ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #12 : ไปหรือไม่ไป (2)

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 59






              “ฉันไปด้วยนะ..นะ ๆ” ปราณปรียาทำเสียงออดอ้อน ประกอบท่าทางที่หลับตาปริบๆ ให้ดูน่าสงสาร แต่อีกคนกลับส่ายหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยวแกมหมั่นไส้

              “แล้วรู้เหรอว่าผมจะไปไหน” ชายหนุ่มเอียงหน้าถามกลับ จึงเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของอีกฝ่าย

              “อ้าว ฉันก็นึกว่าคุณเป็นห่วงจ่าสมยศจะไปตามแกซะอีก ยังมีอารมณ์จะไปที่อื่นอีกหรือไง” ปราณปรียากระโดดลงรถ ก่อนตำหนิชายหนุ่มกลับไป ภวินท์ยิ้มขำกับท่าทางที่เปลี่ยนไปทันทีของหญิงสาว

              “ยังจะมายิ้มเยาะเย้ยอีก คนอะไรใจดำลูกน้องอยู่ในอันตรายไม่คิดจะช่วย” หญิงสาวโวย     

              “เป็นตุเป็นตะเชียว ที่ถามเนี่ยคิดดีแล้วเหรอที่จะไปกับผม ไม่กลัวโดนจับโยนน้ำโขงหรือไง” ชายหนุ่มส่ายหน้า พร้อมกับขู่เผื่อหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ซึ่งปราณปรียาถึงกับนิ่งและทำหน้าคิดตามที่เขาพูด

              “คุณไม่กล้าทำหรอกใช่ไหม คุณเป็นตำรวจนะจะทำผิดซะเองได้ยังไง” แม้จะนึกหวั่นแต่ก็ยังหาเหตุผลโต้แย้งในการที่จะตามไปอยู่ดี ภวินท์แกล้งทำหน้าดุยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะแสยะยิ้ม

              “น้อยไปสิ” ทำเสียงเย็น แต่คนฟังกลับใจดีสู้เสือไม่หลบแถมยังขู่กลับ

              “ฉันจะฟ้องคุณยายอวน ว่าคุณแกล้งฉัน”

              ภวินท์หุบยิ้ม แกล้งทำหน้าครุ่นคิด อีกฝ่ายจึงได้ใจคิดว่าชายหนุ่มคงจะกลัวแม่อวนมากถึงกับนิ่งไป

              “กลัวหละสิ เหอะ อย่าแม้แต่คิดเชียวเพราะว่าฉันมีไลน์คุณยาย แล้วฉันก็พิมพ์เร็วซะด้วย” ยืนกอดอกพูดด้วยความมั่นใจ พร้อมกับยักคิ้วหงึกหงักล้อเลียนชายหนุ่มเต็มที่  จนภวินท์ต้องกระแอมกระไอออกมาเพราะกลัวจะหลุดเสียงหัวเราะกับท่าทางของหญิงสาว

              “เด็กบ๊องเอ๊ย หลอกง่ายจริงเชียว” ชายหนุ่มส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง

              “ให้ไปด้วยก็ได้ แต่อย่าฟ้องย่าอวนนะขี้เกียจฟังคนแก่บ่น” ชายหนุ่มสวมบทบาทคนกลัวย่าต่อไป เพราะเห็นท่าทางน่าหมั่นไส้แล้วอยากแกล้งให้เข็ด

              ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องพัก เพื่อจะหยิบหมวกกันน็อคอีกใบมาให้หญิงสาว สัญญาณจากแอปพลิเคชั่นไลน์ในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  เมื่อภวินท์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตมาดูจึงเห็นว่าเป็นข้อความจากจ่าสมยศ

              ( ขอโทษคร้าบเจ้านาย ) พร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้มา

              ( รู้ตัวก็ดี )  ภวินท์พิมพ์ข้อความตอบกลับ จากนั้นจึงเป็นการสนทนาผ่านไลน์ไปมา

              ( กลับไปจะให้สำเร็จโทษทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ครับผม )

              ( เคลียร์ปัญหาตัวเองให้จบ กลับมาโดนแน่ )

              ( นายแม่ท่านเคลียร์ให้แล้วครับ แถมยังสวดผมอีกหลายชุด )

              ( ก็สมควร...ตกลงจะกลับเองนะ )

              ( คร้าบกระผม มิกล้ารบกวนเจ้านายมาตามดอกขอรับ ) มิวายก่อกวนอวัยวะเบื้องล่าง กระทั่งผ่านไลน์ ยังทำเอาคนอ่านมีอารมณ์อยากกระทืบ

              ผลคือจ่าสมยศ ได้รับสติ๊กเกอร์ควันออกหูกลับไป และสิ้นสุดการแชทเพียงเท่านั้น

     

              ภวินท์กลับออกมาด้วยท่าทางปกติและยื่นหมวกกันน็อคส่งให้หญิงสาว แล้วขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับพร้อมกับจัดการกับหมวกของตัวเองเรียบร้อย แต่ปราณปรียาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นมานั่งซ้อนท้าย

              “ใส่ไม่เป็นก็ไม่บอก...มานี่” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ จับนู่นจับนี่วุ่นวายไปหมด

