ตอนที่ 11 : 10th Rain
10th Rain
สุดท้ายในคืนนั้นแฮร์รี่ก็ได้ไปหาดัมเบิลดอร์ก่อนจะกลับไปที่หอนอน เพราะเขาคิดว่าเรื่องที่พึ่งได้รู้นั่นคงทำเขานอนไม่หลับเป็นแน่ การได้ไปดูความทรงจำกับดัมเบิลดอร์อาจจะช่วยให้เขามีเรื่องอื่นให้ได้คิดมากกว่าจมกับอีกเรื่องที่เขาไม่อยากนึกถึง
แน่นอนว่าเมื่อได้เจอกับดัมเบิลดอร์แล้วมันก็ช่วยเขาได้มากทีเดียว เพราะตอนนี้เขาต้องมานั่งคิดว่าฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์จะเป็นอะไรได้บ้าง และเฝ้าคอยวันที่ดัมเบิลดอร์จะเรียกเขาไปช่วยกำจัดฮอร์ครักซ์อีกชิ้นหนึ่ง
แฮร์รี่เล่าเรื่องความทรงจำและเรื่องที่ได้คุยกับดัมเบิลดอร์ให้เพื่อนๆของเขาฟังในช่วงมื้อเช้า ทั้งสองคนดูจะตื่นเต้นไปกับเขามากๆที่มีโอกาสจะได้ออกไปทำงานกับอาจารย์ใหญ่ ขณะเดี๋ยวกันก็เป็นกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับจำนวนฮอร์ครักซ์ที่อาจจะมีถึงหกชิ้น
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดให้ใครฟังเลยแม้แต่รอนหรือเฮอร์ไมโอนี่ คือเรื่องที่โซลเมทของเขากลายเป็นเซเวอรัส สเนป โชคดีที่ช่วงนี้ฝนทิ้งห่างออกไปแล้ว หลายวันที่ผ่านมานี้จึงยังไม่มีฝนตกเลยสักวัน
ก็ไม่ใช่ว่าแฮร์รี่ไม่อยากจะคุยเพื่อสะสางเรื่องที่ยังค้างคากันอยู่หรอกนะ แต่เขาก็ยังไม่อาจทำใจได้เช่นกันที่คนที่เขาคิดว่าตัวเองอาจจะมีใจให้ กลายเป็นคนที่เขาเกลียดจนไม่แม้แต่อยากจะมองหน้า ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ผ่านๆมาที่เขาเคยทำไปแล้วยิ่งทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้ว่าจะกลับไปคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างไร เพราะเมื่อลองมาคิดย้อนดูอีกที... เขาก็เคยนินทาสเนปให้เจ้าตัวเองฟังไว้ตั้งขนาดนั้น แล้วไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่มันเกือบจะทุกครั้งที่ได้คุยกันตลอดระยะเวลาสองปีนี่เลยนะ! เมอร์ลินฆ่าเขาทีเถอะก่อนที่เขาจะถูกสเนปฆ่า
แต่มานึกดูแล้ว โจเซฟก็ไม่เคยแสดงอาการโกรธเขาสักครั้งตอนที่เขานินทาสเนป ทั้งยังมีหลายครั้งที่ให้คำแนะนำดีๆแก่เขา อย่างตอนปีสี่ที่ช่วยเขาเรื่องหญ้าเหงือกปลานั่น หรืออย่างตอนปีห้าที่ให้คำแนะนำเขาเรื่องการฝึกสกัดใจทั้งๆที่ยังโกรธเขาเรื่องถูกแอบดูความทรงจำ คิดๆไปแล้วก็มีอีกหลายครั้งที่อีกฝ่ายคุยเล่นหัวเราะกับเขา จนเขาไม่อาจทำใจเชื่อได้จริงๆว่ามันเป็นสเนป
เพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไรแฮร์รี่จึงพับเก็บเรื่องสเนปไว้ส่วนที่ลึกที่สุดไปก่อน และพยายามคิดเรื่องอื่นๆขึ้นมาแทนที่
จนกระทั่งเขาได้พบมัลฟอยในห้องน้ำ... พวกเขาปะทะกันด้วยคาถา และทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแฮร์รี่ก็ไม่แม้แต่จะคิดว่ามันจะเกิด
“ครูซิ—”
“เซ็กตรัมเซมปร้า!” เขาร่ายคาถาออกไปก่อนทีมัลฟอยจะร่ายคำสาปกรีดแทงได้จบ
บาดแผลลึกราวกับถูกกรีดด้วยมีดดาบปรากฏขึ้นบนร่างของมัลฟอย เขาโซเซถอยหลังและล้มลงบนพื้นที่น้ำเจิ่งนอง พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของเมอร์เทิลก่อนที่เธอจะทะลุกำแพงออกไป
สเนปพุ่งเข้ามาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ร่ายคาถาที่ช่วยสมานบาดแผลเหล่านั้นถึงสามครั้งกว่าแผลจะสมานเข้าหากัน แฮร์รี่ยังคงนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่รู้ถึงผลของคาถาที่ตัวเองร่ายออกไป เขาคิดว่ามันคงเป็นเพียงคำสาปตลกๆอย่างจับข้อเท้าห้อยหัว หรือทำให้เล็บนิ้วเท้ายาวฉับพลันเหมือนที่ผ่านๆมา แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าผลมันจะเลวร้ายถึงเพียงนี้
“พอตเตอร์ เธอคอยฉันอยู่ตรงนี้” คนเป็นอาจารย์สั่งด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ และแฮร์รี่ไม่มีความคิดสักเสี้ยวเดียวที่จะไม่เชื่อฟัง เขาลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า มองตัวเองผ่านเศษกระจกที่แตกร้าวถึงได้พบว่าตัวเขาเปียกไปด้วยทั้งเลือดและน้ำ เขายืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้นรอคอยรับการลงโทษถึงสิ่งที่เขาพึ่งกระทำลงไป
สิบนาทีหลังจากนั้นสเนปก็กลับมา เขาก้าวเข้ามาในห้องน้ำและปิดประตูตามหลังก่อนจะไล่ให้เมอร์เทิลออกไป
“ผมไม่ได้ตั้งใจ” แฮร์รี่พูดขึ้นในทันที มันไม่ใช่แค่ข้อแก้ตัวแต่เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าคาถานั่นมันทำอะไรได้
สเนปแค่จ้องมองแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขายกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้แฮร์รี่หยุดพูดก่อนที่เขาจะตวัดไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่ประตูแล้วร่ายคาถา “มัฟฟลิอาโต!”
