ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #20 : ติดสินบน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 59


                    


                   ร้อยตำรวจเอกภวินท์ ภูเพชรกล้า เข้ารายงานตัวต่อผู้กำกับ พร้อมกับรายงานสรุปผลภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตลอดทั้งปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานต่างๆ เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องงานผู้กำกับจึงถามไถ่ถึงเรื่องส่วนตัวบ้าง

                    “กลับบ้านบ้างหรือเปล่าเรา” ผู้บังคับบัญชาใช้สรรพนามที่เป็นกันเองขึ้นมาทันที

                    “ยังไม่มีเวลาครับ” ชายหนุ่มตอบโดยไม่ได้สบตากับคนถาม

                    “ยังไม่มีเวลา หรือไม่อยากมีเวลาว่างกันแน่ ฮึ” ผู้กำกับหรี่ตามองใบหน้าที่ก้มต่ำของผู้กองหนุ่มด้วยความรู้สึกหนักใจ เมื่ออีกฝ่ายมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ

                    “เฮ้อ..พอกันทั้งแม่ทั้งลูก ลุงไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าแกกับแม่อรใช้ชีวิตอยู่ยังไงทั้งที่ยังไม่ยอมเข้าใจกันแบบนี้” พันตำรวจเอกจักรวาล ภูเพชรกล้า ผู้มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของชายหนุ่มส่ายหน้ากับความนิ่งของผู้เป็นหลานชาย ที่ยังคงเงียบเหมือนทุกครั้งที่พูดกันถึงเรื่องนี้

                    “เอาเป็นว่าแกไปพักผ่อนสักระยะก็แล้วกัน”

                    “ผมพักเต็มที่แล้วครับ พร้อมสำหรับภารกิจใหม่เสมอ” หลังจากที่เงียบไปนาน ผู้กองหนุ่มจึงเสนอความคิดเห็นเป็นครั้งแรก

                    “นี่เป็นคำสั่งผู้กอง” ท่านผู้กำกับพูดเสียงดังฟังชัด ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงหมดสิทธิ์โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

     

                    ปราณปรียาง่วนอยู่กับงานเอกสารตลอดช่วงเช้า เพิ่งจะมีเวลานั่งพักก็เกือบจะเที่ยงเข้าไปแล้ว พอดีกับที่สายสมรหอบแฟ้มพะรุงพะรังเข้ามา หญิงสาวจึงรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย

                    “โอ๊ย ! ตายๆ นี่มันวันจันทร์แห่งชาติหรือไงกันนะ” สาวใหญ่ผู้มีขนาดไซส์ใหญ่ไม่แพ้กันบ่นระงม เพราะแต่เช้ามาเธอเองก็ยังไม่ได้นั่งพักเช่นกัน เนื่องจากเอกสารที่คั่งค้างมาจากวันศุกร์จะถูกชำระสะสางลงมาในวันนี้นั่นเอง

                    “น้ำเย็นๆ ค่ะพี่หมอน” ปราณปรียา ยื่นแก้วน้ำส่งให้ พร้อมกับกระดาษทิชชูเพื่อเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมตามหน้าผาก เห็นสภาพของสาวรุ่นพี่แล้วเธอเองก็นึกอึดอัดแทน สาวอวบเองก็อยู่ในชุดข้าราชการเช่นเดียวกับเธอเพียงแต่มันดูรัดรึง แน่นเปรี๊ยะไปหมดจนมองเห็นสัดส่วนเป็นชั้นๆ อย่างชัดเจน

                    “วันนี้พลังงานพี่หมดตั้งแต่ยังไม่ครึ่งวันเลย เราไปเติมพลังงานกันมะ” หลังจากนั่งพักสักครู่ก็เอ่ยชวนสาวรุ่นน้องขึ้นมา

                    “เห็นด้วยอย่างที่สุดค่ะ ตอนนี้ท้องต่ายเริ่มส่งเสียงละ”

                    หลังจากที่ตกลงกันได้ว่าจะเลือกฝากท้องที่ไหนดีสำหรับมื้อเที่ยงนี้ ทั้งสองสาวจึงรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะก่อนจะเดินตรงไปยังพาหนะสำหรับวันนี้ เพราะจุดหมายคือห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอำเภอนี้

