ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #35 : ปฏิบัติการณ์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 873
      4
      17 ต.ค. 59

      

                   “สวัสดีค่ะหมวด หายไปไหนมาหลายวันคะ” เสียงพยาบาลวัยกลางคนทักขึ้นอย่างคุ้นเคย เมื่อเห็นหมวดศรุตเดินตรงมาทางพวกเธอซึ่งกำลังซักประวัติคนไข้อยู่ด้านหน้าห้องตรวจที่หน้าประตูติดป้ายชื่อ แพทย์หญิงพิมพ์ชนก  เขาไม่ได้แวะเวียนมาหาเธอหลายวันหลังจากที่ได้รับภารกิจใหม่เวลาที่เคยตรงกันจึงเปลี่ยนไป อีกทั้งสถานที่ทำงานของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

                    “รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยจะมาให้หมอตรวจหน่อยครับ” เขาแกล้งเย้าพยาบาลเล่นเหมือนเช่นเคยซึ่งก็เรียกรอยยิ้มจากทุกคนในที่นั้นทั้งจากพยาบาลและคนไข้

                    “แต่ว่าคุณหมอประจำตัวผู้หมวดไม่อยู่นะคะ ให้พี่ตรวจแทนได้ไหม” พยาบาลคนเดิมว่าด้วยรอยยิ้ม แต่หมวดศรุตไม่นึกขำด้วยตรงที่พิมพ์ชนกไม่อยู่นี่แหละ แล้วนี่เธอจะไปไหนทำไมไม่บอกให้เขารู้บ้าง

                    “อ้าว แล้วหมอพิมพ์เธอไปไหนหรือครับ” หมวดศรุตถามด้วยใบหน้าเหรอหรา และผิดหวัง

                    “คุณหมอลากลับบ้านค่ะ เอ่อ มีผู้ชายคนหนึ่งมารับไปด้วยค่ะท่าทางรีบร้อนเชียว” ท้ายประโยคพยาบาลสาวพูดเสียงแผ่วลงพร้อมกับสังเกตสีหน้าของคนฟังไปด้วย เพราะเธอพอจะรู้เห็นอยู่ว่าหมวดศรุตเทียวไปเทียวมาประจำหากได้ยินเช่นนี้แล้วไม่รู้ว่าเขาจะคิดเช่นไร

                    “เหรอครับ” หมวดศรุตรับคำเสียงเบา ก่อนหันหลังกลับโดยลืมแม้กระทั่งล่ำลาเหล่าพยาบาลสองนางที่ทำหน้าตาห่อเหี่ยวไปกับเขาด้วยพร้อมกับต่อว่ากันไปมาที่ปากไม่ดีพาเสียเรื่อง พวกเธอเองก็แอบลุ้นความสัมพันธ์ของคู่นี้อยู่เช่นกันเพราะเขาและเธอดูเหมาะสมกันทั้งรูปร่างหน้าตา ยิ่งเวลาที่หมวดศรุตมาหาคุณหมอคนสวยก็มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ

     

                    หมวดศรุตนั่งทำหน้าหงอยพิงพนักเก้าอี้เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ปริปากพูดคุยกับใครภายในเซฟเฮ้าส์แห่งนี้เลย ตั้งแต่เขากลับจากโรงพยาบาลเมื่อวันก่อนหมวดศรุตจอมทะเล้นก็ปรับโหมดเป็นคนเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ส่วนอีกด้านหนึ่งไม่ไกลกันนักผู้กองภวินท์นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในขณะที่มือเช็ดอาวุธคู่กายไปด้วยบนโซฟาตัวยาว มีเพียงหมู่สุชาติที่รู้สึกสงสัยในท่าทางของทั้งสองหนุ่มแต่ก็ไม่กล้าปริปากถาม

                    หมู่สุชาติจึงซุ่มเงียบอยู่อีกมุมหนึ่งเช่นกันพร้อมกับรอข่าวจากสายที่ส่งไปซุ่มดูเป้าหมายอยู่ไม่ไกลจากเซฟเฮ้าส์แห่งนี้นัก และแล้วก็ได้เรื่องหมู่สุชาติกระโดดขึ้นยืนเมื่อได้รับข่าวจากอุปกรณ์สื่อสารไฮเทคจากสายของเขาซึ่งคราวนี้เลือกใช้เด็กหนุ่มเป็นนักสอดแนมแทน

