คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ทำความรู้จัก
หลังจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็น
ปราณปรียาก็ไม่กล้าออกจากห้องของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะเจอหน้าคู่กรณีแล้วจะทำหน้าไม่ถูก
นึกแล้วก็โทษตัวเองที่ทำอะไรวู่วามเหมือนเด็ก แทนที่ตัวเองจะเป็นเจ้าทุกข์ กลายเป็นคนผิดไปซะอย่างนั้น
ขณะที่หญิงสาวกำลังคุยโทรศัพท์กับมารดาตามที่เคยตกลงกันไว้ก่อนจะมาบรรจุ บนชั้นสองของบ้าน หูก็แว่วได้ยินเสียงเหมือนใครมาเปิดน้ำอยู่ทางหลังบ้าน
จึงเดินไปชะโงกหน้าดูที่หน้าต่างเห็นผู้ชายผมตัดสั้น
ใส่แต่กางกางขาสั้นถึงเข่าตัวเดียว
กำลังล้างรถมอเตอร์ไซค์เคราะห์ร้ายคันนั้นอยู่ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มจึงทำให้มองเห็นไม่ชัด
จึงวางสายเพื่อจะเพ่งสายตาดูให้ชัดๆ ใครกัน แต่ เอ๊ะ! นี่มันก๊อกน้ำบ้านเธอนี่นา
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ขาก็ก้าวลงมาไวเท่าความคิด
“ทำอะไรของคุณเนี่ย” ปราณปรียา
ส่งเสียงแวดด้วยความโมโห หลังจากผลักประตูหลังบ้านออกไปเต็มแรง ผู้บุกรุกหาได้ตกใจกับการกระทำนั้นแม้แต่น้อย
เขาทำเพียงหันหน้ามามองแล้วเลิกคิ้ว
ปราณปรียา ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นใคร
ตอนแรกที่ดูไม่ออกเพราะว่าชายหนุ่มตอนหัวค่ำยังผมยาวและหนวดเครารุงรังอยู่เลย
แต่ชายหนุ่มในตอนนี้ตัดผมสั้นและหน้าตาสะอาดสะอ้านไร้ซึ่งหนวดเครา
ทำให้หน้าตาดูเด็กลง และที่สำคัญเขาหน้าตาดีทีเดียว
หญิงสาวหลงเพลินพิจารณาหน้าตาของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“ยืนเฉยทำไม
มาล้างรถช่วยกันสิครับ...คุณปราณปรียา” หญิงสาวตื่นจากภวังค์
หันมาจ้องหน้าชายหนุ่มที่มายืนอยู่ตรงหน้าจนจมูกแทบจะชนกับจมูกของเธอ
จนต้องยกสองมือขึ้นยันหน้าอกของเขาเอาไว้
“อี๋...ถอยออกไปเลยนะ
มาใช้น้ำบ้านคนอื่นแล้วยังจะมาใช้เจ้าของบ้านอีกเหรอ” หญิงสาวถอยหลังหนึ่งก้าว
พร้อมกับต่อว่า ในขณะที่มือยังดันอยู่ที่แผงอกของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มยังเงียบไม่ตอบโต้แต่สายตามองลงมาที่มือของเธอพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน
ปราณปรียา ลืมไปเลยว่าเขาไม่ใส่เสื้อ
พอนึกได้ก็รีบกระโดดหนีแทบไม่ทันแถมยังหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย
ภวินท์หันกลับไปใช้สายยางฉีดน้ำใส่ “เจ้าเข้ม” อย่างสบายใจ
ไม่ได้สนใจว่าเจ้าของบ้านจะว่าอย่างไร
หลังจากที่ปราณปรียาตั้งสติได้
ก็นึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ แล้วเขารู้ได้อย่างไร
“นี่ คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
ขณะที่ถามก็พยายามมองไปทางอื่น เพราะอายที่จะมองดูกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบของเขา
ที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนอื่นเลย
“ก็...ผมเป็นตำรวจนี่ก็ต้องรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
ภวินท์ อธิบายทั้งที่ยังก้มๆ เงยๆ เช็ดรอยลิปสติกบนตัวเจ้าเข้มอยู่
จะให้บอกได้ไงว่าเขาโทรไปถามรุ่นน้องบน สน. ดูเหมือนตำรวจทั้งโรงพักจะรู้จักเจ้าหล่อนกันทุกคน