“ไปเอาหนังสือเล่มนั้นมาให้ฉัน” ถึงตอนนี้สเนปหันมาพูดกับเด็กหนุ่มแล้วด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโมโหอย่างไม่ปิดบัง
“คุณหมายถึงอะไร ผมไม่รู้เรื่อง” แฮร์รี่เฉไฉทั้งๆที่เขารู้ดีว่าคนตรงหน้านี้หมายถึงอะไร จากคาถาที่อีกฝ่ายพึ่งใช้ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี
“เธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรพอตเตอร์ หนังสือปรุงยานั่น... หนังสือของเจ้าชายเลือดผสม” ใบหน้าของสเนปยังคงเขียวคล้ำไปด้วยความโกรธ แฮร์รี่ทำได้เพียงยืนก้มหน้านิ่งไม่ไหวติงและยังคงไม่ยอมอ้าปากพูดเรื่องหนังสือเช่นกัน
“ถ้าเธอจำได้พอตเตอร์ เธอเป็นคนบอกให้ฉันรู้เองว่าเธอมีหนังสือนั่น และฉันก็ยังยอมปล่อยให้เธอเอามันไปใช้ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นประโยชน์กับเธอในการเรียน แต่ถึงตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าฉันคิดผิด” สเนปยังคงพูดต่ออย่างหงุดหงิด ถึงไม่ได้ขึ้นเสียงใส่เขาเหมือนทุกที แต่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมานั่นก็ทำให้แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะโต้ตอบ
“ผมบอกให้คู่วิญญาณของผมรู้ ไม่ได้บอกให้อาจารย์รู้นี่ครับ อีกอย่างคนที่ผมคุยด้วยเขาก็บอกว่าเขาไม่รู้จักเจ้าชาย” แฮร์รี่พำพึมทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น แต่ด้วยความเงียบที่อยู่รอบตัวพวกเขาแล้วจึงไม่ยากเลยที่สเนปได้ยินชัดทุกถ้อยคำ
“เราจะคุยเรื่องนั้นกันตรงนี้เลยใช่ไหมพอตเตอร์” อาจารย์ร่างสูงถามกลับด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ จนเด็กหนุ่มต้องส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ครับ... ผม... ผมแค่...” แฮร์รี่อ้ำอึ้งพูดต่อไม่ถูก เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรในเมื่อตัวเขาเองตอนนี้ก็มีหลายความคิดตีกันเสียจนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาไม่รู้สึกผิดเรื่องที่พึ่งทำลงไป แต่เพราะอีกฝ่ายพูดเรื่องที่เคยคุยกันตอนที่เขายังนึกว่ามันเป็นคนอื่นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้
สเนปมองท่าทีเด็กชายที่เป็นอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างข่มอารมณ์ “ไปเอาหนังสือเล่มนั้นมา แล้วไปเจอฉันที่ห้องทำงาน เราจะได้จัดการเรื่องนี้และสะสางเรื่องอื่นๆต่อ เข้าใจไหม?”
“ผม...”
“และอย่าได้ริเอาหนังสือเล่มอื่นมาอ้างพอตเตอร์ เพราะฉันจะรู้ในทันที”
พูดจบสเนปก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ให้แฮร์รี่ได้ทันกล่าวแย้ง เด็กหนุ่มได้แต่พ่นลมหายใจกระฟัดกระเฟียดกับตัวเองก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตนเพื่อหาหนังสือเล่มนั้น
แฮร์รี่นั่งมองหนังสือเล่มเก่าอยู่นานด้วยความอาวรณ์ เขาตัดใจมอบมันให้สเนปไม่ได้จริงๆ เจ้าชายเป็นเหมือนเพื่อนอีกคนของเขาไปแล้ว การที่เขาถูกเอาหนังสือเล่มนี้ไปมันก็เหมือนการที่เขาต้องจากลาเพื่อนสนิทโดยไม่อาจได้เห็นหน้าอีก แต่ถ้าหากเขาเอาหนังสือเล่มอื่นไปให้สเนปก็ต้องรู้แน่นอน ทั้งจากการที่อีกฝ่ายขู่เขาไว้และการที่ใช้คาถานั่นให้เขาเห็นโต้งๆ
แต่มาคิดดูแล้วมันก็ยิ่งน่าโมโห ไหนตอนนั้นบอกว่าไม่รู้จักแต่พอมาตอนนี้กลับทำเป็นรู้จักเจ้าของหนังสือเป็นอย่างดี มันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาโดนหลอกมาโดยตลอด ตั้งแต่ตัวจริงของอีกฝ่ายรวมถึงข้อมูลอื่นๆที่เคยคุยกันด้วย น่าคิดเหลือเกินว่าความห่วงใยที่เคยได้รับนั่นก็เพียงแค่เรื่องหลอกลวงหรือเปล่า?
