รี่เรียนรู้ที่จะใช้คำว่าผู้วิเศษกับมักเกิ้ลแล้ว) มันทำให้เด็กชายตื่นเต้นมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับผู้วิเศษคนอื่นๆ ฝีเท้าเล็กจึงเดินไปเคาะประตูของผู้ที่เป็นพ่อบุญธรรมอย่างเริงร่า “เซฟ~ ผมพร้อมที่จะเดินทางแล้วน้า~”
เซเวอรัสที่เปิดประตูห้องนอนออกมาพบเด็กชายที่แต่งตัวเรียบร้อยยืนยิ้มแป้นรออยู่หน้าประตูแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจให้กับความตื่นเต้นของเด็ก “ตื่นเช้าผิดปกติเชียวนะ ทีเวลาไปโรงเรียนฉันแทบจะต้องไปอุ้มเธอโยนลงอ่างอาบน้ำ” ชายหนุ่มค่อนแคะเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเช้าอย่างทุกที มันไม่ใช่ว่าเขาตื่นสาย แต่แฮร์รี่ตื่นเช้ากว่าปกติจนเขาเตรียมอาหารไม่ทัน โชคดีที่อย่างน้อยเด็กชายก็มาเคาะประตูตอนเขาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เอา ไม่ต้องเตรียมแล้วไปหาทานที่นู้นเลยก็ได้นะเซฟ น้า” แฮร์รี่รีบดึงมือของชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้าครัวไว้จะให้พาลงไปห้องใต้ดินอย่างที่เจ้าตัวมักชอบใช้เดินทางเป็นประจำแทน
“ถ้าเธอไปเห็นแล้วฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะยังกินมันลง” ถึงอาหารที่พวกพ่อมดแม่มดกินกันจะมีอาหารธรรมดาอย่างที่พวกมักเกิ้ลกิน แต่ที่ตรอกไดแอกอนนั้นส่วนใหญ่จะมีแต่ของแปลกที่เซเวอรัสไม่คิดว่าแฮร์รี่จะกล้ากินมันเสียมากกว่า
“ผมจะได้ลองของแปลกใหม่ด้วยไง... ไม่ได้เหรอฮะ” แฮร์รี่ทำเสียงอ่อยในท้ายประโยค เพราะผู้ปกครองเขาดูจะทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่ยอมให้เขาไปกินอาหารข้างนอกแน่ๆ
เซเวอรัสกล้าพูดได้เลยว่าเขาเกลียดเจ้าเด็กนี่เวลาทำหน้าหงอยเป็นหมาโดนทิ้งที่สุด สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องถอนหายใจแรงๆก่อนยอมเดินนำตามคำขอ “ถ้าไปถึงแล้วหาอะไรที่ตัวเองกินไม่ได้อย่ามางอแงทีหลัง ไม่งั้นวันนี้เราจะกลับบ้านตัวเปล่าไม่ได้ซื้ออะไรเลย เข้าใจไหม?”
เด็กชายที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบยิ้มกว้างรับแล้วพยักหน้าอย่างแข็งขัน ทำให้เซเวอรัสต้องถอนหายใจแรงๆอีกรอบแล้วเดินนำไปที่ห้องใต้ดิน ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเขากำลังเลี้ยงเด็กเสียคนอย่างไรชอบกล ทำไมนับวันไอ้เด็กนี่ยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นกัน น่าสงสัยเสียจริงว่าเขาเลี้ยงผิดตรงไหน?
เซเวอรัสเดินไปหยิบผงฟลูมากำหนึ่งก่อนเริ่มอธิบายให้เด็กชายเข้าใจ “ผงนี่จะเป็นตัวนำทางเราไปยังจุดหมาย ที่ที่เราจะไปคือตรอกไดแอกอน เธอต้องพูดให้ชัดก่อนจะปล่อยผงฟลูนี่ลงพื้น เข้าใจไหม?”
“เข้าใจครับ” เขาเคยเห็นเซฟใช้มาหลายหนแล้วเลยพอเข้าใจวิธีใช้คร่าวๆ พอมาวันนี้เขาจะได้ลองใช้เองก็อดตื่นเต้นมากไม่ได้จริงๆ
“งั้นบอกฉันอีกทีสิว่าเราจะไปที่ไหนกัน” เซเวอรัสที่เห็นเด็กชายดูตื่นเต้นจนไม่ค่อยจะมีสมาธิฟังแล้วอดห่วงไม่ได้ กลัวจะหลงไปไกลซะจริง
“เราจะไปที่ตรอกไดแอกอนกัน” แฮร์รี่ทวนชื่อตรอกเสียงดังฟังชัด เซเวอรัสจึงพยักหน้ารับอย่างพอใจ
“ดี เดี๋ยวฉันจะนำไปก่อนแล้วเธอตามฉันไป ยืนรอฉันที่หน้าเตาผิง ฉันจะเดินไปหาเธอเอง เข้าใจไหม?”
