ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #47 : สับสน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 923
      4
      11 พ.ค. 60

    เร่งเต็มที่เลยค่ากลัวแฟนๆ จะรอนาน ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

    ยอดวิวและคอมเม้นท์ คือ กำลังใจที่สำคัญของไรท์เลยนะคะ ..........

    เชิญทุกท่านอ่านอย่างมีความสุขค่ะ..

    **************************************************************************************************             

                   ภาคภูมิ ชายวัยใกล้เกษียณแต่เขายังดูราวกับหนุ่มใหญ่อายุสี่สิบปลายเท่านั้นเอง แม้ว่าสีผมจะแซมไปด้วยสีเทาเป็นส่วนใหญ่แต่ในสายตาของนางอรทัยแล้วเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากในวันวานมากมายนักหรืออาจเป็นเพราะเครื่องแต่งกายที่ดูภูมิฐานนั่นกระมัง

                    “เธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะอร ทำไมถึงชอบทำร้ายจิตใจลูกนัก อายุเราไม่ใช่น้อยกันแล้วอะไรปล่อยวางได้ก็ปล่อยเสียเถอะ” คำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นคู่ชีวิตกันมาก่อนยิ่งทำให้นางอรทัยเดือดดาลมากขึ้น

                    “ความหวังดีของฉันนี่ช่างไร้ค่าเหลือเกินนะ กลายเป็นว่าฉันบังคับทุกคนไปหมดอย่างนั้นสิ” นางอรทัยไม่ยอมแม้จะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนรุมอยู่ก็ตาม

                    “ตาวินมาพาย่าขึ้นบ้านที” แม่อวนซึ่งยืนอยู่ข้างบุตรชายกวักมือเรียกผู้กองหนุ่มเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์น่าจะบานปลาย ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองหญิงชราอย่างรู้งานก่อนจับจูงกันเดินเข้าทางหลังร้าน

                    นางอรทัยเห็นท่าไม่ดีจึงขยับตัวทำท่าจะจากไปบ้างหากแต่ภาคภูมิห้ามไว้เสียก่อน

                    “อยู่คุยกันก่อนได้ไหมอร เรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกันสักหน่อย”

                    “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ ที่จริงเราไม่มีเรื่องที่ต้องคุยกันแล้วต่างหาก” นางอรทัยเชิดหน้าท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

                    “เรื่องของเราไม่มี แต่เรื่องตาวินเห็นทีเราต้องคุยกันให้เข้าใจไม่อย่างนั้นลูกจะไม่มีวันมีความสุข”

                    “อ้อ..ตาวินบอกเธอเหรอว่าเขาไม่มีความสุข ก็คงจะใช่ฉันมันจนนี่ไม่มีเงินทองซื้อหาความสบายให้ลูกได้เหมือนพวกคนรวยเขา” นางอรทัยอดประชดประชันไม่ได้ด้วยฝังใจว่าที่ภาคภูมิทิ้งนางไปเพราะทนความลำบากไม่ได้

                    “มันไม่ใช่เรื่องความรวยหรือความจนหรอกอรเธอเองน่าจะรู้อยู่แก่ใจ การปรับตัวและยอมรับสิ่งที่คนอื่นคิดหรือทำต่างหากที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ในโลกนี้มันไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราไปเสียหมดหรอกแต่ถ้าเรายอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นและเป็นไปได้เราก็จะไม่ทุกข์กับมัน” ภาคภูมิอธิบายอย่างใจเย็น ถึงวันนี้เขาเปลี่ยนไปจากอดีตมากตรงที่เป็นคนใจเย็นขึ้นและมองโลกในมุมที่ต่างจากเดิม

                    “เธอก็พูดได้สิเพราะเธอเป็นคนเลือกเดินไปหาสิ่งที่เธอชอบ ส่วนฉันต้องจมปลักอยู่กับความทุกข์เพียงลำพังมีใครเข้าใจบ้างไหม”

