ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    oh my master มาสเตอร์ตัวร้าย กระตุกต่อมรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ฟิลลิ่ง > รูปวาดและคราบกาแฟ (80%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9
      0
      15 มี.ค. 57

     

    4

    ฟีลลิ่ง > รูปภาพและคาบกาแฟ

     

                เมื่อวานนี้ฉันเป็นลม... ฉันแทบไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นความจริง เมื่อฉันตื่นหรือเรียกว่าฟื้น ก็เจอกับป้าฟรองซ์ ซึ่งเป็นป้าของพี่ฟรีที่ฉันสนิทด้วยคนหนึ่ง

    คุณป้าบอกว่าฉันเป็นลมไปและพี่ฟรีดอมช่วยอุ้มฉันมา ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่พี่ฟรีดอมไม่ปล่อยฉันให้นอนตากแดดอยู่ตรงนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอายนิดๆ ด้วยที่ตัวเองดันเป็นลม หลังจากแพ้ในการวิ่งแข่งมาหมาดๆ

                ฉันลงมาเดินเล่นที่ชายหาด หลังจากนั่งจับเจ่าอยู่ในห้องทั้งครึ่งเช้า ทะเลตอนบ่ายนี่สวยดีนะ เอาจริงๆ ฉันว่าไม่ว่าทะเลตอนไหนมันก็สวยหมดแหละ อยู่ที่จะมองมุมไหนต่างหาก

    นึกถึงพี่ซีครามแฮะ อยากให้พี่ซีครามมาเที่ยวทะเลด้วยจัง

    จริงสินะ ฉันถ่ายรูปส่งไปให้พี่ซีครามดูได้นี่นา คิดแล้วฉันก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ถ่ายรูปท้องฟ้าและทะเลไปเรื่อย จนไม่รู้จะถ่ายอะไรต่อแล้ว จู่ๆ ก็มีใครบางคนพูดขึ้น

     

                “ให้ผมถ่ายบ้างสิ”

    ฉันหันไปมองผู้ชายผิวสีแทนสวย อายุคงมากกว่าฉันไม่กี่ปี ผมสีดำปลิวไปตามลมดูไม่เป็นทรง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั่นดูคุ้นอย่างประหลาด... ฉันต้องเคยเจอผู้ชายคนนี้แน่

    “คุณคือใครคะ ฉันคิดว่าเราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน”

     “ฮ่าๆ ผมเป็นหลานเจ้าของรีสอร์ทน่ะ”

    “หลานเจ้าของรีสอร์ท?” หลานเจ้าของรีสอร์ท ก็... พี่ฟรีดอมไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนะ พี่ฟรีดอมมีพี่ชาย ต้องใช่เขาแน่ๆ

    “พี่ฟีลลิ่ง พี่ฟีลลิ่งใช่มั้ยคะ”

    บุคคลตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม... จนฉันเริ่มไม่แน่ใจ นึกว่าทักคนผิดแล้วเชียว ตอนที่เขาลูบหัวฉันเบาๆ อย่างที่เขาชอบทำ

    “หน้าตาแบบนี้ ถึงจะหล่อน้อยกว่าฟรีก็เถอะ มีแต่พี่นั่นแหละ”

    “ไม่จริง พี่ฟีลลิ่งหล่อกว่าพี่ฟรีดอมตั้งเยอะ”

    “แต่ดาวก็ติดนายฟรีมากกว่าพี่นี่” เขาพูดเหมือนน้อยใจฉัน แต่นั่นมันอดีต ตอนที่พี่ฟรีดอมยังเป็นพี่ชายใจดีอยู่ไง

    “ฮ่าๆ ไม่ต้องหาคำปลอบใจหรอก ดาวใจดีเสมอ... แล้วนี่ทำไมมาถ่ายรูปคนเดียวล่ะ นายฟรีหายไปไหน”

    “ไม่รู้ค่ะ ดาวไม่เจอใครเลยแต่เช้าแล้ว”

    “แย่จริงนายฟรี งั้นพี่ยืมตัวดาวไปนั่งเล่นด้วยกันนะ”

    ฉันพยักหน้าถี่ๆ แล้วเดินตามพี่ฟีลลิ่งไป

     

                สถานที่ที่พี่ฟีลพาฉันมา เป็นมุมที่ทางรีสอร์ทจัดไว้เป็นสวนเล็กๆ มีเครื่องดื่มพร้อมเบเกอร์รี่บริการขายอยู่ด้วย แต่ที่ฉันมีปัญหาคือ... ราคา

    อย่างเค้กช็อกโกแล็ตชิ้นเล็กนิดเดียว ชิ้นละ 90 บาท ถึงมันจะน่ากินมากแค่ไหนก็เถอะ แต่ฉันก็อดใจไว้ เอาไว้ไปซื้อแถวบ้านถูกกว่าตั้งเยอะ

    ดังนั้นสิ่งที่ฉันสั่งก็คือ

                “ดาวอยากได้อะไร สั่งได้เลยนะพี่เลี้ยงเอง” พี่ฟีลเอ่อยอย่างใจดี แต่ฉันก็ยังเกรงใจเขาอยู่ดีน่ะนะ

    “น้ำเปล่าค่ะ”

    พนักงานมองหน้าฉันประมาณว่า เธอบ้าไปแล้ว แล้วหันไปสลับมองหน้าพี่ฟีลลิ่ง เขาเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร รอจน “ตอนนี้ดาวเป็นยังไงบ้าง” พี่ฟีลลิ่งถามเมื่อพนักงานเดินไปแล้ว

