คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ไปหรือไม่ไป (2)
“ฉันไปด้วยนะ..นะ ๆ”
ปราณปรียาทำเสียงออดอ้อน ประกอบท่าทางที่หลับตาปริบๆ ให้ดูน่าสงสาร แต่อีกคนกลับส่ายหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยวแกมหมั่นไส้
“แล้วรู้เหรอว่าผมจะไปไหน”
ชายหนุ่มเอียงหน้าถามกลับ จึงเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของอีกฝ่าย
“อ้าว
ฉันก็นึกว่าคุณเป็นห่วงจ่าสมยศจะไปตามแกซะอีก ยังมีอารมณ์จะไปที่อื่นอีกหรือไง”
ปราณปรียากระโดดลงรถ ก่อนตำหนิชายหนุ่มกลับไป
ภวินท์ยิ้มขำกับท่าทางที่เปลี่ยนไปทันทีของหญิงสาว
“ยังจะมายิ้มเยาะเย้ยอีก คนอะไรใจดำลูกน้องอยู่ในอันตรายไม่คิดจะช่วย” หญิงสาวโวย
“เป็นตุเป็นตะเชียว ที่ถามเนี่ยคิดดีแล้วเหรอที่จะไปกับผม
ไม่กลัวโดนจับโยนน้ำโขงหรือไง” ชายหนุ่มส่ายหน้า
พร้อมกับขู่เผื่อหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ
ซึ่งปราณปรียาถึงกับนิ่งและทำหน้าคิดตามที่เขาพูด
“คุณไม่กล้าทำหรอกใช่ไหม
คุณเป็นตำรวจนะจะทำผิดซะเองได้ยังไง”
แม้จะนึกหวั่นแต่ก็ยังหาเหตุผลโต้แย้งในการที่จะตามไปอยู่ดี ภวินท์แกล้งทำหน้าดุยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะแสยะยิ้ม
“น้อยไปสิ” ทำเสียงเย็น
แต่คนฟังกลับใจดีสู้เสือไม่หลบแถมยังขู่กลับ
“ฉันจะฟ้องคุณยายอวน ว่าคุณแกล้งฉัน”
ภวินท์หุบยิ้ม
แกล้งทำหน้าครุ่นคิด อีกฝ่ายจึงได้ใจคิดว่าชายหนุ่มคงจะกลัวแม่อวนมากถึงกับนิ่งไป
“กลัวหละสิ เหอะ
อย่าแม้แต่คิดเชียวเพราะว่าฉันมีไลน์คุณยาย แล้วฉันก็พิมพ์เร็วซะด้วย”
ยืนกอดอกพูดด้วยความมั่นใจ พร้อมกับยักคิ้วหงึกหงักล้อเลียนชายหนุ่มเต็มที่
จนภวินท์ต้องกระแอมกระไอออกมาเพราะกลัวจะหลุดเสียงหัวเราะกับท่าทางของหญิงสาว
“เด็กบ๊องเอ๊ย หลอกง่ายจริงเชียว”
ชายหนุ่มส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง
“ให้ไปด้วยก็ได้
แต่อย่าฟ้องย่าอวนนะขี้เกียจฟังคนแก่บ่น” ชายหนุ่มสวมบทบาทคนกลัวย่าต่อไป
เพราะเห็นท่าทางน่าหมั่นไส้แล้วอยากแกล้งให้เข็ด
ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องพัก
เพื่อจะหยิบหมวกกันน็อคอีกใบมาให้หญิงสาว
สัญญาณจากแอปพลิเคชั่นไลน์ในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อภวินท์ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตมาดูจึงเห็นว่าเป็นข้อความจากจ่าสมยศ
( ขอโทษคร้าบเจ้านาย )
พร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้มา
( รู้ตัวก็ดี ) ภวินท์พิมพ์ข้อความตอบกลับ
จากนั้นจึงเป็นการสนทนาผ่านไลน์ไปมา
( กลับไปจะให้สำเร็จโทษทุกอย่าง
โดยไม่มีข้อแม้ครับผม )
( เคลียร์ปัญหาตัวเองให้จบ กลับมาโดนแน่
)
( นายแม่ท่านเคลียร์ให้แล้วครับ
แถมยังสวดผมอีกหลายชุด )
( ก็สมควร...ตกลงจะกลับเองนะ )
( คร้าบกระผม มิกล้ารบกวนเจ้านายมาตามดอกขอรับ ) มิวายก่อกวนอวัยวะเบื้องล่าง กระทั่งผ่านไลน์ ยังทำเอาคนอ่านมีอารมณ์อยากกระทืบ
ผลคือจ่าสมยศ
ได้รับสติ๊กเกอร์ควันออกหูกลับไป และสิ้นสุดการแชทเพียงเท่านั้น
ภวินท์กลับออกมาด้วยท่าทางปกติและยื่นหมวกกันน็อคส่งให้หญิงสาว
แล้วขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับพร้อมกับจัดการกับหมวกของตัวเองเรียบร้อย
แต่ปราณปรียาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นมานั่งซ้อนท้าย
“ใส่ไม่เป็นก็ไม่บอก...มานี่”
ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ จับนู่นจับนี่วุ่นวายไปหมด
“ก็ฉันไม่เคยใช้หมวกกันน็อคเต็มใบแบบนี้นี่นา
ใส่ยากชะมัด” บ่นอุบอิบ ขณะที่สาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่ม