                    “ฉันขอโทษที่ทำผิดกับเธอและลูก เรื่องที่ผ่านมาถือว่าฉันขออโหสิกรรมเถอะนะอร ฉันผิดเองที่ไม่หนักแน่นและไม่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอ แต่มันผ่านมานานแล้วเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้เพราะฉะนั้นปล่อยวางมันลงจะไม่ดีกว่าหรือ มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันและอนาคต เราสองคนอายุมากแล้วไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่งแต่ลูกของเราเขายังต้องอยู่ต่อไป สิ่งไหนที่มันเป็นความสุขของเขาเราก็ควรจะยอมรับมิใช่หรือ เธอว่าฉันพูดถูกไหม” ภาคภูมิยังคงใช้น้ำเสียงหนักแน่นนุ่มนวลเช่นเดิมหาได้มีอารมณ์โกรธเคืองเคลือบแคลงอยู่ นางอรทัยได้แต่นิ่งและมีท่าทีสงบลงเมื่ออีกฝ่ายเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หากเมื่อก่อนภาคภูมิใจเย็นอย่างนี้ครอบครัวของพวกเขาคงยังดำรงอยู่

                    นางอรทัยรู้สึกสะเทือนใจเพราะรู้อยู่เต็มอกถึงความจริงที่ภาคภูมิกล่าวมาแต่กำแพงที่นางก่อขึ้นนั้นแน่นหนาเหลือเกิน ยากที่จะทำลายหรือปีนข้ามออกมาได้ และนางเลือกที่จะขังตัวเองไว้ในนั้นเพื่อป้องกันสิ่งที่จะมากระทบกระเทือนจิตใจของตนเอง

                    “ฉันจะกลับหละ เชิญอยู่ดูแลลูกให้สบายเถอะเพราะเธอไม่ได้ทำมานานแล้วนี่” นางอรทัยตัดบทหนีไปดื้อๆ แต่มีหรือที่ภาคภูมิจะยอมเขาทนเห็นอรทัยเย็นชากับบุตรชายเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว ก็เพราะความจริงที่ว่าเขาไม่ได้มีโอกาสเลี้ยงดูภวินท์มานั่นเองเขาจึงอยากทำเพื่อบุตรชายคนนี้บ้าง

                    “อย่าเดินหนีความจริงอีกเลยนะอร เราทุกคนต่างก็เจ็บปวดมามากเกินพอ หันมาพูดคุยกันดีๆ เถอะ” ประโยคตรงมาตรงไปของภาคภูมิทำให้นางอรทัยถึงกับชะงักก้าวขาไม่ออก ความอัดอั้นตันใจเอ่อล้นราวกับภูเขาไฟปะทุไหลมาจุกที่ลำคอ น้ำใสๆ ไหลกลิ้งลงบนแก้มที่กาลเวลาพรากความเปล่งปลั่งไปเสียสิ้น

                    “เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวนะอร เขามีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเรามีหน้าที่คอยสนับสนุนช่วยเหลือหรือตักเตือนเท่านั้น สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาเอง ฉันอยากให้เธอปล่อยวางเปิดใจยอมรับในสิ่งที่ตาวินเป็นและพยายามทำเพื่อเธอมาตลอดแล้วเธอจะเห็นว่าความสุขมันอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อมมือคว้ามาเท่านั้นเอง” ภาคภูมิแตะมือลงบนไหล่ที่กำลังสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นที่เจ้าตัวพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อจะไม่แสดงออกมา ทันทีที่นางอรทัยรับรู้ถึงสัมผัสอันอบอุ่นนั้นก็ถึงกับสะดุ้งรีบสะบัดตัวหนีพร้อมกับเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย ภาคภูมิได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของอดีตภรรยาในขณะที่อีกด้านหนึ่งบุตรชายของเขาเองก็กำลังมองมาด้วยแววตาหม่นหมองเช่นกัน