“เราไม่ได้ไปโผล่ที่เดียวกันเหรอฮะ?” แฮร์รี่เอียงคอมองอย่างสงสัย
“ตรอกไดแอกอนมีหลายเตาผิงอยู่ใกล้ๆกันนั่นล่ะ แต่คนก็เยอะมากเสียจนจะหากันไม่เจอถ้าเธอเดินเปะปะ ดังนั้นยืนรอฉันที่หน้าเตาผิงที่เธอไป ห้ามตามใครที่ไม่ใช่ฉันไปเด็ดขาด เข้าใจนะ?” เซเวอรัสถามย้ำอีกครั้งเด็กชายจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เข้าใจแล้วฮะ!” เมื่อเห็นเด็กชายตอบรับเหมือนจะเข้าใจดี เซเวอรัสจึงใช้ผงฟูลนำไปก่อน
แฮร์รี่ที่เห็นเซฟหายไปจากเตาผิงแล้วจึงเดินก้าวเข้าไปในเตาพิงอย่างตื่นเต้นเสียจนหยิบผงฟลูมือสั่นก่อนตะโกน “ตรอกไอแอกอน” เสียงดังแล้วโยนผงฟลูลงบนพื้น
เซเวอรัสเดินตามหาแฮร์รี่แถวเตาผิงมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอเด็กชายเสียทีจนเริ่มร้อนใจ อยากจะลองเดินตามไปหาที่อื่น แต่ก็กลัวว่าถ้าเดินไปหาที่อื่นแล้วเกิดแฮร์รี่พึ่งมาแล้วหาเขาไม่เจอจะทำอย่างไร? สุดท้ายจึงกลายเป็นเขาเดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้นโดยคิดในใจว่าถ้าอีก5นาทีแฮร์รี่ยังไม่มาเขาจะออกไปตามหาเด็กชาย...
แฮร์รี่โผล่มาในร้านซ่อมซ่อที่น่ากลัวแห่งหนึ่ง เด็กชายมองรอบตัวอย่างหวาดผวา เขารู้ตัวว่าตอนพูดชื่อสถานที่เขาดันตื่นเต้นจนลิ้นพันกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ปาผงฟลูลงพื้นจนตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เด็กชายรีบเดินไปหาประตูทางออกร้าน จนมาเจอกับผู้คนที่แต่งกายแปลกๆแต่มอซอจนเหมือนคนไร้บ้าน อันที่จริงเขาคงจะเด่นมากถ้าตรงที่ที่เขาโผล่ไม่มีฝุ่นเสียจนทำเขาเปื้อนดำไปทั้งตัว
แฮร์รี่มองรอบตัวอย่างมึนงงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะถามทางใครดี เพราะแต่ละคนที่เขาเห็นตรงนี้ไม่มีใครน่าไว้ใจสักคน หากรู้ว่าเขาเป็นเด็กหลง แฮร์รี่พนันได้เลยว่าเขาคงไม่มีทางครบ32กลับบ้าน เด็กชายจึงพยายามเดินไปตามถนนเพื่อหาป้ายบอกทางสักป้ายที่จะพาเขาออกไปจากตรงนี้ แต่ยิ่งเดินเขาก็ยิ่งมึนงง ราวกับว่าเขาหลงอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ
“หลงทางอยู่หรือเจ้าหนู” แต่แล้วก็มีหญิงแก่ๆคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเขาและจับแขนไว้ แฮร์รี่พยายามทำตัวให้นิ่งและเป็นปกติที่สุดก่อนตอบกลับ
“ไม่ฮะ ผม..ผมกำลังจะไป” เด็กชายพยายามแกะมือหญิงชราออกแล้วเดินเลี่ยง แต่กลายเป็นว่าเหมือนเขาจะโดนล้อมไว้หมดเสียแล้ว แฮร์รี่อยากตะโกนหาเซฟใจจะขาด เขากลัวจนแทบร้องไห้แต่ก็รู้ว่าเวลานี้ร้องไม่ได้เด็ดขาด
“เขามากับฉัน ออกไปให้ห่างๆเด็กซะ” เสียงที่แฮร์รี่ไม่รู้จักพูดดังขึ้นก่อนเหล่าคนที่ล้อมวงเขาจะค่อยๆถอยออกไปทำให้เด็กชายดีใจจนแทบอยากกระโดดกอดคนที่เข้ามาช่วย แต่เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่ที่ดูจะน่ากลัวกว่าพวกคนที่ยืนล้อมเขาเมื่อกี้เสียอีกทำให้เด็กชายเริ่มโลเล
“มาเถอะเราต้องไปกันแล้ว” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาแล้วจูงมือเขาผ่านวงล้อมออกไป แฮร์รี่ไม่รู้ว่าคนคนนี้จะไว้ใจได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาผ่านพ้นตรงนี้ไปเสียก่อน
แฮร์รี่เงยหน้ามองชายข้างๆที่ดูแล้วสูงกว่าคนทั่วไปมากทีเดียว แต่บรรยากาศรอบตัวบางอย่างที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่จนทำให้เด็กชายยอมเดินตามออกมา จนถึงย่านผู้คนที่แม้จะยังแต่งตัวประหลาดอยู่บ้างแต่แฮร์รี่ก็บอกได้เลยว่าดูดีกว่าในตรอกนั่นมากทีเดียว
“เราจะเดินไปไหนกันฮะ คุณจะพาผมไปไหน?” เด็กชายเริ่มมองรอบๆตัว พยายามจะหาอะไรบางอย่างที่ช่วยให้เขาติดต่อกับเซฟได้ เพราะการที่ออกมาได้ถึงตรงนี้เด็กชายคิดว่าบางทีชายคนนี้อาจจะอยากช่วยตนเองจริงๆก็ได้?
“สเนปบอกให้ฉันช่วยตามหาเธอ รู้ไหมฉันไม่เคยเห็นเขาหน้าซีดขนาดนั้นมาก่อนเลย” ชื่อสเนปที่ชายร่างสูงนี่กล่าวถึงทำให้เด็กชายรู้สึกงงงวย ใครคือสเนป? แล้วทำไมต้องตามหาเขา?
“เดี๋ยวฮะ ใครคือสเนปนะฮะ ผมไม่เห็นรู้จักคนชื่อนั้นเลย” สิ้นคำถามชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถึงชะงักเท้าแล้วหันมามองหน้าเด็กชายแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“ศาสตราจารย์สเนปก็คนที่เลี้ยงดูเธอมาไม่ใช่รึ? เธอจะไม่รู้จักเขาได้ยังไงกัน!”
“เดี๋ยวก่อนฮะ! คนที่เลี้ยงผมมาคือโจเซฟ ปริ๊นซ์นะฮะ!”
