คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่3 ความขัดแย้งของเหล่า นักรบ(1)
ความเดิมตอนที่แล้ว ไนน์ได้เดินทางไปโรงเรียนวันแรกในการเปิดภาคเรียนชั้นม.2ของเขา ระหว่างทางได้เจอกับเคโระเพื่อนสนิท แต่เพียงวันแรก เขาก็ไปสายเสียแล้ว
เมื่อเข้าห้องไปก็ได้พบกับคารินครูประจำชั้นสาวสวย เมื่อเขาได้แยกย้ายไปนั่ง ไนน์ได้ไปนั่งกับลูน่านักเรียนหญิงคนใหม่ทีเพิ่งย้ายมา
ระหว่างทางกลับบ้าน ไนน์ได้พบเด็กผู้หญิงกำลังโดนรุมทำร้ายอยู่บริเวณมุมตึกซึ่งเป็นที่ลับตาคน เขาได้เข้าไปช่วย แต่....เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา กลับพบว่าเขาอยู่ที่บ้านแล้ว!...
ตอนที่3 ความขัดแย้งของเหล่า นักรบ
แสงตะวันสาดส่องรับรุ่งอรุณในเช้านี้ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเช่นนี้ มีชายผู้หนึ่ง สูงประมาณ180 ร่างกายกำยำ ผมสีแดงและยาวประมาณบ่าถูกมัดรวบสูงเป็นเกลียวขึ้นไป สายตาเย็นชา ใบหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ปากเรียว ทุกอย่างนี้รวมอยู่ในใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าอันเขียวขจี ร่างกายสวมชุดเหมือนสมัยซามูไรเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีดาบซามูไรเหน็บอยู่ข้างเอว ชายหนุ่มลุกขึ้นขยี้ตา พลางบิดขี้เกียจ ก่อนหันมองสำรวจดูรอบๆ ต้นไม้ที่ถูกปลูกไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ ดอกไม้ที่ขึ้นแซมหญ้าที่เขียวขจี เหล่าสัตว์มากมายซึ่งมีให้เห็นอยู่จำนวนหนึ่ง ก่อนจะวิ่งหายไป เพราะความกลัวอันตรายจากชายหนุ่มผู้นี้
“คราวนี้เป็นซามูไรอยู่ในป่าซินะ” ชายผู้นั้นคิดในใจ ดูเหมือนเขาเริ่มเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับความฝันนี้แล้ว พลางเริ่มสาวเท้าก้าวเดิน แต่ทันใดนั้น.. มีเสือโคร่งร่างบึกบึน กระโดดพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ข้างหน้าเขา ชายหนุ่มเอี้ยวตัวหลบทันที กงเล็บของเสือโคร่งพลาดเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าไปอย่างเฉียดฉิว ก่อนมันจะหันมามองชายผู้นั้น สายตาแข็งกร้าวทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งนัก ชายหนุ่มชักดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมา พลางกวักมือเรียกเสือโคร่งตัวนั้น
เสือโคร่งเห็นดังนั้นก็กระโจนพุ่งเข้าสู่ชายหนุ่มทันที มันกระโดดขึ้นสูง หวังจะขย้ำเขาทั้งร่างในคราวเดียว ชายหนุ่มก้มตัวนั่งแทบติดพื้น หลบการโจมตีได้อย่างว่องไว ก่อนตวัดดาบเสยขึ้นเหนือศีรษะ
“ฉับ...โฮกกก!” เสียงพยัคฆ์คำรานก้องกังวานไปทั่วทั้งทุ่ง หางของมันถูกดาบของชายผู้นั้นตัด มันหันมามองก่อนกระโดดหนีเข้าป่าไป
“ทำไมเราต้องฟื้นขึ้นมาเจออันตรายเสียทุกทีเลยนี่” ดาบถูกเก็บเข้าฝัก ชายหนุ่มใช้หลังมือของตนปาดเหงื่อ ก่อนจะก้าวเดินต่อไป...