     

                    ขณะที่สายสมรและปราณปรียากำลังเอร็ดอร่อยกับไอศกรีมหลากรสภายในร้านที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันสดใสอยู่นั้น ทั้งสองสาวก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อไม่นึกว่าจะพบปลัดเอกภพควงสาวสวยนางหนึ่งเข้ามาในร้านเช่นกัน ปลัดหนุ่มมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนส่งสาวสวยที่โต๊ะอีกด้านแล้วเดินมาทักทายพวกเธอ

                    “สวัสดีครับพี่หมอน น้องกระต่าย” เขารีบทักขึ้นก่อน ปราณปรียายกมือไหว้อย่างรู้กาลเทศะแม้จะต้องสบเข้ากับแววตาระยิบระยับของปลัดเอกภพก็ตาม

                    “เพิ่งรู้ว่าปลัดชอบทานไอศกรีมด้วยนะคะ” สายสมรเอ่ยแซวขึ้นก่อนหลิ่วตามองไปที่สาวสวยมุมห้องด้วยความอยากรู้และดูเหมือนปลัดเอกภพจะอยากอธิบายเช่นกัน

                    “เปล่าหรอกครับ พอดีน้องนุ่นเธออยากทานของหวานผมเลยนึกได้ว่ามีร้านนี้เท่านั้นเองครับ” เขาตอบด้วยท่าทางสบายจนสายสมรนึกหมั่นไส้

                    “แฟนเหรอคะ อุ้ย ขอโทษนะคะที่ละลาบละล้วง” สาวอวบแกล้งเอามือปิดปากตัวเอง ปลัดเอกภพหน้าเจื่อนเมื่อเจอคำถามตรงไปตรงมา

                    “น้องเป็นธุรการมาใหม่ครับ เป็นคนที่อื่นยังไม่ค่อยรู้จักสถานที่ในอำเภอดีนายอำเภอท่านเลยให้ผมเป็นธุระช่วยแนะนำน้องเขาในช่วงนี้ไปก่อนครับพี่หมอน ผมเป็นคนหนักแน่นนะครับ ชอบใครแล้วไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก” ประโยคหลังนี้เขาส่งสายตาหวานเยิ้มมาทางปราณปรียาจนหญิงสาวรู้สึกอิ่มไอศกรีมขึ้นมาทันที สายสมรเบ้ปากให้กับความเจ้าชู้ไก่แจ้ของปลัดหนุ่มที่ไม่ลดดีกรีลงเลย นี่ขนาดผู้กองภวินท์ประกาศตัวว่าเป็นเจ้าของหัวใจปราณปรียาชัดเจนขนาดนั้นแล้วปลัดเอกภพก็ยังไม่วายหว่านเสน่ห์อีก แต่ก็นั่นละหนานิสัยของคนเจ้าชู้ก็มักเป็นเยี่ยงนี้

                    “อ้าว น้องเขากวักมือเรียกแล้วค่ะปลัดรีบไปดูแลเถอะ เดี๋ยวน้องเขาจะหลงทางกลับบ้านไม่ถูกนะคะ” สาวอวบจีบปากจีบคอบอกเพราะเห็นท่าว่าปลัดหนุ่มจะร่ำไรอยู่นาน

                    “เอาไว้วันหลังผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงไอศกรีมบ้างนะครับ” ปลัดเอกภพยังหันไปเชื่อมสัมพันธ์กับปราณปรียาต่อหาได้สนใจคำพูดกระแนะกระแหนของสาวอวบแต่อย่างใด

                    “เอ่อ...”

