ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจรักภูธร

    ลำดับตอนที่ #10 : แพทย์หญิงพิมพ์ชนก (2)

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 59






              แพทย์หญิงพิมพ์ชนก  เดินเข้ามาในห้องพักสำหรับแพทย์พร้อมกับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ และเอนหลังพิงพนักด้วยความเหนื่อยล้าจากการผ่าตัด แม้จะอยากพักผ่อนให้เต็มที่แต่ดูเหมือนจะมีเรื่องที่รบกวนจิตใจของหมอสาวจนสะบัดทิ้งไม่ได้

              หญิงสาวหลับตาลงและหวนคิดไปถึงครั้งแรกที่ได้พบกับภวินท์ ในตอนนั้นเธอและเพื่อนๆ เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ซึ่งเลือกจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่ห่างไกล และขาดแคลนแพทย์ในหลายสาขา โดยเฉพาะโรงพยาบาลในต่างอำเภอ เธอเรียนทางด้านศัลยแพทย์ จึงคอยดูแลเคสที่ต้องทำการผ่าตัด

              และภวินท์เป็นเคสที่หญิงสาวได้ลงมือผ่าตัดเป็นคนแรกในการฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ สภาพของชายหนุ่มในตอนนั้นสาหัสพอสมควร แม้จะโดนยิงที่ไหล่ขวากระสุนฝังในซึ่งไม่ใช่อวัยวะที่สำคัญแต่กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลทำให้ชายหนุ่มเสียเลือดไปมาก จนเกือบช็อคหากไม่ใช่เพราะร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ กระนั้นการผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยฝีมือของเธอที่มีหมอใหญ่คอยกำกับอยู่ข้างๆ

              ชายหนุ่มนอนไม่ได้สติหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ไม่มีญาติพี่น้องมาเฝ้าไข้มีเพียงผู้บังคับบัญชาและลูกน้องซึ่งก็เป็นผู้ชายแวะมาเยี่ยมในตอนกลางวัน เธอจึงคอยเฝ้าไข้ในเวลากลางคืนด้วยเป็นห่วงคนไข้รายแรกที่เธอช่วยชีวิตไว้กับมือ หญิงสาวยอมรับว่า ภวินท์เป็นผู้ชายที่มีผิวพรรณหน้าตาดีแต่เหตุใดจึงไม่มีญาติพี่น้องมาดูแลเหมือนคนไข้คนอื่น

              และในคืนวันหนึ่งที่พิมพ์ชนกยังคงเข้ามาดูคนไข้หนุ่มของเธอเหมือนทุกวัน  ซึ่งเป็นเวลาที่ชายหนุ่มหลับและเธอคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น หญิงสาวเดินเข้าไปหยุดข้างเตียงของผู้ป่วย แม้ว่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่เขายังอ่อนเพลียอยู่มากจึงยังต้องให้น้ำเกลือต่อ หญิงสาวมองดูแผลที่หัวไหล่แล้วพาลคิดไปถึงคำพูดของตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่พาภวินท์มาส่งโรงพยาบาล

              “ผมขอโทษนะครับเจ้านาย ถ้าผมรอบคอบกว่านี้เจ้านายคงไม่โดนยิง” ตำรวจคนนั้นพร่ำขอโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้ชายหนุ่มต้องบาดเจ็บปางตาย และหลายคำที่เขาพร่ำพูดกับคนที่ไม่ได้สติในตอนนั้น ซึ่งหญิงสาวพอจะจับใจความได้ว่านายตำรวจหนุ่มต้องเป็นคนที่รักลูกน้องมาก และยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับชีวิตของลูกน้อง เมื่อคิดอย่างนั้นพิมพ์ชนกจึงยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ในขณะที่หัวใจรู้สึกหวั่นไหวเพียงแค่ได้มองใบหน้าที่หลับสนิทของคนป่วย เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้เช่นกัน

               หญิงสาวตัดสินใจที่จะกลับไปพักผ่อนสักที หลังจากที่ยืนมองคนป่วยอยู่นานแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเดินก็พบว่าคนป่วยขยับริมฝีปากและมีเสียงงึมงำลอดไรฟัน  ศีรษะสะบัดไปมาเหมือนคนละเมอ  พิมพ์ชนกก้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะฟังว่าคนป่วยต้องการอะไร แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ คนป่วยกลับคว้าตัวเธอเข้าไปกอดซะแน่นจนคนที่ก้มหน้าอยู่แล้วเสียหลักแนบหน้ากับอกของชายหนุ่ม