“แฮร์รี่ เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมตัวนายเปียกอย่างนั้นล่ะ? เดี๋ยวนะ...นั่นเลือดใช่ไหม?!” รอนที่พึ่งกลับมาที่ห้องพักเห็นเพื่อนนั่งนิ่งอยู่บนเตียงทั้งที่ตัวเปียกโชกก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย จนคนที่ถูกทักสะดุ้งตัวขึ้นเหมือนคนพึ่งตื่นจากภวังค์
“มีเรื่องนิดหน่อย ไว้ฉันค่อยกลับมาเล่าให้พวกนายฟังนะ” แฮร์รี่พูดตอบโดยไม่มองหน้ารอนพร้อมทั้งหยิบหนังสือปรุงยาของเจ้าชายขึ้นมาอย่างรีบร้อนก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องพักไป
เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าก้าวไปตามทางเดินด้วยรู้ว่าตัวเองเสียเวลากับการเหม่อลอยมากเกินไป และจะยิ่งทำให้สเนปไม่พอใจเมื่อเขากลับไปหาช้าอย่างนี้ ซึ่งอาจจะทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ถามถึงเจ้าของหนังสือที่แท้จริง
“ชักช้านะพอตเตอร์ ร่ำลากับหนังสืออยู่หรือไง” สเนปที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานแขวะขึ้นทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง
แฮร์รี่ที่ได้ยินอย่างนั้นจึงกำลูกบิดประตูแน่นและดึงมันปิดเข้ามาด้วยความพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กระแทกประตู ก่อนจะหันไปปั้นหน้ายิ้มแล้วตอบกลับ “ครับ ผมนึกว่าอาจารย์รู้อยู่แล้วเสียอีกว่าผมรักหนังสือนี่แค่ไหน”
“อย่ามาประชดฉันพอตเตอร์” ดวงตาสีเข้มหรี่มองเด็กชายยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถากั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกไป “ตอนนี้ส่งหนังสือนั่นมาแล้วฉันจะอนุญาตให้เธอถามคำถามที่เธออยากจะรู้”
“ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณจะตอบความจริง” แฮร์รี่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้มีความอ่อนน้อมลงเลยแม้แต่น้อย เขารู้ว่าตอนนี้เขามีชนักปักหลังของเขาอยู่ แต่ระหว่างเขากับสเนปก็มีหลายเรื่องมากเกินกว่าที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้
“จะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเธอ เพราะฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามเธอด้วยซ้ำ เธอจะไม่ถามอะไรเลยก็ได้ แต่เธอต้องวางหนังสือนั่นไว้ตรงนี้ก่อนที่เธอจะออกไปอยู่ดี”
แฮร์รี่เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นด้วยรู้ว่าที่สเนปพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด การที่สเนปยอมเปิดโอกาสให้เขาปถามอย่างนี้ก็นับว่าเป็นความใจดีที่สุดเท่าที่แฮร์รี่เคยได้รับมาแล้ว(แน่นอนว่าไม่นับตอนที่อีกฝ่ายยังคงแสดงเป็นโจเซฟอยู่)เมื่อคิดได้อย่างนั้นเด็กหนุ่มจึงถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมลงมาก ทั้งยังยอมวางหนังสือที่ถือไว้บนโต๊ะทำงานของสเนปแต่โดยดี “จริงๆแล้วคุณรู้จักเจ้าของหนังสือเล่มนี้ใช่ไหมครับ”
สเนปนิ่งเงียบไปหลังคำถาม นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นมองหนังสือที่แฮร์รี่ยอมนำมามอบให้อย่างพินิจอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะเงยขึ้นสบมองเด็กชายตรงหน้าแล้วตอบออกไปตามความจริง “มันเป็นหนังสือของฉัน...”
“คุณต้องล้อผมเล่นแน่” แฮร์รี่ต้องพยายามอย่างหนักที่จะคุมเสียงไม่ให้ดังจนเกินไปเพราะความตกใจ ถึงเขาจะเคยคิดเล่นๆว่ามันเป็นของโจเซฟก็เถอะ แต่นี่มันก็เหนือความคาดหมายเกินไปสักหน่อย
“ฉันเหมือนคนกำลังพูดเล่นหรือพอตเตอร์” สเนปตอบย้ำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนแฮร์รี่ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เขาพึ่งได้ยินไปได้อีก
“แล้ว...แล้วทำไมตอนที่คุณโกหกผมว่าคุณไม่รู้จักเจ้าของหนังสือ คุณไม่บอกผมไปเลยล่ะครับว่ามันเป็นหนังสือของคุณ ตอนที่ผมรู้ความจริงผมจะได้รู้มันไปเลยเสียทีเดียว!” แฮร์รี่พยายามแล้วที่จะไม่ตะโกนในทีแรก แต่เมื่อเขารู้สึกโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆที่เขาจะเผลอขึ้นเสียงออกไป
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยพอตเตอร์ ถ้าฉันบอกว่ามันเป็นของฉันตั้งแต่ทีแรกเธอก็จะมาเซ้าซี้ถามที่มาของชื่อเจ้าชายอีก และเพื่อนเธอคงไปตามล่าหาข้อมูลจนมาถึงตัวฉันอยู่ดี” สเนปอธิบายด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะใจเย็นอย่างที่สุดแต่ก็ยังปิดความไม่พอใจของเขาเอาไว้ไม่มิด
“ถ้างั้นแล้วทำไมต้องโกหกเรื่องที่คุณเป็นคู่วิญญาณของผมตั้งแต่แรกด้วยล่ะครับ?!” ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้อีกต่อไป เขายืนจ้องใบหน้าถมึงทึงของสเนปโดยไม่หลีกหนีและไม่ได้เกรงกลัวถึงโทษทัณฑ์ที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย อาจจะด้วยโทสะที่บดบังเหตุผลอื่นๆไปเสียหมด
สเนปถอนหายใจยาวเหยียดทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าอย่างไรแฮร์รี่ก็คงต้องถาม แต่เขาก็ยังเล่นลิ้นไม่ยอมให้คำตอบ “จริงๆเรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะคิดเองได้ไม่ใช่หรือว่าทำไม”
“ผมไม่เข้าใจครับ ที่จริงถ้าบอกมาตามตรงเราก็คงแค่ปฏิบัติตัวกันเหมือนเดิม ไม่พูดให้ใครฟังมันก็คงไม่มีใครรู้หรอกครับ จบสงครามเราก็คงแยกย้ายกันไปอย่างที่คุณเคยพูดในทีแรกไง” แฮร์รี่โต้ตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ทำให้สเนปเองก็เริ่มจะหมดความอดทนลงแล้วเช่นกัน
“มันไม่มีทางเหมือนเดิมพอตเตอร์ เธอน่าจะเข้าใจเรื่องแรงดึงดูดระหว่างคู่พันธะแล้วไม่ใช่หรือไง อย่าถือดีคิดว่าตัวเองจะเก็บอาการได้หน่อยเลย!”