                    “ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ แฟนผมผมเลี้ยงเอง” เสียงทุ้มกังวานแต่ดุดังขึ้นขัดจังหวะทำเอาปลัดหนุ่มถึงกับสะอึกเมื่อเจ้าของตัวจริงเสียงจริงปรากฏตัวขึ้น

                    “สะ สวัสดีครับผู้กอง ผมกำลังจะขอตัวพอดีเลยครับ ตามสบายนะครับ” ปลัดเอกภพรีบล่าถอยเมื่อเห็นสีหน้าเรียบตึงของผู้มาใหม่ สายสมรหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจปนสมน้ำหน้าปลัดหนุ่ม ส่วนปราณปรียาหันไปทำตาเขียวใส่ผู้กองภวินท์ที่เที่ยวป่าวประกาศว่าเธอเป็นแฟนกับเขา แต่ชายหนุ่มกลับยักคิ้วไม่ยี่หระ

                    “สมน้ำหน้าเจอของจริงเข้าให้” สายสมรว่าพร้อมกับมองตามปลัดหนุ่ม ขณะที่ผู้กองภวินท์นั่งลงข้างกันกับปราณปรียา

                    “รู้ได้ยังไงคะว่าต่ายอยู่ที่นี่” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเขานั่งเรียบร้อยแล้ว

                    “ถ้าไปกับพี่หมอนก็มีไม่กี่ที่หรอก เดาง่ายจะตาย” ชายหนุ่มตอบ แล้วแกล้งตักไอศกรีมในถ้วยของปราณปรียากินหน้าตาเฉย

                    “นี่ ! ขอรึยังคะ” หญิงสาวออกอาการหวงของกิน สายสมรที่นั่งอยู่อีกฝั่งได้แต่อมยิ้มมองสองหนุ่มสาวหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน

                    “เดี๋ยวให้พ่อไปขอนะ” เขาตอบพร้อมกับยิ้มกว้างลอยหน้าลอยตา ส่วนปราณปรียาได้แต่ทำหน้างงก่อนจะทำสีหน้าเหมือนนึกได้ว่าโดนผู้กองหนุ่มอำจนได้

                    “โอ๊ย ผู้กองขาถ้าจะจีบกันขนาดนี้พี่หมอนกลับก่อนแล้วกันนะคะเขินแทนน้องต่ายค่ะ” สายสมรแกล้งเย้าผู้กองหนุ่มแต่กลับเป็นปราณปรียาเสียเองที่เขินจนหน้าแดง

                    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกระต่ายน้อยกลับด้วยเลยนะครับ”

                    “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ” สาวอวบหัวเราะคิกเมื่อเห็นหน้างอง้ำของแม่กระต่ายน้อย

                    “อ้าว ไหนพี่หมอนลอยแพกันอย่างนี้ละคะ”

     

                    มือเรียวยาวของนายแพทย์กันต์กำลังจับปากกาเขียนบางอย่างลงบนแฟ้มหนีบโดยมีพยาบาลสาวนางหนึ่งยืนรออยู่ข้างโต๊ะด้วยใบหน้าระเรื่อ เพียงแค่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชายในฝันก็ทำเอาเจ้าหล่อนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและไม่อาจละสายตาจากมือเรียวสวยนั่นได้กระทั่งหมอหนุ่มต้องเรียกเตือนเธอจึงได้สติ

