คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : คนเคยคุ้น
เย็นวันหนึ่งขณะที่ปราณปรียากำลังถอนหญ้ารอบต้นมะลิซ้อนและต้นดอกรักอยู่หลังบ้านโดยมีดาวประกายซึ่งท้องเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัดเจนนั่งให้กำลังใจอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกตัวยาวสีขาวและมีเจ้าลูกหนูคอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่างกัน
“คราวนี้พี่วินไปกี่วันแล้วคะน้องต่าย”
ดาวประกายชวนคุยไปเรื่อยตามประสาคนชอบจ้อ
ส่วนปราณปรียาก็ก้มหน้าก้มตาทำงานแต่ก็ยังส่งเสียงตอบกลับมา
“จะสองอาทิตย์แล้วค่ะ
แต่ก็ส่งข่าวมาตลอด” ปราณปรียาถอนหายใจเธอไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยจริงๆ
เมื่อก่อนปราณปรียาแทบจะไม่รู้จักความรู้สึกของการรอคอยด้วยซ้ำเพราะเธอคือหนึ่งเดียวในบ้านและทุกคนให้ความสำคัญกับเธอเป็นคนแรกเสมอ
ไม่เคยต้องร้องขอก็มีคนจัดการหามาให้
นี่กระมังที่เขาว่าที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์ ทุกข์จากความคิดถึง
ทุกข์จากการรอคอย
“เหงาไหมคะ”
สาวรุ่นพี่ถามเสียงหงอยลงมา ปราณปรียานิ่งไปก่อนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแสร้งร่าเริง
“ไม่เหงาหรอกคะ
ช่วงนี้งานเยอะด้วยไม่ค่อยมีเวลาได้เหงาเลย” แต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง
“เมื่อก่อนพี่เองก็ต้องรอแบบนี้แหละค่ะ
ไม่รู้ว่าวันไหนพี่สมยศจะกลับ กระทั่งตอนที่อยู่ด้วยกันก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องออกปฏิบัติหน้าที่เวลาไหน
นานเข้าก็พาลหาเรื่องทะเลาะกันบ้างหละ
ตอนนี้ดีหน่อยที่เปลี่ยนมาเป็นสายตรวจมีเวลามาเวลาไปที่แน่นอน
พี่เองก็ไม่ต้องทำกับข้าวคอยเก้ออีก” ดาวประกายร่ายประสบการณ์เสียยาวเหยียด
“งานนี้ผู้กองเขาตั้งใจมากนี่คะต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด
กลัวพลาดเหมือนคราวที่แล้ว”
“พี่วินเขาเป็นคนทุ่มเทเรื่องงานมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ
อีกอย่างคงเป็นห่วงลูกน้องไม่อยากให้ใครได้รับอันตรายจนบางทีตัวเองก็ยอมเจ็บเพื่อช่วยลูกน้องก็มี”
ดาวประกายเล่าเรื่องราวคราวก่อนหลังให้กับสาวรุ่นน้องฟังเพื่อจะได้เข้าอกเข้าใจการทำงานของผู้กองหนุ่มมากขึ้น
“ก็ดีแล้วนี่คะ
ถ้าเป็นต่ายเองก็คงจะห่วงลูกน้องเหมือนผู้กองนั่นแหละค่ะ”
ปราณปรียามีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อนึกถึงความมีน้ำใจของภวินท์
“จะดีกว่านี้ค่ะถ้าเป็นห่วงตัวเองเพิ่มมาอีกสักคน
แต่จะว่าไปถ้าไม่ได้พี่วินป่านนี้พี่สมยศเองก็ไม่รู้จะเป็นยังไง
เจ้าตัวเล็กก็ไม่รู้จะได้เกิดมาหรือเปล่า”
สาวรุ่นพี่ลูบท้องตัวเองพลางส่งยิ้มให้กับปราณปรียาที่กำลังเดินมานั่งข้างเธอ
หลังจากที่ทำงานของตัวเองเสร็จเรียบร้อย
และยังไม่ทันที่ทั้งสองสาวจะได้พูดจากันอีกประตูห้องพักข้างกันก็เปิดออกพร้อมกับหมวดศรุตโผล่หน้าออกมายิ้มแป้น
“อ้าวหมวดย้ายห้องเหรอคะ”
ดาวประกายทักขึ้นมาก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร
“เปล่าครับ