ยิ่งคุยกันดูเหมือนชายร่างสูงจะยิ่งทำหน้างงไปใหญ่ แฮร์รี่คิดว่าดูเหมือนที่เขาโดนช่วยออกมาอาจจะเป็นเพราะความโชคดีที่ชายคนนี้ช่วยเด็กผิดคน?
“เธอใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์หรือเปล่า?” ชายคนนั้นเริ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ ทั้งยังพยายามจับหน้าผากของเขาเช็ดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนออก
“ผมชื่อแฮร์รี่ฮะ แต่ผมนามสกุลปริ๊นซ์นะฮะ ไม่ใช่พอตเตอร์” แฮร์รี่พยายามดิ้นจนหลุดจากมือใหญ่ เด็กชายคิดว่าเขาน่าจะรอดเพราะโดนช่วยผิดคนจริงๆเสียแล้ว แถมเด็กหลงอีกคนยังชื่อเหมือนเขาเสียด้วย
“แต่แผลเป็นนั่น... งั้นไปหาสเนปกับฉันหน่อย อย่างน้อยไปให้เขาดูหน้าถ้าเธอไม่ใช่เด็กที่ฉันตามหาฉันจะช่วยพาเธอไปส่งผู้ปกครองของเธอด้วย โอเคไหม?” เด็กชายนิ่งคิดอย่างชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนต่อรอง
“พาผมไปหาพ่อผมก่อน เขานัดผมไว้ที่เตาผิงที่ใช้ผงฟลูกัน ป่านนี้เขาคงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”
“ได้ซี สเนปก็นัดฉันให้ไปเจอแถวเตาผิงเหมือนกันถ้าได้ข่าวคราวอะไร”
ตกลงกันได้อย่างนั้นแฮร์รี่จึงยอมตามชายร่างสูงไปจนถึงซอยที่เต็มไปด้วยเตาผิง เด็กชายเดินไปยืนบนม้าหินแถวๆนั้น ชะเง้อมองหาเซฟที่คาดว่าอาจจะเดินหาเขาอยู่
“ฉันให้เธอขี่คอมองหาพ่อเธอไหม? ฉันน่าจะสูงกว่าม้าหินนั่นนะ” ทันทีที่ได้ยินข้อเสนออย่างนั้นแฮร์รี่จึงพยักหน้าตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไรทันที
วิวด้านบนสูงพอให้มองเห็นคนทั้งซอย หากเป็นปกติเด็กชายคงตื่นเต้น แต่ไม่ใช่เวลานี้ที่มีเรื่องสำคัญกว่า ดวงตาสีเขียวมองกวาดหาผู้คนรอบๆ แต่ก็ยังไร้แม้แต่เงาของคนที่เขาคุ้นเคย
“เซฟ!!!!!” แฮร์รี่เริ่มตะโกนเรียกขณะที่ชายร่างยักษ์ก็พาเขาเดินไปรอบๆซอย แต่ก็ยังไร้วี่แววการตอบกลับทำให้เด็กชายเริ่มใจเสียจนต้องกลั้นน้ำตาไว้
“แฮร์รี่ เอาแบบนี้ไหม เธอกลับบ้านได้หรือเปล่า อย่างน้อยๆเธอกลับไปรอที่บ้านเขาก็น่าจะไปเจอเธอที่บ้านนะ แบบนี้หากันไม่เจอร็อก ฉันเองก็ยังไม่เห็นสเนปเหมือนกัน” แฮร์รี่ที่ได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับคำแนะนำ คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยเซฟอาจจะกลับไปรอเขาที่บ้านก็ได้ เด็กชายจึงเดินไปที่เตาผิงอย่างหงอยๆ หยิบผงฟลูที่ชายร่างสูงมอบให้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อเช้าลิบลับ
“เอาล่ะคงต้องลากันตรงนี้สินะ เธอน่าจะได้เจอฉันอีกทีที่ฮอกวอต ขอให้เจอพ่อเร็วๆล่ะ” มือใหญ่ของชายหนุ่มลูบหัวเขาเบาๆก่อนละออกไป
“ไว้พบกันที่โรงเรียนนะฮะ” เด็กชายพยายามฝืนยิ้มให้ชายร่างยักษ์แต่ใจดี ก่อนเรียกหาบ้านที่เขาแสนคิดถึงแล้วปล่อยผงฟลูลงพื้น
----------
เซเวอรัสรอแฮร์รี่มานานจนแน่ใจแล้วว่าเด็กชายคงหลงไปที่อื่น เขาจึงตัดสินใจเริ่มออกเดินตามหาไปทั่วตรอกไดแอกอนที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนและทำให้พบแฮกริดเข้าโดยบังเอิญ เขาร้องขอให้แฮกริดช่วยตามหาแฮร์รี่อีกแรงโดยระบุเครื่องแต่งกายที่เด็กชายใส่ให้เป็นจุดสังเกต เพราะไม่มีใครเคยเห็นแฮร์รี่มากว่า9-10ปีแล้วแม้แต่มิเนอว่าและป๊อปปี้ จึงไม่มีทางที่แฮกริดจะจำหน้าเด็กชายได้ เซเวอรัสที่ไม่ได้มีรูปเด็กชายอยู่กับตัวจึงต้องอธิบายจุดสังเกตให้แทน
เซเวอรัสแยกกับแฮกริดออกเดินตามหาจนตะวันบ่ายคล้อย แต่เขาก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเด็กชาย มือที่เคยมั่นคงเริ่มสั่นเทาไปหมดเพราะไม่รู้จะหาตัวแฮร์รี่ได้จากที่ไหน ความหวาดกลัวต่างๆแล่นขึ้นมากดทับจนทำให้หายใจแทบไม่ออก ก้าวแต่ละก้าวดูหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เขารู้ว่าเขาหยุดไม่ได้ตราบเท่าที่เขายังไม่มีข่าวคราวใดๆ
