ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #17 : คนต้นเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 59


                    

                   หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ปราณปรียาก็โดนดาวประกายจับไปนั่งตรงโซฟา พร้อมกับนำใบไม้ที่บดจนเป็นยางยืดสีเขียวๆ มาทาตามแขนที่เป็นผื่นให้ ช่วยบรรเทาอาการคันไปได้มากทีเดียว

                    “ดีขึ้นไหมคะน้องต่าย” ขณะที่ทาก็เงยหน้าขึ้นมาถามด้วย

                    “ไม่ค่อยคันเท่าไหร่แล้วค่ะ เค้าเรียกว่าอะไรหรือคะ”

                    “ก็แค่ใบตำลึงหลังบ้านนี่แหละค่ะ เอามาบดให้ยางเหนียวๆออกมา ช่วยแก้คันได้ แต่ยังไงก็ต้องทานยาแก้แพ้กันไว้ด้วยนะคะ” หลังจากทายาเสร็จ ดาวประกายก็ยื่นยาแก้แพ้มาให้สองเม็ด พร้อมกับแก้วน้ำ

                    ปราณปรียา พนมมือไหว้ด้วยความซึ้งใจก่อนจะรับยาไปทาน แล้วก็นึกถึงขนมมากมายที่กองอยู่มุมห้อง จึงลุกเดินไปหยิบถุงกระดาษสามใบยื่นให้ดาวประกาย

                    “พอดีพี่ชายต่ายเอาขนมมาฝากค่ะ พี่ดาวแบ่งไปทานนะคะ”

                    “โห อะไรคะเยอะแยะเชียว แบ่งให้พี่สักถุงก็พอค่ะ” สาวรุ่นพี่ออกจะเกรงใจ

                    “มีแต่ของหวานทั้งนั้นเลยค่ะ ขืนกินหมดนี่ต่ายคงกลิ้งได้ แบ่งๆ กันอ้วนนะคะพี่ดาวเอาไปเถอะ” ปราณปรียา ยิ้มหวานส่งให้ นี่ถ้าไม่มีเพื่อนบ้านที่คอยดูแลแบบดาวประกายเธอเองก็คงแย่ นึกถึงตอนมาอยู่ใหม่ๆ ก็ได้อาศัยพี่สาวคนนี้แหละคอยส่งข้าวปลาอาหารให้ แม้ดาวประกายจะเป็นคนปากจัดไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็เป็นกับเฉพาะบางคน

                    “กำลังนึกอยากกินของหวานอยู่พอดีเลย ไหนมีอะไรบ้างน้า” ว่าแล้วก็แกะห่อกระดาษเป็นพัลวัน

                    “ปกติไม่เห็นพี่ดาวชอบกินของหวานเท่าไหร่นี่คะ” หญิงสาว นึกขึ้นมาได้จึงถามออกไป ขณะที่มือไม้ก็เริ่มเกาเพราะเหมือนจะคันขึ้นมาอีก

                    “ก็ตอนนี้พี่ดาวไม่ปกติแล้วค่ะ อ๊ะ...อย่าเกาค่ะ เดี๋ยวพี่ทายาให้ ถ้าขืนเกาได้แขนลายแน่” พอเงยหน้าขึ้นมาตอบ ก็ต้องรีบห้ามปราณปรียาที่กำลังเกาแขนแกรกๆ

                    “ไม่ปกติ...ตรงไหนคะ” ปราณปรียา สำรวจคนที่กำลังทายาให้ แต่ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ ดาวประกายจึงชี้นิ้วไปที่หน้าท้องของตัวเองและยิ้มกว้าง เท่านั้นล่ะหญิงสาวจึงถึงบางอ้อทันที

                    “จริงเหรอคะ ดีใจด้วยนะคะพี่ดาว” ทั้งสองสาวยิ้มให้กันอย่างมีความสุข จากนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระอย่างสนุกสนาน


                     อีกฟากหนึ่ง จ่าสมยศกำลังทายาลักษณะเดียวกันที่ได้มาจากภรรยาสาวให้กับผู้กองหนุ่ม ซึ่งใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว และตอนนี้มีผื่นขึ้นเป็นปื้นแดงเกือบเต็มแผ่นหลัง และกระจัดกระจายตามแขนทั้งสองข้างโชคดีที่บริเวณใบหน้าปลอดภัย ทั้งสองหนุ่มแบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัวโดยศรุตรับผิดชอบที่หลัง ส่วนจ่าสมยศรับผิดชอบแขนทั้งสองข้าง ตอนนี้ผู้กองหนุ่มดูคล้ายๆ กับยักษ์เขียวก็ไม่ปาน

                    “เกือบหมดหล่อแล้วไหมล่ะเจ้านาย” จ่าสมยศล้อเลียน ใช้สรรพนามเรียกขานชายหนุ่มด้วยความเคยชิน