              พิมพ์ชนกรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดบริเวณขมับและเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตนเองจนต้องใช้เวลาในการรวบรวมความกล้าหันไปมองหน้าของคนป่วย ก็พบว่าชายหนุ่มหลับไปแล้ว พิมพ์ชนกค่อยๆ จับแขนของเขายกขึ้นเพื่อเธอจะได้เป็นอิสระ และจัดท่าทางให้คนป่วยได้นอนอย่างสบาย จากนั้นจึงตัดใจรีบเดินออกมาจากห้องเพราะกลัวความรู้สึกของตนเอง ที่เริ่มเอนเอียงไปให้คนไข้หนุ่มอย่างไม่สามารถห้ามได้

              เช้าวันต่อมา พิมพ์ชนกเข้าไปดูอาการของคนป่วยอีกครั้ง แต่เป็นเพียงผู้ช่วยของคุณหมอใหญ่เจ้าของไข้ตัวจริง ภวินท์รู้สึกตัวแล้วและดูอาการดีขึ้นมาก สามารถพูดคุยกับคุณหมอได้เหมือนคนปกติ หญิงสาวได้แต่เพียงลอบมองชายหนุ่มเป็นบางครั้งเพราะกลัวว่าจะประหม่าจนเก็บอาการไม่อยู่  แม้ว่าคนป่วยจะจำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้ก็ตามที

              “ที่จริงต้องขอบคุณหมอพิมพ์มากกว่า เพราะเป็นคนลงมือทุกอย่าง” หมอมานพ เจ้าของไข้หันหน้ามาทางหมอฝึกหัด ส่งผลให้พิมพ์ชนกยืนตัวเกร็งเพราะทำหน้าไม่ถูก

              “ขอบคุณหมอพิมพ์นะครับ ที่ช่วยชีวิตผมไว้” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ พร้อมด้วยรอยยิ้มอิดโรย ถึงอย่างนั้นก็ทำให้หญิงสาวตาพร่ามัวและชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มตอบกลับ

              “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่ผ่านไปได้ด้วยดีก็เพราะมีอาจารย์หมอคอยแนะนำ” หญิงสาวถ่อมตัว

              “มีลูกศิษย์น่ารักอย่างหมอพิมพ์แบบนี้ อาจารย์อย่างผมคงต้องถ่ายทอดวิชาให้ทุกกระบวนท่าเลย ว่าไหมครับผู้หมวด” หมอมานพพูดติดตลก หันไปขอความเห็นจากผู้หมวดหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มขำกลับมา ส่วนหญิงสาวได้แต่ยืนแก้มแดงที่โดนอาจารย์ล้อต่อหน้าชายหนุ่ม

              หลังจากที่ภวินท์ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเลยตลอดระยะเวลาที่ฝึกงานที่นี่  ถึงแม้ว่าบางครั้งจะแอบไปดูเขาที่ห้องพักช่วงที่ยังพักฟื้นอยู่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยด้วยและเพราะไม่รู้จะคุยอะไร  อีกอย่างตลอดเวลาที่เธออยู่เฝ้าไข้ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้รับรู้เพราะเขายังไม่ได้สติ  พิมพ์ชนกเพียรบอกกับตัวเองว่าความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาเป็นเพียงเพราะความใกล้ชิด  และอาจเกิดจากความรู้สึกสงสารที่เขาไม่มีใครมาดูแลในตอนนั้น

              แต่เธอคิดผิดถนัด ยิ่งเวลาผ่านไปหญิงสาวกลับไม่เคยลืมความรู้สึกที่มีให้กับภวินท์ และความจริงที่ว่าเธอมีใจให้กับเขาเริ่มปรากฏชัดขึ้นทุกวัน  จนนำพาให้เธอต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะแพทย์หญิงอย่างเต็มตัว  แม้จะระลึกอยู่เสมอว่าอาจเป็นความรู้สึกของเธอฝ่ายเดียว  แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ร่ำร้องให้เธอกลับมาเพื่อจะได้พบเขาอีกครั้ง

               เกือบสองปีมาแล้วที่พิมพ์ชนกเฝ้ามองเขาฝ่ายเดียว แม้จะมีโอกาสได้พบกับชายหนุ่มอย่างที่หวังไว้ แต่เธอกลับสัมผัสได้เพียงความเหินห่างจากเขา เธอไม่เคยก้าวข้ามกำแพงของเขาได้เลย แม้ว่าภวินท์จะปฏิบัติกับเธอด้วยความสุภาพและให้เกียรติเสมอมา แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขาทำด้วยหน้าที่ของสุภาพบุรุษไม่ได้มีความนัยแอบแฝง  ไม่ได้รู้สึกอย่างที่เธอรู้สึกกับเขาเลย

             

    *********************************************


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×