“แต่คุณก็ยังปฏิบัติกับผมได้เหมือนเดิมเลยไม่ใช่หรือครับ เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นผม!” เด็กหนุ่มโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ และสเนปเองก็เริ่มจะหงุดหงิดกับเด็กตรงหน้าเขานี่มากขึ้นทุกที
“เธอคิดว่าฉันเป็นสายลับมากี่ปีกัน! คิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฉันปกปิดไม่ได้หรือไง!” สเนปตวาดเสียงดังก้องไปทั่วห้อง ก่อนที่เขาจะชะงักไป กลายความเงียบที่เข้าปกคลุมระหว่างพวกเขาทั้งสองคนในทันที
แฮร์รี่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้หัวใจที่กำลังเต้นอย่างรุนแรงในอกของเขามันกำลังตกใจหรือดีใจกันแน่ที่ได้ฟังอย่างนั้น มันราวกับเป็นคำตอบของคำถามที่เขาเคยถามตัวเองก่อนหน้า ว่าสิ่งที่เคยคุยกันทั้งหมดนั่นเป็นเพียงการแสดงหรือไม่ “คุณ...หมายความว่า...”
“หุบปากพอตเตอร์” สเนปขัดขึ้นพร้อมมองอย่างดุร้ายทันทีก่อนที่แฮร์รี่จะพูดได้ทันจบ แต่นอกจากแฮร์รี่จะไม่รู้สึกหวั่นเกรงหรือต่อต้านอีกฝ่ายแล้ว ซ้ำเขายังไม่สามารถห้ามรอยยิ้มไม่ให้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าได้เลย
“ผมชอบให้คุณเรียกผมแฮร์รี่มากกว่า” เด็กหนุ่มพึมพำ
“เก็บอาการซะบ้างเถอะ” สเนปบ่นอย่างหงุดหงิด “หมดคำถามแล้วใช่ไหมฉันจะได้พูดเรื่องบทลงโทษของเธอสักที”
แฮร์รี่สะดุ้งทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีโทษที่รอการตัดสินอยู่ ตอนนี้เขาก็ได้แต่หวังว่าเมื่อคุยเข้าใจกันแล้วสเนปจะไม่ลงโทษเขาหนักมากนักจึงส่ายหน้าเบาๆ “ผมไม่มีคำถามแล้วครับ”
“ดี... ฉันจะสั่งกักบริเวณเธอทุกๆวันเสาร์กับฉันจนถึงปิดเทอม เธอคิดว่าไงล่ะ” เขาแสยะยิ้ม
“ผม...ผมไม่เห็นด้วยครับ” แฮร์รี่ละล่ำละลักตอบ นี่ไม่ใช่การลงโทษเพราะเรื่องที่เขาขึ้นเสียงไปเมื่อกี้ด้วยใช่ไหม?
“สิบนาฬิกาเช้าวันเสาร์ที่ห้องทำงานของฉัน” สเนปย้ำอีกครั้ง
“แต่อาจารย์...ควิดดิชนัดสุดท้าย” เด็กหนุ่มเริ่มโอดครวญอย่างขอความเห็นใจ อย่างน้อยๆก็น่าจะมีสายสัมพันธ์อะไรสักอย่างที่ช่วยให้สเนปใจอ่อนบ้างสิ!
แต่อาจารย์ร่างสูงตรงหน้ากลับเพียงแค่เหยียดยิ้มอย่างเย็นชาให้แล้วพูดต่อไปอย่างไม่ไยดี “เกลียดฉันอย่างเดิมต่อไปเถอะพอตเตอร์ กริฟฟินดอร์ที่น่าสงสารคงต้องลงแข่งโดยไม่มีกัปตันทีม”
**********
การกักบริเวณกับสเนปก็ไม่ได้แย่เท่าที่เขาคิดมากนัก ดูเหมือนว่าจะมีเพียงอาทิตย์แรกอาทิตย์เดียวเท่านั้นที่สเนปตั้งใจจะแกล้งเขาไม่ให้ลงแข่งควิดดิชนัดสำคัญ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลยเมื่อสุดท้ายแล้วกริฟฟินดอร์ก็คว้าแชมป์มาได้อย่างสวยงาม (ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังโกรธสเนปอยู่ดี)
ทว่าปัญหาจริงๆสำหรับแฮร์รี่คือเขาพึ่งได้ค้นพบไอ้คำว่ามันไม่มีทางเหมือนเดิมของสเนปหมายถึงอะไร ตอนนี้แฮร์รี่ประสบปัญหาการไม่จิกกัดกับสเนปในคาบอย่างผิดปกติ จนแม้แต่เพื่อนๆของเขาเองก็ยังแปลกใจ แต่จะให้เขาต่อต้านอย่างเดิมก็ยากเหลือเกิน ในเมื่อพอเขาฟังอย่างไร้อคติแล้วอาการที่อยากจะต่อต้านมันก็หายไปด้วย ถึงสเนปจะเหน็บแนมเขาเหมือนเดิม แต่พอเขาไม่โต้ตอบอีกฝ่ายก็เงียบไปเหมือนกัน
“พอตเตอร์ เธอไม่เข้าใจคำว่าทำตัวปกติหรือยังไง” สเนปบ่นขึ้นในทันทีเมื่อเขาปิดประตูห้องทำงานของอีกฝ่ายลง ในเสาร์ที่สองของการกักบริเวณ
“ผมทำตัวปกติแล้วนะ” เด็กหนุ่มเถียงกลับทั้งที่ไม่ยอมสบตา
“ฉันพึ่งรู้ว่าปกติของเธอคือเป็นเด็กเรียบร้อยเชื่อฟังฉันขนาดนี้ ห้าปีที่ผ่านมาฉันคงเจอพอตเตอร์ตัวปลอม” ร่างสูงกว่ากล่าวประชด
“ผมก็พึ่งรู้ว่าคุณขี้บ่นขนาดนี้...” แฮร์รี่บ่นพึมพำ แต่ช่างโชคร้ายที่พวกเขาอยู่ใกล้กันมากพอที่สเนปจะได้ยิน