                    “แล้วพี่ไปทำอีท่าไหนถึงเป็นงี้” ศรุต ถามขึ้นมาอีกคน ส่วนคนที่ถูกตั้งคำถามก็ยังคงเงียบอยู่ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

                    “ไม่ได้ทำท่าไหนทั้งนั้นล่ะ” คำตอบของเขา ส่งผลให้สองหนุ่มลอบมองหน้าสบตากันอย่างมีความนัย

                    “ผมไม่ยักรู้ ว่าพี่ชอบเลี้ยงสัตว์” คนข้างหลังกล่าวลอยๆ ขึ้นมาอีก ส่วนจ่าสมยศก็เสริมกลับอย่างรู้งาน

                    “สัตว์อะไรเหรอครับหมวด” ทำหน้าใสซื่อ ส่วนมือก็ทำงานไป

                    “ก็พวกหนู พวกกระต่ายอะไรอย่างเนี้ย” พอพูดจบเท่านั้นแหละ เป็นอันต้องวิ่งหลบมือเท้าของผู้กองหนุ่มกันวุ่น

                    “ลามปามแล้วไอ้ศรุต” ชายหนุ่มโวยใส่หมวดรุ่นน้องแต่ไม่จริงจังนัก และรุ่นน้องอย่างศรุตก็หาได้กลัวไม่

                    “แหม...จะจีบเขาก็บอกมาเหอะ ผมเห็นนะเมื่อวานไปไหนด้วยกัน” หมวดศรุต ยังโยนหินถามทางไปอีก เพราะมั่นใจในสิ่งที่ตนสงสัย

                    “อ้าว...นี่ผมตกข่าวเหรอเนี่ย” จ่าสมยศทำหน้ามุ่ย อย่างน่าหมั่นไส้มากกว่าน่าสงสาร

                    “จีบ เจิบ ที่ไหนกัน ก็ใครกันล่ะทำให้คนอื่นเขาต้องวุ่นวายกันไปหมด” ผู้กองหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังโยนความผิดให้จ่าสมยศดื้อๆ

                    “อ้าว..ไหนมาลงที่ผมได้” คราวนี้จ่าสมยศทำหน้าตาได้น่าสงสารจริงๆ

                    “ไม่จีบก็ดีแล้ว น้องกระต่ายน่ะแฟนคลับเยอะนะจะบอกให้” หมวดศรุต จุดประเด็นขึ้นมาอีก หลังจากที่กลับมานั่งถูหลังให้กับภวินท์ต่อ

                    “รู้ดีจริงนะ เป็นแฟนคลับอีกคนหรือไง” ภวินท์ แขวะเข้าให้ หมั่นไส้กับท่าทางสอดรู้ของหมวดศรุตเต็มที ในใจนึกไปถึงผู้ชายที่มาหาหญิงสาวเมื่อตอนสาย นั่นก็คงเป็นแฟนคลับอีกคน เฮ้อ แล้วทำไมเขาเองถึงต้องรู้สึกไม่พอใจด้วย

                     “ไม่ไหวหรอกพี่ แค่ปลัดอำเภอขี้เก๊กนั่นน้องกระต่ายเธอก็หลบจนวุ่นละ” ศรุต วิจารณ์แบบคนวงในรู้ลึกรู้จริง สมกับที่อยู่งานการข่าว แม้แต่เรื่องชาวบ้านก็ไม่เว้น

                    “หมวดนี่รู้ทุกเรื่อง สมอยู่การข่าวจริงๆ” จ่าสมยศ อวยกันเข้าไปอีก

                    “จะว่ารู้ทุกเรื่องก็ไม่เชิงนะจ่า แต่เรื่องที่จ่าซ้อนสก๊อยสาวค่ำๆ มืดๆ วันก่อนนู้น ผมยังหาสาวปริศนาคนนั้นไม่เจอเลย” หมวดศรุต วกกลับมาที่เรื่องของจ่าสมยศ เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นสาเหตุให้คนอื่นวุ่นวายกันไปทั้งโรงพัก

                    “เออ...ว่าไงสมยศ มีอะไรจะสารภาพไหม” คำพูดของ หมวดศรุตทำให้ภวินท์นึกถึงคดีความของจ่าสมยศขึ้นมาทันที  เพราะโตมาด้วยกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกันและรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี ชายหนุ่มจึงคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในเป็นแน่

                    “เอ่อ...คือว่า...เอ่อ” จ่าสมยศ อึกอัก ไม่รู้จะหาคำตอบอย่างไร เนื่องจากรับปากกับฝ่ายนั้นเอาไว้ว่าจะไม่บอกให้ใครรู้

                    “เอ้า  ว่าไงล่ะจ่า แสดงว่าที่เจ๊ดาวหนีกลับบ้านเพราะว่าจ่าทำอย่างเขาลือกันจริงๆ ใช่ไหม” หมวดศรุต คาดคั้นเอาคำตอบอีกคน