ท้องฟ้ายังคงสดใส สายน้ำยังคงไหลไปตามลำธารแต่ละสาย ก้อนเมฆจับตัวเป็นกลุ่มก้อนขาวนวลดั่งปุยนุ่น ต่างจากปัจจุบัน ที่แหล่งน้ำถูกทำลาย ท้องฟ้าดูมืดครึ้มในบางที่ สายฝนที่ส่งกลิ่นเหม็น บ้างก็เป็นกรด ปรากฏการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในทั่วทุกพื้นที่ของโลก อาหารขาดแคลนเนื่องด้วยสภาพบรรยากาศเหล่านี้ ทั้งหมดเป็นผลจากสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นแทบทั้งสิ้น มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองประเสริฐเหนือทุกๆสิ่ง สรรสร้างความคิดที่เกิดจาก”วิทยาศาสตร์” ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น และตั้งหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเป็นระเบียบ แต่ก็ยังมีช่องโหว่มากมายที่ทำให้เกิดผลร้ายต่อธรรมชาติขึ้น มนุษย์ผู้ที่คิดว่าตัวเองคือผู้ที่สรรสร้างทุกๆสิ่ง ก็เป็นผู้ที่ทำลายทุกๆสิ่งด้วยเช่นกัน
เขาเกลียดชังมนุษย์อยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังคิดว่ามีมนุษย์อีกหลายๆคนเช่นกันที่ยังคงเหลือความงามในจิตใจ บางครั้ง... เขาคิดว่า อยากจะล้างทุกสิ่งอย่างแล้วสร้างโลกใหม่ซักครั้ง
โลกใหม่ที่สวยงาม ตามที่ควรจะเป็น โลกที่มีสมดุลทางธรรมชาติและไม่มีมนุษย์หน้าไหนไปทำลายมัน จัดระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆขึ้นใหม่อีกครั้ง ทำลายผู้ที่ไม่เห็นด้วยให้หมดให้สิ้นซาก และทำให้โลกของเขาที่เคยเละเทะให้กลายเป็นโลกที่น่าอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่มนุษย์คนหนึ่งจะทำอะไรได้มากนัก...
คิดพลางเดินไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก เขาก็ออกจากทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ได้ เขาหยุดกึก.... เบื้องหน้าของเขานั้นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งมากไปด้วยกระท่อมไม้ที่ถูกสร้างอย่างง่ายๆเหมือนของสมัยโบราณ ชายผู้นั้นมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้านทันที
ระหว่างทางเขาสังเกตเห็นว่า ตลอดทางเดินตามบ้านเรือน จะมีสวนไร่นาอยู่แทบทุกบ้าน ดูเหมือนหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ส่งออกสินค้าทางการเกษตร ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ ต่างจากยุคของชายผู้นี้มาก อากาศที่บริสุทธิ์ แสงแดดที่เหมาะกับบรรยากาศที่อบอุ่น ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เหล่าพืชพรรณนานาชนิดอุดมสมบูรณ์ มีชาวบ้านอยู่เป็นกลุ่มๆ กำลังจัดการไร่นาของตัวเองอยู่
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเดินสำรวจหมู่บ้านอยู่นั้นเอง ก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาชนเขาเข้า และกระเด็นล้มก้นทิ่มพื้น
“ขอโทษครับพี่” เด็กคนนั้นรีบยืนขึ้นก่อนโค้งขอโทษขอโพยชายผู้นั้นเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มมอง ก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยพลางนั่งชันเข่าแล้วลูบหัวของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เด็กคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองก่อนยิ้ม และวิ่งออกห่างชายหนุ่มไป
“[ดูอายุพอๆกับเราแท้ๆ]” ชายผู้นั้นคิด ก่อนมองเด็กที่กำลังวิ่งลับตาไป
“สวัสดีครับ คนแปลกหน้า”ชายตัวสูงวัยกลางคนเดินมาพลางทักทาย ปลายผทสีเหลืองทองที่ยาวไม่มากนัก และนัยน์ตาที่ดูเป็นมิตร ชายหนุ่มมองพลางโค้งให้ครั้งหนึ่ง ชายผู้นั้นโค้งกลับทันที
“สวัสดีครับ ผม ไนน์ ซามูไรพเนจร ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ใด” ชายหนุ่มเอ่ยถาม พลางมองหน้าชายผู้นั้น
“ก่อนอื่น ไปนั่งจิบชาที่บ้านข้าก่อนดีกว่า... ข้ามีนามว่า ชิโนบุ เป็นหัวหน้าหมู่บ้านนี้ ส่วนที่นี่คือ หมู่บ้านเซทซึนะ เราพร้อมต้อนรับทุกคนที่มาเยือนอย่างเป็นมิตรเสมอ” ชายผู้นั้นเอ่ย พลางเดินนำไนน์ ไปยังบ้านของเขา ซามูไรผมแดงเดินตามเขาไป พลางนึกอะไรบางอย่างในใจ...