จนสุดท้ายเขาก็เดินวนกลับมาที่เตาผิงเผื่อว่าชายร่างสูงใหญ่คนนั้นจะมีข่าวคราวอะไรบ้าง ดังนั้นเมื่อเซเวอรัสเห็นแฮกริดแต่ไกลๆความหวังแล่นขึ้นสูงจนไม่รู้ว่าขาที่เคยก้าวเดินอย่างเชื่องช้ากลับกลายเป็นวิ่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อเข้าใกล้และเห็นชายร่างยักษ์นั่นอยู่คนเดียวความหวังก็ดูพังทลายลงจนเขาแทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ทำได้เพียงสูดลมหายใจพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดและถามข่าวคราว
“เจอตัวเขาบ้างไหม?” ถึงแม้จะเห็นๆอยู่ว่าอีกฝ่ายอยู่คนเดียวแต่เซเวอรัสก็อดถามออกไปไม่ได้จริงๆ
“ฉันเจอเด็กคนนึงที่คิดว่าเป็นแฮร์รี่แน่ๆ แต่เขากลับบอกเขาไม่รู้จักคุณเนี่ยซี ฉันนี่งงไปหมด”
“คุณถามเขาว่ารู้จักฉันไหม?” เซเวอรัสทวนคำอย่างสงสัย ความหวังที่เริ่มก่อตัวในอกอีกครั้งทำให้เขาต้องพยายามกดมันลงด้วยกลัวความผิดหวังอีก
“ช่ายๆเขาบอกฉันว่าคนที่ดูแลเขาคือโจเซฟต่างหาก เขาไม่รู้จักชื่อสเนป” สิ้นคำบอกเล่าชายหนุ่มรู้สึกราวกับหินที่ทับร่างถูกยกออกไปจนเผลอขึ้นเสียงถามอย่างลืมตัว
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน!” เซเวอรัสรู้ว่ามันดูไม่สมควรแต่เขาไม่สามารถซ่อนความดีใจนี้ไว้ได้จริงๆ เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าเด็กชายปลอดภัยดี
“ฉันส่งเขากลับบ้านไปแล้ว ฉันบอกให้เขากลับไปรอพ่อที่บ้านน่ะ”
“กลับไปยังไง คงไม่ใช่ผงฟลูใช่ไหม” เซเวอรัสถามเสียงเครียด
“ก็ผงฟลูนั่นล่ะ ทำไมรึ?”
“เขาพูดว่าอะไรก่อนปล่อยผงฟลูน่ะ” ถ้าขามายังหลงแล้วเซเวอรัสหวาดกลัวเหลือเกินว่าขากลับจะหลงอีก ถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่าเขาต้องหาเด็กนั่นอีกหน และคราวนี้ก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะไปตามหาได้ที่ไหนอีก
“ฉันได้ยินเขาพูดว่าบ้านปลายถนนสปินเนอร์นะ เขาคือแฮร์รี่ พอตเตอร์เหรอสเนป ทำไมเขาใช้นามสกุลปริ๊นซ์ล่ะ?”
“ฉันยังไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ ไว้ค่อยคุยทีหลัง” พอได้ยินว่าเด็กช่ายน่าจะกลับบ้านได้ถูกต้องเซเวอรัสก็อยากจะรีบกลับไปเจอแฮร์รี่ทันที ตราบที่เขายังไม่เห็นหน้าเด็กชายความกังวลที่มีก็ยังไม่จางหาย
ทันทีที่สองขาได้กลับมายืนในเตาผิงที่บ้าน ชายหนุ่มก็ได้พบเด็กชายตัวมอมแมมนอนรอเขาอยู่บนพื้นหน้าเตา แค่นั้นความกังวลที่สะสมมาทั้งวันก็จางหายราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สองแขนได้คว้าตัวเด็กชายขึ้นมากอดไว้แนบอกจนเด็กชายรู้สึกตัวตื่นเห็นเขาและเริ่มร้องไห้ราวกับเด็กเล็กๆ
-----------------------
“สรุปแล้วคือแฮกริดคนนั้นเป็นคนรู้จักของเซฟจริงๆสินะฮะ ทำไมเขาเรียกเซฟว่าสเนปล่ะ?” เด็กชายนั่งถามเสียงใสแจ๋วขณะที่เซเวอรัสกำลังนั่งเป่าผมให้ หลังจากที่เขาไล่เด็กชายที่ตัวมอมแมมเสียจนหาที่ขาวสะอาดไม่ได้ให้ไปอาบน้ำ
“เซเวอรัส สเนปเป็นชื่อจริงๆของฉัน เป็นชื่อที่คนรู้จักฉันในโลกเวทมนตร์” เซเวอรัสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เหมือนมันเป็นเรื่องทั่วไป แต่คนฟังเมื่อได้ฟังอย่างนั้นกลับรู้สึกได้ถึงอารมณ์หลากหลายที่ตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด
“แล้ว...ชื่อที่ให้ผมเรียกมาตลอดคือชื่อปลอมของคุณเหรอฮะ?” ก้อนอะไรบ้างอย่างจุกขึ้นมาที่ลำคอของเด็กชาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามเค้นเสียงถามสิ่งที่อยากรู้ด้วยความกลัวบางอย่าง ความกลัวที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
“ถ้าชื่อที่ฉันให้เธอเรียกก็ไม่ใช่ชื่อปลอมหรอกนะ เซฟเป็นชื่อเล่นจากชื่อเซเวอรัสของฉัน” ด้วยว่าแฮร์รี่นั่งหันหลังให้อยู่ เซเวอรัสจึงไม่รู้ว่าเด็กชายกำลังมีสีหน้าแบบไหน แต่จากน้ำเสียงเขาก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเด็กนี่กำลังโกรธเขามากทีเดียว
