คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : แพทย์หญิงพิมพ์ชนก (2)
แพทย์หญิงพิมพ์ชนก เดินเข้ามาในห้องพักสำหรับแพทย์พร้อมกับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้
และเอนหลังพิงพนักด้วยความเหนื่อยล้าจากการผ่าตัด แม้จะอยากพักผ่อนให้เต็มที่แต่ดูเหมือนจะมีเรื่องที่รบกวนจิตใจของหมอสาวจนสะบัดทิ้งไม่ได้
หญิงสาวหลับตาลงและหวนคิดไปถึงครั้งแรกที่ได้พบกับภวินท์
ในตอนนั้นเธอและเพื่อนๆ เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย
ซึ่งเลือกจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่ห่างไกล
และขาดแคลนแพทย์ในหลายสาขา โดยเฉพาะโรงพยาบาลในต่างอำเภอ เธอเรียนทางด้านศัลยแพทย์
จึงคอยดูแลเคสที่ต้องทำการผ่าตัด
และภวินท์เป็นเคสที่หญิงสาวได้ลงมือผ่าตัดเป็นคนแรกในการฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้
สภาพของชายหนุ่มในตอนนั้นสาหัสพอสมควร แม้จะโดนยิงที่ไหล่ขวากระสุนฝังในซึ่งไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญแต่กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลทำให้ชายหนุ่มเสียเลือดไปมาก
จนเกือบช็อคหากไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
กระนั้นการผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยฝีมือของเธอที่มีหมอใหญ่คอยกำกับอยู่ข้างๆ
ชายหนุ่มนอนไม่ได้สติหนึ่งวันกับหนึ่งคืน
ไม่มีญาติพี่น้องมาเฝ้าไข้มีเพียงผู้บังคับบัญชาและลูกน้องซึ่งก็เป็นผู้ชายแวะมาเยี่ยมในตอนกลางวัน
เธอจึงคอยเฝ้าไข้ในเวลากลางคืนด้วยเป็นห่วงคนไข้รายแรกที่เธอช่วยชีวิตไว้กับมือ หญิงสาวยอมรับว่า
ภวินท์เป็นผู้ชายที่มีผิวพรรณหน้าตาดีแต่เหตุใดจึงไม่มีญาติพี่น้องมาดูแลเหมือนคนไข้คนอื่น
และในคืนวันหนึ่งที่พิมพ์ชนกยังคงเข้ามาดูคนไข้หนุ่มของเธอเหมือนทุกวัน
ซึ่งเป็นเวลาที่ชายหนุ่มหลับและเธอคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น
หญิงสาวเดินเข้าไปหยุดข้างเตียงของผู้ป่วย
แม้ว่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่เขายังอ่อนเพลียอยู่มากจึงยังต้องให้น้ำเกลือต่อ
หญิงสาวมองดูแผลที่หัวไหล่แล้วพาลคิดไปถึงคำพูดของตำรวจนายหนึ่ง
ซึ่งเป็นคนที่พาภวินท์มาส่งโรงพยาบาล
“ผมขอโทษนะครับเจ้านาย
ถ้าผมรอบคอบกว่านี้เจ้านายคงไม่โดนยิง” ตำรวจคนนั้นพร่ำขอโทษ
ที่เป็นต้นเหตุให้ชายหนุ่มต้องบาดเจ็บปางตาย และหลายคำที่เขาพร่ำพูดกับคนที่ไม่ได้สติในตอนนั้น
ซึ่งหญิงสาวพอจะจับใจความได้ว่านายตำรวจหนุ่มต้องเป็นคนที่รักลูกน้องมาก
และยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับชีวิตของลูกน้อง เมื่อคิดอย่างนั้นพิมพ์ชนกจึงยิ้มน้อยๆ
ที่มุมปาก ในขณะที่หัวใจรู้สึกหวั่นไหวเพียงแค่ได้มองใบหน้าที่หลับสนิทของคนป่วย
เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้เช่นกัน
หญิงสาวตัดสินใจที่จะกลับไปพักผ่อนสักที หลังจากที่ยืนมองคนป่วยอยู่นานแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเดินก็พบว่าคนป่วยขยับริมฝีปากและมีเสียงงึมงำลอดไรฟัน ศีรษะสะบัดไปมาเหมือนคนละเมอ พิมพ์ชนกก้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะฟังว่าคนป่วยต้องการอะไร แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ คนป่วยกลับคว้าตัวเธอเข้าไปกอดซะแน่นจนคนที่ก้มหน้าอยู่แล้วเสียหลักแนบหน้ากับอกของชายหนุ่ม
พิมพ์ชนกรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ
ที่เป่ารดบริเวณขมับและเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตนเองจนต้องใช้เวลาในการรวบรวมความกล้าหันไปมองหน้าของคนป่วย
ก็พบว่าชายหนุ่มหลับไปแล้ว พิมพ์ชนกค่อยๆ
จับแขนของเขายกขึ้นเพื่อเธอจะได้เป็นอิสระ และจัดท่าทางให้คนป่วยได้นอนอย่างสบาย
จากนั้นจึงตัดใจรีบเดินออกมาจากห้องเพราะกลัวความรู้สึกของตนเอง
ที่เริ่มเอนเอียงไปให้คนไข้หนุ่มอย่างไม่สามารถห้ามได้
เช้าวันต่อมา
พิมพ์ชนกเข้าไปดูอาการของคนป่วยอีกครั้ง
แต่เป็นเพียงผู้ช่วยของคุณหมอใหญ่เจ้าของไข้ตัวจริง
ภวินท์รู้สึกตัวแล้วและดูอาการดีขึ้นมาก สามารถพูดคุยกับคุณหมอได้เหมือนคนปกติ
หญิงสาวได้แต่เพียงลอบมองชายหนุ่มเป็นบางครั้งเพราะกลัวว่าจะประหม่าจนเก็บอาการไม่อยู่
แม้ว่าคนป่วยจะจำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้ก็ตามที
“ที่จริงต้องขอบคุณหมอพิมพ์มากกว่า
เพราะเป็นคนลงมือทุกอย่าง” หมอมานพ เจ้าของไข้หันหน้ามาทางหมอฝึกหัด
ส่งผลให้พิมพ์ชนกยืนตัวเกร็งเพราะทำหน้าไม่ถูก
“ขอบคุณหมอพิมพ์นะครับ ที่ช่วยชีวิตผมไว้”
ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ พร้อมด้วยรอยยิ้มอิดโรย
ถึงอย่างนั้นก็ทำให้หญิงสาวตาพร่ามัวและชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มตอบกลับ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ
ที่ผ่านไปได้ด้วยดีก็เพราะมีอาจารย์หมอคอยแนะนำ” หญิงสาวถ่อมตัว
“มีลูกศิษย์น่ารักอย่างหมอพิมพ์แบบนี้
อาจารย์อย่างผมคงต้องถ่ายทอดวิชาให้ทุกกระบวนท่าเลย ว่าไหมครับผู้หมวด”
หมอมานพพูดติดตลก หันไปขอความเห็นจากผู้หมวดหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มขำกลับมา ส่วนหญิงสาวได้แต่ยืนแก้มแดงที่โดนอาจารย์ล้อต่อหน้าชายหนุ่ม
หลังจากที่ภวินท์ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเลยตลอดระยะเวลาที่ฝึกงานที่นี่
ถึงแม้ว่าบางครั้งจะแอบไปดูเขาที่ห้องพักช่วงที่ยังพักฟื้นอยู่
แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยด้วยและเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
อีกอย่างตลอดเวลาที่เธออยู่เฝ้าไข้ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้รับรู้เพราะเขายังไม่ได้สติ พิมพ์ชนกเพียรบอกกับตัวเองว่าความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาเป็นเพียงเพราะความใกล้ชิด
และอาจเกิดจากความรู้สึกสงสารที่เขาไม่มีใครมาดูแลในตอนนั้น
แต่เธอคิดผิดถนัด ยิ่งเวลาผ่านไปหญิงสาวกลับไม่เคยลืมความรู้สึกที่มีให้กับภวินท์
และความจริงที่ว่าเธอมีใจให้กับเขาเริ่มปรากฏชัดขึ้นทุกวัน
จนนำพาให้เธอต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะแพทย์หญิงอย่างเต็มตัว
แม้จะระลึกอยู่เสมอว่าอาจเป็นความรู้สึกของเธอฝ่ายเดียว แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ร่ำร้องให้เธอกลับมาเพื่อจะได้พบเขาอีกครั้ง
เกือบสองปีมาแล้วที่พิมพ์ชนกเฝ้ามองเขาฝ่ายเดียว แม้จะมีโอกาสได้พบกับชายหนุ่มอย่างที่หวังไว้ แต่เธอกลับสัมผัสได้เพียงความเหินห่างจากเขา เธอไม่เคยก้าวข้ามกำแพงของเขาได้เลย แม้ว่าภวินท์จะปฏิบัติกับเธอด้วยความสุภาพและให้เกียรติเสมอมา แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขาทำด้วยหน้าที่ของสุภาพบุรุษไม่ได้มีความนัยแอบแฝง ไม่ได้รู้สึกอย่างที่เธอรู้สึกกับเขาเลย
*********************************************
ความคิดเห็น