คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ถอดตรงไหนดี
หลังจากส่งคุณชายจอมเนี้ยบขึ้นรถแล้ว ปราณปรียาก็รู้สึกโล่งอย่างที่สุด
แต่แล้วกระเพาะก็ประท้วงเนื่องจากเลยเวลาอาหารเช้ามานาน หญิงสาวนึกถึงโจ๊กในถุงทันทีจึงรีบจัดการเทใส่ชามเตรียมรับประทาน
แต่ยังไม่ทันได้ทานเสียงเคาะประตูจากหลังบ้านก็ดังขึ้น
ทำให้เธอนึกขึ้นมาได้ว่าคงไม่ใช่ใครที่ไหนแน่
“อ้าว...คุณยังไม่กลับห้องอีกเหรอ”
หญิงสาวหน้างอเพราะโดนขัดจังหวะการกิน วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่นะ
แล้วเขาจะอยู่รออะไรในเมื่อประตูข้างหลังก็มีทางที่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ทุกห้องอยู่แล้ว
“อ้าว...ผมนึกว่าคุณให้รอซะอีก”
ภวินท์ ตอบหน้าตาเฉย
เขาเองก็เพิ่งเดินกลับมาตอนที่เห็นว่าแขกของปราณปรียากลับไปแล้วนั่นเอง
“ตอนนี้ฉันหิว
จนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ ฉันไม่สนใจจะเถียงกับคุณแล้วด้วย”
พูดเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนพื้นที่มีชามใส่โจ๊กหอมกรุ่นรออยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวย่อม
และทำท่าจะตักโจ๊กใส่ปากโดยไม่สนใจชายหนุ่มอีกคน
“เดี๋ยว...ผมก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนกันนะ”
ภวินท์ ขว้าหมับเข้าที่มือของหญิงสาวข้างที่กำลังจะตักโจ๊ก
“แล้วทำไมคุณไม่กินล่ะ”
“ก็หิ้วโจ๊กมาส่งคนแถวนี้
เลยอดกินของอร่อยที่ร้านย่าอวนน่ะสิ” เขามองหน้าเธอเหมือนเป็นต้นเหตุ
“งั้นก็เอาไปกินเลย
ฮึ” ปราณปรียา สะบัดหน้าใส่ทั้งหิว ทั้งโกรธ
คนอะไรช่างหาเรื่องยั่วอารมณ์เธอได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
แล้วจึงลุกไปค้นถุงกระดาษที่มารดาฝากมาให้ว่ามีอะไรที่เป็นของคาวบ้าง
แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีแต่ขนมคุ้กกี้ และขนมไทยที่รสชาดหวาน
ถ้าเอาไว้กินล้างปากคงพอทำเนา
“งอนเป็นเด็กไปได้
ผมอุตส่าห์สละเวลาให้คุณเป็นคิวแรกตามที่ขอแล้วนะ เดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้คุณกินเป็นการไถ่โทษละกัน”
พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันกลับมายิ้มแฉ่งทันที
“ก็รีบๆ
เข้าสิ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” ได้ทีก็รีบออกคำสั่ง เพราะกลัวนักโทษจะเปลี่ยนใจ
ภวินท์อมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า
จากนั้นก็ลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบออกมาสองสามอย่าง ดูเหมือนจะยังไม่ครบสำหรับเมนูที่เขาจะทำ
ปราณปรียาจึงเห็นชายหนุ่มเดินเข้าๆ ออกๆ กลับไปกลับมาสามสี่รอบ
เพราะเป็นห้องพักของสาวโสด
อุปกรณ์ทำครัวจึงเป็นอะไรที่จำกัดสำหรับเชฟจำเป็นในเวลานี้
แต่ก็ไม่เกินความสามารถของชายหนุ่มซึ่งหาวัตถุดิบเพิ่มเติมแถวสวนครัวหลังห้องพักของจ่าสมยศ
และอย่างน้อยหญิงสาวก็มีกระทะไฟฟ้าและเครื่องปรุงพอให้หยิบจับบ้าง
แม้ว่าจะมีไส้กรอกอีสาน
กับหมูยอในตู้เย็น แต่ไม่รู้นึกยังไง ผู้กองหนุ่มเกิดอยากแสดงฝีมือขึ้นมาซะอย่างนั้น
หรือเพราะอยากถ่วงเวลาให้นานขึ้น หากถามตอนนี้เจ้าตัวเองก็คงไม่สามารถตอบได้
