ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #3 : โชคชะตานำพา (2)

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 59


            

     

              รถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์คันใหญ่ วิ่งเข้ามาจอดที่แฟลตตำรวจห้องที่สาม เจ้าของรถวาดขาลงจากรถ ก่อนที่จะถอดหมวกกันน็อกแบบเต็มใบวางไว้บนถังน้ำมันรถ เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มภายใต้ไรเคราเขียวครึ้ม ชายหนุ่มสะบัดผมที่ยาวระต้นคอให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตู ยกแขนขึ้นใช้มือคลำไปที่คานไม้เหนือประตู  เมื่อเจอแล้วจึงนำสิ่งนั้นมาไขประตูเข้าไป

              ทันทีที่เข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็โยนกระเป๋าสัมภาระโครมลงบนโซฟา แล้วก็ตรงไปที่ห้องน้ำใต้บันไดจัดการทำธุระส่วนตัว ไม่ถึงสิบนาทีชายหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูบนศีรษะ และกางเกงขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว  สภาพภายในห้องยังคงสะอาดดีทั้งที่เขาไม่ได้อยู่มาเป็นเดือน  นั่นก็เพราะก่อนกลับมาได้โทรแจ้งให้แม่บ้านมาทำความสะอาดไว้รอ

              แม้ว่าแฟลตตำรวจจะคับแคบไปหน่อย แต่ชายหนุ่มก็ชินซะแล้ว อีกทั้งงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อยู่กับที่ ดังนั้นเรื่องการกินอยู่ หลับนอน จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมายสำหรับเขา ร้อยตำรวจเอก ภวินท์ ภูเพชรกล้า  

    ชายหนุ่มหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวที่มีอยู่ในห้อง พร้อมกับกดรีโมทโทรทัศน์เปิดรายการกีฬาที่ชอบ ก่อนเอนกายลงไปตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตาลงพักสายตา เกือบเดือนที่เขาไม่ได้มีเวลาที่เรียกว่าหลับจริงๆ จังๆ แต่นั่นก็เพราะเขาเลือกที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่าง

    ภารกิจที่ได้รับมอบหมายในคราวนี้ ยืดเยื้อกว่าทุกครั้ง เพราะต้องประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในการตรวจจับขบวนการขโมยรถส่งไปขายต่างประเทศโดยทางเรือ ซึ่งกว่าจะทำการล่อซื้อได้ก็กินเวลานาน เพราะแก๊งนี้รอบคอบมาก หลายครั้งที่ทางทีมงานพลาดคว้าน้ำเหลว  แต่ครั้งนี้มีการวางแผนรัดกุมจึงสามารถจับผู้ร่วมขบวนการได้ 

    การทำงานก็ยากลำบาก  เพราะเขาและทีมงานต้องใช้ชีวิตกันอยู่ริมน้ำ คอยสังเกตการณ์เวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่จะส่งมอบของกัน  แม้ว่าจะจัดการกับแก๊งนี้ได้สำเร็จแต่ก็ใช่ว่าการกระทำผิดกฎหมายลักษณะนี้จะหมดไป  เพราะตลอดแนวชายแดนอันยาวไกลที่มีแม่น้ำขวางกั้นก็ง่ายต่อการกระทำผิด  และมีโอกาสเล็ดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

    ภวินท์ หลับตาคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตเรื่อยเปื่อย หลายเรื่องตีกันในสมอง  แต่แวบหนึ่งใบหน้าของหญิงสาวผมยาวที่มองเขาด้วยสายตาเอาเรื่องก็ผุดขึ้นมาในความคิด  ก่อนที่ชายหนุ่มจะงีบหลับไป

     *******************************************************************

              “น้องต่าย ไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ...อ่ะ ให้คิดดูอีกที” เสียงสาวใหญ่ อายุเกือบจะสามสิบห้า กำลังใช้ความพยายามออดอ้อนหญิงสาวรุ่นน้องในที่ทำงานให้ไปเที่ยวด้วยกันในคืนนี้  หลังจากที่เคยชวนหลายครั้งแล้วแต่ ปราณปรียา ก็ยังปฏิเสธเหมือนเช่นเคย