พอดีท่านสารวัตรย้ายมารับตำแหน่งใหม่จากกรุงเทพฯ โน่นแหนะ ”
หมวดศรุตแจ้งให้ทราบแถมพูดเหมือนโฆษณาขายของก็ไม่ปาน
และนาทีต่อมาก็ปรากฏโฉมหน้าของผู้มาใหม่
“นี่สารวัตรอาเขตครับจะมาพักห้องข้างๆ
น้องกระต่ายยังไงก็ฝากดูแลด้วยนะครับ” สารวัตรหนุ่มนามว่าอาเขตทำเอาปราณปรียาถึงกับอึ้งไปชั่วครู่แต่หาใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่แพ้คนข้างๆ
นั่นหรอก สารวัตรอาเขตส่งยิ้มให้สาวท้องป่องพร้อมกับยักคิ้วมาทางหญิงสาวอีกคนที่ยังทำตาโตผิดกับเขาที่ไม่ได้มีท่าทางแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ”
เขาเอ่ยทักรวมๆ และหันมาหยุดที่ใบหน้าสวยหวานของปราณปรียา
“มะ
มาได้ไงคะ” ปราณปรียาเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอก่อนถามออกไป
ทำให้หมวดศรุตและดาวประกายมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว
รู้จักกันด้วยเหรอครับ” หมวดศรุตรีบหาคำตอบให้กับตัวเองทันที
“ค่ะ” ยิ่งกว่ารู้จักอีก ปราณปรียายิ้มแห้งส่งให้หมวดศรุตพร้อมกับนึกถึงความยุ่งยากของตนที่จะตามมาพร้อมกับการมาของสารวัตรอาเขตพี่ชายของอ้อมจันทร์เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเธอสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ว่ายิ่งกว่ารู้จักเพราะครั้งหนึ่งชายหนุ่มผู้นี้เคยอยากสานความสัมพันธ์แบบสนิทชิดเชื้อกับเธอมาก่อน แต่ปราณปรียาเมื่อครั้งนั้นยังไม่คิดเรื่องหนุ่มสาวมีเพียงเรื่องเรียนและกิจกรรมเท่านั้นที่เธอให้ความสนใจ ประกอบกับพี่ชายจอมหวงที่คอยสกัดกั้นไม่ให้หนุ่มคนไหนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเธอจนถึงขั้นสนิทสนม ยกเว้นผู้ชายคนนี้ที่นอกจากเป็นพี่ชายเพื่อนแล้วยังเป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกันมาก่อน
หมวดศรุตลอบสังเกตอาการของสารวัตรหนุ่มและปราณปรียาเพื่อประเมินสถานการณ์ซึ่งหากเขาไม่คิดไปเองสารวัตรอาเขตต้องมีวาระแอบแฝงในการมาช่วยราชการครั้งนี้เป็นแน่
เห็นทีผู้กองภวินท์จะมีคู่แข่งที่สูสีสมน้ำสมเนื้อก็คราวนี้
“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คนมาทำความสะอาดห้องก่อนดีไหมครับ
ไว้เสร็จแล้วสารวัตรค่อยเข้ามาอยู่ ระหว่างนี้ไปพักที่โรงแรมแถวนี้สักคืนก่อนดีไหมครับ”
หมวดศรุตเสนอความคิดเห็นตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้กำกับให้เป็นฝ่ายจัดหาสถานที่สำหรับแขกพิเศษ
“หมวดจัดการให้ผมตอนนี้เลยได้ไหม
ผมไม่อยากย้ายของหลายรอบ” สารวัตรหนุ่มใจร้อนไม่ทันไรก็ออกคำสั่งเสียแล้วมีหรือที่ผู้น้อยอย่างเขาจะขัดได้
“ถ้าตอนนี้คงต้องเป็นผมแล้วหละครับเพราะไม่มีใครพอที่จะว่างได้เลย”
“เดี๋ยวพี่ดาวช่วยเก็บกวาดให้ดีกว่าค่ะ
หมวดเป็นผู้ชายคงไม่ถนัด” ดาวประกายรีบเสนอความช่วยเหลือ
ปราณปรียาเองก็อาสาช่วยอีกคนมีอย่างที่ไหนจะให้คนท้องทำงานแทนคนปกติ
“ต่ายทำให้เองค่ะพี่ดาวไม่ต้อง
กำลังท้องกำลังไส้เดี๋ยวลื่นล้มมาจะแย่”
ว่าแล้วก็เข้าไปหยิบไม้กวาดในห้องออกมาเตรียมพร้อม
หากเธอไม่อาสาก็คงไม่แคล้วดาวประกายหรือไม่ก็หมวดศรุตเป็นแน่
“น้องต่ายไม่ต้องหรอกครับ