ขืนบอกไปอย่างนั้นเจ้าตัวอาจจะเอาไปคิดได้ว่าเขากำลังสนใจในตัวเธอ
ปราณปรียา
คิดคล้อยตามว่าคงจะจริงอย่างที่ชายหนุ่มบอก ไม่มีเหตุผลที่เขาจะมาสืบประวัติของเธอ
“นี่
อย่ามาเนียนแอบใช้น้ำบ้านคนอื่นฟรีๆ นะ” พอนึกได้ก็เดินเท้าสะเอวเข้าไปใกล้
ภวินท์ลุกยืนแล้วเดินเข้ามาเช่นกัน
ส่งผลให้คนเก่งแต่ปากต้องถอยร่นกลับมายืนที่กรอบประตู
“ยังจะให้บอกอีกเหรอว่ามาใช้น้ำที่นี่ทำไม
คุณเป็นคนทำรถผมเลอะก็ต้องชดใช้สิ” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ทำหน้าดุ
“ทีเมื่อเช้านี้คุณทำฉันเกือบรถล้มหละ
จะชดใช้ยังไง” คราวนี้หญิงสาวยืนกอดอกเถียงกลับบ้าง
“แล้วล้มรึยังหละครับ” ทำเสียงล้อเลียน
พร้อมกับใช้สายตาตรวจสอบคนตรงหน้า
หญิงสาวต้องรีบเบือนหน้าหนีเมื่อมองเห็นแผงอกกว้างไร้อาภรณ์ห่อหุ้มของฝ่ายตรงข้าม
พลันคิดว่าทำไมไม่รู้จักใส่เสื้อซะบ้างนะ มันจั๊กกะจี๋ลูกกะตา
“แล้วทำไมไม่รู้จักใส่เสื้อเนี่ย”
ปากเร็วเท่าความคิด พอพูดไปแล้วก็ได้แต่ทำเสียงอึ๊ยอ๊ายในลำคอ
“ใส่ทำไม เดี๋ยวก็เปียก”
เขาเถียงกลับหน้าตาเฉย
เหมือนการไม่ใส่เสื้อแล้วมาเดินอยู่บ้านคนอื่นเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญชนทำกัน แถมยังเดินใกล้เข้ามาอีก
พร้อมกับยื่นสายยางฉีดน้ำมาตรงหน้า
“จะยืนเฉยอีกนานไหม
มาช่วยกันล้างจะได้เสร็จๆ นี่ยังไม่รวมคดีทำร้ายร่างกายเจ้าของรถด้วยนะ”
ข้อกล่าวหาที่อีกฝ่ายยัดเยียดให้ทำเอาปราณปรียาถึงกับอ้าปากค้าง
พร้อมกับกลอกตาไปมาอย่างเหลืออด ก่อนที่จะรีบดึงสายยางในมือของชายหนุ่มมาถือไว้
แล้วเดินไปล้างรถอย่างเสียไม่ได้ ส่งผลให้ชายหนุ่มยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
จากนั้นต่างฝ่ายก็ทำหน้าที่ของตน
โดยเจ้าของรถเป็นคนแบ่งหน้าที่เสร็จสรรพ
เขาเปลี่ยนให้หญิงสาวเป็นคนขัดรถแล้วตัวเองทำหน้าที่ฉีดน้ำ
และคอยชี้นิ้วสั่งอีกคนที่จำใจต้องทำเพื่อจะได้เสร็จเร็วๆ
ภวินท์แปลกใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมถึงนึกอยากแกล้งผู้หญิงคนนี้นัก
ทั้งที่ผ่านมาเขาเองแทบจะไม่เคยสนิทกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
ปราณปรียา
ต้องอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้งเมื่อกลับเข้ามาในห้อง เพราะกว่าจะล้างรถเสร็จทำเอาตัวเธอเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ
ทั้งยังต้องคอยหลบน้ำที่ชายหนุ่มแกล้งฉีดให้โดนตัวเธอ เล่นเอาทั้งเหนื่อยทั้งโมโห
พอเสร็จภารกิจก็รีบไล่แขกไม่ได้รับเชิญกลับห้องทันที
ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมกลับแต่โดยดีเพราะเห็นว่าดึกแล้ว
แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า
แต่พอเข้านอนหญิงสาวก็ได้แต่ลืมตาอยู่ในความมืด เพราะสมองเอาแต่คิดถึงผู้ชายหน้าดุ
ปากร้ายคนนั้น และเผลอนึกเลยไปถึงสรีระของบุรุษเพศ
การสัมผัสใกล้ชิดกันที่ชายหนุ่มจงใจแกล้ง
แต่คนถูกแกล้งกลับหน้าแดงและใจเต้นแรงทุกครั้งที่เข้าใกล้หรือแม้กระทั่งนึกถึง
ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน ยิ่งนึกขึ้นมาก็ยิ่งรู้สึกเขินอายจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวเลย
***************************************
คอมเม้นท์กันมาบ้างนะคะ
พอมีกำลังใจค่า
ความคิดเห็น