ภวินท์จับศีรษะของปราณปรียาโน้มเข้ามาใกล้เพื่อจะได้จัดการกับหมวกกันน็อคได้ถนัดขึ้น
แต่หญิงสาวกลับดิ้นยุกยิกจึงเอ็ดเข้าให้
“อยู่นิ่งๆก่อน ผมไม่ถนัด”
เป็นการดุที่ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายนิ่งได้ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะรู้สึกประหม่ากับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น
จึงได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
ส่วนอีกคนก็นึกเอ็นดูแม่กระต่ายเมืองกรุงแสนแสบ
ที่เมื่อครู่ยังยักคิ้วอย่างผู้ชนะแต่ตอนนี้ดูประหม่าจนไม่เป็นตัวของตัวเองซะเลย
“เสร็จแล้ว...ไปกันเถอะ”
ปราณปรียา รู้สึกโล่งอกเมื่อสถานการณ์อึดอัดผ่านไป
ไม่งั้นเธอคงได้เป็นลมไปก่อน แค่อยู่ใกล้ผู้ชายนิดๆ หน่อยๆ ทำเอาไปไม่เป็น
นึกแล้วก็โมโหตัวเองจริงๆ ที่ไม่สามารถควบคุมอาการของตัวเองได้
ปราณปรียาขึ้นนั่งซ้อนท้ายแต่เว้นช่องว่างไว้ระหว่างเขาและเธอ
เพราะตอนนี้ภวินท์ได้ย้ายกระเป๋าของเขาไปสะพายไว้ข้างหน้า
เพื่อให้คนซ้อนนั่งได้ถนัดขึ้น
“ถ้าตกลงไปแข้งขาหักผมไม่รับผิดชอบนะ...ขยับเข้ามาเกาะเอวผม...เร็วสิคุณ”
ชายหนุ่มสั่งเสียงดุจริงจัง
จนหญิงสาวต้องรีบทำตามที่เขาบอกก่อนที่เจ้าเข้มจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
และปราณปรียาก็เห็นจริงตามที่ภวินท์บอก ถ้าไม่เกาะไว้แน่นๆ
มีหวังได้ร่วงลงไปขาหักจริงๆ
ภาพของผู้กองหนุ่มและพัฒนากรสาว
ซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งผ่านแฟลตตำรวจเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ตกอยู่ในสายตาสามคู่
ซึ่งมองอย่างหลากหลายอารมณ์
กนกวลี
ลูกสาวดาบเรืองที่อยู่แฟลตตรงข้ามมองภาพที่เห็นด้วยสายตาเปล่งประกายแห่งความไม่พอใจ
เมื่อชายคนที่ตนหมายปองไปกับผู้หญิงคนอื่น แล้วยังเป็นคนที่พึ่งมา
ผิดกับเธอที่เฝ้ามองชายหนุ่มมาตั้งนาน นึกแล้วก็แค้นใจนัก
“ไหงไปด้วยกันได้หละคู่นี้” ศรุต
ผู้หมวดรุ่นน้องมองตามรถของภวินท์ด้วยความแปลกใจ
และก็ต้องแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อไม่คิดว่าจะได้เห็นใครบางคนแถวนี้
“อะแฮ่ม...เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลมีโครงการเยี่ยมบ้านตำรวจด้วยเหรอครับ”
ผู้หมวดหนุ่มพูดจายียวนกวนประสาทด้วยความเคยชิน
พิมพ์ชนก รีบชักมือไปไขว้ไว้ข้างหลัง
ซ่อนสิ่งที่ถือไว้ให้พ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของชายหนุ่ม
เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
“สักครั้งไหม” หมอสาว
พูดเสียงเรียบทั้งที่ยังเชิดหน้าอยู่และไม่ได้มองหน้าคนกวนประสาทด้วยซ้ำ
“อะไรของคุณ” ศรุต
ทำหน้างงกับคำพูดของหมอสาว พร้อมกับก้าวขายาวๆ เข้าไปฟังใกล้ๆ
แต่ดูเหมือนจะใกล้เกินไปจนพิมพ์ชนกต้องเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังสองก้าวเพื่อปักหลัก
พร้อมกับตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มเสียงดัง
“ไม่ยุ่งเรื่องของฉันสักครั้งได้ไหม ! !”
พูดเสร็จก็สะบัดหน้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ไม่อย่างนั้นเธอรู้ดีว่าจะต้องโดนศรุตหาเรื่องแกล้งอีกจนได้
“ฮึ่ม...ยัยหมอโรคจิต” หลังจากหายมึน
ก็รีบตะโกนไล่หลังคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไปต่อหน้า
แล้วก็ต้องนึกขำกับท่าทางหลุดๆ ของคุณหมอสาวที่ใครๆ
ก็ให้ฉายาว่าเธอคือเจ้าหญิงประจำโรงพยาบาลโดยแท้ มีเพียงเขาที่ชอบแกล้งให้หมอสาวแสดงอาการโกรธ
หรือโมโหเวลาที่โดนก่อกวน
************************************************
ความคิดเห็น