ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #11 : ไปหรือไม่ไป

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 59


    ช่วงนี้อาจจะ 2-3 วันมาครั้งนะคะ หรืออาจเป็นอาทิตย์เลย มีงานมะรุมมะตุ้มหลายอย่าง ต้องขออภัยรีดเดอร์ที่ติดตามกันมาตลอดด้วยค่ะ เพราะไรท์แต่งไปอัพไปค่ะ คิดเห็นยังไงก็เม้นท์บอกกันได้นะคะ ไรท์จะได้นำไปปรับปรุงค่ะ  รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ อ่านให้สนุกนะคะ

    *************************************************************************


              ปราณปรียา นอนแผ่หราปล่อยให้พัดลมโกรกอย่างเต็มที่เนื่องจากอากาศในช่วงบ่ายเริ่มร้อน จึงต้องลากสังขารลงมานอนชั้นล่าง และเพราะกินเข้าไปเยอะส่งผลให้ง่วงจนไม่อาจจะทนไหว ถ้าไม่รีบขอตัวกลับมาก่อนมีหวังแม่อวนคงขนของกินออกมาอีกเพียบ

              ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขณะที่คนนอนหลับกำลังพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนใหม่ เป็นอันต้องตะเกียกตะกายลุกเดินไปยังต้นเหตุ เพราะเสียงเคาะประตูเริ่มรัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ

              “มาแล้วค่า” หญิงสาวตะโกนบอก พร้อมกับเปิดประตูออกกว้าง ทั้งที่ตายังลืมไม่เต็มที่ ส่งผลให้ผู้มาเยือนส่ายหน้าอย่างขบขันกับสภาพของหญิงสาว

              “เฮ้อ เป็นสาวเป็นนางริอ่านนอนกลางวัน หัวฟูเหมือนสิงโตแถมยังน้ำลายยืดอีก” ภวินท์ แกล้งยัดข้อกล่าวหาเพิ่มเติมให้หญิงสาว

              ปราณปรียา ถึงกับตื่นพอได้ยินเสียงคุ้นหูพร้อมกับทำตาโตมองหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะได้สติรีบยกมือขึ้นลูบผมเป็นพัลวัน ตามด้วยปาดฝ่ามือมั่วๆ เช็ดคราบน้ำลายซึ่งไม่รู้ว่าเปื้อนเปรอะอยู่ตรงไหนบ้าง

              “หึ หึ” ภวินท์ หลุดเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดู

              “นี่ คุณแกล้งฉันอีกแล้วใช่ไหม” หญิงสาวแว้ดใส่ อย่างเหลืออดในความขี้อำของเขา นี่เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่รู้จักกับเขามาสองวันโดนแกล้งไปกี่ครั้งแล้ว

              “เปล่าสักหน่อย เอ้านี่คุณลืมของไว้” ชายหนุ่มปฏิเสธหน้าตาเฉย พร้อมกับยื่นของในมือส่งให้ ปราณปรียารีบกลับจนลืมขันสีเงินที่ถือไปด้วยในตอนเช้า แต่พอรับขันกลับมาก็ต้องแปลกใจเพราะมีของหลายอย่างอยู่ในขันของเธอ

              “อะไรคะเยอะแยะเชียว” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย ขณะที่หยิบถุงขึ้นมาพิจารณา

              “คุณย่ากลัวคุณอดอยากก็เลยจัดกุนเชียง หมูยอ กับไส้กรอกมาให้” ชายหนุ่มเอ่ยบอกแกมเหน็บแนม หญิงสาวจึงส่งค้อนให้ พลางคิดไปว่าเขาคงนึกว่าเธอเป็นพวกตายอดตายอยากมาจากไหน แต่ถ้าเขาจะคิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด เพราะไม่ว่าเป็นเมนูคาวหวานวันนี้เธอซัดจนเกลี้ยง

              “อ้อ ถุงสีฟ้านั่นของผมนะ ฝากไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาเอา” เมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน เขาก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา

              “เรื่องอะไร ของใครก็เอาไปเก็บเองสิ” หญิงสาวไม่ยอมรับฝาก

              “ที่ห้องผมไม่มีตู้เย็น อะไรฝากนิดฝากหน่อยก็ไม่ได้ ใจดำจริง” พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ปราณปรียาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อปากต่อคำด้วย ได้แต่ทำปากขมุบขมิบและทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ พร้อมกับจ้องชายหนุ่มเขม็ง

              ก่อนที่สงครามหน้าห้องกำลังจะเริ่ม เสียงโทรศัพท์ของภวินท์ก็ดังขึ้น เขาจึงเป็นฝ่ายละสายตาก่อนเพื่อรับโทรศัพท์

