ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #16 : ถอดตรงไหนดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.43K
      6
      3 ก.ค. 59

                    


                        หลังจากส่งคุณชายจอมเนี้ยบขึ้นรถแล้ว ปราณปรียาก็รู้สึกโล่งอย่างที่สุด แต่แล้วกระเพาะก็ประท้วงเนื่องจากเลยเวลาอาหารเช้ามานาน หญิงสาวนึกถึงโจ๊กในถุงทันทีจึงรีบจัดการเทใส่ชามเตรียมรับประทาน แต่ยังไม่ทันได้ทานเสียงเคาะประตูจากหลังบ้านก็ดังขึ้น ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่าคงไม่ใช่ใครที่ไหนแน่

                    “อ้าว...คุณยังไม่กลับห้องอีกเหรอ” หญิงสาวหน้างอเพราะโดนขัดจังหวะการกิน วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่นะ แล้วเขาจะอยู่รออะไรในเมื่อประตูข้างหลังก็มีทางที่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ทุกห้องอยู่แล้ว

                    “อ้าว...ผมนึกว่าคุณให้รอซะอีก” ภวินท์ ตอบหน้าตาเฉย เขาเองก็เพิ่งเดินกลับมาตอนที่เห็นว่าแขกของปราณปรียากลับไปแล้วนั่นเอง

                    “ตอนนี้ฉันหิว จนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ ฉันไม่สนใจจะเถียงกับคุณแล้วด้วย” พูดเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนพื้นที่มีชามใส่โจ๊กหอมกรุ่นรออยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวย่อม และทำท่าจะตักโจ๊กใส่ปากโดยไม่สนใจชายหนุ่มอีกคน

                    “เดี๋ยว...ผมก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนกันนะ” ภวินท์ ขว้าหมับเข้าที่มือของหญิงสาวข้างที่กำลังจะตักโจ๊ก

                    “แล้วทำไมคุณไม่กินล่ะ”

                    “ก็หิ้วโจ๊กมาส่งคนแถวนี้ เลยอดกินของอร่อยที่ร้านย่าอวนน่ะสิ” เขามองหน้าเธอเหมือนเป็นต้นเหตุ

                    “งั้นก็เอาไปกินเลย ฮึ” ปราณปรียา สะบัดหน้าใส่ทั้งหิว ทั้งโกรธ คนอะไรช่างหาเรื่องยั่วอารมณ์เธอได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แล้วจึงลุกไปค้นถุงกระดาษที่มารดาฝากมาให้ว่ามีอะไรที่เป็นของคาวบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีแต่ขนมคุ้กกี้ และขนมไทยที่รสชาดหวาน ถ้าเอาไว้กินล้างปากคงพอทำเนา

                    “งอนเป็นเด็กไปได้ ผมอุตส่าห์สละเวลาให้คุณเป็นคิวแรกตามที่ขอแล้วนะ เดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้คุณกินเป็นการไถ่โทษละกัน” พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันกลับมายิ้มแฉ่งทันที

                    “ก็รีบๆ เข้าสิ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” ได้ทีก็รีบออกคำสั่ง เพราะกลัวนักโทษจะเปลี่ยนใจ ภวินท์อมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า จากนั้นก็ลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบออกมาสองสามอย่าง ดูเหมือนจะยังไม่ครบสำหรับเมนูที่เขาจะทำ ปราณปรียาจึงเห็นชายหนุ่มเดินเข้าๆ ออกๆ กลับไปกลับมาสามสี่รอบ

                    เพราะเป็นห้องพักของสาวโสด อุปกรณ์ทำครัวจึงเป็นอะไรที่จำกัดสำหรับเชฟจำเป็นในเวลานี้ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของชายหนุ่มซึ่งหาวัตถุดิบเพิ่มเติมแถวสวนครัวหลังห้องพักของจ่าสมยศ และอย่างน้อยหญิงสาวก็มีกระทะไฟฟ้าและเครื่องปรุงพอให้หยิบจับบ้าง

                    แม้ว่าจะมีไส้กรอกอีสาน กับหมูยอในตู้เย็น แต่ไม่รู้นึกยังไง ผู้กองหนุ่มเกิดอยากแสดงฝีมือขึ้นมาซะอย่างนั้น หรือเพราะอยากถ่วงเวลาให้นานขึ้น หากถามตอนนี้เจ้าตัวเองก็คงไม่สามารถตอบได้ รู้เพียงว่าเขาทำอย่างเต็มใจที่สุด