...........................................................................................................................................
ภายในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
บ้านไม้ชั้นเดียวซึ่งดูหรูหรา เหมือนทำจากไม้ชั้นดีและแข็งแรง เครื่องประดับบ้านดูบางตา ประตูเลื่อนทำจากไม้ซึ่งมีผ้าขาวแผ่นใหญ่กั้นทำให้ดูเหมือนกระจกระหว่างห้อง บ้านหลังนี้จะมีห้องอยู่ประมาณ4ห้องด้วยกัน ชิโนบุนำไนน์ไปนั่งยังโต๊ะซึ่งอยู่กลางห้อง มีหมอนบางๆถูกวางรองอยู่รอบโต๊ะเหลี่ยมทั้ง4ทิศ
“เชิญนั่งนักผจญภัย” สิ้นเสียงหัวหน้าหมู่บ้าน เขานั่งพับขาไปข้างหลัง ก่อนวางมือไว้ที่หน้าตัก และยืดหลังให้ตรง การนั่งของหัวหน้าหมู่บ้านดูสง่ามากในสายตาของไนน์ เขาเดินไปตรงข้ามกับชายผู้นั้นก่อนจะพยายามนั่งตาม
“เจ้ามาจากหมู่บ้านไหนรึ” ชิโนบุเอ่ยถาม สายตาจ้องมองชายตรงหน้าของเขา
“ข้ามาจากหมู่บ้านที่ไกลโพ้น... ซึ่งเกิดสงครามจนหมู่บ้านร้างผู้คน ข้าขอไม่เอ่ยนามหมู่บ้านละกัน ทิ้งมันให้เป็นเพียงความทรงจำร้ายๆของข้าเพียงผู้เดียวก็พอ” ชายหนุ่มรีบกุเรื่องเป็นตุเป็นตะอย่างเชี่ยวชาญ ดั่งเป็นเรื่องที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง หัวหน้าหมู่บ้านเริ่มตีหน้าเศร้า
“ข้าเข้าใจ เหล่าพวกที่เรียกตนว่าอัศวินพิทักษ์กษัตริย์ได้รุกรานเข้ามาเพื่อยึดดินแดนของเรามีมากมาย และข้าก็ได้ทราบข่าวหมู่บ้านที่ถูกทำลายช่างมีมากมายเหลือเกิน หมู่บ้านนี้จะเปรียบเป็นที่พักพิงของชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆก็เป็นได้ เพราะมีผู้อพยพมาจากหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปแล้วอยู่หลายคนเช่นกัน ไม่แน่เจ้าอาจได้เจอคนรู้จักที่หมู่บ้านของเราก็ได้” ชิโนบุเอ่ยก่อนเว้นช่วง ขณะนั้นเอง ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากอีกห้องหนึ่งทางด้านหลังของบ้าน ในมือถือสิ่งที่คล้ายๆถาดซึ่งดูเหมือนว่าทำจากดินเหนียวเหมือนๆกับแก้วน้ำ ซึ่งภายในใส่ชาสีเขียว ชานั้นส่งกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
“นี่ภรรยาข้าคาริน” สิ้นเสียงชายผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ไนน์สะดุ้งเล็กน้อย พลางนึกถึงครูของเขา ก่อนจะคิดว่า มันคงบังเอิญเท่านั้น หญิงผู้นั้นวางชาลงตรงหน้าของไนน์ และชิโนบุก่อนโค้งครั้งหนึ่งพลางนำถาดมาวางปิดตรงหน้าอก และเดินชันเข่าออกห่างไป
“ยินดีที่รู้จัก แล้วก็ ขอบคุณนะครับ” ไนน์เอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้ หญิงคนนั้นยิ้มตอบ ก่อนผละตัวเองไปยังอีกห้องหนึ่ง เขาหันกลับไปมองยังชิโนบุ ขาเขาเริ่มจะสั่นเล็กน้อยแล้ว
