ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #15 : มอบตัว

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 59


                  


                        เช้าวันอาทิตย์ที่หญิงสาวรอคอย เวลาแห่งการเอาคืนมาถึงเร็วเกินไป เพราะเจ้าตัวอ่อนเพลียจนไม่อยากจะลุกออกจากที่นอน คงเพราะนั่งรถตากแดดตากลมทั้งวัน ประกอบกับความเมื่อยล้าตามร่างกายจึงทำให้เธอตื่นสายกว่าปกติ จนเลยเวลาที่จะไปใส่บาตรกับแม่อวนซะแล้ว

                    หญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อส่งไลน์บอกหญิงชราถึงเหตุผลที่ไม่สามารถไปตักบาตรด้วยได้ ด้วยรู้สึกผิดและเกรงใจหากจะปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ ทั้งที่สัญญากันไว้แล้ว เมื่อจัดการธุระเสร็จก็แอบขี้เกียจนอนเอาแรงอีกสักงีบ โดยลืมเรื่องการแก้แค้นไปเสียสนิท ตามนิสัยโกรธง่ายหายเร็วของเจ้าตัว

                    ยังไม่ทันได้งีบหลับเสียงไลน์ก็ดังขึ้นมาก่อน คนจะนอนทำหน้าขัดใจเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบต้นตอของความหงุดหงิด เมื่ออ่านข้อความผ่านโทรศัพท์เป็นอันต้องสะดุ้งและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง 

                    ( ยัยต่ายพี่กำลังจะไปหา ล้างหน้าล้างตาได้แล้ว ) เจ้าของข้อความหาใช่ใคร เพราะรูปภาพที่โชว์หน้าคนส่งบอกให้รู้อย่างชัดเจน

                    “ พี่ไก่โต้ง ! !” หญิงสาวอุทานเสียงแผ่ว รู้สึกถึงพลังงานที่น้อยลงทุกทีของตน เมื่อพี่ชายจอมเนี้ยบกำลังจะมาหาแบบไม่ได้นัดหมาย ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วหันซ้ายหันขวา คว้าได้ผ้าเช็ดหน้าวิ่งลงไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

                    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะสามครั้ง ดูเหมือนคนเคาะจะใจเย็น แต่เจ้าของห้องกลับหูผึ่งรีบเช็ดหน้าเช็ดตาออกจากห้องน้ำมาอย่างไว

                    “มาเร็วไปไหมเนี่ยพี่โต้ง เหาะมาหรือไงกัน” ปราณปรียา บ่นอุบขณะที่เปิดประตูห้องให้ผู้มาเยือน แต่ก็ต้องอ้าปากค้างเพราะคนที่มาไม่ใช่เป้าหมาย

                    “คนไม่สบายบ่นได้ด้วยเหรอ” ภวินท์ ยักคิ้วพูดหน้าตาเฉย แล้วมันใช่เวลาไหมเนี่ย พอตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบฉุดแขนลากชายหนุ่มเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูเสร็จสรรพ

                    “อะไรกัน ลากผู้ชายเข้าห้องตอนกลางวันแสกๆ อย่างนี้เลย” กล่าวล้อเลียนแกมขำ

                    “ไม่ตลกค่ะ แล้วคุณไม่อยู่ทานข้าวกับคุณยายหรือคะ”

                    “ท่านเป็นห่วง กลัวว่าคุณไม่สบายแล้วจะไม่ได้กินอะไร เลยสั่งให้ผมเอาโจ๊กมาให้” เขาตอบคำถามพร้อมกับชูของที่ถือให้ดู ก่อนจะวางถุงใส่โจ๊กบนโต๊ะเล็กข้างห้องพร้อมกับหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเล็กข้างกัน

                    “อ๊ะ อ๊ะ ใครให้นั่งไม่ทราบ” หญิงสาวรีบท้วงทันที

                    “คนอุตส่าห์ส่งข้าวส่งน้ำ นั่งพักแค่นี้ก็ไม่ได้ ใจร้ายจัง” แม้ถ้อยคำจะฟังเหมือนตัดพ้อ แต่แววตาระยิบระยับกลับทำให้คนฟังรู้สึกหมั่นไส้อย่างไรไม่รู้

                    “อย่าเยอะค่ะ เรื่องเก่าเรายังไม่ได้ชำระความกันเลยนะ” ปราณปรียา ทำหน้าเหนื่อยกับพ่อคนเรื่องเยอะ