รู้เพียงว่าเขาทำอย่างเต็มใจที่สุด
ในขณะที่ปราณปรียานั่งดูโทรทัศน์รอ
แต่แทบจะไม่ได้ดูเพราะคอยแต่แอบชำเลืองมองว่าภวินท์ทำอะไร ไม่นานกลิ่นหอมๆ
แต่แสบจมูกก็ลอยมา และถ้าหญิงสาวเดาไม่ผิดมันคือผัดกะเพราแน่นอน
“เสร็จแล้ว”
เสียงมาก่อนตัว ก่อนจะวางจานผัดกะเพราหมูสับข้างๆ กับชามโจ๊กที่เย็นชืดจนไม่น่ากินแล้วในตอนนี้
ปราณปรียาอดทึ่งไม่ได้
แต่ก็ยังฟอร์มนั่งเฉยทั้งที่ท้องร้องโครกครากเพราะกลิ่นยั่วยวนของผัดกะเพราจานนั้น
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ภวินท์ หันไปเชิญชวนด้วยน้ำเสียงยียวน
“กินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
หญิงสาวแกล้งบ่น แต่ก็ยอมลงมานั่งที่พื้นตรงข้ามกัน เพราะหิวจนไส้กิ่ว
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าลองชิมดู
“ฮู้ว....อร่อยจังเลยค่ะ”
พอชิมคำแรกก็ถึงกับออกปากชมทันที ความโกรธแค้น ปั้นปึ่งในคราวแรก
สลายไปราวกับหมอกโดนแสงแดดในตอนเช้า นี่ล่ะหนา ปราณปรียา
ภวินท์
พลอยอมยิ้มไปกับกิริยาที่ดูเป็นธรรมชาติของคนตรงหน้า จนไม่รู้สึกถึงความหิวเลยด้วยซ้ำ
“แล้วจานของคุณล่ะคะ”
กินไปถามไปอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อสังเกตว่าชายหนุ่มยังไม่มีจานข้าวของตัวเอง
“ผมไม่หิวหรอก
คุณกินเถอะ” ชายหนุ่มตอบสวนทางกับความจริง
เพราะข้าวในหม้อหุงข้าวใบเล็กของปราณปรียาเหลือแค่จานเดียวต่างหาก
“อ้าว
แล้วบอกยังไม่ได้กินข้าวเช้า หลอกฉันอีกแล้วสิเนี่ย” บ่นแบบไม่ได้จริงจังนัก
เพราะมัวสนใจกับอาหารจานอร่อยตรงหน้า
แม้ภวินท์จะอยากถามว่าผู้ชายที่แวะมาหาปราณปรียาเป็นใคร
แต่ก็ต้องห้ามใจไว้เพราะเขาไม่เห็นเหตุผลที่หญิงสาวจะต้องมาอธิบายเรื่องส่วนตัวของเธอ
ให้คนที่เพิ่งรู้จักกันฟัง จึงนั่งมองหญิงสาวกินข้าวเงียบๆ
แต่แล้วก็รู้สึกถึงความผิดปกติบนร่างกาย
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ปราณปรียา ยกน้ำขึ้นจิบจึงมองเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางแปลกๆ เกายุกยิกๆ
เหมือนลิงอย่างนั้น
“ไม่รู้สิ ทำไมผมคันไปหมดทั้งตัวเลย”
ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังเกายุกๆ ยิกๆ
“คู้ณ...มันมีหนอนเกาะอยู่บนไหล่คุณน่ะ” หญิงสาวเสียงสูง
ตาโตด้วยความตกใจพร้อมกับชี้มือไปที่ไหล่ของภวินท์ เขามองตามจึงได้เห็นว่ามีหนอนบุ้งคันตัวเล็กเกาะอยู่บนไหล่ขวาจริงๆ
และมันเป็นชนิดที่มีขนทำให้คันได้
มันคงจะเกาะมาตอนที่เขามุดเข้าไปเก็บกะเพรานั่นเอง
ชายหนุ่มก้าวขายาวๆ
รีบเดินออกมาทางประตูหลังบ้านเพื่อจัดการตัวปัญหา โดยมีหญิงสาววิ่งตามมาดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
ภวินท์ใช้นิ้วดีดเจ้าตัวขนออกไปพร้อมกับทำท่าจะถอดเสื้อ
“ทำอะไรน่ะ”
ปราณปรียาร้องทัก รีบวิ่งมาจับชายเสื้อของเขาได้ทัน
“ก็มันคัน
ผมจะถอดเสื้อออก ดูสิคันไปหมดแล้วเนี่ย”
เขายังพยายามจะถอดเสื้อออกเพราะคันไปทั้งตัว แต่อีกคนก็ยังดึงชายเสื้อไว้กลายเป็นสงครามชิงเสื้อย่อมๆ
เกิดขึ้น
“ม่าย..ไม่ถอดตรงนี้
กลับไปถอดห้องคุณนู่น”
“ถอดตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ”