“นอกจากเรื่องเวทมนตร์ เรื่องชื่อปลอม มีเรื่องไหนอีกไหมฮะที่ผมต้องรู้? พ่อแม่ผมก็คงนามสกุลพอตเตอร์สินะฮะ แล้วถ้าไม่มีเรื่องวันนี้คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่?” น้ำเสียงขุ่นเคืองถามกลับคนที่เลี้ยงเขามาเกือบทั้งชีวิต แต่แฮร์รี่กลับพึ่งพบว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรของคนตรงหน้านี้เลยสักนิดเดียว
“แฮร์รี่...” เซเวอรัสกล่าวเสียงดุปรามอย่างทุกครั้งเมื่อเด็กชายเริ่มแสดงท่าทีก้าวร้าว เขาอยากให้เด็กชายใจเย็นกว่านี้ก่อน อันที่จริงถ้าไม่มีเรื่องอะไรวันนี้เขาก็ตั้งใจบอกแฮร์รี่อยู่แล้ว เพราะตามสัญญาที่เขาเคยให้กับเด็กชายไว้ ว่าจะเล่าอธิบายทุกอย่างให้ฟังเมื่อเด็กชายอายุครบ11ปี แต่ดูเหมือนการใช้เสียงดุในคราวนี้จะดูเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ นอกจากแฮร์รี่จะไม่ยอมสงบลงแล้วยังเริ่มขึ้นเสียงดังต่อไปอีก
เด็กชายยืนขึ้นแล้วหันกลับมามองคนโกหกพร้อมพูดรวดเดียวอย่างอัดอั้นใจ “ผมน่ะไม่เคยถามเรื่องพ่อแม่กับคุณเลยว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเป็นยังไง เพราะผมไม่อยากให้คุณน้อยใจว่าดูแลผมไม่ดีผมเลยไปคิดถึงคนที่ไม่อยู่มากกว่า! แต่กลายเป็นว่าผมไม่รู้อะไรเลย! ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกลงคุณรักผมจริงไหม หรือแค่หลอกผมเหมือนเรื่องอื่นๆ? เพราะขนาดแค่ชื่อจริงๆคุณยังโกหกผมเลย!” แต่เมื่อสิ้นสุดประโยคแฮร์รี่ก็ได้พบว่าเขาพึ่งพูดสิ่งที่เลวร้ายมากออกไปเสียแล้ว
แฮร์รี่รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองผู้ที่เป็นดั่งพ่อของตนตอนนี้ ด้วยคิดว่าเซเวอรัสจะต้องทำหน้าถมึงทึงจ้องเขาเป็นแน่ เพราะตามปกติแล้วเวลาเขาพูดไม่ดีใส่หรือดื้อกับอีกฝ่ายมากๆมันจะต้องตามมาด้วยเสียงดุชุดใหญ่เสมอ ดังนั้นเขาจึงกลับตาปี๋เตรียมรับความโกรธของอีกฝ่าย
แต่กลับมีเพียงความเงียบที่เข้าปกคลุมเขาทั้งสอง แฮร์รี่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจนต้องรีบเงยหน้าขึ้น แต่เซเวอรัสกลับลุกขึ้นและเดินผ่านเขาไปเฉยๆ เด็กชายอยากจะลุกตามไปแต่ความโกรธที่ยังคุกรุ่นอยู่ในอกทำให้เขาเลือกที่จะนั่งลงบนพื้นอย่างเดิมและหันหลังให้คนที่เดินออกไป
แฮร์รี่นั่งกอดเข่าอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเผลอหลับไป แต่เมื่อดวงตาสีเขียวปรือตาขึ้นท้องฟ้าก็ดำสนิทเสียแล้ว เด็กชายลุกขึ้นยืนเพราะเสียงท้องกำลังร้องประท้วงเขา แต่แล้วเขาก็ได้เห็น สมุดภาพที่มีรูปครอบครัวหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนนั้นพร้อมกระดาษเขียนข้อความ “Happy Birthday” อยู่บนหน้าปก
เด็กชายรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนมอบให้จึงรีบหยิบสมุดภาพลงมาที่ชั้นล่าง แต่กลับมีเพียงชุดอาหารที่เย็นชืดวางอยู่บนโต๊ะ ไร้ซึ่งวี่แววของคนที่ทำมัน แฮร์รี่จึงรีบวิ่งกลับขึ้นชั้นสองคาดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่ในห้องนอน แต่ก็ต้องผิดหวังอีกหนเมื่อประตูห้องนอนนั้นไม่ได้ล็อกแต่กลับเปิดไปเจอความว่างเปล่าไม่มีใคร
แฮร์รี่กลับลงมากินอาหารเย็นชืดที่ชั้นล่างคนเดียว มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ก็มักมีใครอีกคนอยู่ร่วมโต๊ะด้วยเสมอ อาจจะมีบางวันที่เซฟกลับมาช้าบ้าง แต่ก็ไม่เคยที่จะไม่กลับมากินข้าวพร้อมเขา
การได้นั่งคนเดียวทำให้ความคิดความอ่านของเขาเริ่มกระจ่าง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจริงๆเซฟรักเขาแค่ไหน ถึงจะดุแต่ก็ปลอบ ถึงจะว่าแต่ก็โอ๋ ถึงจะชอบบ่นว่าเขาเอาแต่ใจ แต่ทุกครั้งที่เขาอ้อนก็ยอมตามใจเขาทุกที และอย่างวันนี้ที่เขาหายไป ถึงจะสะลึมสะลือแค่ไหนเขาก็จำอ้อมกอดที่มีแต่ความเป็นห่วงนั้นได้เป็นอย่างดี