    “ผมก็มามอบตัวแล้วนี่ไง จะลงโทษยังไงก็เชิญ” ชายหนุ่มผายมือ หน้าตาไม่สะทกสะท้าน

    จนเมื่อเสียงเคาะประตูถี่รัวดังขึ้น ทั้งสองคนจ้องหน้ากันเขม็ง

                    ปราณปรียา รีบเอามือปิดปากชายหนุ่มเพราะกลัวว่าเขาจะพูดอะไรออกมา ขณะที่สมองเริ่มประมวลผลว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร

                    “คุณออกประตูหลังไปก่อน ฉันขอร้อง” หญิงสาวบอกแทบเป็นเสียงกระซิบ พร้อมกับทำหน้าวิงวอน มือทั้งสองยังใช้ปิดปากชายหนุ่มอยู่

                    “อำไอ” ภวินท์ ถามกลับเสียงอู้อี้เพราะโดนปิดปากไม่สามารถพูดได้

                    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก คราวนี้ดูเหมือนจะแรงกว่าครั้งแรกและนานกว่าเดิม ปราณปรียารู้สึกใจหายวูบ หากว่าคนข้างนอกพังประตูได้คงทำแล้ว และหากว่าพี่ชายของเธอเข้ามาเจอผู้ชายอยู่ในห้องแบบนี้แล้วละก็ คงได้กลับไปอยู่บ้านถาวรเป็นแน่แท้

                    ภวินท์ เห็นสีหน้าวิตกกังวลของหญิงสาวจึงยอมลุกขึ้น แล้วเดินออกประตูหลังห้องโดยมีหญิงสาวรุนหลังให้ไวขึ้น พอพ้นประตูเจ้าของห้องก็รีบปิดอย่างเร็วไว

                    “มาแล้วค่า” ปราณปรียา สะบัดหน้าไปมาเพื่อเข้าสู่โหมดปกติ พร้อมรับแขกคนสำคัญ

                    “ช้าจริง ตื่นสายหรือเรา” ปราณต์ ก่อเกียรติสกุล หรือ ไก่โต้ง คุณชายจอมเนี้ยบประจำบ้าน ก่อเกียรติสกุล ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นหน้าน้องสาวสุดที่รัก

                    “วันนี้วันหยุดค่ะคุณชาย ดิฉันเป็นข้าราชการนะคะ” น้องสาวแขวะเข้าให้

                    “จริงสินะพี่ลืมไป เมื่อกี้ได้ยินเสียงเราคุยกับใคร อยู่กับเพื่อนเหรอ” ปราณต์ เอ่ยถามพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้อง ไล่สายตาพิจารณาสภาพความเป็นอยู่ตั้งแต่ประตู เดินเลยไปเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไป

                    “อยู่คนเดียวค่ะ เมื่อกี้ต่ายคุยโทรศัพท์กับเพื่อน” รู้สึกว่าตัวเองโกหกได้ไม่เนียน แต่ยังดีที่อีกคนสนใจสภาพแวดล้อมมากกว่าจะหันมามองหน้าคนตอบ

                    “อยู่เข้าไปได้ไง ทั้งเก่า ทั้งแคบ คุณภาพชีวิตแย่มาก” มาแล้วไงคุณชายจอมเนี้ยบ เริ่มบ่นเรื่องคุณภาพชีวิตอีกแล้ว

                    “แหมข้าราชการเงินเดือนน้อยก็อย่างนี้แหละค่ะ จะไปเช่าคอนโดโก้หรูอยู่ คงได้กินมาม่าทั้งเดือน” น้องสาวไม่วายเถียงกลับ

                    “แล้วใครบังคับเรากัน บ้านเราลำบากหรือไงถึงต้องมาทำตัวลำบากแบบนี้ ฮึ” ปราณต์ หันกลับมามองน้องสาวตาเขียว อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ ชอบทำให้ตัวเองลำบาก แล้วยังทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงอีก นึกแล้วน่าจับตีก้นจริงๆ ยัยน้องสาวจอมดื้อคนนี้

                    “ต่ายก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ ทำงานกับชาวบ้านสนุกจะตาย คนที่นี่มีน้ำใจถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่แก่งแย่งชิงดีกันเหมือนคนเมืองกรุง” หญิงสาวเสียงอ่อนลง ชักแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาร่วม และก็ได้ผลทุกครั้งเพราะปราณต์เองก็มีท่าทีอ่อนลงเช่นกัน