                    แต่แล้วสองสาวก็ต้องเซ็งจัด เมื่อเจ้าหวานเย็นรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของสายสมรยางแบนแต๊ดแต๋ซะแล้ว ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนแผนก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาพอดี

                    “สาวๆ จะไปทานข้าวกันเหรอครับ” ปลัดเอกภพ ส่งเสียงมาก่อนตัว ขณะที่เดินตรงมาทางสองสาว

                    “สวัสดีค่ะ” สองสาวเอ่ยทักทายพร้อมกัน ก่อนที่สาวใหญ่จะรายงานปัญหาอุปสรรค

                    “กำลังจะไปทานข้าวกันค่ะ แต่บังเอิญรถยางรั่วซะก่อน คงต้องอาศัยฝากท้องแถวนี้แทนแล้วค่ะ”

                    “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมให้คนมาดูรถให้ดีกว่า ส่วนสาวๆ ก็ไปกับผม ผมกำลังจะออกไปทานข้าวพอดี” ปลัดอำเภอหนุ่มเสนอความช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมกับส่งสายตาวิบวับให้กับปราณปรียา

                    “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เนอะพี่หมอน” ว่าพลางกระตุกแขนอีกคน แต่สาวใหญ่กลับไม่รับมุก รีบตอบรับข้อเสนอทันที

                    “ก็ดีค่ะ ไปเดี๋ยวนี้เลยไหมคะพี่หมอนหิวจะแย่แล้ว” สาวใหญ่ปาดเหงื่อบนหน้าผาก พร้อมกับทำหน้าตาที่แสดงว่าหิวจัดจริงๆ

                    สองสาวจึงต้องใช้บริการเสริมจากปลัดอำเภอหนุ่มที่ใครๆ ต่างก็ให้ฉายาว่าเป็นจอมหลี ขี้เก๊ก และความพยายามในการหลบเลี่ยงคำเชิญจากฝ่ายชายมาหลายครั้งก็เป็นอันล้มเหลว เพราะสถานการณ์ชักพาแท้ๆ

                    สายสมรได้รับเกียรติให้เลือกร้านในการทานอาหารมื้อเที่ยงนี้ เพราะดูจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกินที่สุด วันนี้พิเศษหน่อยมีเจ้ามือจำเป็นดังนั้นสายสมรจึงเลือกทานสุกี้ชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

                    “ที่น้องต่ายบอกว่าจะเลี้ยงพี่ ถือซะว่าเจ๊ากันเนาะ” สายสมรกระซิบบอกปราณปรียา เพราะสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวดูกระอักกระอ่วนชอบกล

                    ปราณปรียา ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไรเช่นกัน ถึงแม้ว่าปลัดเอกภพเองก็จัดว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่แววตาที่มองมานี่สิทำให้คนถูกมองรู้สึกเหมือนถูกลวนลามกลายๆ แล้วสมองก็พาลคิดไปถึงชายหนุ่มอีกคนโดยอัตโนมัติ ผู้ชายที่ชอบแกล้งเวลาเจอหน้ากัน แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นและสามารถไว้วางใจเขาได้แม้จะเพิ่งรู้จักกัน

                    หญิงสาวถอนหายใจให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าและเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารทั้งสองคน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องทำตาโตเพราะคนที่นั่งข้างๆ กลายเป็นปลัดอำเภอหนุ่ม ส่วนสายสมรอัปเปหิตัวเองไปนั่งอีกฝั่งและกำลังจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น

                    ปลัดเอกภพเองก็คอยชวนคุยอยู่ตลอดเวลา และตักอาหารบริการสองสาวอยู่ไม่ขาด จังหวะที่ตักอาหารให้สายสมรหัวไหล่ก็คอยแต่จะมาถูไถชนกับไหล่ของปราณปรียา จนเธอต้องคอยขยับออกห่างอยู่เรื่อย สรุปแล้วมื้อนี้เธอแทบจะไม่มีสติรับรู้รสชาดของอาหารเลยด้วยซ้ำ

                    เหตุการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของผู้กองหนุ่ม ซึ่งบังเอิญมาทานอาหารกลางวันกับหมวดศรุตแถวนี้พอดี ขณะที่หมวดศรุตกำลังจะสั่งอาหารก็ถูกรุ่นพี่ห้ามไว้ก่อน

                    “ไม่ต้องสั่งแล้ว ฉันเปลี่ยนใจ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ส่วนศรุตได้แต่เกาหัวแกรกๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