                    “ได้เรื่องแล้วครับ หนูออกจากรังแล้ว” หมู่สุชาติยืนตรงรายงานเรียกสติของทั้งสองหนุ่มให้กลับคืนมาทันที ผู้กองภวินท์เก็บปืนพกสั้นเข้าซองใต้ชายโครงข้างขวาเพราะเขาถนัดซ้าย ก่อนคว้าเสื้อคลุมแขนยาวสีกรมท่าขึ้นสวมทับเสื้อกล้ามสีขาวอีกที

                    “เปลี่ยนแมวตัวใหม่ตามดูไปก่อน หมู่สุชาติอยู่ที่นี่รอฟังคำสั่ง อ้อ แจ้งสารวัตรด้วย ” ผู้กองภวินท์สั่งเสียงเรียบก่อนลุกจากที่นั่งเตรียมพร้อมออกปฏิบัติการ

                    “ผมไปด้วยครับ” หมวดศรุตเช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนสาวเท้าตามผู้กองหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาต่างก็รอเวลานี้มานานแล้ว คราวนี้ทุกอย่างจะต้องไม่มีคำว่าพลาดเพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เห็นในภารกิจนี้

     

                    หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนนางดวงฤทัยก็ไม่เห็นผู้กองภวินท์มาวนเวียนหาปราณปรียาอีกเลย แม้ว่านางเองจะไม่ชอบใจนักที่ผู้กองหนุ่มทำให้นางเข้าใจผิดจนต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวแต่เมื่อสังเกตจากท่าทีของบุตรสาวแล้วดูไม่ร่าเริงอย่างที่เคยและท่าทางที่แสดงออกกับสารวัตรอาเขตก็ช่างห่างเหินเกินไป

                    “เห็นทีแม่คงต้องกลับแล้วหละยายหนู” นางเปรยขึ้นขณะนั่งมองปราณปรียาถอนหญ้ารอบต้นไม้หลังบ้านพัก ปราณปรียาชะงักมือที่กำลังทำงานทันทีก่อนลุกเดินไปล้างมือที่ก็อกน้ำและกลับมานั่งข้างกันกับมารดาบนม้าโยกสีขาวตัวยาว

                    “อ้าว ทำไมรีบกลับคะ อย่างนี้ต่ายก็ไม่มีเพื่อนแล้วสิคะ” ปราณปรียาทำหน้าหงอยพร้อมกับกุมมือมารดาไว้ทั้งสองข้าง นางดวงฤทัยพลิกมือกลับเพื่อกุมมือลูกสาวแทนและมองหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

                    “ถ้าเหงาก็กลับไปอยู่บ้านเราสิ หรือถ้ายังอยากรับราชการอยู่ก็ย้ายเข้ากรมเข้ากระทรวงไปก็ได้” นางรีบชี้ช่องทางทันทีเมื่อมีโอกาส

                    “ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้อีกนะคะ” หญิงสาวทำเสียงเหนื่อยใจ

                    “เฮ้อ ก็เผื่อว่าเราจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยตาเขตก็อยู่ใกล้ๆ แม่ก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อย” นางดวงฤทัยทำหน้าตาโล่งอกเมื่อเอ่ยถึงสารวัตรหนุ่มที่ตั้งแต่มาเขาก็คอยมาดูแลอำนวยความสะดวกให้สองแม่ลูกทุกอย่าง

                    “อุ่นจนร้อนเลยหละ” ปราณปรียาพึมพำคนเดียวเมื่อนึกถึงสารวัตรหนุ่มขึ้นมา ถึงแม้ว่าช่วงหลังนี้เขาจะไม่ค่อยแสดงท่าทางบงการออกคำสั่งหรือเกรี้ยวกราด แต่เธอก็รู้สึกว่าไม่สนิทใจกับพฤติกรรมอันเปลี่ยนไปของเขาเสียเลย นี่ถ้าไม่สนิทกันทั้งครอบครัวมาแต่ไหนแต่ไรปราณปรียาเองก็นึกอยากจะบอกให้เขารู้ถึงความอึดอัดของเธอเหมือนกัน หญิงสาวปรับสีหน้าจากอาการเซ็งมาสนใจมารดาของเธอต่อ