              “ว่าไงหมวด” ชายหนุ่มทักปลายสายอย่างคุ้นเคย

              “อะไรนะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้วทำไมหมวดพึ่งบอกผม...อ้าวเหรอ...หมวดไปพักเถอะเดี๋ยวผมจัดการเอง” ชายหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที พอวางสายก็หันหลังจะเดินกลับห้องของตนเองโดยไม่ร่ำลาเจ้าของห้อง  แต่ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวที่คอยสังเกตการณ์อยู่วิ่งมาดักทางไว้

              ภวินท์ทำหน้าดุใส่หญิงสาว เขาไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเธอต่อ แต่อีกฝ่ายยังทู่ซี้ไม่ยอมหลบ

              “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมคุณทำหน้าเครียดแบบนี้” หญิงสาวถามออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะสังหรณ์ใจบางอย่าง

              “ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกน่า” ชายหนุ่มทำหน้ายุ่ง เพราะเรื่องร้อนใจที่ตำรวจรุ่นน้องโทรมาแจ้งข่าว ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสาย แต่บังเอิญชายหนุ่มเพิ่งเปิดโทรศัพท์

              “เกี่ยวกับจ่าสมยศหรือเปล่าคะ” สุดท้ายก็ตัดสินใจถามออกไป ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ปราณปรียาจึงเล่าเรื่องเมื่อตอนสายหลังจากที่เธอกลับจากบ้านแม่อวน ก็เจอกับจ่าสมยศที่อาการเหมือนคนเมาค้างลนลานเข้ามาถามหาดาวประกาย  พอได้คำตอบก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที หญิงสาวจะร้องห้ามก็ห้ามไม่ทัน จะบอกให้ดาวประกายรู้ก็ลืมขอเบอร์โทรศัพท์อีกฝ่ายไว้ ส่วนอีกใจหนึ่งก็คิดว่าจ่าสมยศคงจะไปตามง้อภรรยากลับบ้าน พอคิดได้อย่างนั้นจึงคลายความกังวลลงไปและกลับเข้าห้องพักเพื่อจัดการงานบ้านที่เป็นอีกงานประจำสำหรับวันหยุดเช่นนี้  พอตกบ่ายหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนหญิงสาวจึงเลือกจะพักผ่อนสายตาจนกระทั่งภวินท์มาเคาะประตูห้อง

              “ฉันคิดว่าจ่าสมยศคงจะไปตามง้อพี่ดาวกลับบ้าน ก็เลยไม่ได้บอกใคร” ทำเสียงอ่อย

              “เฮ้อ..คงไม่เป็นไรหรอกถ้าจ่าสมยศไม่ขับรถสายตรวจไป” และถ้าไม่เมาค้างด้วย ชายหนุ่มถอนหายใจ เห็นทีคราวนี้คงต้องจับเข่าคุยกันจริงจังซะแล้ว 

              “แล้วคุณจะไปตามแกที่ไหนคะ ป่านนี้ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” ปราณปรียา นึกเป็นห่วงว่าจ่าสมยศอาจไปไม่ถึงที่หมาย เมื่อหญิงสาวถามขึ้นมาชายหนุ่มจึงคิดตามหลักเหตุผล ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นคงมีคนรายงานเข้ามาแล้ว และดูจากเวลาจ่าสมยศน่าจะถึงที่หมายโดยปลอดภัย จึงคลายความร้อนรนลง

              “แล้วคุณคิดว่าจ่าสมยศจะไปที่ไหนหละ” ชายหนุ่มถามกลับแทนคำตอบ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของตนเอง  ปล่อยให้หญิงสาวพ่นลมหายใจด้วยความขุ่นเคืองที่โดนกวนประสาทอีก

              สิบนาทีต่อมาผู้กองหนุ่มสะพายกระเป๋าเป้คู่ใจไว้บนหลังพร้อมกับจูงเจ้าเข้มออกมาจอดที่หน้าห้องพัก ปิดล็อคประตูห้องเรียบร้อยก่อนก้าวยาวๆ ขึ้นควบบนมอเตอร์ไซค์คู่ใจ พร้อมกับหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวมแต่ยังไม่ทันได้ใส่ก็ต้องตกใจเกือบหงายหลังเมื่อมีตัวอะไรสักอย่างกระโดดเกาะกระเป๋าของเขาอย่างรวดเร็ว 

              “เฮ้ย...” ชายหนุ่มหน้าเหวอ เมื่อหันกลับไปเจอสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับมนุษย์ผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายอยู่ แถมยังเกาะกระเป๋าแน่นไม่ยอมปล่อย


    ********************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×