“อย่ามานินทาฉันพอตเตอร์ ทีอย่างนี้ละเถียงฉันเก่งนัก ทำไมทีในห้องฉันจะเหน็บแนมอะไรก็ยังทำนิ่งเหมือนเป็นรูปปั้นหิน”
“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ...” แฮร์รี่ตอบตามความจริง ไม่รู้ทำไมพอหลังจากวันนั้นแล้วเวลาที่เขาพูดคุยกันสองคนอย่างนี้แฮร์รี่จะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป จนเขากล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ในขณะเดียวกันยามที่อยู่ในห้องเรียนถึงเขาจะโดนหาเรื่องอย่างไรเขากลับไม่รู้สึกว่าอยากที่จะตอบโต้กลับ
อาจจะเพราะอารมณ์ที่อยากจะเอาชนะสเนปนั้นหายไปจากเขาเสียแล้ว ยามที่อยู่กันสองคนมันจึงเป็นการเถียงกันที่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก และพวกเขาก็ไม่ได้สาดอารมณ์ใส่กันอย่างที่แล้วๆมาอีก มันจึงแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงกับการที่เขาต้องสาดอารมณ์ใส่กันในห้องเรียน ในช่วงหลังมานี้การที่จะเล่นไปตามเกมของสเนปจึงยากเสียเหลือเกินสำหรับแฮร์รี่ และไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าตอนนี้ดวงตาสีเข้มคู่นั้นคงกำลังมองเขาอย่างเหนื่อยหน่ายแต่แฮร์รี่ไม่ได้ใส่ใจ
“อาจารย์ครับผมขอถามสักเรื่องได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มเกริ่นขึ้นขณะที่สเนปลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเพื่อไปหยิบงานที่จะมอบหมายให้เขาทำในการกักบริเวณครั้งนี้
“ถ้าฉันตอบได้ ว่ามาสิ” เขากล่าวอนุญาตพร้อมทั้งหยิบเครื่องปรุงยาบางส่วนใส่หม้อขนาดเล็กไว้และเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน
“ถ้า...เรื่องทั้งหมดจบลงแล้วอาจารย์จะทำอะไรต่อไปครับ แล้ว...เราจะเป็นยังไงต่อครับ”
สเนปชะงักมือที่กำลังจัดเรียงเครื่องปรุงยาลงบนโต๊ะแล้วเงยขึ้นสบมองกับนัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คงไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะต้องมาตอบคำถามอะไรแบบนี้ คนเป็นอาจารย์จึงถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะตอบ “ฉันก็คงยังสอนหนังสืออยู่ที่นี่นั่นล่ะ ส่วนเรื่องนั้น... ฉันก็แค่รอเธอแต่งงานออกไปแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม”
“แล้วถ้าผมไม่ได้คิดจะผูกพันธะใหม่ล่ะครับ?” เด็กหนุ่มยังคงถามต่อขณะที่จ้องมองสเนปไม่วางตา เขาคาดเดาไม่ได้เลยว่าขณะที่กำลังตอบนี้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จะคิดอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า
“เธอคงไม่อยากติดแหง็กอยู่กับฉันหรอกจริงไหม?” นัยน์ตาสีเข้มที่มองสบมาขณะที่พูดอยู่นั้นช่างว่างเปล่า จนแฮร์รี่ไม่อาจเดาใจได้เลยว่าเจ้าของมันกำลังอยู่ในอารมณ์แบบใดในขณะนั้น เขาพึ่งได้เข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมสเนปถึงสามารถเป็นสายลับให้ทั้งสองฝั่งมาได้นานขนาดนี้
“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้งครับ...” เป็นแฮร์รี่เองที่หลุบสายตาหลบไป ถึงเขาจะบอกไม่ได้ว่าเขากำลังคาดหวังคำตอบแบบไหน แต่คำตอบที่พึ่งได้รับมาก็ทำให้เด็กหนุ่มหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไม
สเนปที่เห็นเด็กชายเงียบไปแล้วเขาจึงเริ่มพูดถึงสิ่งที่เขาจะให้ทำต่อจากนี้ โดยทำเป็นไม่สนใจใบหน้ายู่ยี่ที่แฮร์รี่ปิดได้ไม่มิดเอาเสียเลย “ฉันจะให้เธอเริ่มปรุงยาใหม่ตั้งแต่บทแรกที่เธอเรียนมาในเทอมนี้ หวังว่าสิ่งที่อยู่ในหัวของเธอจะมีเนื้อหาจากหนังสือมาบ้าง ไม่ใช่แค่ขี้เลื่อยที่เก็บแต่อะไรไม่รู้เข้ามา”
แฮร์รี่สูดลมหายใจตั้งสติอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกลับไปอยู่ในสถานะอาจารย์ของเขาแล้ว “ผมต้องปรุงโดยไม่ใช้หนังสือหรือครับ?”