                    ในขณะที่ปราณปรียานั่งดูโทรทัศน์รอ แต่แทบจะไม่ได้ดูเพราะคอยแต่แอบชำเลืองมองว่าภวินท์ทำอะไร ไม่นานกลิ่นหอมๆ แต่แสบจมูกก็ลอยมา และถ้าหญิงสาวเดาไม่ผิดมันคือผัดกะเพราแน่นอน

                    “เสร็จแล้ว” เสียงมาก่อนตัว ก่อนจะวางจานผัดกะเพราหมูสับข้างๆ กับชามโจ๊กที่เย็นชืดจนไม่น่ากินแล้วในตอนนี้

                    ปราณปรียาอดทึ่งไม่ได้ แต่ก็ยังฟอร์มนั่งเฉยทั้งที่ท้องร้องโครกครากเพราะกลิ่นยั่วยวนของผัดกะเพราจานนั้น

                    “เชิญครับคุณผู้หญิง” ภวินท์ หันไปเชิญชวนด้วยน้ำเสียงยียวน

                    “กินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวแกล้งบ่น แต่ก็ยอมลงมานั่งที่พื้นตรงข้ามกัน เพราะหิวจนไส้กิ่ว ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าลองชิมดู

                    “ฮู้ว....อร่อยจังเลยค่ะ” พอชิมคำแรกก็ถึงกับออกปากชมทันที ความโกรธแค้น ปั้นปึ่งในคราวแรก สลายไปราวกับหมอกโดนแสงแดดในตอนเช้า นี่ล่ะหนา ปราณปรียา

                    ภวินท์ พลอยอมยิ้มไปกับกิริยาที่ดูเป็นธรรมชาติของคนตรงหน้า จนไม่รู้สึกถึงความหิวเลยด้วยซ้ำ

                    “แล้วจานของคุณล่ะคะ” กินไปถามไปอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อสังเกตว่าชายหนุ่มยังไม่มีจานข้าวของตัวเอง

                    “ผมไม่หิวหรอก คุณกินเถอะ” ชายหนุ่มตอบสวนทางกับความจริง เพราะข้าวในหม้อหุงข้าวใบเล็กของปราณปรียาเหลือแค่จานเดียวต่างหาก

                    “อ้าว แล้วบอกยังไม่ได้กินข้าวเช้า หลอกฉันอีกแล้วสิเนี่ย” บ่นแบบไม่ได้จริงจังนัก เพราะมัวสนใจกับอาหารจานอร่อยตรงหน้า

                    แม้ภวินท์จะอยากถามว่าผู้ชายที่แวะมาหาปราณปรียาเป็นใคร แต่ก็ต้องห้ามใจไว้เพราะเขาไม่เห็นเหตุผลที่หญิงสาวจะต้องมาอธิบายเรื่องส่วนตัวของเธอ ให้คนที่เพิ่งรู้จักกันฟัง จึงนั่งมองหญิงสาวกินข้าวเงียบๆ แต่แล้วก็รู้สึกถึงความผิดปกติบนร่างกาย

                    “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ปราณปรียา ยกน้ำขึ้นจิบจึงมองเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางแปลกๆ เกายุกยิกๆ เหมือนลิงอย่างนั้น

                    “ไม่รู้สิ  ทำไมผมคันไปหมดทั้งตัวเลย” ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังเกายุกๆ ยิกๆ

                    “คู้ณ...มันมีหนอนเกาะอยู่บนไหล่คุณน่ะ” หญิงสาวเสียงสูง ตาโตด้วยความตกใจพร้อมกับชี้มือไปที่ไหล่ของภวินท์ เขามองตามจึงได้เห็นว่ามีหนอนบุ้งคันตัวเล็กเกาะอยู่บนไหล่ขวาจริงๆ และมันเป็นชนิดที่มีขนทำให้คันได้ มันคงจะเกาะมาตอนที่เขามุดเข้าไปเก็บกะเพรานั่นเอง

                    ชายหนุ่มก้าวขายาวๆ รีบเดินออกมาทางประตูหลังบ้านเพื่อจัดการตัวปัญหา โดยมีหญิงสาววิ่งตามมาดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ ภวินท์ใช้นิ้วดีดเจ้าตัวขนออกไปพร้อมกับทำท่าจะถอดเสื้อ