                    “เรานี่นะ ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยรู้บ้างไหม” ปราณต์ ลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนใจ ทำอย่างไรได้ในเมื่อปราณปรียาเปรียบเหมือนลมหายใจของทุกคนในครอบครัว เขาซึ่งเป็นพี่ชายย่อมอยากเห็นน้องสาวมีความสุขอยู่แล้ว

                    “แล้วนี่พี่โต้งมาถูกทางได้ไง  แล้วตั้งใจมาหาต่าย หรือว่ามีธุระแถวนี้คะ” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากเชื้อเชิญให้พี่ชายนั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก

                    “ให้ตอบคำถามไหนก่อนหละ นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ทุกวันนี้นั่งจิ้มก็เห็นหลังคาบ้านกันละ  พอดีพี่มาดูที่ทำรีสอร์ทแถวนี้  เห็นกรรมการส่วนใหญ่สนใจอยากจะมาลงทุนทางภาคอีสาน เน้นกลุ่มลูกค้าที่รักธรรมชาติและชอบทำบุญไหว้พระ อ้อ เกือบลืมไปคุณแม่ฝากขนมมาให้เยอะแยะ” ว่าแล้วก็ลุกออกไปเรียกคนขับรถที่รออยู่ข้างนอกให้ยกของจากท้ายรถยุโรปคันงามออกมา มีถุงกระดาษหลายใบล้วนแต่เป็นขนมจากร้านชื่อดังที่หญิงสาวชอบทานทั้งนั้น

                    “กินหมดนี่คงได้อ้วนเป็นหมูตอนกันพอดี” ปราณปรียา เห็นอนาคตตัวเองรำไร แต่ก็อดยิ้มให้กับความรักความห่วงใยของคนเป็นแม่ไม่ได้

                    “พี่โต้งกินข้าวหรือยังคะ”

                    “นี่มันกี่โมงกันแล้ว” ปราณต์ ถามกลับพร้อมกับส่ายหน้าในความไม่มีวินัยของน้องสาว ซึ่งต่างกับเขาลิบลับ เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวดเพราะเป็นลูกชายคนแรก ที่บิดามารดาคาดหวังให้เป็นผู้ดูแลกิจการทุกอย่าง รวมทั้งความเป็นอยู่ของน้องสาวเพียงคนเดียวด้วย

                    “ลืมไปเลยว่าพูดอยู่กับคุณชายจอมเนี้ยบ” ปราณปรียา ลอยหน้าลอยตาล้อเลียนพี่ชาย

                    “เบื่อจะคุยกับเด็กไม่รู้จักโต คุณพ่อคุณแม่ตามใจเราซะจนเคยตัว” ว่าแล้วก็ลุกจากที่นั่ง จัดเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทาง

                    “อ้าว จะกลับแล้วเหรอคะ”

                    “พี่ต้องไปดูทำเลอีกหลายที่เพื่อจะได้นำเสนอที่ประชุมใหญ่ คงจะอยู่แถวนี้อีกหลายวัน ถ้าพอมีเวลาก่อนกลับพี่อาจจะแวะมาหาเราอีก”

                    “อย่าลืมซื้อแหนมเนืองไปฝากที่บ้านด้วยนะคะ ที่นี่เค้าทำอร่อยมากค่ะ” หญิงสาวรีบแนะนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทันที ขณะที่เดินมาส่งชายหนุ่มหน้าประตู ปราณต์หันกลับมาร่ำลาอีกครั้ง

                    “อ้อ...โจ๊กในถุงนั่น..”

                    “ทำไมคะ ! !” ปราณปรียา รีบพูดขึ้นแทบเป็นเสียงตะโกน พร้อมกับทำตาโต ปราณต์หรี่ตามองอย่างจับสังเกต ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เช่นเดิม

                    “พี่แค่จะบอกว่าถ้าซื้อมาหลายวันแล้ว ก็เอาไปทิ้งซะ อย่ากินของค้างคืนเดี๋ยวไม่สบาย”

                    “อ๋อ...” ลากเสียงยาวอย่างโล่งอก

                    แม้ว่าปราณต์จะรู้สึกผิดสังเกต แต่น้องสาวคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรที่นอกลู่นอกทางให้ต้องปวดหัวสักครั้ง จึงปล่อยผ่านไปก่อน เพราะเขาเองก็มีภารกิจสำคัญที่ต้องทำเช่นกัน


    ********************************************

    ตอนนี้มี " พี่ไก่โต้ง "  โผล่เข้ามา ฝากกันไว้ก่อนนะคะ

    จะมีเรื่องราวของเค้าเช่นกันค่ะ อิมเมจประมาณนี้ค่ะ คุณชายจอมเนี้ยบ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×