                    “อะแฮ่ม ! เสร็จแล้วครับ” หมอกันต์บอกพร้อมกับยื่นแฟ้มรอ นางพยาบาลสาวรีบยื่นมืออันสั่นเทาไปรับแฟ้มก่อนยิ้มเขินออกไป เขายิ้มมุมปากและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตาลงช้าๆ ครุ่นคิดถึงคำขอร้องของมารดาที่บอกให้เขามีครอบครัวเสียที คงเพราะว่าพี่สาวของเขาออกเรือนไปหมดแล้วกระมัง นานครั้งถึงจะมารวมตัวกันนั่นอาจทำให้บิดาและมารดาของเขารู้สึกเหงาและว้าเหว่ก็เป็นได้ แต่เรื่องการหาคู่ครองนั้นช่างยากเย็นสำหรับเขาเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงดีเพราะโตมาในครอบครัวที่มีแต่ผู้หญิงเขาจึงเรียนรู้พฤติกรรมต่างๆ ของพี่สาวราวกับเขาเองเป็นน้องสาวคนสุดท้องก็ไม่ปาน แต่เมื่อพี่สาวมีครอบครัวภาระการสืบทอดกิจการจึงตกมาที่เขาเพียงคนเดียวความกดดันมากมายไหลมารวมกันในขณะที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัวและสิ่งที่ทุกคนคาดหวังสวนทางกับความฝันของเขาทั้งสิ้นจนครั้งหนึ่งชายหนุ่มเกือบปลิดชีพของตัวเองลง หากไม่มีพิมพ์ชนกผู้เปรียบเหมือนพี่สาวและเพื่อนบ้านในเวลานั้นคอยให้กำลังใจและเตือนสติ อาจไม่มีนายแพทย์กันต์ในวันนี้ก็เป็นได้ 

                    นายแพทย์หนุ่มถูหลังมือกับกรามสากไปมาก่อนชำเลืองมองเวลาบนข้อมือ หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนเขาก็ไม่ได้โผล่ไปที่ห้องของคนป่วยอีกเลยโดยปล่อยให้พิมพ์ชนกเป็นเจ้าของไข้แทนเพื่อกลบกระแสข่าวลือระหว่างนายแพทย์กันต์กับนางพยาบาลสาวที่ชื่อยุพา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อันที่จริงเขาไม่ควรเอาเรื่องของเธอมาใส่ใจด้วยซ้ำแต่เมื่อเห็นแววตาอมทุกข์ของยุพาแล้วเหมือนความรู้สึกบางสิ่งในตัวเขาถูกปลุกให้ตื่น ใช่ ! เขารู้สึกอยากจะปกป้องเธอจากเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้เป็นเช่นนี้มานานแล้วนับแต่วันที่เขาได้แสดงความเข้มแข็งออกมาเพื่อปกป้องพิมพ์ชนกหญิงสาวที่เขารักและเคารพเหมือนญาติคนหนึ่ง

                    “ยังไม่กลับห้องเหรอ” พิมพ์ชนกเอ่ยถามเมื่อเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานหมอหนุ่ม เธอสังเกตเห็นว่าพักหลังมานี้เขาดูไม่ค่อยใส่ใจความเรียบร้อยของผมเผ้าสักเท่าไหร่

                    “อาการเธอเป็นยังไงบ้าง”

                    พิมพ์ชนกยักคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปรกติเมื่อนึกได้ว่ารุ่นน้องหมายความถึงใคร

                    “พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว แต่สภาพจิตใจคงต้องฟื้นฟูต่อไป”

                    “ผมจะไปดูเธอหน่อย” พูดจบหมอกันต์ก็ลุกพรวดทำท่าจะเดินออกไปทันที

                    “แกไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยนะ มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า”

                    “ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเหมือนกัน ตอนแรกผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง จากนั้นผมก็เห็นเธอเป็นผู้หญิงโง่ที่คิดฆ่าตัวตาย...” นายแพทย์หนุ่มก้มมองมือตัวเอง

                    “แล้วตอนนี้ล่ะ”

                    “ไม่รู้สิเจ๊ ผมรู้สึกสงสารเธอ เวลาที่เห็นแววตาของเธอทำให้ผมอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เธอยิ้มได้ คงเป็นเพราะผมเคยสิ้นหวังแบบเธอมาก่อน”

                    “พอเห็นสภาพของคุณยุพาแล้วทำให้มองเห็นตัวเองในอดีตอย่างนั้นใช่ไหม...ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน” พิมพ์ชนกยกมือขึ้นแตะบ่าชายหนุ่มด้วยรู้ซึ้งถึงหัวอกของคนที่เคยพบเจอเรื่องราวเลวร้ายมาคล้ายกัน