                    “ทำอะไรน่ะ” ปราณปรียาร้องทัก รีบวิ่งมาจับชายเสื้อของเขาได้ทัน

                    “ก็มันคัน ผมจะถอดเสื้อออก ดูสิคันไปหมดแล้วเนี่ย” เขายังพยายามจะถอดเสื้อออกเพราะคันไปทั้งตัว แต่อีกคนก็ยังดึงชายเสื้อไว้กลายเป็นสงครามชิงเสื้อย่อมๆ เกิดขึ้น

                    “ม่าย..ไม่ถอดตรงนี้ กลับไปถอดห้องคุณนู่น”

                    “ถอดตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ”

                    เสียงโต้เถียงของคนสองคน ทำให้เพื่อนบ้านอีกสองคนที่เพิ่งกลับมา ถึงกับอ้าปากค้างและรีบเดินตามเสียงมาทันที

                    “บอกว่าไม่ให้ถอดไง มันโป๊”

                    “แต่ผมไม่ไหวแล้วนะ คุณดูสิตัวผมปูดหมดแล้ว”

                    ห๊า ! ! นี่ดาวประกายไม่อยู่แค่สองวันตกข่าวอะไรไปไหมเนี่ย ดาวประกายรีบเดินจ้ำอ้าวมายังประตูหลังบ้านของตนทันที ขณะที่จ่าสมยศเองก็ตกใจกับเสียงที่ได้ยินไม่แพ้กัน เขามั่นใจว่าเสียงนั้นต้องเป็นผู้กองภวินท์อย่างแน่นอน นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ต้องไปดูให้เห็นกับตา

                    เสียงเปิดประตูดังพลั๊วะ ! เรียกให้คนที่กำลังยื้อยุดกันอยู่หันมามองด้วยความตกใจ ส่วนคนที่เปิดประตูออกมาก็ตกใจกับภาพที่เห็นเช่นกัน มองเผินๆ เหมือนปราณปรียากำลังปล้ำถอดเสื้อของผู้กองหนุ่มอยู่อย่างไรอย่างนั้น

                    ดาวประกาย ต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา ส่วนจ่าสมยศก็ยืนอ้าปากค้างอยู่ด้านหลังของภรรยา เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วอึดใจ ก่อนที่จะมีแขกอีกคนตามมาสมทบ

                    “ยืนทำอะไรกันเหรอ” หมวดศรุต ยื่นหน้าออกมาจากประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และก็ต้องกระโดดเต้นเหยงๆ กับภาพที่เห็น  เรียกสติของคนทั้งสี่ให้กลับมา

                    “เฮ้ย !” สองหนุ่มสาวผละออกจากกันไปคนละทาง ปราณปรียาอายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีจนทำตัวไม่ถูก พอสติกลับมาอาการคันก็ตามมา หญิงสาวเริ่มรู้สึกคันตามมือและแขนยิกๆ

                    “สงสัยคุณจะโดนขนหนอนบุ้งหล่นใส่แล้วล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” ภวินท์บอกหญิงสาว ขณะที่ตัวเองก็เกาแขนไปด้วย ปราณปรียาได้โอกาสรีบวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ได้ทักทายเพื่อนบ้านสักคน

                    ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามคนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ได้แต่ยืนทำหน้าเลิ่กลั่ก

                    “ดาว พี่ฝากดูคุณกระต่ายด้วยนะ” ภวินท์หันไปสั่งดาวประกาย ก่อนที่จะรีบสาวเท้ากลับไปยังห้องของตนโดยไม่รอฟังคำตอบ เพราะเขาเองก็ต้องการชำระล้างร่างกายเช่นกัน

                    “คู่นี้มีอะไรแปลกๆ ว่าไหม” ดาวประกาย เพิ่งจะหาคำพูดของตัวเองเจอ กระนั้นก็ยังเหมือนพูดกับตัวเอง ส่วนอีกสองหนุ่มก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นตามภวินท์ไปเพื่อเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

                    “อ้าว...สองคนนี้” ดาวประกาย ส่ายหัวให้กับความทะเล้นของสองหนุ่ม นอกเวลางานอย่างนี้ไม่มีคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แม้จะเป็นภวินท์เองก็เถอะ เพราะภวินท์ จ่าสมยศ และเธอ โตมาด้วยกันความสัมพันธ์จึงแนบแน่นเหมือนพี่น้อง ส่วนศรุตก็เป็นรุ่นน้องคนสนิทที่ชายหนุ่มรักเหมือนน้องชายเช่นกัน

    *****************************************************


    ฝากอิมเมจหมวดศรุตไว้ให้มโนตามด้วยนะคะ

    หมวดศรุตก็เป็นอีกคู่ในเรื่องนี้นะคะ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×