    ฉันงงสามวิ ก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่าสบายดี

    “พี่หมายถึงตอนนี้เรียนที่ไหน อะไรแบบนั้นน่ะ”

    “อ๋อ” ฉันพยักหน้าน้อยๆ “ก็ตอนนี้สบายดีค่ะ กำลังเรียนอยู่ที่…”

    เขาแค่ยิ้ม ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมพี่ฟฟีลลิ่งชอบยิ้ม... ฉันหมายถึงว่าทำไมพี่ชายยิ้ม อารมณ์ดี แต่น้องชายกลับอารมณ์แปลปวน

    “ฮ่าๆ แล้วนี่ระหว่างมานายฟรีแกล้งอะไรดาวบ้างมั้ย”

                ฉันนิ่งคิด ไอ้ที่เขาทำกับฉันตั้งแต่แกล้งเป็นโจร จนถึงชนะวิ่งแข่งมันเลยคำว่าแกล้งไปเยอะแล้ว

    “คงเยอะสินะ” เขาสรุปเอาง่ายๆ ทำให้ฉันไม่ต้องแฉ โชคดีของพี่ฟรีนะ

    “แล้วดาวมีแฟนรึยัง” ถ้าทีที่ถามนั้นดูสบายๆ เหมือนการคุยเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วๆ ไปมากกว่าจะถามจริงจัง

    “ไม่มีค่ะ”

    “ซีสินะ”

    “ตรงจุดเป๊ะ”

     “นายนั่นหวงตั้งแต่เด็ก ยังไม่เลิก”

    “ฮะๆ” ฉันหัวเราะ ก็จริงนะไอ้นิสัยหวงน้องของพี่ซีคราม บางทีฉันก็ว่ามันดูน่ารักดี แต่บางทีฉันก็ว่ามันน่ารำคาญเกินไป

     

    “จริงสิ”

    จู่ๆ พี่ฟีลลิ่งก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ฉันที่กำลังละเลียดไอศกรีมมะนาวเพลินๆ เกือบสำลักไอศกรีมออกมา (เขาพึ่งสั่งเพิ่ม หลังจากที่คงสงสารฉันซึ่งนั่งจิบน้ำเปล่า)

    “ฮ่าๆ ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น พี่แค่จะถามว่าดาวสนใจงานศิลปะมั้ย”

    ฉันทำตาโต งานศิลปะเป็นอะไรที่ไม่ใช่แค่ชอบ แต่ฉันรักมันมากเลยต่างหาก

    “ชอบค่ะ”

    “พี่อยากพาดาวไปดูอะไรหน่อย แต่ทานไอศกรีมให้หมดก่อนดีกว่า”

    ฉันรีบกินไอศกรีมในมืออย่างรวดเร็ว เพราะอยากไปดูงานศิลปะอะไรนั่นเร็วๆ ฉันมักจะตื่นเต้นแบบนี้เสมอเมื่อจะได้ดูงานศิลปะ ถึงมันจะดีหรือไม่ก็เถอะ

    “ไปกันเถอะค่ะ”

    “ฮ่าๆ” เขาหัวเราะสดใส ก่อนจะเดินมาจับมือฉันพาเดินเข้าไปในสวน

     

    #ห้านาทีต่อมา

    เขาไม่ได้พาฉันเดินเข้าไปในสวนอย่างที่ฉันคิด แต่พาฉันชมสวน ก่อนจะพาเข้ามาในสำนักงานของรีสอร์ทต่างหาก

    “รอตรงนี้แป๊บนะ”

    พี่ฟีลลิ่งไปหยิบอะไรบางอย่างในเก๊ะ แล้วเดินนำฉันเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง

     

    “เชิญครับ”

                ฉันแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่มองเห็นอยู่ในตอนนี้สักนิด มันไม่ใช่สิ่งของค่ามหาศาล ของหายากหรืออะไรแบบนั้น แต่มันเป็นภาพวาด... ภาพวาดที่เปลี่ยมไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกจนฉันขนลุกซู่

    วิวธรรมชาติทั้งท้องฟ้า ทะเล ภูเขา หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มันดูเหมือนฉันได้เข้าไปอยู่ในรูปวาดจริงๆ

                “ใครวาดคะ” ฉันอดถามไม่ได้

    “ลองทายดูสิ”

    “ต้องเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากแน่เลยค่ะ” ฉันเดา เพราะจากภาพเหล่านี้ มันแสดงถึงฝีมือของผู้วาดว่าต้องเก่งมาก

     


    talk ><
    ตอนนี้มาแปดสิบเปอร์เลย เยอะเนอะ
    แทนคำขอโทษที่แก้ไขคำผิดไปนาน ไม่ได้เพิ่มเลย เลยต้องมาแบบจุใจ><

    เดาได้มั้ยเอ่อยว่าใครเป็นคนวาด
    ถ้าเพื่อนๆ ทายถูกเฟรนซ์จะมาอัพให้เสาร์หน้า55
    ตอบได้ที่ช่องคอมเม้นน้า

    และเหมือนเดิมจ้า comment โหวด ใครยังไม่แอดเฟปก็แอดไว้ได้นะคะ
    จะได้ไม่พลาดการอัพเดรตเนอะ

    เจอกันจ้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×