                    “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปทานอาหารร้านอร่อยก่อนกลับแล้วกันนะคะ รอพี่โต้งไปพร้อมกันด้วย”

                    “ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่มาอยู่กับเราแม่ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย” นางดวงฤทัยมีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาหน่อย โชคดีที่บุตรสาวของเธอมีเพื่อนบ้านที่น่ารักอย่างดาวประกายคอยดูแลแทบจะทุกเรื่อง นอกจากนั้นยังมีสารวัตรอาเขตมาอยู่ใกล้อีกคนนางจึงเบาใจลงไปบ้าง แต่ผู้กองภวินท์นี่สิจะทำอย่างไรให้ห่างจากปราณปรียาได้เพราะนางรู้สึกไม่ชอบความนิ่งเงียบของอีกฝ่ายเอาเสียเลย

                    “ต่ายโทรหาพี่โต้งเลยนะคะ ต้องแจ้งคุณชายล่วงหน้าไม่อย่างนั้นเธอจะโวยเอาค่ะ” ปราณปรียาแอบแขวะพี่ชายจอมเนี้ยบของตัวเอง นางดวงฤทัยได้แต่ส่ายหน้ากับพี่น้องคู่นี้แต่เห็นทั้งสองรักใคร่กันดีนางก็มีความสุข

     

                    ดาบเรืองจอดรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ของเขาไว้ที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่งในหมู่บ้านริมฝั่งโขง ก่อนเดินลัดเลาะไปทางหลังร้านตามทางเล็กๆ ที่ไม่น่าจะเป็นหนทางสัญจรของคนทั่วไป วันนี้ท่าทางของดาบเรืองดูรีบร้อนผิดปกติและเพราะความรีบร้อนนี่เองที่ทำให้เขาขาดความระแวดระวัง

                    ประตูรถด้านหลังถูกเปิดออกพร้อมกับกนกวลีที่เพิ่งมุดหัวออกมาจากที่ซ่อน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะรอดพ้นสายตาคมของผู้เป็นบิดาไปได้เพียงแค่เธอแอบอยู่ด้านหลังเสื้อคลุมตัวใหญ่หลังเบาะคนขับ เรียกได้ว่าหายใจแทบรดต้นคอกันเลยทีเดียว สาวน้อยรีบสาวเท้าตามบิดาไปอย่างว่องไวมิเช่นนั้นแล้วเธออาจจะคลาดกับเขาได้ วันนี้เธอหมายมาดไว้ในใจแล้วว่าจะต้องจับเมียน้อยของบิดาให้ได้คาหนังคาเขา

                    “เวรแล้ว” จ่าสมยศสบถอย่างหัวเสียเมื่อหนูตัวที่เขาตามอยู่ดันมีลูกน้อยติดมาด้วย ดีไม่ดีงานนี้อาจจะพังไม่เป็นท่าอีก เขารีบส่งข่าวความคืบหน้าอย่างไม่รอช้าเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป

                    ดวงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าจมหายลงไปในแม่น้ำโขงที่ระดับน้ำเริ่มลดลงบ้างแล้ว ดาบเรืองเดินมาโผล่ที่หน้ารั้วบ้านไม้ยกสูงหลังใหญ่ด้านล่างก่ออิฐขึ้นมาโดยรอบทำให้เป็นเหมือนบ้านสองชั้นสภาพดูกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางดงกล้วย ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร คือท่าน้ำขนาดใหญ่สามารถจอดเรือหรือแพขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว เขาหันซ้ายแลขวาก่อนยกมือขึ้นเป่าสองครั้งติดๆ กันไม่นานประตูรั้วเหล็กทึบสูงก็เปิดออกโดยหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งกายเหมือนนักร้องห้องอาหารอายุน่าจะราวๆ สามสิบต้น ก่อนที่จะถลาเข้ามาคล้องแขนดาบเรืองให้รีบก้าวเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ประตูเหล็กปิดตามหลังแต่ไม่สนิทดีนัก กนกวลีที่รอจังหวะอยู่รีบแทรกตัวตามเข้าไปทันทีที่คล้อยหลังคนทั้งสอง

    “กรี๊ด !” เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นท่ามกลางความเงียบของดงกล้วยก่อนที่กนกวลีจะไม่รับรู้อะไรอีกเลยและล้มพับลงกับที่ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำยกปืนมันปลาบขึ้นเล็งไปทางเหยื่อแต่ดาบเรืองเข้าห้ามไว้ได้ทัน

    “เดี๋ยว ! นี่ลูกสาวฉันเอง”

    “แล้วตามมาถึงนี่ได้ยังไงกันพี่” หญิงสาวนางนั้นถามขึ้นอย่างฉงน

    “ทำไมถึงพามาด้วย ถ้าพ่อรู้ต้องไม่ปลื้มแน่” ชายหนุ่มเก็บปืนกลับเข้าที่ก่อนทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่มีคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา

    “อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยน่า เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” ถึงจะไม่พอใจท่าทางของไอ้หนุ่มรุ่นลูกแต่ก็ต้องยอมอ่อนข้อไปก่อนมิเช่นนั้นเขาเองก็ไม่อาจจะรับประกันความปลอดภัยของบุตรสาวได้ เมื่ออีกคนทำเป็นหันหน้าหนีอย่างเสียมิได้ก่อนเดินไปจากตรงนั้น

    “ถ้าอย่างนั้นฉันไปรอข้างในนะพี่” แม่นักร้องสาวจีบปากจีบคอพูดก่อนเดินกลับไปยังบ้านไม้หลังนั้นดาบเรืองอุ้มกนกวลีขึ้นพาดบ่าพาเดินลัดเลาะไปไม่ไกลจากตรงนั้นนัก เขาผลักรั้วสังกะสีที่กั้นอยู่ทะลุเข้าไปอีกส่วนหนึ่งของดงกล้วยอย่างง่ายดายตรงไปยังกระท่อมน้อยที่ปลูกแทรกอยู่ระหว่างดงกล้วย ซึ่งหากไม่สังเกตให้ดีก็ยากที่จะมองเห็นและยิ่งในเวลาโพล้เพล้เช่นนี้มันดูกลมกลืนกับสรรพสิ่งรอบข้างอย่างเข้ากันดี คงอีกหลายชั่วโมงกว่าบุตรสาวของเขาจะฟื้นซึ่งถือว่าโชคยังดีที่เพียงสลบไป

    “อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็แล้วกัน” เขาจัดการวางบุตรสาวลงบนสื่อในกระท่อมน้อยแล้วรีบปิดประตูก้าวยาวๆ ตรงไปยังเรือนไม้สองชั้นอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นห่วงความปลอดภัยของกนกวลีแต่เขาไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้วในยามนี้ ดาบเรืองนับว่าเดินมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับทางเดิม

    ผู้กองภวินท์และหมวดศรุตตามมาสมทบเมื่อความมืดได้เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะรู้พิกัด แต่ที่ยังไม่สามารถลงมือได้เพราะต้องรอให้มีความเคลื่อนไหวเสียก่อน และหากไม่มีอะไรผิดพลาดวันนี้พวกเขาจะต้องล้มช้างให้ได้ ทั้งสามเดินลัดเลาะริมคลองอย่างระมัดระวังมิเช่นนั้นอาจจะลื่นไถลตกน้ำได้ นับว่าเจ้าของบ้านฉลาดพอดูที่ขุดคลองรอบรั้วของตัวเองเหมือนการขุดคลองรอบประตูเมืองในสมัยเก่า และยังล้อมรั้วสังกะสีทึบสูงจนคนภายนอกไม่สามารถมองผ่านเข้าไปด้านในได้อีกด้วย

    “น้องนกไม่รู้เป็นไงบ้าง ผมไม่กล้าเข้าไปช่วยกลัวแผนแตกเสียก่อน” จ่าสมยศกระซิบกระซาบบอกเพราะสรรพเสียงรอบข้างเริ่มเงียบลงเมื่อความมืดของราตรีเข้าปกคลุม

    “ดาบเรืองคงไม่ทำร้ายลูกตัวเองได้ลงคอหรอก” หมวดศรุตสรุปอย่างสมเหตุสมผล และทุกคนหวังให้เป็นเช่นนั้น พวกเขาเดินอย่างเงียบเชียบและเบาที่สุดโดยมีจ่าสมยศนำทางเนื่องจากเขาถูกส่งมาสำรวจสถานที่และหาช่องทางเข้าไปด้านใน จนเมื่อจ่าสมยศหยุดยืนใต้ต้นมะขามซึ่งใหญ่โตแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมรอบบริเวณนั้นและยังกินอาณาเขตพ้นรั้วสังกะสีเข้าไปพอสมควร จ่าสมยศไม่รอช้ารีบปีนป่ายขึ้นไปบนต้นมะขามทันทีโดยมีสองหนุ่มมองตามหลัง

    “ทางสะดวกครับ” จ่าสมยศพูดเสียงเบาแต่เพราะความเงียบทั้งสองหนุ่มด้านล่างจึงได้ยินชัดเจน

    “อย่าบอกนะว่าจะให้ปีนต้นมะขามข้ามไป” หมวดศรุตทำหน้าเครียดพร้อมกับหันไปขอความเห็นจากผู้กองภวินท์ที่ยืนเงียบอยู่ ผู้กองหนุ่มยักไหล่ก่อนปีนตามจ่าสมยศขึ้นไป หมวดหนุ่มได้แต่ทำหน้าเซ็งจัดเพราะเขาไม่สันทัดเรื่องปีนต้นไม้เอาเสียเลย

    “ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” เขาสบถอย่างหัวเสียและรีบตามสองหนุ่มไปอย่างทุลักทุเลและจังหวะที่กำลังจะปล่อยตัวลงกิ่งมะขามที่เขาเกาะอยู่เกิดหักเสียก่อน ทำให้หมวดศรุตต้องลงไปนอนจุกครางหงิงๆ ที่พื้นแทน

    “เบาหน่อยเดี๋ยวพวกมันได้แห่กันมาหมด” ผู้กองภวินท์เอ็ดเสียงเขียว หมวดศรุตจึงต้องรีบลุกขึ้นอย่างไวทั้งที่ยังจุกไม่หาย จ่าสมยศอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้มล้อเลียนผู้หมวดหนุ่ม

    “พวกมันนัดส่งของกันวันนี้แน่นะจ่า” ผู้กองหนุ่มหันไปสอบถามความแน่ชัดจากจ่าสมยศอีกครั้ง เพราะสังเกตจากบรรยากาศรอบด้านที่วังเวงเกินไปทำให้เขาชักไม่มั่นใจ จ่าสมยศเองก็สงสัยเช่นกันแม้ว่าดงกล้วยจะขึ้นรกจนแน่นขนัดแต่อย่างน้อยก็ต้องมีแสงไฟจากท่าน้ำเล็ดลอดมาให้เห็นบ้าง

    “สายรายงานมาว่าอย่างนั้นนะครับ หรือพวกมันจะเปลี่ยนแผน”

    “หรือเกลือจะเป็นหนอนอีก” หมวดศรุตโพล่งขึ้นมาบ้าง ทันใดนั้นผู้กองภวินท์ก็ยกมือขึ้นให้ทุกคนเงียบ เขาเงี่ยหูฟังเพื่อความแน่ใจก่อนทำสัญญาณมือให้ทุกคนหาที่กำบังและทั้งหมดแยกย้ายกันหลบตามกอกล้วยอย่างรวดเร็ว

    เสียงฝีเท้าที่บ่งบอกถึงจำนวนคนไม่น้อยดังใกล้เข้ามาทุกทีพวกเขาน่าจะมีมากกว่าสองคนขึ้นไป ไม่นานก็ปรากฏเงาตะคุ่มของชายฉกรรจ์คนเมื่อหัวค่ำกำลังเดินนำหน้าสตรีสูงวัยสามนางซึ่งจากการแต่งกายแล้วน่าจะเป็นคนมีอันจะกินทั้งหมด ฝ่ายผู้บุกรุกกระชับอาวุธในมือแน่นเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจคาดไม่ถึง อีกเพียงนิดเดียวก่อนที่จะเกิดการปะทะอันดุเดือดพวกเขาก็เดินเลี้ยวหลบไปอีกทาง จ่าสมยศถอนหายใจอย่างโล่งอกมิใช่เพราะกลัวอันตรายแต่เป็นเพราะเขากลัวว่าภารกิจจะล้มเหลวไปเสียก่อน

    “เอาไงดีครับเจ้านาย”

    “ลองตามไปก่อนเผื่อได้เบาะแสเพิ่มเติม” ผู้กองภวินท์กระซิบสั่ง

    ทั้งสี่คนเดินอย่างชำนาญลัดเลาะดงกล้วยตรงไปทางบ้านสองชั้นที่ในเวลานี้มีแสงสว่างจากไฟฟ้า เล็ดลอดออกมา ส่วนด้านนอกยังคงมืดมิดมีเพียงแสงสลัวจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่คอยนำทางให้ก่อนที่พวกเขาจะหายเข้าไปในหลังบ้านหลังนั้น ผู้กองภวินท์ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดรอดูท่าทีเสียก่อน และหาที่กำบังจากสายตาของฝ่ายตรงข้ามซึ่งไม่รู้แน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าใด แต่ที่แน่ๆ มีเวรยามคอยเดินเฝ้ารอบบริเวณบ้านหลังนั้นประมาณสามสี่คนได้

    “ตามที่สายรายงานบอกว่าพวกมันใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ซ่องสุมเล่นการพนันด้วยครับ และวันนี้พวกมันก็นัดส่งของ น่าจะมาทางเรือ” จ่าสมยศรายงานเพิ่มเติม

     “แล้วทำไมเราไม่ไปดักที่ท่าน้ำหละจ่า จะปีนต้นมะขามเข้ามาให้วุ่นวายทำไมกัน” หมวดศรุตยังติดใจกับกิ่งมะขามไม่หาย

    “โธ่หมวดก็ ถ้ามันไปได้ผมก็พาไปแล้วสิครับ ก็พวกมันล้อมรั้วกั้นทางลงไว้หมดแล้วมีทางเดียวคือต้องลงจากตรงนี้เท่านั้นแหละครับ อีกอย่างเวรยามแถวนั้นไม่ค่อยมีด้วย”

    “อย่างนี้เราก็ปิดประตูตีแมวมันซะเลย จริงไหมพี่”

    “มันจะไม่ใช่อย่างนั้นนะสิ นายคิดดูว่ามันจะโกลาหลแค่ไหนถ้านักพนันพวกนั้นวิ่งหนีตำรวจ เราคงทำงานลำบากขึ้นอีกเท่าตัว” ผู้กองหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด

    “จ่า ขอกำลังเสริมทางน้ำเฝ้าหัว เฝ้าท้ายใครเข้าออกบริเวณนี้คงต้องจับให้หมด” ผู้กองภวินท์ออกคำสั่งอีกครั้ง

     

    ปราณปรียานั่งมองมารดาที่กำลังคุยจ้ออยู่กับสารวัตรหนุ่มบนโต๊ะอาหารสลับกับมองอาหารในจานของตัวเองที่ถูกเจ้าตัวเขี่ยไปมาหลายรอบแต่ไม่ยักตักเข้าปากเสียที ดูเถอะสารวัตรอาเขตช่างหาเรื่องมาชวนมารดาของเธอคุยได้ไม่ขาดปากเสียจริง เธอแทบจะไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันบ้างเพราะมัวแต่นึกถึงชายหนุ่มอีกคน ครั้นจะกดโทรศัพท์หาก็กลัวว่าเขากำลังทำงานอยู่สิ่งที่ทำได้คือรอและรอเท่านั้น

    “น้องกระต่ายครับ กับข้าวร้านนี้ไม่ถูกปากหรือครับ” สารวัตรหนุ่มถามขึ้นมาทำให้เธอต้องชะงักพฤติกรรมที่ทำอยู่

    “เปล่าค่ะ พอดีต่ายไม่ค่อยหิวเลยทานเยอะไม่ได้”

    “อ้าว ก่อนมายังบอกว่าหิวข้าวจนไส้จะขาดอยู่เลย เรานี่ยังไงกันยายหนู” นางดวงฤทัยท้วงขึ้นอย่างไม่ได้ไว้หน้าบุตรสาวเลย ปราณปรียาแอบคิดในใจ ก็นั่นมันก่อนที่จะรู้ว่าสารวัตรอาเขตจะมาด้วยนี่นาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจทำหน้ามุ่ย โชคดีที่โทรศัพท์ของสารวัตรหนุ่มดังขึ้นก่อนที่เธอจะโดนซักไซ้ไปมากกว่านี้ เขาขอตัวเดินออกไปคุยก่อนกลับมาด้วยสีหน้าเครียดเล็กน้อย

    “เอ่อ ต้องขอโทษคุณอาด้วยนะครับพอดีมีงานด่วนเข้ามา ถ้าทานกันเสร็จแล้วผมขออนุญาตไปส่งที่บ้านเลยนะครับ”

    “ไม่เป็นไรจ้ะ อากับน้องเรียบร้อยพอดี ที่จริงตาเขตไม่ต้องไปส่งก็ได้ รีบไปทำงานเถอะจ้ะ”

    “ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่วางใจหากดูแลคุณอากับน้องกระต่ายไม่ดีพอ”

    “โถ พ่อคุณ” นางดวงฤทัยรู้สึกว่าดูคนไม่ผิดจริงๆ คนอย่างนี้สิถึงจะดูแลบุตรสาวของนางได้ ไม่เข้าใจเลยว่าผู้กองหนุ่มมาดเซอร์คนนั้นมีอะไรดีกว่าสารวัตรอาเขตผู้แสนจะเป็นสุภาพบุรุษคนนี้ได้ ในที่สุดสารวัตรอาเขตก็ไปส่งสองแม่ลูกตามที่เขาได้ลั่นวาจาไว้ทั้งที่ใจจริงแล้วปราณปรียาอยากพามารดาเดินเล่นกินลมชมวิวริมโขงสักหน่อยก่อนกลับ แต่ก็นั่นแหละเมื่อมารดาของเธอเห็นดีเห็นงามไปด้วยมีหรือที่เธอจะขัดได้ แม้ว่าเขาจะมีสีหน้าเป็นกังวลและดูรีบร้อนแต่ก็ยังดันทุรังที่จะดูแลทั้งสองจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย

    “มีอะไรหรือเปล่าคะ ดูพี่เขตรีบร้อนจัง” ปราณปรียาเอ่ยถามขณะที่เดินมาส่งสารวัตรอาเขต เขายิ้มดีใจเมื่อนึกเข้าข้างตัวเองว่าหญิงสาวเป็นห่วงความรู้สึกของเขาด้วย

    “เรื่องงานนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เขาบอก หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างงวยงง

    “เอ่อ ผู้กองภวินท์ไปด้วยไหมคะ”

    สารวัตรอาเขตถึงกับหน้าชาเมื่อสิ่งที่เขาเข้าใจเอาเองแต่ต้นผิดถนัด ที่แท้แล้วปราณปรียาไม่ได้ห่วงใยในตัวเขาสักนิด คนที่เธอห่วงคือผู้กองภวินท์นั่นต่างหาก เขาอือออรับในลำคออย่างเสียมิได้ก่อนรีบขอตัวจากไปอย่างรวดเร็วแม้ดูเหมือนว่าปราณปรียายังคงเหลือคำถามเกี่ยวกับผู้กองหนุ่มอยู่อีกมาก

    *********************************************************************************************

    มาแว้วคร้าบ อย่างช้า แฮ่ ๆ ๆ

    อย่าว่ากันน้า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×