คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โชคชะตานำพา
ณ ดินแดนแห่งที่ราบสูงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว โดยทั้งสองประเทศถูกกั้นด้วยแม่น้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “แม่น้ำโขง”
วิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่นี่
อยู่กันอย่างเรียบง่าย และผูกพันกับพุทธศาสนาเป็นอย่างมากตั้งแต่การเกิด จนตาย
ทำให้ผู้คนที่อยู่อาศัยแถบนี้มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีน้ำใจ
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
เพล้ง ! ! !
เสียงของแข็งตกกระทบกับอะไรบางอย่าง
ซึ่งน่าจะแรงพอที่จะทำให้มีวัตถุใดวัตถุหนึ่งแตก ตามด้วยเสียงตึง ตัง และเสียงเอะอะโวยวาย
ของผู้หญิงและผู้ชาย สักพักก็มีเสียงสตาร์ทเครื่องรถมอเตอร์ไซต์ขับออกไป พร้อมด้วยเสียงสรรเสริญของคู่กรณี
ปราณปรียา ใช้มือควานหาของบางอย่างบนหัว
จากนั้นแสงสว่างจากโคมไฟดวงเล็กๆ ก็สว่างวาบขึ้น
ส่งผลให้หญิงสาวต้องหยีตาลงเพราะยังไม่ชินกับแสงสว่าง จากนั้นก็คลานออกจากที่นอนไปหยิบโทรศัพท์
ที่ชาร์ตแบตเตอรี่ทิ้งไว้ตรงมุมห้องอีกด้านเพื่อดูเวลา
“พึ่งจะตีสี่...โอ๊ย...อะไรจะทะเลาะกันได้เวลาเดิมเป๊ะ
ทู๊กวันเนี่ย” หญิงสาวพูดอยู่ในลำคอ
เนื่องจากคู่กรณีอยู่ห้องติดกันจึงไม่กล้าเสียงดัง จากนั้นก็คลานกลับไปยังที่นอน
แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว เฉกเช่นทุกวัน
เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของคู่สามี
ภรรยา ข้างห้องเป็นเรื่องปกติสำหรับปราณปรียาไปซะแล้ว
แม้ตอนแรกจะทำให้ต้องลุกขึ้นมาดู เพราะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
ถ้านับแล้ว ปราณปรียา อาศัยอยู่ที่ห้องพักตำรวจ
หรือเรียกอีกอย่างว่าแฟลตตำรวจ มาได้ประมาณเกือบสองเดือนแล้ว
หญิงสาวจากเมืองกรุงที่อยู่อาศัยมาแต่เล็กจนโต เพราะมีความฝันอยากรับราชการเป็น
พัฒนากร ซึ่งตอนนี้เธอก็สามารถสอบบรรจุได้รับราชการในตำแหน่งที่ต้องการแล้ว
แม้ว่าครอบครัวของ ปราณปรียา
จะไม่มีใครเห็นด้วย แต่ก็ไม่มีใครขัดใจได้สักคน
เนื่องจากครอบครัวของเธอประกอบธุรกิจหลายอย่าง ทั้งกิจการจิวเวอรี่ทางฝั่งของแม่
กิจการขนส่งทางฝั่งของพ่อ นอกนั้นยังมีรีสอร์ท
และกิจการอื่นในเครือร่วมกับญาติพี่น้อง
นับได้ว่าฐานะทางบ้านของเธอเป็นผู้มีอันจะกิน จึงไม่แปลกที่จะมีความเห็นแย้งในเรื่องนี้
หลังจากเหตุการณ์ข้างบ้านกลับสู่ภาวะปกติ
และปราณปรียาได้งีบหลับต่ออีกประมาณสองชั่วโมง
หญิงสาวจึงรู้สึกตัวตื่น ซึ่งเป็นเวลาประมาณหกโมงเช้า
หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็จัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมวันนี้ลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังใบย่อม
เมื่อเสร็จแล้วก็ไม่ลืมที่จะหยิบหมวกสานขนาดพอดีกับศีรษะของเธอติดมือมาด้วย
หญิงสาวปั่นจักรยานคันเล็กออกจากห้องพัก
ซึ่งอยู่หลังสถานีตำรวจ สาเหตุที่ต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่า การเป็นข้าราชการในอำเภอเล็กๆ
มีความจำกัดในเรื่องของพื้นที่และงบประมาณ และบ้านพักของข้าราชการพลเรือนมีน้อย บางส่วนก็ทรุดโทรมจนอยู่อาศัยไม่ได้
ท่านนายอำเภอจึงฝากให้เธอมาพักที่แฟลตตำรวจ
อีกเหตุผลคือเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง
ซึ่งอย่างหลังน่าจะเป็นเหตุผลของทางบ้านเธอมากกว่า
ขณะที่หญิงสาว กำลังจะเลี้ยวรถจักรยานออกมาพ้นประตูรั้วของโรงพัก
ก็ต้องกรีดร้องผงะ พร้อมกับหักรถเข้าข้างทาง เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับสวนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ประกอบกับเสียงเครื่องรถที่เสียงดัง ทำให้คนที่ปั่นจักรยานมาแบบสบายๆ ตกใจ
จนรถแถออกข้างทางไปเล็กน้อยแต่ยังประคองไว้ได้
ปราณปรียา
หันกลับไปมองคู่กรณีด้วยอารมณ์คุกรุ่น ซึ่งเจ้าของรถคันนั้นก็หันมามองเธอแวบหนึ่ง
ก่อนที่จะขับต่อไปโดยไม่ได้สนใจถามไถ่สวัสดิภาพของคนที่ตกใจปนโมโหเลย
หญิงสาวมองตามจนเห็นว่ารถเลี้ยวไปทางแฟลตตำรวจ
“ฮึ่ย อะไรของเค้าเนี่ย จะรีบไปไหนกัน
แน่จริงก็อย่าใส่หมวกกันน็อก ดิ !” หญิงสาวบ่นอุบ
โชคดีที่วันนี้เธอแต่งกายทะมัดทะแมงกว่าทุกวัน
วันนี้หญิงสาวเลือกสวมกางเกงยีนส์ตัวเก่ง กับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวถึงศอกเข้ารูป ถ้าใส่กระโปรงอย่างทุกวันคงได้มีขายหน้ากันหละงานนี้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ
อย่าให้รู้ว่าอยู่ห้องไหนนะ จะ จะ ...ฮึ่ย” อดจะคาดโทษไม่ได้
แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกับเขาได้ จึงตัดใจปั่นจักรยานต่ออย่างหัวเสีย
*************************
ความคิดเห็น