พี่วินได้เตะผมตายกันพอดี” หมวดศรุตเอ่ยล้อปราณปรียาโดยไม่ได้แสดงอาการทุกข์ร้อนหรือไม่พอใจออกมาแต่อย่างใด
สารวัตรอาเขตที่ทนยืนฟังอยู่สักพักจึงต้องเป็นคนตัดสินใจให้
“มัวเถียงกันอยู่แบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จกัน
ให้หมวดศรุตเป็นคนทำนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว น้องกระต่ายไม่ต้องลำบากหรอกครับ
พอยายอ้อมรู้ว่าพี่จะมาทำงานที่นี่ก็เกณฑ์ซื้อของฝากมาเต็มกระเป๋าเลยพี่ว่าเราไปดูของฝากกันดีกว่าครับ
ทางนี้ก็ปล่อยหมวดเขาทำไป” เพราะความเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ของเขากระมังปราณปรียาถึงไม่เคยให้ความสนใจในตัวผู้ชายคนนี้นอกจากเคารพในฐานะพี่ชายของเพื่อนเท่านั้น
“เอาไว้ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วค่อยดูก็ได้ค่ะ
หมวดศรุตเองก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของต่ายเพราะฉะนั้นการที่จะช่วยพี่ชายทำงานเล็กๆ
น้อยๆ คงจะไม่เสียหายอะไรใช่ไหมคะ” ปราณปรียาสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจจนคนฟังสัมผัสได้ว่าเขาพลาดอย่างแรงที่แสดงท่าทางวางอำนาจต่อหน้าเธอ
ปราณปรียาไม่รอฟังคำตอบจากสารวัตรหนุ่มอีกเธอตรงเข้าไปทำความสะอาดห้องช่วยหมวดศรุตทันที
ส่วนดาวประกายก็รีบตามหลังไปติดๆ ปล่อยให้ผู้มาใหม่ยืนมึนพูดไม่ออก
เขาคงต้องศึกษาข้อมูลนิสัยใจคอของปราณปรียาจากน้องสาวเพิ่มเติมเสียแล้วมิเช่นนั้นอาจกระทำการที่ไม่เป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวได้อีก
แต่ปราณปรียาที่เขาเคยรู้จักไม่น่าจะเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันไม่นานห้องพักก็สะอาดขึ้นพร้อมที่จะเข้าอยู่ได้เลย
หมวดศรุตกับปราณปรียาถึงกับหมดแรงและสภาพดูไม่ได้หัวหูฟูฟ่องพอหันมองหน้ากันทั้งสองก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันซึ่งภาพนั้นไม่เป็นที่สบอารมณ์ของสารวัตรอาเขตสักเท่าใด
แต่เขารู้ดีว่าในตอนนี้คงทำได้เพียงอยู่เฉยๆ เท่านั้น
“เรื่องนี้เห็นทีต้องปิดเป็นความลับ
มิเช่นนั้นแล้วชีวิตน้อยๆ ของหมวดศรุตต้องจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้”
หมวดศรุตทำหน้าตาเศร้าสร้อยประกอบคำพูด ซึ่งดูอย่างไรก็เป็นการเสแสร้งชัดๆ
ดังนั้นปราณปรียาจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบอย่างห้ามไม่อยู่
ดาวประกายที่ปลีกตัวไปเตรียมข้าวปลาอาหารไว้รอท่าตามคำขอร้องของปราณปรียาเดินกลับมาเห็นสภาพของทั้งสองก็ได้แต่ส่ายหน้า
พลันชำเลืองสายตาไปทางสารวัตรหนุ่มที่นั่งหน้าขรึมอยู่บนม้าโยกตัวยาวแล้วก็ต้องเบ้ปาก
คนอะไรหน้าตาก็ดีอยู่หรอกแต่ติดจะเจ้ายศเจ้าอย่าง
แบ่งชนชั้นวรรณะช่างผิดจากผู้กองภวินท์ของเธอเสียจริง
“กับข้าวเสร็จแล้วนะคะไปล้างหน้าล้างตามาทานกันเถอะค่ะเลยเวลามามากแล้ว”
ดาวประกายอดนับถือน้ำใจผู้หญิงตัวเล็กต่างบ้านต่างเมืองคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ขอบคุณสวรรค์
เจ๊ดาวนี่ช่างรู้ใจผมเสียจริงหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว
งั้นเดี๋ยวผมมานะครับอย่าเพิ่งกินหมดหละ” ว่าแล้วก็รีบแจ้นกลับห้องของตัวเองอย่างไว