เด็กชายรู้แล้วว่าเขาควรไปขอโทษ ขอโทษที่วันนี้หายไป ขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้นโดยไม่ยั้งคิด แต่ตอนนี้ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปไหนแฮร์รี่จึงไม่รู้ว่าจะไปขอโทษได้ยังไง
คิดไปมือเล็กก็เก็บช้อนและจานที่กินอาหารไปได้ครึ่งเดียวลงในอ่างและเริ่มล้างมันอย่างเหม่อลอย ความคิดไร้สาระเริ่มแทรกเข้ามาอย่างการที่เซฟอาจจะไม่อยากดูแลเขาแล้วจนส่งเขาไปอยู่บ้านอื่น หรือจะทำเมินเขาไปเลยอย่างไม่กลับมาที่นี่แล้ว? คิดไปคิดมาความคิดก็ยิ่งน่ากลัว
“ไปไหนของเขานะ” เด็กชายบ่นพึมพำพร้อมเช็ดจานเก็บเข้าที่โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้
“ไม่โกรธฉันแล้วหรือ?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยที่จู่ๆก็ดังขึ้นจากด้านหลังไม่ได้ทำให้เด็กชายตกใจแต่อย่างใด ซ้ำเด็กชายกลับรีบหันไปตามเสียงแล้ววิ่งเข้าไปกอดโดยไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเซล้มไป
“ไม่โกรธแล้วก็ได้ฮะ” เด็กชายตอบเสียงอู้อี้ทั้งยังกอดไม่ยอมปล่อยจนเซเวอรัสเริ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกัน
“ถ้าไม่โกรธแล้วก็ปล่อยฉันก่อน แล้วเอาหนังสือภาพมา ฉันจะเล่าให้เธอฟังทั้งหมดเรื่องที่เธอสงสัย” ถึงจะตามการเปลี่ยนอารมณ์ของเด็กไม่ค่อยทันนัก แต่อย่างน้อยเซเวอรัสก็คิดเป็นเรื่องดีที่เด็กชายจะได้ยอมฟังเขาอธิบายโดยสงบ
“ยอมปล่อยก็ได้ฮะ แต่บอกผมก่อนว่าเซฟหายไปไหนมา” ถึงจะบอกว่ายอมปล่อยแต่มือเล็กคู่นั้นก็ยังจับชายเสื้อแน่นราวกับเด็กเล็กที่กลัวพ่อแม่จะหายไป
“ฉันแค่ปรุงยาอยู่ห้องใต้ดินรอเธอใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน” พอได้ฟังว่าเซฟหายไปไหนแฮร์รี่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาหาชายหนุ่มไม่เจอ เพราะประตูห้องใต้ดินนั่นถ้าไม่ใช่เซฟเปิดให้เขาจะไม่สามารถเปิดเองได้
“แล้ว...จะเล่าอะไรให้ผมฟังเหรอฮะ?” เด็กชายถามขึ้นหลังจากที่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อไปหยิบสมุดภาพที่โต๊ะอาหาร
“เราลงไปห้องใต้ดินกันก่อนเถอะ” เซเวอรัสว่าพร้อมทั้งเดินไปเปิดประตูห้องใต้ดินให้เด็กชายเดินนำลงไป
มันไม่ค่อยบ่อยนักหรอกที่แฮร์รี่จะได้ลงมาห้องใต้ดินนี่ เพราะเซฟมักบอกว่าเขาซนเกินไปจนกลัวว่าจะทำข้าวของเสียหาย แต่ลงมากี่ครั้งแฮร์รี่ก็ยังชอบมันทุกครั้ง กลิ่นยาและกลิ่นสมุนไพรที่อบอวลอยู่ในห้องให้ความรู้สึกสงบและปลอดภัยเสมอ อาจจะเป็นเพราะมันคือกลิ่นประจำตัวของเซฟก็ได้จึงทำให้เขารู้สึกแบบนั้น
“มานั่งนี่สิ” เสียงทุ้มแหบเรียกเด็กชายขึ้นขณะที่เจ้าตัวเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ข้างโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง เด็กชายจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างอีกตัวที่อยู่ข้างๆกัน พร้อมสมุดภาพในมือ
เซเวอรัสนิ่งเงียบไปสักครู่พยายามนึกว่าควรพูดเรื่องไหนก่อนดี สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจพูดเรื่องพ่อแม่ของเด็กชายก่อนจะดีกว่า
“สมุดภาพในมือนั่นเธอคงพอรู้แล้วสินะว่าเป็นภาพพ่อกับแม่ของเธอ” แฮร์รี่พยักหน้าตอบรับคำถาม พลางมองคนพูดไม่วางตา
“พ่อของเธอชื่อ เจมส์ พอตเตอร์ แม่ของเธอคือ ลิลี่ อีแวนส์ พวกเขาปกป้องเธอด้วยชีวิตของพวกเขาทั้งคู่”
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาฮะ?” ถึงแฮร์รี่จะเคยได้ยินเซฟพูดมาบ้างแล้วว่าพ่อแม่เขาเสียไปด้วยอุบัติเหตุ แต่มาถึงตอนนี้แฮร์รี่ก็พอจะรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องหลอกเด็กอย่างเขา
“พวกเขาโดนพ่อมดคนหนึ่งฆ่า พ่อมดที่ทรงอำนาจที่สุดในยุคนั้นเขาพยายามจะมาฆ่าเธอ แต่พ่อแม่ของเธอไม่ยอมและปกป้องเธอไว้ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น คืนที่ลอร์ดมืดพยายามจะฆ่าเธอแต่เขากลับสูญหายไป และเธอรอดมาได้โดยมีแค่แผลเป็นที่บนหน้าผากเธอ” เมื่อเซเวอรัสเล่ามาถึงตรงนี้แฮร์รี่ก็อดไม่ได้ที่จะลูบแผลบนหน้าผากของตน เขาเคยชอบมันเพราะมันมีรูปร่างที่แปลกประหลาด แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีความหมายมากมายขนาดนี้
“และเพราะเธอรอดมาจากลอร์ดมืดคนนั้นได้แฮร์รี่ ชื่อเธอจึงลือลั่นไปทั้งโลกเวทย์มนตร์ หากใครรู้ว่าเธอคือแฮร์รี่ พอตเตอร์พวกเขาก็จะพากันเข้ามาหาเธอ คนมากมายที่เธอไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาจะมาดีหรือมาร้าย”
“เพราะแบบนั้นเซฟเลยไม่ยอมให้ผมยุ่งเกี่ยวกับโลกเวทย์มนตร์เหรอฮะ แล้วทำไมเซฟต้องปลอมชื่อตัวเองด้วยล่ะ” ทันทีที่ถามออกไปแฮร์รี่คิดว่าชั่วครู่หนึ่งเขาได้เห็นดวงตาสีเข้มคู่นั้นดูทอประกายอย่างเจ็บปวดแบบที่เด็กชายไม่อาจเข้าใจ
“อัลบัส ดัมเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ของพวกเราและพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานี้ เขาเชื่อว่าลอร์ดมืดจะกลับมา และพวกผู้ติดตามลอร์ดมืดอีกมากก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน การที่เธอยังปกป้องตัวเองไม่ได้ย่อมเป็นเป้าให้พวกเขาเข้าทำร้ายเธอ และเธอคงไม่ชอบใจนักหรอกถ้าหากถูกเลี้ยงมาแบบต้องมีคนดูแลตลอด24ชม.น่ะ” ได้ฟังอย่างนั้นแฮร์รี่ก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย ถ้าหากแค่ไปเรียนธรรมดาแล้วยังต้องมีคนติดตามเขาคงอึดอัดน่าดู
“แต่เซฟยังไม่บอกผมเลยนะว่าทำไมต้องปลอมชื่อตัวเองด้วย”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อมองสบเข้ากับตาสีมรกตที่จ้องเขาตาแป๋วอย่างรอคอยคำตอบ ชายหนุ่มรู้ว่านี่คงเป็นคำถามที่เด็กชายอย่างรู้ที่สุดแล้ว และก็เป็นคำถามที่เขาไม่อยากตอบที่สุดเช่นกัน
“ฉัน...เป็นสายลับให้ทั้งสองฝั่ง” เซเวอรัสแน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงลมหายใจสะดุดของเด็กชาย มันยิ่งทำให้เขาไม่อยากเล่ารายละเอียดนัก ดังนั้นเขาคิดว่ามันคงดีกว่าที่จะตัดเรื่องบางเรื่องออกไป
“ความผิดพลาดในช่วงวัยรุ่นของฉันทำให้ฉันได้เข้าร่วมกับลอร์ดมืดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอฉันคิดได้ฉันจึงหันมาเป็นสายลับส่งข่าวให้ดัมเบิลดอร์แทน”
“แบบนั้นมัน....” แฮร์รี่รู้สึกได้ว่าท้องของเขากำลังปั่นป่วนไปหมดเมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าเขานี้อยู่ในสถานะเสี่ยงอันตรายแค่ไหน ทั้งยังไม่เข้าใจในอีกเรื่อง “แล้วทำไมถึงรับเลี้ยงผมล่ะ เซฟบอกว่าลอร์ดมืดอะไรนั่นจะกลับมาไม่ใช่เหรอ ถ้าเขากลับมาแล้วเขาก็ต้องรู้ว่าเซฟหักหลังเขาน่ะสิ”
“เพราะแบบนั้นแฮร์รี่ฉันถึงต้องใช้ชื่อปลอมดูแลเธอ และตลอดเวลาที่เธออยู่ที่โรงเรียนฉันต้องไม่สนิทสนมกับเธอไปจนถึงฉันอาจจะต้องวางท่าทีให้เกลียดเธอด้วย เข้าใจหรือเปล่า?”
คำอธิบายที่ได้ฟังยิ่งทำให้แฮร์รี่ไม่ค่อยชอบใจนัก เขาเคยวางแผนมาตลอดเลยว่าถ้าได้ไปเรียนที่เดียวกับที่เซฟสอน เวลาเขามีปัญหาก็ยังไปงอแงอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าต้องทำเป็นเกลียดกันแบบนี้เขาก็ไปอ้อนไม่ได้แล้วสิ? แต่ถ้าเขาไม่เชื่อฟังและยิ่งทำให้เซฟต้องเสี่ยงอันตรายแบบนั้นก็ยิ่งแย่ไปใหญ่
เซเวอรัสที่มองดูใบหน้าง้ำงอของเด็กชายแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กชายคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำหน้าแบบนั้น แต่ยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งได้แต่คิดว่าเขาเลี้ยงเด็กนี่ผิดไปตรงไหนหรือเปล่า? เขาว่าเขาก็ไม่เคยตามใจแต่ไม่รู้ทำไมเด็กนี่ถึงได้เอาแต่ใจเก่งนัก? คิดแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบก่อนยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้
“ถ้าเธอมีปัญหาก็ส่งนกฮูกมาหาฉัน เขียนว่าส่งถึงโจเซฟ ปริ๊นซ์นั่นล่ะ แล้วฉันจะตอบกลับทางจดหมายเอง หรือถ้ามีเรื่องด่วนให้มาเคาะห้องฉันหลังเคอฟิว แบบนี้พอได้หรือยัง?”