“ใช่ และเร่งมือเข้าล่ะ เธอต้องได้ยาที่สมบูรณ์อย่างน้อยหนึ่งอย่างฉันถึงจะปล่อยเธอกลับออกไป”
“คุณต้องได้ขังผมทั้งคืนแน่ๆ” เด็กหนุ่มบ่นอย่างอิดออดขณะที่หยิบหม้อและเครื่องปรุงยาต่างๆไปวางไว้ที่โต๊ะอีกตัวหนึ่งเพื่อเริ่มปรุงยาที่ได้รับมอบหมาย และสเนปก็เพียงแสยะยิ้มใส่เขาอย่างเคย
**********
“เมื่อไหร่คุณจะยอมเรียกผมว่าแฮร์รี่อีกล่ะครับ” เด็กหนุ่มถามขึ้นในบ่ายวันหนึ่งขณะที่ฝนตกลงมาครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ และเพราะครั้งนี้เขารู้แล้วว่าพูดไปอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้ยิน แฮร์รี่จึงเริ่มพูดเลยโดยไม่ต้องเรียกหาอีก
‘ฉันกำลังสอนอยู่’ และสเนปก็สามารถตอบกลับเขาได้เลยเช่นกัน อาจจะเพราะทางนั้นเองก็ไม่ต้องคอยหาโอกาสที่เหมาะสมในการดื่มยาแล้วเช่นกัน แม้จะเป็นการตอบกลับเขาเพียงสั้นๆบ่งบอกให้รู้ว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะคุยเวลานี้ แต่แฮร์รี่กำลังเบื่อเต็มทีจากการเฝ้าคอยดัมเบิลดอร์ที่ไม่ยอมเรียกเขาไปทำงานด้วยเสียทีก็อดไม่ได้ที่จะดื้อดึง
“โชคดีจังที่เป็นคาบว่างของผม อีกอย่างถึงคุณจะตอบผมมาก็ไม่เห็นเป็นไรเลยไม่มีใครได้ยินคุณพูดสักหน่อย”
‘พอตเตอร์...’ น้ำเสียงเย็นเยียบที่ตอบกลับมาทำให้แฮร์รี่นึกภาพได้ออกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ แต่เมื่อไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้มีสายตาทิ่มแทงนั่น การก่อกวนต่ออีกสักหน่อยก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเบื่ออย่างแฮร์รี่
“ผมจะยอมเงียบถ้าคุณยอมเรียกผมว่าแฮร์รี่”
‘การบ้านที่เธอมีมันน้อยไปใช่ไหมเธอถึงสามารถมาก่อกวนฉันได้อย่างนี้ คราวหน้าฉันจะได้สั่งเพิ่มให้’
“ไม่ๆ ถ้าคุณสั่งการบ้านเพิ่มอีกมันต้องทับผมตายก่อนที่โวล— คนที่คุณก็รู้ว่าใครจะได้ฆ่าผมแน่ๆ” เด็กหนุ่มโอดครวญ เขาเริ่มรู้สึกคิดผิดแล้วที่ไปก่อกวนคู่ที่เป็นอาจารย์ของตัวเองแบบนี้ ถ้าสเนปสั่งงานเพิ่มจริงแล้วเกิดมีใครรู้ขึ้นมาว่าเป็นเพราะเขา เขาคงโดนสาปจนไม่ได้ไปเกิดใหม่แน่ๆ
‘...มันไม่ใช่มุกที่น่าเล่นเลยแฮร์รี่’ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะขำขันไปกับมุกของเขากลับถูกตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เครียดขึงจนแฮร์รี่ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน แต่ก็ยอมตามน้ำไปอย่างนั้นในเมื่อทางนั้นยอมใจอ่อนเรียกชื่อต้นเขาแล้ว
“ผมไม่เล่นแล้วก็ได้ แต่เฮ้ คุณยอมเรียกชื่อผมแล้วนี่!”
‘เพราะฉะนั้นเธอก็ควรกลับไปทำการบ้านของเธอเงียบๆซะ’ สเนปตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนแฮร์รี่ต้องเบ้ปากใส่ เพราะถึงจะทำหน้าอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่เห็นหรอก
“ผมไปแล้วก็ได้ ไว้เจอกันนะฮะเซเวอรัส” แฮร์รี่ทิ้งท้ายด้วยชื่อต้นของคนที่กำลังคุยด้วยอยู่อย่างจงใจ ก็ไหนๆทางนั้นก็เรียกชื่อต้นเขาแล้วทำไมเขาจะเรียกด้วยชื่อต้นบ้างไม่ได้ล่ะจริงไหม
‘…’ แต่สเนปไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกขัดใจอย่างมากที่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ และอาจารย์คนนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรเขากลับมาอีกเลยจนกระทั่งช่วงเวลาหมดไป นั่นยิ่งทำให้แฮร์รี่หงุดหงิดเอามากๆ
“หน้านายบูดเป็นตูดเลยเพื่อน ทะเลาะกับเมทมาหรือไง” รอนที่นั่งมองเพื่อนของเขาทำท่ากระฟัดกระเฟียดมาสักพักแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนจะทำขวดหมึกล้มจนหกใส่งานที่พวกเขากำลังนั่งทำด้วยกันอยู่เสียก่อนที่งานจะเสร็จ
“เปล่า! ฉันดูเหมือนอย่างนั้นเหรอ!” ขนาดบอกว่าเปล่ายังพาลกระชากเสียงใส่เสียจนคนถามต้องสะดุ้ง เฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาแล้วตบไหล่เพื่อนของเธอเบาๆ
“เธอดูเป็นอย่างนั้นเลยล่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่บอก
“ฉันเปล่านะ มันก็แค่ขัดใจนิดหน่อยเอง” พอถูกเพื่อนสาวทักอย่างนั้นแล้วแฮร์รี่ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงในทันที
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ ฉันเห็นพวกเธอไม่ได้คุยกันตั้งนาน นึกว่าเธอจะดีใจที่ได้คุยกันเสียอีก” เด็กสาวถามต่อ
“ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกฉันแค่ทำตัวเป็นเด็กๆเองน่ะ” แฮร์รี่รีบโบกมือบอกปัดออกไป เขาจะบอกเพื่อนของเขาได้อย่างไรว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าโซลเมทของเขาคือคนที่อยู่ใกล้ตัวกันแค่นี้ ดังนั้นไอ้ที่บอกว่าไม่ได้คุยกันนานน่ะไม่จริงเลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาจะยอมพูดเรื่องที่หัวเสียแค่เพราะสเนปไม่ยอมเล่นตามน้ำไปกับเขา
แต่เฮอร์ไมโอนี่ดูจะไม่ค่อยยอมเชื่อเขาสักเท่าไหร่จึงยังจ้องเขาอย่างไม่วางตา ต้องบอกว่าโชคช่วยเขามากๆเมื่อมีรุ่นน้องคนหนึ่งวิ่งมาหาพวกเขาพร้อมจดหมายของดัมเบิลดอร์ ทำให้มีประเด็นอื่นที่จะพูดถึงเข้ามาแทนที่เรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ในทีแรก
“ดัมเบิลดอร์บอกให้ฉันไปหาเขาทันทีที่ทำได้ล่ะ” แฮร์รี่พูดอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เขาได้อ่านข้อความบนม้วนกระดาษจบ เขาพึ่งบ่นเบื่อจนก่อกวนสเนปไปเมื่อครู่นี้เอง ไม่คิดเลยว่าดัมเบิลดอร์จะส่งข้อความมาได้ถูกเวลาขนาดนี้
“งั้นนายรีบไปเถอะ” รอนพูดด้วยความตื่นเต้นตามเพื่อนไปด้วย แฮร์รี่จึงพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสองคนแล้วรีบเก็บข้าวของก่อนจะรีบเดินไปหาดัมเบิลดอร์ที่หอดูดาว
แต่ระหว่างทางนั้นเองเขาก็ได้พบศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ที่ถูกผลักออกมาจากห้องต้องปประสงค์โดยบังเอิญ แฮร์รี่คาดว่าทรีลอว์นีย์คงจะไปได้ยินมัลฟอยฉลองชัยอะไรสักอย่างจนถูกผลักออกมา แต่เมื่อฟังสิ่งที่อาจารย์พยากรณ์พูดไปเรื่อยแล้วเขาก็ต้องตกใจอย่างหนัก
แฮร์รี่รู้มาสักพักแล้วจากความทรงจำของดัมเบิลดอร์ว่าในระหว่างที่ทรีลอว์นีย์กำลังพยากรณ์โชคชะตาของเขาก็มีบางสิ่งดังขึ้นที่นอกประตู คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าคงเป็นสายสืบของโวลเดอมอร์ที่แอบมาฟังคำพยากรณ์นั่น จนนำให้โวลเดอมอร์เลือกที่จะตามล่าตัวเขาและทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตาย แต่แฮร์รี่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนคนนั้นจะเป็น เซเวอรัส สเนป!
เด็กหนุ่มเดินแยกกับศาสตราจารย์สาวเพื่อไปหาอาจารย์ใหญ่อย่างเหม่อลอย ความรู้สึกมากมายตีกันในอกจนเขาแทบอยากจะทรุดตัวลงแล้วกรีดร้อง ทำไมทุกอย่างรอบตัวเขาถึงได้วนเวียนอยู่กับคนคนนั้นนัก ทำไมโชคชะตาถึงได้อยากให้เขาอยู่กับคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตายกัน ยิ่งคิดยิ่งไม่อาจเข้าใจ เด็กหนุ่มจึงก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาอาจารย์ใหญ่ และจะได้กลับมาถามคนที่เขาต้องการคุยมากที่สุดในเวลานี้
**********
แฮร์รี่ได้พาดัมเบิลดอร์กลับมาถึงหอดูดาวที่โรงเรียนอีกครั้งด้วยคาถาหายตัวที่แฮร์รี่ทำได้ดีกว่าครั้งไหนๆ อาจารย์ใหญ่แย่ลงมากจากการที่ต้องดื่มยาพิษในถ้ำนั่นเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้นทันทีที่กลับมาถึงโรงเรียนแทนที่เขาจะเรียกหามาดามพอมฟรีย์เขากลับเรียกหาสเนปแทน แฮร์รี่ที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงต้องทิ้งดัมเบิลดอร์ไว้บนหอดูดาวเพื่อนจะลงมาด้านล่างและตามหาสเนป
ทว่าทันทีที่เขาก้าวลงจากหอดูดาวมาเดรโก มัลฟอยก็เดินสวนเขาขึ้นไปพร้อมๆกับเหล่าผู้เสพความตายอีกหลายคน แฮร์รี่ได้แต่ยืนมองนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เพราะมีคำสาบานที่ให้ไว้กับดัมเบิลดอร์อยู่อีกที่ทำให้เขาไม่สามารถแสดงตัวออกไปได้
ในตอนนั้นเองสเนปก็เดินเข้ามา ถึงจะยังคลางแคลงใจเรื่องที่สเนปอาจเป็นผู้บอกคำพยากรณ์ แต่เมื่อสเนปลดไม้กายสิทธิ์ลงและส่งสัญญาณให้เขาเงียบไว้แฮร์รี่ก็รู้สึกชื้นใจขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่อาจคลายกังวลด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าสเนปเป็นพ่อมดที่เก่งกาจคนหนึ่ง แต่ต่อหน้าผู้เสพความตายมากขนาดนี้และดัมเบิลดอร์ที่อ่อนแอลงมาก เขาจะพาอาจารย์ใหญ่หนีไปได้อย่างไร