เสียงโต้เถียงของคนสองคน
ทำให้เพื่อนบ้านอีกสองคนที่เพิ่งกลับมา ถึงกับอ้าปากค้างและรีบเดินตามเสียงมาทันที
“บอกว่าไม่ให้ถอดไง มันโป๊”
“แต่ผมไม่ไหวแล้วนะ
คุณดูสิตัวผมปูดหมดแล้ว”
ห๊า
! ! นี่ดาวประกายไม่อยู่แค่สองวันตกข่าวอะไรไปไหมเนี่ย
ดาวประกายรีบเดินจ้ำอ้าวมายังประตูหลังบ้านของตนทันที
ขณะที่จ่าสมยศเองก็ตกใจกับเสียงที่ได้ยินไม่แพ้กัน
เขามั่นใจว่าเสียงนั้นต้องเป็นผู้กองภวินท์อย่างแน่นอน นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า
ต้องไปดูให้เห็นกับตา
เสียงเปิดประตูดังพลั๊วะ ! เรียกให้คนที่กำลังยื้อยุดกันอยู่หันมามองด้วยความตกใจ
ส่วนคนที่เปิดประตูออกมาก็ตกใจกับภาพที่เห็นเช่นกัน มองเผินๆ
เหมือนปราณปรียากำลังปล้ำถอดเสื้อของผู้กองหนุ่มอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ดาวประกาย
ต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา
ส่วนจ่าสมยศก็ยืนอ้าปากค้างอยู่ด้านหลังของภรรยา เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วอึดใจ
ก่อนที่จะมีแขกอีกคนตามมาสมทบ
“ยืนทำอะไรกันเหรอ”
หมวดศรุต ยื่นหน้าออกมาจากประตูเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
และก็ต้องกระโดดเต้นเหยงๆ กับภาพที่เห็น เรียกสติของคนทั้งสี่ให้กลับมา
“เฮ้ย
!”
สองหนุ่มสาวผละออกจากกันไปคนละทาง ปราณปรียาอายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีจนทำตัวไม่ถูก
พอสติกลับมาอาการคันก็ตามมา หญิงสาวเริ่มรู้สึกคันตามมือและแขนยิกๆ
“สงสัยคุณจะโดนขนหนอนบุ้งหล่นใส่แล้วล่ะ
ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ” ภวินท์บอกหญิงสาว ขณะที่ตัวเองก็เกาแขนไปด้วย
ปราณปรียาได้โอกาสรีบวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ได้ทักทายเพื่อนบ้านสักคน
ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสามคนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
ได้แต่ยืนทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ดาว
พี่ฝากดูคุณกระต่ายด้วยนะ” ภวินท์หันไปสั่งดาวประกาย
ก่อนที่จะรีบสาวเท้ากลับไปยังห้องของตนโดยไม่รอฟังคำตอบ
เพราะเขาเองก็ต้องการชำระล้างร่างกายเช่นกัน
“คู่นี้มีอะไรแปลกๆ
ว่าไหม” ดาวประกาย เพิ่งจะหาคำพูดของตัวเองเจอ กระนั้นก็ยังเหมือนพูดกับตัวเอง
ส่วนอีกสองหนุ่มก็พยักหน้าหงึกหงัก
ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นตามภวินท์ไปเพื่อเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“อ้าว...สองคนนี้”
ดาวประกาย ส่ายหัวให้กับความทะเล้นของสองหนุ่ม
นอกเวลางานอย่างนี้ไม่มีคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แม้จะเป็นภวินท์เองก็เถอะ เพราะภวินท์
จ่าสมยศ และเธอ โตมาด้วยกันความสัมพันธ์จึงแนบแน่นเหมือนพี่น้อง
ส่วนศรุตก็เป็นรุ่นน้องคนสนิทที่ชายหนุ่มรักเหมือนน้องชายเช่นกัน
*****************************************************
ฝากอิมเมจหมวดศรุตไว้ให้มโนตามด้วยนะคะ
หมวดศรุตก็เป็นอีกคู่ในเรื่องนี้นะคะ โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ความคิดเห็น