ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #13 : พระอาทิตย์ตกน้ำ

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 59


    อิตาผู้กอง จะแกล้งอะไรหนูกระต่ายอีกน้า...เอาภาพบรรยากาศไปฟินกันหน่อยนะค้า



              

         เจ้าเข้มค่อยๆ วิ่งมาตามถนนสายหลักก่อนจะชะลอและเลี้ยวเข้ามาภายในประตูวัดชื่อดังซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณสี่สิบกิโลเมตร ด้วยความที่สิ้นเกจิชื่อดังไปแล้วบรรยากาศภายในวัดจึงดูเงียบสงบ และร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ซึ่งล้วนเป็นต้นไม้ประจำท้องถิ่น

              ภวินท์เลือกจอดรถใต้ทิวต้นสนที่ปลูกเป็นแนวยาว สามารถบดบังแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ได้ดีทีเดียว

              “ถึงแล้วเหรอคะ นี่วัดไม่ใช่เหรอ” ปราณปรียา หันซ้ายขวาด้วยความสงสัย ขณะที่ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อคของตัวเองเสร็จเรียบร้อย และหันมาถอดหมวกของเธอบ้างโดยที่ยังไม่ตอบคำถาม

              หญิงสาวกระโดดลงจากรถบิดแขนบิดขาเพื่อไล่ความเมื่อยขบ เพราะไม่กล้าจะซบหลังของชายหนุ่มจึงได้แต่กำชายเสื้อแน่นจนตัวเกร็งไปหมด

              “ใครให้นั่งตัวเกร็งอย่างนั้นเล่า ไม่เป็นตะคริวก็ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มล้อเลียน

              “แล้วจ่าสมยศกับพี่ดาวอยู่ที่นี่กันเหรอคะ” ปราณปรียา รีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนอาการเขินอาย

              “ลงไปข้างล่างกัน” ชายหนุ่มชักชวนแทนคำตอบ พร้อมกับเดินนำหญิงสาวลงไปตามบันไดระยะทางประมาณห้าสิบเมตร ก็พบกับชะง่อนหินที่ยื่นลงไปในแม่น้ำโขง มีราวระเบียงกั้นไว้โดยรอบ

              ปราณปรียา รีบเดินไปเกาะราวระเบียงที่สูงเลยเอวของเธอเพียงนิดเดียว เพื่อจะได้มองทัศนียภาพที่สวยงามชัดๆ ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กๆเจอของเล่นถูกใจเป็นภาพที่ชวนมองสำหรับภวินท์มากกว่าทิวทัศน์เวลานี้เสียอีก

              หญิงสาวจ้องมองดูสายน้ำที่บางช่วงไหลแรง และบางช่วงไหลมารวมกันเป็นเกลียวพัดพาทุกสิ่งให้จมหายลงไป แม้กระทั่งท่อนไม้ใหญ่ก็ไม่อาจต้านทานได้ พอเงยหน้าขึ้นมาจากเกลียวน้ำภาพทุกอย่างกลับพร่าเลือนจนเธอไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้

              “กระต่าย ! !” ภวินท์ ผวาเข้าไปคว้าร่างของหญิงสาวได้ทัน ก่อนที่หัวจะทิ่มตกน้ำลงไป จากนั้นจึงช้อนตัวหญิงสาวขึ้นพาเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ สักครู่มีแม่ชีสองคนเดินเข้ามาดูอาการของปราณปรียา


              “ถ้าอาการดีขึ้นแล้วพาไปกราบหลวงปู่บนศาลาด้วยนะคุณ แม่หนูท่าจะเป็นคนจิตอ่อน ให้บารมีหลวงปู่ท่านช่วยคุ้มครอง” แม่ชีบอกเสียงเรียบ คล้ายกับว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก่อนจะยื่นยาดมให้แล้วเดินจากไปเงียบๆ เหมือนตอนมา

              ภวินท์ยังคงประคองหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน ขณะที่มือข้างหนึ่งแกว่งยาดมไปมาเพื่อให้หญิงสาวหายใจได้สะดวกขึ้น ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องลี้ลับของแม่น้ำสายนี้ขึ้นมาทันใด ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องสิ่งเร้นลับแต่เขาถือคติไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะสิ่งที่เกิดกับหญิงสาวตรงหน้าไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ 

              “แม่จ๋า ช่วยต่ายด้วย” ปราณปรียาพึมพำโดยที่ยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ความรู้สึกเหมือนโดนกดทับด้วยมวลของหนักที่แตะต้องสัมผัสไม่ได้ แม้แต่จะผลักไสออกไปก็ทำไม่ได้

    เธอใช้ความพยายามที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมาแต่ในห้วงคำนึงเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นปกปิดไว้อย่างแน่นหนา ช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานเหลือเกิน หัวใจกระหวัดนึกถึงผู้ให้กำเนิด ผู้ที่รักและห่วงใยตน นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทันใดนั้นสายลมเย็นพัดโชยมาวูบหนึ่งพร้อมกับแสงสว่างวาบเข้าสู่ประสาทรับรู้การมองเห็นของหญิงสาว 

    “ฟื้นแล้วเหรอ” ภวินท์ ทักขึ้นทันทีที่เห็นหญิงสาวเริ่มขยับตัว และกะพริบตา

    “คุณ..ฉันเป็นอะไรไป” ปราณปรียา ยังอยู่ในอาการงงงวย พยายามจับต้นชนปลาย

    “คงจะหน้ามืดไป” ภวินท์กล่าวสวนทางกับความคิดข้างต้น เพราะไม่อยากให้ปราณปรียารู้สึกหวาดกลัว หรือบางทีหญิงสาวอาจจะหาว่าเขาเพ้อเจ้อซะเอง

    “ฉันนี่นะหน้ามืด”

    “อืม..” ชายหนุ่มครางรับ “ลุกไหวไหม เดี๋ยวเราไปไหว้พระกัน”

    ตอนนี้เองที่ปราณปรียาเพิ่งสังเกตว่าตนเองกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในวงแขนของชายหนุ่ม พอตั้งสติได้จึงรีบกระโจนออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ไปกันเถอะค่ะ” พูดเสร็จก็เดินก้มหน้างุดๆ เพื่อซ่อนความเขินอาย ภวินท์รีบลุกตามและคว้าหมับเข้าที่หัวไหล่จนหญิงสาวสะดุ้งหันกลับมา

    “ทางนี้” ยักคิ้วพร้อมกับชี้มือไปอีกทาง ปราณปรียาได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับความเปิ่นของตัวเอง

    หลังจากที่พาปราณปรียาขึ้นไปไหว้พระเรียบร้อยแล้ว ภวินท์ยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจในคราวแรก จนหญิงสาวเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว

    “ตกลงเราไม่ต้องรีบไปตามจ่าสมยศกันหรือไงคะ”

    “อ้าว ผมยังไม่ได้บอกคุณหรอกเหรอ ว่าเปลี่ยนแผนนิดหน่อย” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย พร้อมกับแหงนหน้ามองไปทางทิศตะวันตก ส่วนคนถามทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม

    “จวนได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ” ว่าแล้วก็เดินนำไปยังรถที่จอดอยู่

    “เดี๋ยวก่อน ที่ว่าเปลี่ยนแผนเนี่ย แผนอะไรของคุณ”

    “เดี๋ยวก็รู้” ชายหนุ่มยังไม่ให้ความกระจ่าง ปล่อยให้ปราณปรียาฮึดฮัดกับท่าทางลับลมคมในของตนต่อไป


     ***************************************************************


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×