คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ติดสินบน
ร้อยตำรวจเอกภวินท์
ภูเพชรกล้า เข้ารายงานตัวต่อผู้กำกับ พร้อมกับรายงานสรุปผลภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตลอดทั้งปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานต่างๆ
เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องงานผู้กำกับจึงถามไถ่ถึงเรื่องส่วนตัวบ้าง
“กลับบ้านบ้างหรือเปล่าเรา”
ผู้บังคับบัญชาใช้สรรพนามที่เป็นกันเองขึ้นมาทันที
“ยังไม่มีเวลาครับ”
ชายหนุ่มตอบโดยไม่ได้สบตากับคนถาม
“ยังไม่มีเวลา
หรือไม่อยากมีเวลาว่างกันแน่ ฮึ” ผู้กำกับหรี่ตามองใบหน้าที่ก้มต่ำของผู้กองหนุ่มด้วยความรู้สึกหนักใจ
เมื่ออีกฝ่ายมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
“เฮ้อ..พอกันทั้งแม่ทั้งลูก
ลุงไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าแกกับแม่อรใช้ชีวิตอยู่ยังไงทั้งที่ยังไม่ยอมเข้าใจกันแบบนี้”
พันตำรวจเอกจักรวาล ภูเพชรกล้า ผู้มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของชายหนุ่มส่ายหน้ากับความนิ่งของผู้เป็นหลานชาย
ที่ยังคงเงียบเหมือนทุกครั้งที่พูดกันถึงเรื่องนี้
“เอาเป็นว่าแกไปพักผ่อนสักระยะก็แล้วกัน”
“ผมพักเต็มที่แล้วครับ
พร้อมสำหรับภารกิจใหม่เสมอ” หลังจากที่เงียบไปนาน
ผู้กองหนุ่มจึงเสนอความคิดเห็นเป็นครั้งแรก
“นี่เป็นคำสั่งผู้กอง”
ท่านผู้กำกับพูดเสียงดังฟังชัด ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงหมดสิทธิ์โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ปราณปรียาง่วนอยู่กับงานเอกสารตลอดช่วงเช้า
เพิ่งจะมีเวลานั่งพักก็เกือบจะเที่ยงเข้าไปแล้ว
พอดีกับที่สายสมรหอบแฟ้มพะรุงพะรังเข้ามา หญิงสาวจึงรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย
“โอ๊ย
! ตายๆ
นี่มันวันจันทร์แห่งชาติหรือไงกันนะ” สาวใหญ่ผู้มีขนาดไซส์ใหญ่ไม่แพ้กันบ่นระงม
เพราะแต่เช้ามาเธอเองก็ยังไม่ได้นั่งพักเช่นกัน
เนื่องจากเอกสารที่คั่งค้างมาจากวันศุกร์จะถูกชำระสะสางลงมาในวันนี้นั่นเอง
“น้ำเย็นๆ
ค่ะพี่หมอน” ปราณปรียา ยื่นแก้วน้ำส่งให้
พร้อมกับกระดาษทิชชูเพื่อเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมตามหน้าผาก
เห็นสภาพของสาวรุ่นพี่แล้วเธอเองก็นึกอึดอัดแทน สาวอวบเองก็อยู่ในชุดข้าราชการเช่นเดียวกับเธอเพียงแต่มันดูรัดรึง
แน่นเปรี๊ยะไปหมดจนมองเห็นสัดส่วนเป็นชั้นๆ อย่างชัดเจน
“วันนี้พลังงานพี่หมดตั้งแต่ยังไม่ครึ่งวันเลย
เราไปเติมพลังงานกันมะ” หลังจากนั่งพักสักครู่ก็เอ่ยชวนสาวรุ่นน้องขึ้นมา
“เห็นด้วยอย่างที่สุดค่ะ
ตอนนี้ท้องต่ายเริ่มส่งเสียงละ”
หลังจากที่ตกลงกันได้ว่าจะเลือกฝากท้องที่ไหนดีสำหรับมื้อเที่ยงนี้
ทั้งสองสาวจึงรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะก่อนจะเดินตรงไปยังพาหนะสำหรับวันนี้
เพราะจุดหมายคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอำเภอนี้
แต่แล้วสองสาวก็ต้องเซ็งจัด
เมื่อเจ้าหวานเย็นรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของสายสมรยางแบนแต๊ดแต๋ซะแล้ว
ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนแผนก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาพอดี
“สาวๆ
จะไปทานข้าวกันเหรอครับ” ปลัดเอกภพ ส่งเสียงมาก่อนตัว ขณะที่เดินตรงมาทางสองสาว
“สวัสดีค่ะ”
สองสาวเอ่ยทักทายพร้อมกัน ก่อนที่สาวใหญ่จะรายงานปัญหาอุปสรรค
“กำลังจะไปทานข้าวกันค่ะ
แต่บังเอิญรถยางรั่วซะก่อน คงต้องอาศัยฝากท้องแถวนี้แทนแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมให้คนมาดูรถให้ดีกว่า
ส่วนสาวๆ ก็ไปกับผม ผมกำลังจะออกไปทานข้าวพอดี”
ปลัดอำเภอหนุ่มเสนอความช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมกับส่งสายตาวิบวับให้กับปราณปรียา
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ
เนอะพี่หมอน” ว่าพลางกระตุกแขนอีกคน แต่สาวใหญ่กลับไม่รับมุก
รีบตอบรับข้อเสนอทันที
“ก็ดีค่ะ
ไปเดี๋ยวนี้เลยไหมคะพี่หมอนหิวจะแย่แล้ว” สาวใหญ่ปาดเหงื่อบนหน้าผาก
พร้อมกับทำหน้าตาที่แสดงว่าหิวจัดจริงๆ
สองสาวจึงต้องใช้บริการเสริมจากปลัดอำเภอหนุ่มที่ใครๆ
ต่างก็ให้ฉายาว่าเป็นจอมหลี ขี้เก๊ก
และความพยายามในการหลบเลี่ยงคำเชิญจากฝ่ายชายมาหลายครั้งก็เป็นอันล้มเหลว
เพราะสถานการณ์ชักพาแท้ๆ
สายสมรได้รับเกียรติให้เลือกร้านในการทานอาหารมื้อเที่ยงนี้
เพราะดูจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกินที่สุด
วันนี้พิเศษหน่อยมีเจ้ามือจำเป็นดังนั้นสายสมรจึงเลือกทานสุกี้ชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
“ที่น้องต่ายบอกว่าจะเลี้ยงพี่
ถือซะว่าเจ๊ากันเนาะ” สายสมรกระซิบบอกปราณปรียา เพราะสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวดูกระอักกระอ่วนชอบกล
ปราณปรียา
ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไรเช่นกัน ถึงแม้ว่าปลัดเอกภพเองก็จัดว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง
แต่แววตาที่มองมานี่สิทำให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนถูกลวนลามกลายๆ
แล้วสมองก็พาลคิดไปถึงชายหนุ่มอีกคนโดยอัตโนมัติ ผู้ชายที่ชอบแกล้งเวลาเจอหน้ากัน
แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นและสามารถไว้วางใจเขาได้แม้จะเพิ่งรู้จักกัน
หญิงสาวถอนหายใจให้กับความคิดของตัวเอง
ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าและเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารทั้งสองคน
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องทำตาโตเพราะคนที่นั่งข้างๆ กลายเป็นปลัดอำเภอหนุ่ม
ส่วนสายสมรอัปเปหิตัวเองไปนั่งอีกฝั่งและกำลังจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น
ปลัดเอกภพเองก็คอยชวนคุยอยู่ตลอดเวลา
และตักอาหารบริการสองสาวอยู่ไม่ขาด
จังหวะที่ตักอาหารให้สายสมรหัวไหล่ก็คอยแต่จะมาถูไถชนกับไหล่ของปราณปรียา
จนเธอต้องคอยขยับออกห่างอยู่เรื่อย สรุปแล้วมื้อนี้เธอแทบจะไม่มีสติรับรู้รสชาดของอาหารเลยด้วยซ้ำ
เหตุการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของผู้กองหนุ่ม
ซึ่งบังเอิญมาทานอาหารกลางวันกับหมวดศรุตแถวนี้พอดี