                    “อะไรของเขาเนี่ย” แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เข้าใจถึงสาเหตุของอารมณ์ฉุนเฉียวของรุ่นพี่ เมื่อหันไปเห็นภาพของปลัดเอกภพซึ่งนั่งข้างๆ กับปราณปรียา ดูท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ทั้งยังคอยตักอาหารให้ฝ่ายหญิงไม่ขาด

                    พอตามมาถึงรถสายตรวจ ก็เจอสายตาเอาเรื่องของผู้กองหนุ่มที่ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว      

    “เร็วเข้า กลับไปส่งฉันที่ห้องก่อน”

    “แต่เรายังไม่ได้กินข้าวเลยนะพี่ แล้วพี่เป็นไรเนี่ยก่อนมาถึงยังดีๆ อยู่เลย” หมวดศรุตแกล้งถามอย่างไม่เข้าใจ

    “เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ ไม่ต้องถามมากมาขับรถเร็วๆ” น้ำเสียงของผู้กองเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์

    “หึงเขาหละสิ” หมวดศรุต พูดลอยๆ ขณะเดินผ่านหน้าภวินท์เพื่อไปประจำตำแหน่งคนขับ

    “ไร้สาระ หึง เหิง อะไรกัน” ภวินท์ปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้อาการที่ตัวเองเป็นอยู่นี่มันคืออาการหึงหรือเปล่า แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่ปราณปรียาคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วย คำว่าหึงต้องใช้กับคนที่เป็นแฟนกันอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

     

                    “ตาวินไม่ไปทำงานเหรอลูก” แม่อวนถามขึ้น เมื่อเห็นหลานชายโผล่หน้ามาที่ร้านในเวลาที่ชายหนุ่มไม่น่าจะมาอยู่แถวนี้ได้ และตอนนี้เขาก็อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูดีน้อยลงไปกว่าเมื่อเช้าเลย

                    “มีคำสั่งให้ผมลาพักผ่อนน่ะครับ สงสัยคงต้องมาทำงานที่ร้านคุณย่าไปพลางๆ ก่อน” เขาพูดยิ้มๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร พร้อมกับจูงมือหญิงชราเดินไปยังศาลาหลังร้าน

                    “กลับบ้านบ้างหรือเปล่าเรา” แม่อวนถามคำถามเดียวกับลุงของเขา ส่งผลให้ชายหนุ่มหุบยิ้มทันที

                    “ดูเหมือนใครๆ ก็อยากให้ผมกลับบ้านทั้งนั้น ยกเว้นคนที่บ้าน” มีความขมขื่นที่คนฟังสัมผัสได้เจืออยู่ในน้ำเสียงเรียบเฉยนั้น และภวินท์คนเดิมกลับมาอีกครั้ง

                    “ทุกคนต่างเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ สิ่งที่ทำได้คือทำอนาคตของเราให้ดีที่สุด” แม่อวนนั่งลงบนที่ประจำ มองหลานชายคนเดียวด้วยแววตาแห่งความรักและปรารถนาจะเห็นชายหนุ่มผ่านพ้นความทุกข์ไปเสียที

                    “ผมทราบครับ แต่แม่ไม่เคยลืมความผิดพลาดของผมได้เลย จนกระทั่งวันนี้” ภวินท์คุกเข่าบนพื้นข้างๆ แม่อวน ซบหน้าลงบนตักของหญิงชราผู้เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวสำหรับเขาเรื่อยมา แม่อวนลูบผมหลานชายอย่างปลอบโยน

                    “แต่ย่าเชื่ออย่างหนึ่งนะ คนเป็นแม่ไม่มีวันที่จะโกรธลูกตัวเองได้ลงคอหรอก” แม่อวนเชื่ออย่างที่พูดจริงๆ แม้ว่าอรทัยจะเป็นคนรักแรงเกลียดแรง แต่สำหรับภวินท์แล้วเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจก็ไม่ปาน ที่ยังคงทำมึนตึงกับลูกชายก็คงเพราะทิฐิมานะในใจที่ยังปล่อยวางไม่ได้กระมัง

                    “เหมือนคุณย่าที่ไม่โกรธคุณพ่อใช่ไหมครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาถามหญิงชรา ทำเอาคนแก่ถึงกับนิ่วหน้า