ทันทีที่ได้ฟังข้อเสนอเพิ่มเติมใบหน้าง้ำงอเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนรอยยิ้มโดยพลันพร้อมพยักหน้าหงึกๆยอมรับ ก่อนเด็กชายจะลุกโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้ “วันนี้ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แล้วยังพูดไม่ดีใส่ด้วยนะฮะ”
เซเวอรัสที่จู่ๆโดนกอดโดยไม่ทันตั้งตัวแอบตกใจอยู่ชั่วครู่ พอได้ยินที่เด็กชายขอโทษแล้วก็ได้แต่ลูบผมสีดำยุ่งเหยิงนั่นเบาๆ “เรื่องพูดนั่นฉันรู้ว่าเธอโกรธฉันอยู่ฉันจะไม่ถือโทษอะไร ส่วนเรื่องหลง ฉันจะยกประโยชน์ให้เพราะเป็นวันเกิดเธอแล้วกัน”
“จริงสิ! วันนี้สุดท้ายแล้วผมก็เลยยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย” เด็กชายคลายกอดออกช้าๆแล้วแอบเบะปากเล็กน้อย ทั้งๆที่เป็นวันเกิดแท้ๆกลับมีแต่เรื่องทั้งวันจนไม่ได้อะไรเลย
“พรุ่งนี้ก็ค่อยไปซื้อใหม่ แต่ฉันจะไม่ให้เธอใช้ผงฟลูแล้ว”
พอได้ยินอย่างนั้นแฮร์รี่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างแล้วโผเข้ากอดอีกฝ่ายอีกรอบ “เซฟใจดีที่สุดเลยฮะ!”
เซเวอรัสได้แต่นึกสงสัย หากนักเรียนของเขามาได้ยินเจ้าเด็กนี่พูดว่าเขาใจดี จะทำหน้าแบบไหนกัน?
Talk: สวัสดีค่ะ ไหเก่ายังไม่เคลียร์มาเปิดไหใหม่ซะแล้ว กร๊ากกกกกก //หลบหม้อไห// ตอนนี้มันยาวมากใช่ไหมคะ? ใช่ค่ะมันยาวมากกกกกก เวิร์ดนี่9700กว่าคำ ตอนแรกเราลังจะตัดแบ่งเป็นสองตอนอยู่เหมือนกัน กะว่าอีกครึ่งนึงจะดองไว้สำรองเวลาไม่ว่างอัพ— แค่กๆ แต่นั่นล่ะค่ะ เราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าเราไม่อยากตัดอ่ะ เราเลยอัพให้เต็มเลย
และด้วยความยาวระดับนี้รู้แล้วใช่ไหมคะว่าทำไมอีกเรื่องยังไม่อัพ(อย่าตีเค้า) จริงๆแล้วมันติดช่วงสอบมิดเทอมด้วย แล้วก็มีแต่พลอตเรื่องนี้ในหัวด้วย สารภาพบาปเลยว่าอีกเรื่องเลยยังไปไม่ถึงไหนเลย เหอๆๆ
เอาเป็นว่าภายใน2อาทิตย์นี้เราจะพยายามอัพเรนเวิร์สต่อให้นะคะ หลังจากนี้อาจจะอัพสองเรื่องนี้สลับๆกันไป เรื่องแด๊ดดี้นี่เราตั้งใจว่าเอาแค่ไม่เกิน5ตอนจบ(แต่ความยาวในแต่ละตอนนั้นไซร้ช่างบอกได้ยากยิ่งว่าจะเท่าไหร่)
ปล. ขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้ไม่บาปนะ!! ความสัมพันธ์พอลูกใสๆเลยแกร!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปอลิง. พยายามใสแล้ว แต่ใสไม่ได้จริงๆ คิดไปทางตรงข้ามใสตลอด
เซฟ อ่อนโยนปากจัดน้อยลงมาก
น่ารักขึ้นเยอะเลย
และแฮรรี่เป็นเด็กดีกว่าที่คิด
แฮร์รี่น่ารักน่าเอ็นดูจังเลยลูกกกก เซเวอร์รัสก็อบอุ่นมากเลย
แต่ใจหนูแอบบาปค่----
น้องน่ารักในหัวนี่คือคิดบาปต่างๆนานาไปหมดฮือออ????
ชอบป๋าเซฟ
บาปเถอะขอร้อง 5555555. ช่วงแรกเอาใสๆอบอุ่นหัวใจแบบนี้ ช่วงหลังพอรี่โตก็ค่อย
ป.ล.นั่นนะสิ ไม่ได้เลี้ยงแบบตามใจเลยสักนิดเดียว. เนอะ?
ฟีลกุ้ดมาก แงงงง ชอบบ
น่ารักทั้งคู่เลย >///<
แงง น่ารักมากเลยค่ะ ทำไมป๋าดูอบอุ่น~~~ น้องก็น่ารัก~~~
มันยากจริงๆ ไม่ได้อยากจะลงเรือบาปนะ แต่สมองมันจิ้นไปก่อนแล้ว
แต่พ่อเซฟอบอุ่นมากจริงๆอ่ะ
น้องก็ซน ดื้อและน่ารักด้วยไง
ชอบมากๆค่ะไรท์ สู้ๆนะคะ
#ส่วนอีกเรื่อง ยังรอให้ฝนตกอยู่นะคะ รีบๆมาน๊าาาาาาาาา
รออ่านทั้งสองเรื่องเลย
จริงๆคิดอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้ารี่ไม่ถูกครอบครับครัวด.เลี้ยงน้องจะเป็นยังไง และน้อยมากที่หวยมาลงที่ป๋า คิดว่านี่อาจเป็นสิ่งใช้ไถ่บาป ทำให้ป๋ารู้สึกผิดน้อยลง รี่น้องน่ารักมาก ความแง่งอนนี้ ความน่าเอ็นดูนี้ กรี๊ดดดด อยากหยิกแก้ม~~~
รอตอนเข้าเรียนค่าาา