ปราณปรียาและดาวประกายส่งเสียงหัวเราะขบขันตามหลังไปเช่นกันจากนั้นจึงเดินกลับมายังห้องของตัวเอง
“ท่านสารวัตรจะเก็บของก่อนก็ได้นะคะเสร็จแล้วค่อยมาทานข้าวด้วยกัน”
ปราณปรียาเชื้อเชิญเพื่อนบ้านตามมารยาท แต่สรรพนามที่เรียกขานช่างดูห่างเหินเหลือเกินจนอาเขตเองรู้สึกใจเสียขึ้นมา
“พี่ขอโทษที่ทำให้น้องต่ายต้องลำบากนะครับ
พี่ขอเลี้ยงข้าวมื้อนี้เป็นการไถ่โทษได้ไหม” สารวัตรอาเขตส่งสายตาเว้าวอน
ดาวประกายรู้สึกหมั่นไส้นักจึงขอปลีกตัวกลับมารอที่ห้องของตัวเอง
“พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ
แต่พี่รู้อะไรไหมคะว่าคนที่นี่เขาอยู่กันแบบพี่แบบน้อง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนนอกเหนือเวลางานแล้วพวกเราคือเพื่อนกัน
เขาเรียกว่าวิถีชุมชนไงคะ” ปราณปรียาส่งยิ้มเยือกเย็นให้ทำเอาคนที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดอย่างสารวัตรอาเขตถึงกับหน้าชาเหมือนโดนตีด้วยไม้หน้าสาม
และมื้อค่ำวันนั้นก็ไร้เงาของสารวัตรหนุ่ม
แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ปราณปรียาก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้อย่างน้อยก็เคยรู้จักกันมาก่อนและเขาก็ยังเป็นพี่ชายของอ้อมจันทร์ซึ่งนับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเธอ
ยังไงเสียการรักษามิตรภาพไว้ก็ย่อมดีกว่าการสร้างศัตรูเป็นไหนๆ ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจชวนดาวประกายเอากับข้าวไปส่งเขาที่ห้องส่วนจะกินไม่กินค่อยว่ากันอีกที
แต่แล้วก็ต้องหิ้วกับข้าวกลับมาเมื่อสารวัตรอาเขตไม่ได้อยู่ในห้องอย่างที่เธอคิด
ปราณปรียากลายเป็นคนตื่นเช้าตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็คงไม่เคยสังเกต
เพราะภารกิจรดน้ำพืชผักหลังห้องพักเป็นงานประจำของเธอไปเสียแล้วและเธอเองก็รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นความเจริญเติบโตของพวกมัน
เจ้าลูกหนูวิ่งออกมาจากห้องครัวที่ต่อเติมเพิ่มของดาวประกายพร้อมกับกระดิกหางทักทายปราณปรียาเหมือนเช่นทุกวัน
“มาแล้วเหรอลูกแม่
มาจุ๊บทีเร็ว” ปราณปรียาอุ้มเจ้าลูกหนูขึ้นมาฟัดอย่างหมั่นเขี้ยวแม้ว่าในตอนนี้มันจะโตขึ้นมากแต่พุงพลุ้ยๆ
นั่นทำให้มันน่ารักน่าชังสำหรับเธอที่สุด
สารวัตรอาเขตยืนมองอากัปกิริยาของหญิงสาวจากบนบ้านแล้วก็ยิ่งนึกเอ็นดูปราณปรียาขึ้นมาจับใจ
จากที่ชอบพอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่เป็นโอกาสที่เขาได้มาอยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่ยึดครองพื้นที่ในดวงใจของเขามาเป็นเวลาแสนนาน
ดังนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์และครั้งนี้เขาจะทำให้ปราณปรียาเห็นถึงความจริงใจที่เขามีต่อเธอให้จงได้
“ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”
เพื่อนบ้านคนใหม่เอ่ยทักขณะที่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
เมื่อวานเขาไม่ได้สังเกตว่าปราณปรียาปลูกอะไรไว้บ้างแต่จากที่เห็นหญิงสาวคงจะชื่นชอบการทำสวนครัวเป็นงานอดิเรก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ
นอนหลับสบายไหมคะ” ปราณปรียายิ้มสดใสส่งให้ลืมเรื่องเคืองใจเมื่อวานเสียสนิท
“ครับ
คงเพราะน้องต่ายปัดกวาดให้พี่ก็เลยนอนหลับสบาย” ชายหนุ่มตอบตามความจริงเพราะพอหัวถึงหมอนเขาก็หลับแทบจะทันที
“จริงสิต่ายลืมถามว่าทำไมพี่เขตถึงได้ย้ายมาที่นี่หละคะ”
ปราณปรียาทำหน้าสงสัยขณะที่เกาพุงเจ้าลูกหนูไปด้วย สารวัตรอาเขตอมยิ้มก่อนบอกเล่าความเป็นมา
“มีภารกิจพิเศษที่พี่ต้องมาจัดการ
แบบว่ามันเป็นความลับของทางราชการประมาณนี้”
“อ้อ..ค่ะแล้วยายอ้อมสบายดีหรือคะ
ต่ายเองไม่ค่อยได้ติดต่อใครเลย”
“ตอนนี้ยายอ้อมช่วยงานที่บ้านแต่เห็นบ่นเช้าสายบ่ายเย็นวันละสามเวลาว่าเรียนมาไม่ได้ใช้
ดันต้องเป็นเลขาคุณพ่อเสียนี่” สารวัตรหนุ่มบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
ซึ่งปราณปรียาฟังไปอมยิ้มไปเมื่อนึกถึงเพื่อนสาวที่ชอบการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ
“เห็นทีว่ากลับบ้านคราวนี้คงต้องนัดรวมพลกันหน่อยแล้วค่ะใครมีเรื่องอะไรจะได้ปรับทุกข์ให้กันฟังคงจะสนุกดี”
ปราณปรียาว่าอย่างอารมณ์ดี เพราะเธอเป็นแบบนี้หรือเปล่านะเขาถึงตัดใจจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียที
“น้องต่ายอยู่ที่นี่ไม่ลำบากหรือครับ
นึกอยากย้ายกลับบ้านบ้างไหม” สารวัตรหนุ่มลองเชิงถามและหากเธอมีความคิดเช่นนั้นเขาก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ
เพราะมองยังไงปราณปรียาก็ไม่เหมาะกับสถานที่นี้เอาเสียเลย
“ต่ายไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ
การทำงานที่นี่ทำให้ต่ายได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่แตกต่างของคนชนบทและทำให้ต่ายได้รู้จักการใช้ชีวิตจริงๆ
อย่างถ่องแท้เลยค่ะ” ปราณปรียายิ้มอย่างมาดมั่นในความคิดของตัวเอง
และนี่คือเหตุผลอีกข้อหนึ่งของการเลือกที่จะทำงานไกลบ้าน
สารวัตรอาเขตกลับมองว่าปราณปรียาคือนกน้อยซึ่งถูกปล่อยออกมาจากกรงทองเป็นธรรมดาที่เธอจะหลงชื่นชมโลกใบใหม่แต่อีกไม่นานเจ้านกน้อยก็จะต้องเรียกร้องขอกลับเข้ากรงดังเดิมเพราะทนความโหดร้ายของโลกภายนอกไม่ไหว
ปราณปรียาก็เช่นเดียวกัน
“สายแล้ว
ต่ายขอเตรียมตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ปราณปรียาเอ่ยขอตัวก่อนปล่อยเจ้าลูกหนูให้เป็นอิสระแต่มันยังคลอเคลียอยู่ที่ขาของเธอไม่ยอมไปไหน
“ไปได้แล้วลูกหนูเดี๋ยวแม่ก็สายหรอก”
หญิงสาวก้มหน้าลงไปคุยกับเจ้าลูกหมาที่อ้วนเหมือนลูกหมูมากกว่า สารวัตรหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวของเธอที่ใช้กับลูกหมาตัวอ้วน
“แปลกจริง
พี่เพิ่งรู้ว่ากระต่ายออกลูกเป็นหมา” เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ปราณปรียาเองก็นึกขันตามไปด้วย
เจ้าลูกหนูเห่าบ็อกๆ ตามเสียงหัวเราะของคนทั้งสองเหมือนมันเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง
ดาวประกายมองเหตุการณ์ลอดกรงตาข่ายในห้องครัวด้วยความไม่สบายใจนัก
เธอนึกเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างผู้กองภวินท์กับปราณปรียาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ชายของเธอจะมีคู่แข่งที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
ทั้งยังเรื่องที่นายแม่ไม่ชอบพอฝ่ายหญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอีก
“เฮ้อ...เมื่อไหร่จะกลับมานะพี่วินเดี๋ยวก็โดน
มอคอปอดอ หรอก”
“บ่นอะไรคนเดียวจ๊ะเมียจ๋า”
จ่าสมยศเดินเข้ามาสวมกอดศรีภรรยาจากทางด้านหลังทำเอาคนใจลอยสะดุ้งโหยงยกมือทาบอก
“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะพี่
เกิดดาวหัวใจวายตายไปทำไงเนี่ย”
“แหม
พี่ก็หาเมียใหม่เท่านั้นเองแหละจ้า” พอพูดจบจ่าสมยศเป็นต้องกระโดดหลบฝ่ามือพิฆาตให้วุ่นเกิดเสียงดังโครมครามตามมาจนเพื่อนบ้านอย่างปราณปรียาเองก็ได้ยิน
แต่เธอชินเสียแล้วกับกิจวัตรประจำวันของคู่รักคู่นี้
เสียแต่ว่ามันพลอยทำให้หัวใจเธอห่วงหาถึงใครอีกคนซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนในตอนนี้
“กลับมาเสียทีเถิดค่ะผู้กอง
ไม่อย่างนั้นฉันจะเลิกคิดถึงคุณแล้วนะ ฮึ”
ปราณปรียาย่นจมูกใส่รูปของผู้กองภวินท์บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งเขากำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่บนตักของเธอ
อีกฟากหนึ่งผู้กองภวินท์จามฟุดฟิดสองสามครั้งติดต่อกันจนลูกน้องนึกเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่สบาย
เพราะหลายวันมานี้พวกเขาคอยแอบซุ่มตามริมแม่น้ำโขงเพื่อสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งบางวันแดดร้อนเปรี้ยงบางวันฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่วแต่ผู้กองก็อยู่กับพวกเขาตลอดทั้งยามตื่นและยามหลับเรียกว่าได้ใจลูกน้องทุกคน
“วันนี้ผู้กองจามไปหลายรอบแล้วนะครับ”
ลูกน้องนายหนึ่งทักขึ้นด้วยความห่วงใย
“สงสัยจะโดนไข้หวัดเล่นงานแล้วหละ”
เขาแหงนหน้าพร้อมกับใช้นิ้วชี้ถูจมูกไปมาหลายครั้งเพื่อคลายอาการคันจมูกขณะที่นอนราบบนโซฟาภายในเซฟเฮ้าส์
วันนี้ทีมงานตัดสินใจล้มเลิกภารกิจหลังจากซุ่มหาข่าวอยู่หลายวันแต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เลย
หลังจากนัดสรุปงานกันแล้วจึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเหลือพียงผู้กองภวินท์และหมู่สุชาติ
“ถ้ามีความเคลื่อนไหวหมู่รีบรายงานผมเลยนะ”
เขาตัดสินใจลุกขึ้นในที่สุดแม้จะยังรู้สึกมึนๆ
อยู่แต่ตอนนี้หัวใจของเขาขึ้นรถกลับไปรอที่บ้านนานแล้วจนเขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
“ครับผู้กอง”
หมู่สุชาติรับคำสั่งด้วยเสียงดังฉะฉานถึงแม้ว่าร่างกายของเขาเองจะต้องการการพักผ่อนไม่ต่างจากผู้เป็นนายก็ตาม
ผู้กองภวินท์รีบบึ่งรถกลับมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจประกอบกับข่าวคราวที่ได้รับแจ้งจากหมวดศรุตทำให้เขามีเรื่องที่ต้องขบคิดเพิ่มเติมและร้อนใจมากแม้กระทั่งอาการเจ็บป่วยทางร่างกายเขาก็ลืมมันไปเสียสิ้น
******************************************************************
มาพอให้หายคิดถึงกันไปก่อนนะคร้า ..............................
ฝากเจ้าลูกหนูด้วยน้า เอ้ย ฝากผิดปะเนี่ย
ความคิดเห็น