                    “แต่ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ทำไมแกต้องเอามาใส่ใจมากขนาดนี้ด้วยถ้าไม่ใช่เพราะว่าแกเกิดสนใจเธอเข้าแล้ว” หมอสาวชี้ทางที่น่าจะเป็นให้รุ่นน้องได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น กันต์ทำหน้าตกใจกับข้อสันนิษฐานของพิมพ์ชนกซึ่งแม้แต่เขาเองยังไม่กล้าคิดเช่นนี้ ทันใดนั้นเขารวบตัวหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับซบหน้ากับไหล่บอบบาง พิมพ์ชนกลูบหลังให้เป็นการปลอบใจเธอรู้ดีว่าน้องชายคนนี้กำลังมีปัญหาให้ขบคิด

                    “ขอบคุณนะเจ๊ ไว้ผมคิดได้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมสัญญาว่าจะเล่าให้เจ๊ฟังเป็นคนแรก” หมอกันต์ยิ้มตาตี่ก่อนผละจากไปปล่อยให้พิมพ์ชนกมองตามด้วยความงุนงง หรือว่าข่าวลือระหว่างทั้งสองคนจะเป็นความจริงขึ้นมาถ้าเป็นเช่นนั้นเธอนึกไม่ออกว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกับน้องชายคนนี้ดี

                    “ผมหึงนะ” เสียงห้วนของหมวดศรุตทำให้พิมพ์ชนกสะดุ้งขณะที่เธอกำลังจะเดินพ้นประตูออกมาแล้ว

                    “อะไรของคุณ” หมอสาวทำหน้าดุ ก่อนเดินนำหน้าเขาไปตามระเบียง

                    “อย่าให้หมอกันต์ทำแบบนี้กับคุณอีกไม่อย่างนั้นผมไม่ไว้หน้าแน่” เขายังใช้น้ำเสียงจริงจังเช่นเดิม

                    “แบบนี้คือแบบไหนคะหมวดช่วยอธิบายด้วยค่ะ” พิมพ์ชนกหันกลับมาเอียงคอถามคนที่จ้องจับผิดเธออยู่ก่อน

                    “แบบในห้องเมื่อกี้ไง ผมไม่ชอบ” หมวดศรุตจ้องหญิงสาวอย่างคาดโทษ แต่พิมพ์ชนกยิ้มขำกับท่าทางดุของชายหนุ่มที่เธอไม่ใคร่จะได้เห็นบ่อยนักซึ่งแสดงว่าเขาคงไม่ได้พูดเล่นอย่างแน่นอน

                    “ยังจะมายิ้มอีก” คราวนี้เขาชักจะไม่ชอบใจหนักกว่าเดิม

                    “โถ...หมอกันต์ก็เหมือนน้องคนหนึ่งค่ะเมื่อก่อนเราก็กอดกันแบบนี้ออกบ่อยไป”

                    “ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย และไม่ได้เป็นน้องแท้ๆ ของคุณด้วย เมื่อก่อนจะเคยกอดกันยังไงก็ช่างแต่ต่อไปนี้ผมกอดคุณได้คนเดียวเข้าใจไหม” หมวดศรุตกอดอกพูดอย่างเอาจริงทำเอาพิมพ์ชนกเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ในความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม

                    “ไม่เข้าใจ” หญิงสาวบอกพร้อมกับเดินหนีเขาดื้อๆ โดยหารู้ไม่ว่าได้แหย่เสือหลับอย่างหมวดศรุตเข้าให้แล้วเพราะพอเธอเดินเลี้ยวตรงมุมตึกเขาก็ใช้ความเร็วอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเปิดประตูทางหนีไฟเข้าไปโดยที่พิมพ์ชนกไม่มีโอกาสได้โต้แย้งแต่อย่างใด

                    “ปล่อยฉันลงไปนะคนบ้า” พิมพ์ชนกดิ้นพล่านขณะที่ใช้มือทุบหลังเขาเป็นการประท้วงแต่แรงของเธอแทบไม่ระคายเขาด้วยซ้ำ