                    “โธ่ ! หมวดก็ ถึงผมจะกินเหล้าเมาไปบ้าง ก็ไม่เคยนอกใจลูกเมียนะครับ” จ่าสมยศ ทำหน้าคิดหนัก

                    “งั้นนายก็เลือกเอา ว่าจะบอกฉันหรือจะเขียนรายงานผู้กำกับ” ผู้กองหนุ่ม เอ่ยเสียงเรียบแต่เด็ดขาด และจ่าสมยศรู้ดีว่าเวลาจริงจังชายหนุ่มน่ากลัวแค่ไหน นิสัยแบบนี้ช่างถอดแบบนายแม่มาไม่ผิด

                    “บอกครับบอก อย่าต้องให้เขียนรายงานเลย ผมจะบอกทุกอย่างครับ” จ่าสมยศ จำต้องเป็นคนผิดคำพูดเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกก็โดนนายแม่คาดคั้นให้พูดความจริง มาครั้งนี้ก็โดนลูกชายท่านใช้วิธีการคล้ายกันอีก

                    สองวันก่อน  จ่าสมยศและจ่าน้อยขับมอเตอร์ไซค์สายตรวจออกปฏิบัติงานตามปกติ แต่แล้วก็มีเหตุแจ้งให้ไปตรวจรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกตัวอำเภอออกไป คนที่โทรแจ้งเป็นเจ้าของรีสอร์ทเอง พอไปถึงก็รีบบอกเบอร์ห้องให้เสร็จสรรพ  เจ้าของรีสอร์ทแจ้งว่ามีวัยรุ่นชายหญิงสองคู่อยู่ในห้องน่าจะมั่วสุมยาเสพติดกัน เมื่อเข้าไปในห้องก็ปรากฏว่าเป็นจริงพบวัยรุ่นหญิงสองชายสองมั่วสุมกันเสพกัญชา สภาพแต่ละคนไม่อยู่ในอาการที่จะพูดคุยได้ เพราะมีร่องรอยของการดื่มของมึนเมาด้วย แต่หนึ่งในนั้นกลับเป็น กนกวลี ลูกสาวของดาบเรือง ที่อาศัยอยู่แฟลตคูหาตรงข้ามกัน

                    จ่าสมยศพยายามโทรติดต่อดาบเรืองแต่ติดต่อไม่ได้ จึงจำเป็นต้องพา กนกวลี ออกมาจากที่เกิดเหตุเสียก่อนโดยที่เหลือมอบให้จ่าน้อยดำเนินการต่อไป แต่สภาพของ กนกวลีในตอนนั้นอยู่ในอาการเมา จ่าสมยศจึงต้องพาไปไว้ที่รีสอร์ทอีกแห่งระหว่างที่พยายามติดต่อให้ดาบเรืองมารับลูกสาว และตัวเองก็กลับไปช่วยจ่าน้อย ไม่นึกว่าจะมีตาดีเห็นเหตุการณ์แล้วเอามาพูดจนกลายเป็นเรื่องเป็นราว

                    “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ”

                    “นี่ลูกสาวดาบเรือง ยังเรียนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” ภวินท์ เอ่ยขึ้นหลังจากที่ฟังเรื่องราวจบ และบอกให้ทั้งสองหยุดทายา

                    “เรียนอยู่ชั้น ปวส.วิทยาลัยเอกชนในตัวอำเภอ แต่หุ่นเจ้าหล่อนน่าจะปริญญาโทได้” หมวดศรุต บรรยายสรรพคุณเพิ่มเติม จ่าสมยศพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

                    “รู้แล้วก็อย่าเที่ยวไปพูดให้เขาเสียหายล่ะ เข้าใจไหมหมวด” ผู้กองหนุ่ม กำชับรุ่นน้องแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเก็บความลับไม่ได้ เพียงแต่ติดจะขี้เล่นเกินไปเท่านั้น

                    “เจ้านายเองก็ต้องระวังนะครับ” จ่าสมยศว่าทำหน้าจริงจัง

                    “ระวังอะไรอะจ่า” เป็นหมวดศรุตที่ยื่นหน้าถามขึ้นก่อน

                    “ก็วันนั้นน้องนกเมามาก แล้วก็จะปล้ำผมใหญ่เลย เพราะคิดว่าผมเป็นเจ้านายน่ะสิครับ” พูดแล้วก็ทำหน้าขนลุก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น นี่ถ้าไม่รักลูกรักเมียเป็นได้เสียท่าให้เด็กไปแล้ว

                    “เฮ้ย ! จริงดิ” หมวดศรุต อุทานเสียงดัง ส่วนผู้กองหนุ่มสีหน้าเคร่งลงแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียว


    ******************************************************


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×