ขณะที่หมวดศรุตกำลังจะสั่งอาหารก็ถูกรุ่นพี่ห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องสั่งแล้ว
ฉันเปลี่ยนใจ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนศรุตได้แต่เกาหัวแกรกๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะไรของเขาเนี่ย”
แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เข้าใจถึงสาเหตุของอารมณ์ฉุนเฉียวของรุ่นพี่
เมื่อหันไปเห็นภาพของปลัดเอกภพซึ่งนั่งข้างๆ กับปราณปรียา
ดูท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทั้งยังคอยตักอาหารให้ฝ่ายหญิงไม่ขาด
พอตามมาถึงรถสายตรวจ
ก็เจอสายตาเอาเรื่องของผู้กองหนุ่มที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว
“เร็วเข้า
กลับไปส่งฉันที่ห้องก่อน”
“แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเลยนะพี่
แล้วพี่เป็นไรเนี่ยก่อนมาถึงยังดีๆ อยู่เลย” หมวดศรุตแกล้งถามอย่างไม่เข้าใจ
“เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ
ไม่ต้องถามมากมาขับรถเร็วๆ” น้ำเสียงของผู้กองเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์
“หึงเขาหละสิ”
หมวดศรุต พูดลอยๆ ขณะเดินผ่านหน้าภวินท์เพื่อไปประจำตำแหน่งคนขับ
“ไร้สาระ
หึง เหิง อะไรกัน” ภวินท์ปฏิเสธเสียงแข็ง
ทั้งที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้อาการที่ตัวเองเป็นอยู่นี่มันคืออาการหึงหรือเปล่า
แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่ปราณปรียาคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วย
คำว่าหึงต้องใช้กับคนที่เป็นแฟนกันอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
“ตาวินไม่ไปทำงานเหรอลูก”
แม่อวนถามขึ้น เมื่อเห็นหลานชายโผล่หน้ามาที่ร้านในเวลาที่ชายหนุ่มไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้
และตอนนี้เขาก็อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูดีน้อยลงไปกว่าเมื่อเช้าเลย
“มีคำสั่งให้ผมลาพักผ่อนน่ะครับ
สงสัยคงต้องมาทำงานที่ร้านคุณย่าไปพลางๆ ก่อน” เขาพูดยิ้มๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
พร้อมกับจูงมือหญิงชราเดินไปยังศาลาหลังร้าน
“กลับบ้านบ้างหรือเปล่าเรา”
แม่อวนถามคำถามเดียวกับลุงของเขา ส่งผลให้ชายหนุ่มหุบยิ้มทันที
“ดูเหมือนใครๆ
ก็อยากให้ผมกลับบ้านทั้งนั้น ยกเว้นคนที่บ้าน”
มีความขมขื่นที่คนฟังสัมผัสได้เจืออยู่ในน้ำเสียงเรียบเฉยนั้น และภวินท์คนเดิมกลับมาอีกครั้ง
“ทุกคนต่างเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น
แต่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ สิ่งที่ทำได้คือทำอนาคตของเราให้ดีที่สุด”
แม่อวนนั่งลงบนที่ประจำ
มองหลานชายคนเดียวด้วยแววตาแห่งความรักและปรารถนาจะเห็นชายหนุ่มผ่านพ้นความทุกข์ไปเสียที
“ผมทราบครับ
แต่แม่ไม่เคยลืมความผิดพลาดของผมได้เลย จนกระทั่งวันนี้” ภวินท์คุกเข่าบนพื้นข้างๆ
แม่อวน ซบหน้าลงบนตักของหญิงชราผู้เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวสำหรับเขาเรื่อยมา
แม่อวนลูบผมหลานชายอย่างปลอบโยน
“แต่ย่าเชื่ออย่างหนึ่งนะ