                    “รับปากก่อนสิว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนกอดคุณอีก” เขาคาดคั้นเอาคำตอบแต่คนมั่นใจในตัวเองอย่างพิมพ์ชนกมีหรือจะยอมง่ายๆ

                    “ม่าย...คนเผด็จการ” พิมพ์ชนกตะโกนด้วยความโมโหจากนั้นก็ต้องรีบคว้าเสื้อเขาไว้แน่นเมื่อหมวดศรุตแกล้งหมุนตัวเธอไปรอบๆ หญิงสาวเริ่มหน้าแดงและรู้สึกเหมือนจะอาเจียน

                    “ยะ ยอม แล้ว” ในที่สุดเธอก็ไม่อาจทนบทลงโทษของหมวดศรุตไหว เขาหยุดทันทีที่เธอรับปากและย่อตัวลงเพื่อให้หญิงสาวยืนได้สะดวก พิมพ์ชนกหน้าแดงก่ำเพราะถูกจับห้อยหัวและเซถลาไปด้านหลังทันทีที่เท้าแตะพื้นดีที่หมวดศรุตคว้าเอวไว้ได้ทัน ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อเห็นอาการของเธอและรู้สึกตัวว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ

                    “ผมขอโทษนะ คุณเป็นยังไงบ้าง”

                    “คุณมันบ้า คุณจะฆ่าฉันหรือไง” พิมพ์ชนกเริ่มโกรธเขาจริงจังหลังจากเริ่มตั้งสติได้ หมวดศรุตทำหน้าเศร้าอย่างลุแก่โทษ

                    “ก็ผมทนไม่ได้ที่เห็นคุณกอดกับหมอกันต์นี่นา”

                    “ฉันบอกแล้วไงว่าหมอกันต์เป็นน้อง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดว่าหมอกันต์เหมือนผู้ชายด้วยซ้ำ” พิมพ์ชนกพูดตามความรู้สึกเพราะสำหรับเธอแล้วหมอกันต์เหมือนน้องสาวมากกว่าแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีท่าทางตุ้งติ้งก็ตาม

                    “เขาเป็นผู้ชายผมดูออก” หมวดศรุตสีหน้าจริงจังเมื่อสบกับตาโตของพิมพ์ชนกที่มองมาอย่างไม่เชื่อในคำบอกเล่าของเขานักและทำท่าจะเถียงแต่หมวดศรุตยกมือขึ้นปิดปากเธอไว้เสียก่อน

                    “เป็นผู้ชายเหมือนผม เป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง แต่อาจจะรักสะอาดกว่าผมนิดหน่อย” ประโยคหลังเขาพูดติดตลก พิมพ์ชนกหมั่นไส้จึงทุบกำปั้นเข้าที่หน้าอกกว้างสองสามที

                    “อย่าโกรธเค้าน้า เค้าขอโทษ เค้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มทำท่ากระเง้ากระงอดเมื่อพิมพ์ชนกยังหน้าบึ้งไม่ยอมตลกไปกับมุขของเขา หมอสาวทำหน้าตาบึ้งตึงและใช้ความเงียบตอบโต้กลับไป

                    “เราเลิกกันเถอะค่ะ” พิมพ์ชนกพูดเสียงเรียบพร้อมกับผลักหมวดศรุตออกห่าง ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนลนลานตามหลังหมอสาวที่เดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว

                    “โธ่ ! พิมพ์ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ”

                    พิมพ์ชนกหันกลับมาจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็ง

                    “ทำไมจะพูดไม่ได้...ก็เค้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” พูดจบเธอก็แลบลิ้นใส่เขาก่อนรีบแจ้นออกทางประตูหนีไฟทันที หมวดศรุตได้แต่เข่นเขี้ยวที่โดนเอาคืนอย่างเจ็บแสบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×