แฮร์รี่เฝ้าดูอยู่ตรงนั้นขณะที่สเนปกำลังเดินขึ้นไปที่ด้านบน และเขาทำได้เพียงแค่มองในขณะที่สเนปร่ายคำสาปพิฆาตใส่ดัมเบิลดอร์ ร่างของชายชราค่อยๆล้มลงช้าๆราวกับตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ถูกตัดสายป่าน ความไว้ใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆในวินาทีนั้น พร้อมกับความโกรธที่ล้นทะลักจนแม้เขาอยากจะกรีดร้องก็ร้องไม่ออก
สเนปกำลังพาผู้เสพความตายคนอื่นๆหนี แฮร์รี่จึงวิ่งไล่ตามเขาไป ในหัวของเขาขาวโพลนไปหมด ร่างกายขับเคลื่อนไปด้วยเพียงแรงโทสะ เขาเห็นสเนปอยู่ตรงนั้นแล้วกับมัลฟอยและเบลาทริกซ์ แฮร์รี่ร่ายคำสาปออกไปโดยไม่ลังเล
“อินคาร์—” แต่ทว่าสเนปกลับเพียงสะบัดไม้กายสิทธิ์เพื่อปัดคาถาของเขาออกไปอย่างง่ายดาย และวินาทีถัดมาแฮร์รี่ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างรุนแรงจนเขาต้องล้มตัวลงบนพื้น เขากรีดร้องอย่างไม่อาจกลั้นเจ็บปวดราวกับจะตายให้ได้เสียตรงนั้น
“พอได้แล้ว!” สเนปร้องคำราม แล้วหลังจากนั้นความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไป “เขาเป็นของจอมมารลืมแล้วหรือ ไปได้แล้ว!” สเนปตะโกนสั่งอีกครั้งเบลาทริกซ์และคนอื่นๆจึงจากไป
“เซ็กตัม—” แฮร์รี่หยัดตัวลุกขึ้นเสกคาถาอีกครั้งแต่ก่อนที่เขาจะร่ายถาคาได้จบร่างของเขาก็ราวกับถูกอะไรบางอย่างกระแทกเสียจนกระเด็นลงไปนอนบนพื้นหญ้าพร้อมๆกับไม้กายสิทธิ์ที่หลุดลอยออกจากมือ
“อย่าได้บังอาจสาปฉันด้วยคาถาของฉันเหมือนพ่อสกปรกของเธอพอตเตอร์” สเนปย่างเท้าเข้ามาใกล้ก้มมองดูเขาที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงนั้น
“ฆ่าผมเลยสิ... เหมือนอย่างที่คุณฆ่าเขา! คนขี้ขลาด!” แฮร์รี่เค้นเสียง ความโกรธและชิงชังครอบงำเขาทั้งหมดจนไม่กลัวแม้แต่ความตาย สเนปทรยศความเชื่อใจและฆ่าดัมเบิลดอร์ได้ มันคงไม่ยากอะไรหากชายตรงหน้าเขานี่จะฆ่าเขาที่เป็นคู่โชคชะตาด้วยอีกคน
“ไม่ใช่ตอนนี้แฮร์รี่” เสียงทุ้มกระซิบ แสงไฟที่แผดเผากระท่อมที่ด้านหลังทำให้เขาได้เห็น นัยน์ตาสีดำที่ทอดมองเขาคู่นั้นมันทอประกายความโศกเศร้าและเจ็บปวดอย่างไม่ปิดบัง แต่แฮร์รี่ที่ไม่อาจเข้าใจถึงสิ่งที่เห็นในยามนั้นทำได้เพียงนอนกรีดร้องอย่างเจ็บแค้นขณะที่สเนปเดินจากไป
=========================
Talk : มาแล้วค่า ช้ากว่าที่คาดไปสักหน่อยแต่มาแล้วน้า ตอนนี้เป็นตอนจบของภาค6แล้วค่ะตอนหน้าจะขึ้นไทม์ไลน์ภาค7แล้ว ช่วงภาค6นี้เราใช้ไทม์ไลน์อิงตามหนังสือซึ่งเหตุการณ์เซ็กตรัมเซมปร้าจะเกิดหลังเหตุการณ์เอาความทรงจำจากซลักฮอร์น แต่ช่วงที่ดัมบัลดอร์ถูกฆ่าเราใช้ฉากในภาพยนตร์ค่ะ มันทัชใจเรามากตอนแฮร์รี่เห็นสเนปแล้วเชื่อใจให้สเนปเดินขึ้นไปหาดัมเบิลดอร์ตอนนั้น เราจึงเลือกฉากนี้มาใส่
เอ้ออีกเรื่องที่เราลืมกรี๊ดกร๊าดไปในตอนที่แล้ว จริงๆในแฮร์รี่ภาค6เนี่ยเราชอบแดนตอนทำท่านี้มากเลย

คือแกรไม่ไหว ใจบางมากแง้
สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นและกำลังใจนะค้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จาขาดใจ แงแง ชอบไดนามิกหลังรู้ความจริงมาก มันแบบฟดวาหกดส่ฟด่กฟ อยากอ่านต่อค่ะ TTTTT
อ่านตอนนี้แล้วค้างมากเลยค่าาา
ไรต์เตอร์แต่งดีมากเลย วางพล็อตไว้ดีมาก ตอนต้นเรื่องมาเป็นนิยายรักต่างวัยโทนอบอุ่น พอมากลางเรื่องดันสับบทเป็นดราม่า
แต่ไรต์คงไม่ใจร้ายเป็น Bad end ใช้มั้ยคะ
ฮือ สนุกมากๆเลยค่ะ อ่านรวดเดียวถึงนี่เลย มีเรื่องให้รอเพิ่มอีกเรื่องแล้ว คุมไรต์สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ!
มาต่ออออออออออ
ทำเราปวดท้องเลยอ่ะตอนนี้
แงงงงงงร้องไห้แล้ววววววว
ps.ต้าวแดนนั้ลล้าคคค
ตอนนี้คือฮีลแล้วหน่วงต่อจริงๆ แง โมเม้นกักบริเวณ เถียงกันแบบไม่ใส่อารมณ์ เด็กงอแงป่วนตอนสอน ปิดท้ายด้วยขยี้เรื่องเป็นคนบอกคำทำนาย ทำลายความไว้ใจบนหอดูดาว
“ไม่ใช่ตอนนี้แฮรี่” อ่านแล้วมัน //ทำมือขยุกขยิก อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
ฮืออออ
สงสารทั้งน้องทั้งสเนป ปวดใจเเทน~~
#รออ่านนะคะ อยากรู้เเล้วว่าน้องกะป๋าจะเป็นไงต่อ
//บีบคอ
แงแอ กลัวไปหมดแล้ว
ปล. เหมือนจะเคยขอไว้ตั้งแต่ตอนต้นๆ ว่าไม่ให้ป๋าตาย หวังว่าไรท์คงจะไม่ใจร้ายใช่มั้ยคะ *ปิ๊งๆ*
จะรอติดตามนะคะ สู้ๆนะคะ เราจะเป็นกำลังใจให้(ส่งหัวใจให้ล้านดวงเลยยย)
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังเลยนะคะ