ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #32 : คนเคยคุ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      3
      6 ก.ย. 59


     
    สารวัตรอาเขต ประมาณนี้นะคะ



     ส่วนเจ้าลูกหนูหน้าตาประมาณนี้ค่ะ 

    ***************************************************************************


                    เย็นวันหนึ่งขณะที่ปราณปรียากำลังถอนหญ้ารอบต้นมะลิซ้อนและต้นดอกรักอยู่หลังบ้านโดยมีดาวประกายซึ่งท้องเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัดเจนนั่งให้กำลังใจอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกตัวยาวสีขาวและมีเจ้าลูกหนูคอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่างกัน

                    “คราวนี้พี่วินไปกี่วันแล้วคะน้องต่าย” ดาวประกายชวนคุยไปเรื่อยตามประสาคนชอบจ้อ ส่วนปราณปรียาก็ก้มหน้าก้มตาทำงานแต่ก็ยังส่งเสียงตอบกลับมา

                    “จะสองอาทิตย์แล้วค่ะ แต่ก็ส่งข่าวมาตลอด” ปราณปรียาถอนหายใจเธอไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยจริงๆ เมื่อก่อนปราณปรียาแทบจะไม่รู้จักความรู้สึกของการรอคอยด้วยซ้ำเพราะเธอคือหนึ่งเดียวในบ้านและทุกคนให้ความสำคัญกับเธอเป็นคนแรกเสมอ ไม่เคยต้องร้องขอก็มีคนจัดการหามาให้ นี่กระมังที่เขาว่าที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์ ทุกข์จากความคิดถึง ทุกข์จากการรอคอย

                    “เหงาไหมคะ” สาวรุ่นพี่ถามเสียงหงอยลงมา ปราณปรียานิ่งไปก่อนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแสร้งร่าเริง

                    “ไม่เหงาหรอกคะ ช่วงนี้งานเยอะด้วยไม่ค่อยมีเวลาได้เหงาเลย” แต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง

                    “เมื่อก่อนพี่เองก็ต้องรอแบบนี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าวันไหนพี่สมยศจะกลับ กระทั่งตอนที่อยู่ด้วยกันก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องออกปฏิบัติหน้าที่เวลาไหน นานเข้าก็พาลหาเรื่องทะเลาะกันบ้างหละ ตอนนี้ดีหน่อยที่เปลี่ยนมาเป็นสายตรวจมีเวลามาเวลาไปที่แน่นอน พี่เองก็ไม่ต้องทำกับข้าวคอยเก้ออีก” ดาวประกายร่ายประสบการณ์เสียยาวเหยียด

                    “งานนี้ผู้กองเขาตั้งใจมากนี่คะต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด กลัวพลาดเหมือนคราวที่แล้ว”

                    “พี่วินเขาเป็นคนทุ่มเทเรื่องงานมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ อีกอย่างคงเป็นห่วงลูกน้องไม่อยากให้ใครได้รับอันตรายจนบางทีตัวเองก็ยอมเจ็บเพื่อช่วยลูกน้องก็มี” ดาวประกายเล่าเรื่องราวคราวก่อนหลังให้กับสาวรุ่นน้องฟังเพื่อจะได้เข้าอกเข้าใจการทำงานของผู้กองหนุ่มมากขึ้น

                    “ก็ดีแล้วนี่คะ ถ้าเป็นต่ายเองก็คงจะห่วงลูกน้องเหมือนผู้กองนั่นแหละค่ะ” ปราณปรียามีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกถึงความมีน้ำใจของภวินท์

                    “จะดีกว่านี้ค่ะถ้าเป็นห่วงตัวเองเพิ่มมาอีกสักคน แต่จะว่าไปถ้าไม่ได้พี่วินป่านนี้พี่สมยศเองก็ไม่รู้จะเป็นยังไง เจ้าตัวเล็กก็ไม่รู้จะได้เกิดมาหรือเปล่า” สาวรุ่นพี่ลูบท้องตัวเองพลางส่งยิ้มให้กับปราณปรียาที่กำลังเดินมานั่งข้างเธอ หลังจากที่ทำงานของตัวเองเสร็จเรียบร้อย และยังไม่ทันที่ทั้งสองสาวจะได้พูดจากันอีกประตูห้องพักข้างกันก็เปิดออกพร้อมกับหมวดศรุตโผล่หน้าออกมายิ้มแป้น

                    “อ้าวหมวดย้ายห้องเหรอคะ” ดาวประกายทักขึ้นมาก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร

                    “เปล่าครับ พอดีท่านสารวัตรย้ายมารับตำแหน่งใหม่จากกรุงเทพฯ โน่นแหนะ ” หมวดศรุตแจ้งให้ทราบแถมพูดเหมือนโฆษณาขายของก็ไม่ปาน และนาทีต่อมาก็ปรากฏโฉมหน้าของผู้มาใหม่

                    “นี่สารวัตรอาเขตครับจะมาพักห้องข้างๆ น้องกระต่ายยังไงก็ฝากดูแลด้วยนะครับ” สารวัตรหนุ่มนามว่าอาเขตทำเอาปราณปรียาถึงกับอึ้งไปชั่วครู่แต่หาใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้คนข้างๆ นั่นหรอก สารวัตรอาเขตส่งยิ้มให้สาวท้องป่องพร้อมกับยักคิ้วมาทางหญิงสาวอีกคนที่ยังทำตาโตผิดกับเขาที่ไม่ได้มีท่าทางแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด

                    “สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักรวมๆ และหันมาหยุดที่ใบหน้าสวยหวานของปราณปรียา

                    “มะ มาได้ไงคะ” ปราณปรียาเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอก่อนถามออกไป ทำให้หมวดศรุตและดาวประกายมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

                    “อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอครับ” หมวดศรุตรีบหาคำตอบให้กับตัวเองทันที

                    “ค่ะ” ยิ่งกว่ารู้จักอีก ปราณปรียายิ้มแห้งส่งให้หมวดศรุตพร้อมกับนึกถึงความยุ่งยากของตนที่จะตามมาพร้อมกับการมาของสารวัตรอาเขตพี่ชายของอ้อมจันทร์เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ว่ายิ่งกว่ารู้จักเพราะครั้งหนึ่งชายหนุ่มผู้นี้เคยอยากสานความสัมพันธ์แบบสนิทชิดเชื้อกับเธอมาก่อน แต่ปราณปรียาเมื่อครั้งนั้นยังไม่คิดเรื่องหนุ่มสาวมีเพียงเรื่องเรียนและกิจกรรมเท่านั้นที่เธอให้ความสนใจ ประกอบกับพี่ชายจอมหวงที่คอยสกัดกั้นไม่ให้หนุ่มคนไหนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเธอจนถึงขั้นสนิทสนม ยกเว้นผู้ชายคนนี้ที่นอกจากเป็นพี่ชายเพื่อนแล้วยังเป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกันมาก่อน

                    หมวดศรุตลอบสังเกตอาการของสารวัตรหนุ่มและปราณปรียาเพื่อประเมินสถานการณ์ซึ่งหากเขาไม่คิดไปเองสารวัตรอาเขตต้องมีวาระแอบแฝงในการมาช่วยราชการครั้งนี้เป็นแน่ เห็นทีผู้กองภวินท์จะมีคู่แข่งที่สูสีสมน้ำสมเนื้อก็คราวนี้

                    “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คนมาทำความสะอาดห้องก่อนดีไหมครับ ไว้เสร็จแล้วสารวัตรค่อยเข้ามาอยู่ ระหว่างนี้ไปพักที่โรงแรมแถวนี้สักคืนก่อนดีไหมครับ” หมวดศรุตเสนอความคิดเห็นตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้กำกับให้เป็นฝ่ายจัดหาสถานที่สำหรับแขกพิเศษ

                    “หมวดจัดการให้ผมตอนนี้เลยได้ไหม ผมไม่อยากย้ายของหลายรอบ” สารวัตรหนุ่มใจร้อนไม่ทันไรก็ออกคำสั่งเสียแล้วมีหรือที่ผู้น้อยอย่างเขาจะขัดได้

                    “ถ้าตอนนี้คงต้องเป็นผมแล้วหละครับเพราะไม่มีใครพอที่จะว่างได้เลย”

                    “เดี๋ยวพี่ดาวช่วยเก็บกวาดให้ดีกว่าค่ะ หมวดเป็นผู้ชายคงไม่ถนัด” ดาวประกายรีบเสนอความช่วยเหลือ ปราณปรียาเองก็อาสาช่วยอีกคนมีอย่างที่ไหนจะให้คนท้องทำงานแทนคนปกติ

                    “ต่ายทำให้เองค่ะพี่ดาวไม่ต้อง กำลังท้องกำลังไส้เดี๋ยวลื่นล้มมาจะแย่” ว่าแล้วก็เข้าไปหยิบไม้กวาดในห้องออกมาเตรียมพร้อม หากเธอไม่อาสาก็คงไม่แคล้วดาวประกายหรือไม่ก็หมวดศรุตเป็นแน่

                    “น้องต่ายไม่ต้องหรอกครับ พี่วินได้เตะผมตายกันพอดี” หมวดศรุตเอ่ยล้อปราณปรียาโดยไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อนหรือไม่พอใจออกมาแต่อย่างใด สารวัตรอาเขตที่ทนยืนฟังอยู่สักพักจึงต้องเป็นคนตัดสินใจให้

                    “มัวเถียงกันอยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จกัน ให้หมวดศรุตเป็นคนทำนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว น้องกระต่ายไม่ต้องลำบากหรอกครับ พอยายอ้อมรู้ว่าพี่จะมาทำงานที่นี่ก็เกณฑ์ซื้อของฝากมาเต็มกระเป๋าเลยพี่ว่าเราไปดูของฝากกันดีกว่าครับ ทางนี้ก็ปล่อยหมวดเขาทำไป” เพราะความเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ของเขากระมังปราณปรียาถึงไม่เคยให้ความสนใจในตัวผู้ชายคนนี้นอกจากเคารพในฐานะพี่ชายของเพื่อนเท่านั้น

                    “เอาไว้ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วค่อยดูก็ได้ค่ะ หมวดศรุตเองก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของต่ายเพราะฉะนั้นการที่จะช่วยพี่ชายทำงานเล็กๆ น้อยๆ คงจะไม่เสียหายอะไรใช่ไหมคะ” ปราณปรียาสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจจนคนฟังสัมผัสได้ว่าเขาพลาดอย่างแรงที่แสดงท่าทางวางอำนาจต่อหน้าเธอ

                    ปราณปรียาไม่รอฟังคำตอบจากสารวัตรหนุ่มอีกเธอตรงเข้าไปทำความสะอาดห้องช่วยหมวดศรุตทันที ส่วนดาวประกายก็รีบตามหลังไปติดๆ ปล่อยให้ผู้มาใหม่ยืนมึนพูดไม่ออก เขาคงต้องศึกษาข้อมูลนิสัยใจคอของปราณปรียาจากน้องสาวเพิ่มเติมเสียแล้วมิเช่นนั้นอาจกระทำการที่ไม่เป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวได้อีก แต่ปราณปรียาที่เขาเคยรู้จักไม่น่าจะเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้

                    เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันไม่นานห้องพักก็สะอาดขึ้นพร้อมที่จะเข้าอยู่ได้เลย หมวดศรุตกับปราณปรียาถึงกับหมดแรงและสภาพดูไม่ได้หัวหูฟูฟ่องพอหันมองหน้ากันทั้งสองก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันซึ่งภาพนั้นไม่เป็นที่สบอารมณ์ของสารวัตรอาเขตสักเท่าใด แต่เขารู้ดีว่าในตอนนี้คงทำได้เพียงอยู่เฉยๆ เท่านั้น

                    “เรื่องนี้เห็นทีต้องปิดเป็นความลับ มิเช่นนั้นแล้วชีวิตน้อยๆ ของหมวดศรุตต้องจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้” หมวดศรุตทำหน้าตาเศร้าสร้อยประกอบคำพูด ซึ่งดูอย่างไรก็เป็นการเสแสร้งชัดๆ ดังนั้นปราณปรียาจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบอย่างห้ามไม่อยู่ ดาวประกายที่ปลีกตัวไปเตรียมข้าวปลาอาหารไว้รอท่าตามคำขอร้องของปราณปรียาเดินกลับมาเห็นสภาพของทั้งสองก็ได้แต่ส่ายหน้า พลันชำเลืองสายตาไปทางสารวัตรหนุ่มที่นั่งหน้าขรึมอยู่บนม้าโยกตัวยาวแล้วก็ต้องเบ้ปาก คนอะไรหน้าตาก็ดีอยู่หรอกแต่ติดจะเจ้ายศเจ้าอย่าง แบ่งชนชั้นวรรณะช่างผิดจากผู้กองภวินท์ของเธอเสียจริง

                    “กับข้าวเสร็จแล้วนะคะไปล้างหน้าล้างตามาทานกันเถอะค่ะเลยเวลามามากแล้ว” ดาวประกายอดนับถือน้ำใจผู้หญิงตัวเล็กต่างบ้านต่างเมืองคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ  

                    “ขอบคุณสวรรค์ เจ๊ดาวนี่ช่างรู้ใจผมเสียจริงหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว งั้นเดี๋ยวผมมานะครับอย่าเพิ่งกินหมดหละ” ว่าแล้วก็รีบแจ้นกลับห้องของตัวเองอย่างไว ปราณปรียาและดาวประกายส่งเสียงหัวเราะขบขันตามหลังไปเช่นกันจากนั้นจึงเดินกลับมายังห้องของตัวเอง

                    “ท่านสารวัตรจะเก็บของก่อนก็ได้นะคะเสร็จแล้วค่อยมาทานข้าวด้วยกัน” ปราณปรียาเชื้อเชิญเพื่อนบ้านตามมารยาท แต่สรรพนามที่เรียกขานช่างดูห่างเหินเหลือเกินจนอาเขตเองรู้สึกใจเสียขึ้นมา

                    “พี่ขอโทษที่ทำให้น้องต่ายต้องลำบากนะครับ พี่ขอเลี้ยงข้าวมื้อนี้เป็นการไถ่โทษได้ไหม” สารวัตรอาเขตส่งสายตาเว้าวอน ดาวประกายรู้สึกหมั่นไส้นักจึงขอปลีกตัวกลับมารอที่ห้องของตัวเอง

                    “พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ แต่พี่รู้อะไรไหมคะว่าคนที่นี่เขาอยู่กันแบบพี่แบบน้อง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนนอกเหนือเวลางานแล้วพวกเราคือเพื่อนกัน เขาเรียกว่าวิถีชุมชนไงคะ” ปราณปรียาส่งยิ้มเยือกเย็นให้ทำเอาคนที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดอย่างสารวัตรอาเขตถึงกับหน้าชาเหมือนโดนตีด้วยไม้หน้าสาม

                    และมื้อค่ำวันนั้นก็ไร้เงาของสารวัตรหนุ่ม แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ปราณปรียาก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อย่างน้อยก็เคยรู้จักกันมาก่อนและเขาก็ยังเป็นพี่ชายของอ้อมจันทร์ซึ่งนับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเธอ ยังไงเสียการรักษามิตรภาพไว้ก็ย่อมดีกว่าการสร้างศัตรูเป็นไหนๆ ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจชวนดาวประกายเอากับข้าวไปส่งเขาที่ห้องส่วนจะกินไม่กินค่อยว่ากันอีกที แต่แล้วก็ต้องหิ้วกับข้าวกลับมาเมื่อสารวัตรอาเขตไม่ได้อยู่ในห้องอย่างที่เธอคิด

     

                    ปราณปรียากลายเป็นคนตื่นเช้าตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็คงไม่เคยสังเกต เพราะภารกิจรดน้ำพืชผักหลังห้องพักเป็นงานประจำของเธอไปเสียแล้วและเธอเองก็รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นความเจริญเติบโตของพวกมัน เจ้าลูกหนูวิ่งออกมาจากห้องครัวที่ต่อเติมเพิ่มของดาวประกายพร้อมกับกระดิกหางทักทายปราณปรียาเหมือนเช่นทุกวัน

                    “มาแล้วเหรอลูกแม่ มาจุ๊บทีเร็ว” ปราณปรียาอุ้มเจ้าลูกหนูขึ้นมาฟัดอย่างหมั่นเขี้ยวแม้ว่าในตอนนี้มันจะโตขึ้นมากแต่พุงพลุ้ยๆ นั่นทำให้มันน่ารักน่าชังสำหรับเธอที่สุด

                    สารวัตรอาเขตยืนมองอากัปกิริยาของหญิงสาวจากบนบ้านแล้วก็ยิ่งนึกเอ็นดูปราณปรียาขึ้นมาจับใจ จากที่ชอบพอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่เป็นโอกาสที่เขาได้มาอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่ยึดครองพื้นที่ในดวงใจของเขามาเป็นเวลาแสนนาน ดังนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์และครั้งนี้เขาจะทำให้ปราณปรียาเห็นถึงความจริงใจที่เขามีต่อเธอให้จงได้

                    “ตื่นเช้าจังเลยนะครับ” เพื่อนบ้านคนใหม่เอ่ยทักขณะที่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ เมื่อวานเขาไม่ได้สังเกตว่าปราณปรียาปลูกอะไรไว้บ้างแต่จากที่เห็นหญิงสาวคงจะชื่นชอบการทำสวนครัวเป็นงานอดิเรก

                    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ นอนหลับสบายไหมคะ” ปราณปรียายิ้มสดใสส่งให้ลืมเรื่องเคืองใจเมื่อวานเสียสนิท

                    “ครับ คงเพราะน้องต่ายปัดกวาดให้พี่ก็เลยนอนหลับสบาย” ชายหนุ่มตอบตามความจริงเพราะพอหัวถึงหมอนเขาก็หลับแทบจะทันที

                    “จริงสิต่ายลืมถามว่าทำไมพี่เขตถึงได้ย้ายมาที่นี่หละคะ” ปราณปรียาทำหน้าสงสัยขณะที่เกาพุงเจ้าลูกหนูไปด้วย สารวัตรอาเขตอมยิ้มก่อนบอกเล่าความเป็นมา

                    “มีภารกิจพิเศษที่พี่ต้องมาจัดการ แบบว่ามันเป็นความลับของทางราชการประมาณนี้”

                    “อ้อ..ค่ะแล้วยายอ้อมสบายดีหรือคะ ต่ายเองไม่ค่อยได้ติดต่อใครเลย”

                    “ตอนนี้ยายอ้อมช่วยงานที่บ้านแต่เห็นบ่นเช้าสายบ่ายเย็นวันละสามเวลาว่าเรียนมาไม่ได้ใช้ ดันต้องเป็นเลขาคุณพ่อเสียนี่” สารวัตรหนุ่มบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ซึ่งปราณปรียาฟังไปอมยิ้มไปเมื่อนึกถึงเพื่อนสาวที่ชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ

                    “เห็นทีว่ากลับบ้านคราวนี้คงต้องนัดรวมพลกันหน่อยแล้วค่ะใครมีเรื่องอะไรจะได้ปรับทุกข์ให้กันฟังคงจะสนุกดี” ปราณปรียาว่าอย่างอารมณ์ดี เพราะเธอเป็นแบบนี้หรือเปล่านะเขาถึงตัดใจจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียที

                    “น้องต่ายอยู่ที่นี่ไม่ลำบากหรือครับ นึกอยากย้ายกลับบ้านบ้างไหม” สารวัตรหนุ่มลองเชิงถามและหากเธอมีความคิดเช่นนั้นเขาก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ เพราะมองยังไงปราณปรียาก็ไม่เหมาะกับสถานที่นี้เอาเสียเลย

                    “ต่ายไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ การทำงานที่นี่ทำให้ต่ายได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างของคนชนบทและทำให้ต่ายได้รู้จักการใช้ชีวิตจริงๆ อย่างถ่องแท้เลยค่ะ” ปราณปรียายิ้มอย่างมาดมั่นในความคิดของตัวเอง และนี่คือเหตุผลอีกข้อหนึ่งของการเลือกที่จะทำงานไกลบ้าน

                    สารวัตรอาเขตกลับมองว่าปราณปรียาคือนกน้อยซึ่งถูกปล่อยออกมาจากกรงทองเป็นธรรมดาที่เธอจะหลงชื่นชมโลกใบใหม่แต่อีกไม่นานเจ้านกน้อยก็จะต้องเรียกร้องขอกลับเข้ากรงดังเดิมเพราะทนความโหดร้ายของโลกภายนอกไม่ไหว ปราณปรียาก็เช่นเดียวกัน

                    “สายแล้ว ต่ายขอเตรียมตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ปราณปรียาเอ่ยขอตัวก่อนปล่อยเจ้าลูกหนูให้เป็นอิสระแต่มันยังคลอเคลียอยู่ที่ขาของเธอไม่ยอมไปไหน

                    “ไปได้แล้วลูกหนูเดี๋ยวแม่ก็สายหรอก” หญิงสาวก้มหน้าลงไปคุยกับเจ้าลูกหมาที่อ้วนเหมือนลูกหมูมากกว่า สารวัตรหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวของเธอที่ใช้กับลูกหมาตัวอ้วน

                    “แปลกจริง พี่เพิ่งรู้ว่ากระต่ายออกลูกเป็นหมา” เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ  ปราณปรียาเองก็นึกขันตามไปด้วย เจ้าลูกหนูเห่าบ็อกๆ ตามเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเหมือนมันเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง

                    ดาวประกายมองเหตุการณ์ลอดกรงตาข่ายในห้องครัวด้วยความไม่สบายใจนัก เธอนึกเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างผู้กองภวินท์กับปราณปรียาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ชายของเธอจะมีคู่แข่งที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว ทั้งยังเรื่องที่นายแม่ไม่ชอบพอฝ่ายหญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอีก

                    “เฮ้อ...เมื่อไหร่จะกลับมานะพี่วินเดี๋ยวก็โดน มอคอปอดอ หรอก”

                    “บ่นอะไรคนเดียวจ๊ะเมียจ๋า” จ่าสมยศเดินเข้ามาสวมกอดศรีภรรยาจากทางด้านหลังทำเอาคนใจลอยสะดุ้งโหยงยกมือทาบอก

                    “มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะพี่ เกิดดาวหัวใจวายตายไปทำไงเนี่ย”

                    “แหม พี่ก็หาเมียใหม่เท่านั้นเองแหละจ้า” พอพูดจบจ่าสมยศเป็นต้องกระโดดหลบฝ่ามือพิฆาตให้วุ่นเกิดเสียงดังโครมครามตามมาจนเพื่อนบ้านอย่างปราณปรียาเองก็ได้ยิน แต่เธอชินเสียแล้วกับกิจวัตรประจำวันของคู่รักคู่นี้ เสียแต่ว่ามันพลอยทำให้หัวใจเธอห่วงหาถึงใครอีกคนซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนในตอนนี้

                    “กลับมาเสียทีเถิดค่ะผู้กอง ไม่อย่างนั้นฉันจะเลิกคิดถึงคุณแล้วนะ ฮึ” ปราณปรียาย่นจมูกใส่รูปของผู้กองภวินท์บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งเขากำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่บนตักของเธอ

     

                    อีกฟากหนึ่งผู้กองภวินท์จามฟุดฟิดสองสามครั้งติดต่อกันจนลูกน้องนึกเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่สบาย เพราะหลายวันมานี้พวกเขาคอยแอบซุ่มตามริมแม่น้ำโขงเพื่อสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งบางวันแดดร้อนเปรี้ยงบางวันฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่วแต่ผู้กองก็อยู่กับพวกเขาตลอดทั้งยามตื่นและยามหลับเรียกว่าได้ใจลูกน้องทุกคน

                    “วันนี้ผู้กองจามไปหลายรอบแล้วนะครับ” ลูกน้องนายหนึ่งทักขึ้นด้วยความห่วงใย 

                    “สงสัยจะโดนไข้หวัดเล่นงานแล้วหละ” เขาแหงนหน้าพร้อมกับใช้นิ้วชี้ถูจมูกไปมาหลายครั้งเพื่อคลายอาการคันจมูกขณะที่นอนราบบนโซฟาภายในเซฟเฮ้าส์ วันนี้ทีมงานตัดสินใจล้มเลิกภารกิจหลังจากซุ่มหาข่าวอยู่หลายวันแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลย หลังจากนัดสรุปงานกันแล้วจึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเหลือพียงผู้กองภวินท์และหมู่สุชาติ

                    “ถ้ามีความเคลื่อนไหวหมู่รีบรายงานผมเลยนะ” เขาตัดสินใจลุกขึ้นในที่สุดแม้จะยังรู้สึกมึนๆ อยู่แต่ตอนนี้หัวใจของเขาขึ้นรถกลับไปรอที่บ้านนานแล้วจนเขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว

                    “ครับผู้กอง” หมู่สุชาติรับคำสั่งด้วยเสียงดังฉะฉานถึงแม้ว่าร่างกายของเขาเองจะต้องการการพักผ่อนไม่ต่างจากผู้เป็นนายก็ตาม

                    ผู้กองภวินท์รีบบึ่งรถกลับมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจประกอบกับข่าวคราวที่ได้รับแจ้งจากหมวดศรุตทำให้เขามีเรื่องที่ต้องขบคิดเพิ่มเติมและร้อนใจมากแม้กระทั่งอาการเจ็บป่วยทางร่างกายเขาก็ลืมมันไปเสียสิ้น

    ******************************************************************

    มาพอให้หายคิดถึงกันไปก่อนนะคร้า ..............................

    ฝากเจ้าลูกหนูด้วยน้า เอ้ย ฝากผิดปะเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×