              “ขอตัวจริงๆ ค่ะ พี่หมอน เย็นวันศุกร์ต่ายมีนัดวีดีโอคอลกับแม่ค่ะ ขาดไม่ได้จริงๆ แล้วถ้าแม่รู้ว่าหนีเที่ยวมีหวังได้กลับไปอยู่บ้านถาวร” ปราณปรียา ยังยืนยันคำตอบเดิม นอกจากจะอ้างคนเป็นแม่แล้ว หญิงสาวเองก็ไม่เคยพิสมัยการเที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว

              สายสมร คงต้องยอมแพ้ตามเดิม แต่ก็อดจะกล่าวทีเล่นทีจริงไม่ได้

              “แหม อย่างนี้พี่ก็อดกินฟรีนะสิ น้องต่ายนะน้องต่าย ช่วยพี่สักครั้งก็ไม่ได้” ทำเสียงกระเง้ากระงอด อย่างกับสาววัยรุ่น แต่ด้วยรูปร่างอวบอ้วน และผิวขาวเนื่องจากมีเชื้อสายจีนจึงทำให้เธอดูน่าหยิกมากกว่า  น่าหมั่นไส้

              สาเหตุที่ต้องมาอ้อนวอนสาวรุ่นน้อง ก็เพราะว่าปลัดอำเภอหนุ่มที่ขยันมาแจกขนมจีบปราณปรียา  ตั้งแต่มาทำงานวันแรกมาขอร้องขาใหญ่อย่างสายสมร ให้ช่วยเป็นแม่สื่อให้

              “ไว้จะชดเชยให้ เป็นเป็ดย่าง กับ เอ็มเคชุดใหญ่ตอนสิ้นเดือนละกันนะคะ” ปราณปรียา ยื่นข้อเสนอปลอบใจ ส่งผลให้สาวใหญ่ยิ้มแก้มแทบปริ โผเข้ามากอดคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นพร้อมกับหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่  ปราณปรียาถึงกับขนลุกแม้จะเคยโดนสายสมรแกล้งแบบนี้ประจำ ก็เรื่องกินฟรีสายสมร สู้ขาดใจไม่เลือกหน้าเจ้ามืออยู่แล้ว

              “เฮ้อ...เอาเถอะ ก็พอชดเชยกันได้หละนะ น่ารักอย่างนี้ไงถึงมีคนอยากเลี้ยงข้าวตลอด เป็นพี่หน่อยไม่ได้จะจัดให้กระเป๋าฉีกเลย หึ”

              “งั้นต่ายกลับก่อนนะคะ จะซักผ้าด้วยค่ะ พรุ่งนี้วันหยุดจะได้ตื่นสายหน่อย” ปราณปรียา เอ่ยกับรุ่นพี่ ก่อนจะพนมมือไหว้ซึ่งสายสมรก็ยกมือรับไหว้กลับมาเช่นกัน

              เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์  ที่สำนักงานจึงเหลือเพียงสายสมรที่เป็นธุรการ กับปราณปรียาที่เป็นน้องใหม่อยู่ประจำสำนักงาน ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปรับลูกบ้าง ไปทำธุระส่วนตัวบ้าง ดูจะเป็นธรรมเนียมสำหรับข้าราชการในอำเภอเล็กๆ ไปซะแล้ว

              ปราณปรียา ปั่นจักรยานกลับมาถึงห้องพักในเวลาประมาณเกือบห้าโมงเย็น  ซึ่งเจ้าจักรยานสีฟ้าได้กลายเป็นพาหนะคู่ใจสำหรับเธอในตอนนี้ และดูเหมือนจะถูกใจเธอมากกว่ารถเก๋งยี่ห้อหรูที่เคยใช้ตอนอยู่เมืองกรุงซะอีก  หญิงสาวเริ่มเข้าใจแล้วว่าการใช้ชีวิตเรียบง่ายเป็นเช่นไร บางทีความสุขก็ไม่ได้มาจากการใช้ของแพงๆ กินอาหารแพงๆ หรือขับรถราคาแพง  ซึ่งค่านิยมในเรื่องนี้ ปราณปรียาได้เริ่มซึมซับมาตั้งแต่สมัยออกค่ายตอนเป็นนักศึกษา 

     

            ****************************************************************

    ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ

    ฝากคอมเม้นไว้เป็นกำลังใจให้กันบ้างค่ะ

    ติ ชม ได้แต่อย่าด่านะคะ กลัวหมดแรงเขียนซะก่อน

    ตอนหน้า พระ-นาง จะป๊ะกันแล้วนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×