              “ก็ฉันไม่เคยใช้หมวกกันน็อคเต็มใบแบบนี้นี่นา ใส่ยากชะมัด” บ่นอุบอิบ ขณะที่สาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่ม

              ภวินท์จับศีรษะของปราณปรียาโน้มเข้ามาใกล้เพื่อจะได้จัดการกับหมวกกันน็อคได้ถนัดขึ้น แต่หญิงสาวกลับดิ้นยุกยิกจึงเอ็ดเข้าให้

              “อยู่นิ่งๆก่อน ผมไม่ถนัด” เป็นการดุที่ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายนิ่งได้ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะรู้สึกประหม่ากับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จึงได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม

              ส่วนอีกคนก็นึกเอ็นดูแม่กระต่ายเมืองกรุงแสนแสบ  ที่เมื่อครู่ยังยักคิ้วอย่างผู้ชนะแต่ตอนนี้ดูประหม่าจนไม่เป็นตัวของตัวเองซะเลย

              “เสร็จแล้ว...ไปกันเถอะ”

              ปราณปรียา รู้สึกโล่งอกเมื่อสถานการณ์อึดอัดผ่านไป ไม่งั้นเธอคงได้เป็นลมไปก่อน แค่อยู่ใกล้ผู้ชายนิดๆ หน่อยๆ ทำเอาไปไม่เป็น นึกแล้วก็โมโหตัวเองจริงๆ ที่ไม่สามารถควบคุมอาการของตัวเองได้

              ปราณปรียาขึ้นนั่งซ้อนท้ายแต่เว้นช่องว่างไว้ระหว่างเขาและเธอ เพราะตอนนี้ภวินท์ได้ย้ายกระเป๋าของเขาไปสะพายไว้ข้างหน้า เพื่อให้คนซ้อนนั่งได้ถนัดขึ้น

              “ถ้าตกลงไปแข้งขาหักผมไม่รับผิดชอบนะ...ขยับเข้ามาเกาะเอวผม...เร็วสิคุณ” ชายหนุ่มสั่งเสียงดุจริงจัง จนหญิงสาวต้องรีบทำตามที่เขาบอกก่อนที่เจ้าเข้มจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และปราณปรียาก็เห็นจริงตามที่ภวินท์บอก ถ้าไม่เกาะไว้แน่นๆ มีหวังได้ร่วงลงไปขาหักจริงๆ

              ภาพของผู้กองหนุ่มและพัฒนากรสาว ซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งผ่านแฟลตตำรวจเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ตกอยู่ในสายตาสามคู่ ซึ่งมองอย่างหลากหลายอารมณ์

              กนกวลี  ลูกสาวดาบเรืองที่อยู่แฟลตตรงข้ามมองภาพที่เห็นด้วยสายตาเปล่งประกายแห่งความไม่พอใจ เมื่อชายคนที่ตนหมายปองไปกับผู้หญิงคนอื่น แล้วยังเป็นคนที่พึ่งมา ผิดกับเธอที่เฝ้ามองชายหนุ่มมาตั้งนาน นึกแล้วก็แค้นใจนัก

              “ไหงไปด้วยกันได้หละคู่นี้” ศรุต ผู้หมวดรุ่นน้องมองตามรถของภวินท์ด้วยความแปลกใจ และก็ต้องแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อไม่คิดว่าจะได้เห็นใครบางคนแถวนี้

              “อะแฮ่ม...เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลมีโครงการเยี่ยมบ้านตำรวจด้วยเหรอครับ” ผู้หมวดหนุ่มพูดจายียวนกวนประสาทด้วยความเคยชิน

              พิมพ์ชนก รีบชักมือไปไขว้ไว้ข้างหลัง ซ่อนสิ่งที่ถือไว้ให้พ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของชายหนุ่ม เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

              “สักครั้งไหม” หมอสาว พูดเสียงเรียบทั้งที่ยังเชิดหน้าอยู่และไม่ได้มองหน้าคนกวนประสาทด้วยซ้ำ

              “อะไรของคุณ” ศรุต ทำหน้างงกับคำพูดของหมอสาว พร้อมกับก้าวขายาวๆ เข้าไปฟังใกล้ๆ แต่ดูเหมือนจะใกล้เกินไปจนพิมพ์ชนกต้องเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังสองก้าวเพื่อปักหลัก พร้อมกับตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มเสียงดัง

              “ไม่ยุ่งเรื่องของฉันสักครั้งได้ไหม ! !” พูดเสร็จก็สะบัดหน้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นเธอรู้ดีว่าจะต้องโดนศรุตหาเรื่องแกล้งอีกจนได้

              “ฮึ่ม...ยัยหมอโรคจิต” หลังจากหายมึน ก็รีบตะโกนไล่หลังคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไปต่อหน้า แล้วก็ต้องนึกขำกับท่าทางหลุดๆ ของคุณหมอสาวที่ใครๆ ก็ให้ฉายาว่าเธอคือเจ้าหญิงประจำโรงพยาบาลโดยแท้ มีเพียงเขาที่ชอบแกล้งให้หมอสาวแสดงอาการโกรธ หรือโมโหเวลาที่โดนก่อกวน

     

     

    ************************************************

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×