คนเป็นแม่ไม่มีวันที่จะโกรธลูกตัวเองได้ลงคอหรอก” แม่อวนเชื่ออย่างที่พูดจริงๆ
แม้ว่าอรทัยจะเป็นคนรักแรงเกลียดแรง
แต่สำหรับภวินท์แล้วเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจก็ไม่ปาน
ที่ยังคงทำมึนตึงกับลูกชายก็คงเพราะทิฐิมานะในใจที่ยังปล่อยวางไม่ได้กระมัง
“เหมือนคุณย่าที่ไม่โกรธคุณพ่อใช่ไหมครับ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาถามหญิงชรา ทำเอาคนแก่ถึงกับนิ่วหน้า
“ใครบอก โกรธจนอยากฆ่าให้ตายเลยล่ะ” พอเห็นหน้าหลานชายขมวดคิ้ว แม่อวนก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หลานชายก็พลอยหัวเราะกับความช่างอำของคนแก่ไปด้วย
ปราณปรียานั่งหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อรู้ความจริงเรื่องยางรถของสายสมร
ก็เมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้คุณลุงคนสวนมาถามหาสายสมร บอกว่ามาเอาค่าจ้าง
ด้วยความหวังดีปราณปรียาจึงจะออกให้ก่อนเพราะสายสมรติดภารกิจเดินเอกสาร แต่พอซักไซ้จึงได้ความว่าสายสมรจ้างวานให้คนสวนมาปล่อยลมรถของตัวเอง
หญิงสาวก็ถึงบางอ้อทันที
“น้องต่าย
พี่หมอนผิดไปแล้ว พี่หมอนสมควรตาย” สายสมรวิงวอนอย่างรู้ชะตากรรม เมื่อเห็นหน้าตาบูดบึ้งของสาวรุ่นน้อง
“พี่หมอนทำอย่างนี้ได้ยังไงคะ
เสียแรงที่กระต่ายไว้ใจพี่” ปราณปรียากอดอกหน้าตาบึ้งตึง
“พี่จำเป็นจริงๆ
น้องต่ายยกโทษให้พี่สักครั้งเถอะนะ” สายสมรทำหน้าตาน่าสงสาร กุมมือประสานกันยกขึ้นยกลงเหมือนผู้ต้องหานั่งอยู่ในศาลไคฟง
ปราณปรียาชายตามองแวบหนึ่ง ทั้งที่โมโหแต่ก็รู้สึกขำในท่าทีของอีกฝ่าย
“ไหนว่ามาสิคะเผื่อจะฟังขึ้น”
หญิงสาวปั้นหน้าขึงขังต่อไป แม้จะใจอ่อนตั้งแต่เห็นท่าทางน่าขบขันนั่นแล้ว
“ก็พี่ไปรับของเขามาแล้ว เลยต้องทำตามที่เขาขอร้องเป็นการแลกเปลี่ยนกัน” เริ่มเล่าด้วยเสียงอ่อยๆ ปราณปรียาพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่าต่อ
“จากนั้นพี่ก็เลยวางแผนปล่อยลมรถตัวเอง
ส่วนปลัดเอกก็เล่นบทพระเอกขี่ม้าขาวผ่านมาพอดี แล้วเราก็ไปทานข้าวกัน โป๊ะเช๊ะ”
สายสมรตบมือเปรี้ยง สนับสนุนเรื่องที่เล่า
ก่อนจะทำหน้าหงอยเมื่อเห็นสายตาของปราณปรียาที่จ้องเขม็ง
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะจ้ะ”
“แล้วเขาเอาอะไรมาติดสินบนพี่
จนถึงขนาดโกหกน้องนุ่งได้ลงคอคะ” หญิงสาวอยากรู้ราคาค่างวดของตัวเองขึ้นมาทันที
“นี่ไง
กระเป๋าหลุยส์ติงต๊อง ก็อบเกรดเอเชียวนะ พี่อยากได้มานานแล้ว”
ว่าพร้อมกับโชว์สินบนที่ได้รับให้ปราณปรียาดู
ไม่อยากจะเชื่อว่าสายสมรยอมโกหกเธอเพื่อแลกกับของก็อบปี้ที่มีขายเกลื่อนกลาดแถวตลาดปลอดภาษี
ปราณปรียาเป็นต้องกรอกตาบน
กับนิสัยชอบของฟรีของสายสมร ดังนั้นคราวนี้ต้องปรามกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้ขึ้นมาอีก
*******************************************************
แหมผู้กองเราก็งอนเป็นเหมือนกันนะ เพราะพี่หมอนแท้ๆ เลย
แล้วอย่างนี้สองคนนี้จะอะไรยังไงต่อไปน้า
รีดคนไหนเคยใช้หลุยส์ติงต๊องบ้างเอ่ย ไรท์เองก็มีเห่อกับเขาอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันค่ะ
คิดเห็นอย่างไรบอกให้ไรท์รู้บ้างนะเออ
ความคิดเห็น