                    “ใครบอก โกรธจนอยากฆ่าให้ตายเลยล่ะ” พอเห็นหน้าหลานชายขมวดคิ้ว แม่อวนก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ หลานชายก็พลอยหัวเราะกับความช่างอำของคนแก่ไปด้วย

     

                    ปราณปรียานั่งหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อรู้ความจริงเรื่องยางรถของสายสมร ก็เมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้คุณลุงคนสวนมาถามหาสายสมร บอกว่ามาเอาค่าจ้าง ด้วยความหวังดีปราณปรียาจึงจะออกให้ก่อนเพราะสายสมรติดภารกิจเดินเอกสาร แต่พอซักไซ้จึงได้ความว่าสายสมรจ้างวานให้คนสวนมาปล่อยลมรถของตัวเอง หญิงสาวก็ถึงบางอ้อทันที

                    “น้องต่าย พี่หมอนผิดไปแล้ว พี่หมอนสมควรตาย” สายสมรวิงวอนอย่างรู้ชะตากรรม  เมื่อเห็นหน้าตาบูดบึ้งของสาวรุ่นน้อง

                    “พี่หมอนทำอย่างนี้ได้ยังไงคะ เสียแรงที่กระต่ายไว้ใจพี่” ปราณปรียากอดอกหน้าตาบึ้งตึง

                    “พี่จำเป็นจริงๆ น้องต่ายยกโทษให้พี่สักครั้งเถอะนะ” สายสมรทำหน้าตาน่าสงสาร กุมมือประสานกันยกขึ้นยกลงเหมือนผู้ต้องหานั่งอยู่ในศาลไคฟง ปราณปรียาชายตามองแวบหนึ่ง ทั้งที่โมโหแต่ก็รู้สึกขำในท่าทีของอีกฝ่าย

                    “ไหนว่ามาสิคะเผื่อจะฟังขึ้น” หญิงสาวปั้นหน้าขึงขังต่อไป แม้จะใจอ่อนตั้งแต่เห็นท่าทางน่าขบขันนั่นแล้ว

                    “ก็พี่ไปรับของเขามาแล้ว เลยต้องทำตามที่เขาขอร้องเป็นการแลกเปลี่ยนกัน” เริ่มเล่าด้วยเสียงอ่อยๆ ปราณปรียาพยักหน้าเป็นเชิงให้เล่าต่อ

                    “จากนั้นพี่ก็เลยวางแผนปล่อยลมรถตัวเอง ส่วนปลัดเอกก็เล่นบทพระเอกขี่ม้าขาวผ่านมาพอดี แล้วเราก็ไปทานข้าวกัน โป๊ะเช๊ะ” สายสมรตบมือเปรี้ยง สนับสนุนเรื่องที่เล่า ก่อนจะทำหน้าหงอยเมื่อเห็นสายตาของปราณปรียาที่จ้องเขม็ง

                    “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะจ้ะ”

                    “แล้วเขาเอาอะไรมาติดสินบนพี่ จนถึงขนาดโกหกน้องนุ่งได้ลงคอคะ” หญิงสาวอยากรู้ราคาค่างวดของตัวเองขึ้นมาทันที

                    “นี่ไง กระเป๋าหลุยส์ติงต๊อง ก็อบเกรดเอเชียวนะ พี่อยากได้มานานแล้ว” ว่าพร้อมกับโชว์สินบนที่ได้รับให้ปราณปรียาดู ไม่อยากจะเชื่อว่าสายสมรยอมโกหกเธอเพื่อแลกกับของก็อบปี้ที่มีขายเกลื่อนกลาดแถวตลาดปลอดภาษี

                    ปราณปรียาเป็นต้องกรอกตาบน กับนิสัยชอบของฟรีของสายสมร ดังนั้นคราวนี้ต้องปรามกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้ขึ้นมาอีก

    *******************************************************

    แหมผู้กองเราก็งอนเป็นเหมือนกันนะ เพราะพี่หมอนแท้ๆ เลย 

    แล้วอย่างนี้สองคนนี้จะอะไรยังไงต่อไปน้า

    รีดคนไหนเคยใช้หลุยส์ติงต๊องบ้างเอ่ย ไรท์เองก็มีเห่อกับเขาอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันค่ะ

    คิดเห็นอย่างไรบอกให้ไรท์รู้บ้างนะเออ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×