“เชิญท่านนั่งตามสบายเถิด ข้าดูออกว่าท่านไม่เคยหัดมารยาทแบบนี้มาก่อน ไม่ต้องเกรงใจข้ามากหรอก” ไนน์ยิ้มแก้เขิน ก่อนเกาหัวกลบเกลื่อนและนั่งท่าขัดสมาธิทันที
“แล้วทำไมเขาต้องมายึดหมู่บ้านหรือดินแดนต่างๆด้วยล่ะครับ” ไนน์เอ่ยถามหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนเริ่มยกชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง
“เพราะมนุษย์ไม่เคยพอนะสิ...” ชิโนบุเอ่ยเว้นช่วง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตามองต่ำลง สีหน้าเริ่มจริงจังมากขึ้น
“ตั้งแต่กำเนิดโลกนี้ บรรพบุรุษของเราได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาตลอด เริ่มรู้จักการล่าสัตว์ ใช้หนังสัตว์ทำเสื้อผ้ากันความหนาวเหน็บ ใช้แร่ธาตุที่พบมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆ และพัฒนาจนมาถึงการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก ตรงนี้เจ้าคงรู้แล้วใช่ไหม” สิ้นเสียงหัวหน้าหมู่บ้าน ไนน์พยักหน้า เขาจึงเริ่มเล่าต่อ
“แต่การที่มนุษย์พัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็วนั้น เหมือนเป็นการฆ่าตัวของพวกเขาเอง มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงวิวัฒนาการของอีกฝ่ายที่ก้าวไกลกว่า ต่อสู้เพื่อลบความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับฝ่ายตน ต่อสู้เพื่อที่เขาจะได้สิ่งที่ปรารถนา แม้นต้องแลกด้วยชีวิตเลือดเนื้อของเพื่อนผองไปก็ตาม ส่วนเรื่องที่เจ้าถามว่าทำไมต้องยึดหมู่บ้านหรือดินแดนนั้น ข้าว่าคงต้องไปถามฝ่ายนั้นดูเอาเองแล้วกัน...” ไนน์พยักหน้าเห็นด้วย ตลอดเวลาในใจก็คิดแบบนั้นมาโดยตลอดเช่นกัน การที่เห็นผู้ที่มีกำลังข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่าตน เป็นสิ่งที่เขาเกลียดอย่างมาก (เพราะตัวเองมักเป็นผู้ถูกกระทำ เหอๆ)
...........................................................................................................................................
ชิโนบุนำไนน์เดินเที่ยวภายในหมู่บ้าน แนะนำสิ่งต่างๆที่มีมาให้ดู ไนน์รู้สึกมีความสุขกับบรรยากาศที่สดชื่น ท้องฟ้าสีครามและทุ่งหญ้าอันเขียวขจีนี้ เด็กน้อยถามสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในยุคนี้ ชิโนบุก็ตอบทุกๆอย่างให้อย่างไม่ปกปิด
“หมู่บ้านนี้ไม่เคยเริ่มทำสงครามกับที่ใด และรับผู้มาใหม่ด้วยการต้อนรับแบบนี้เสมอ จากบ้านเล็กๆหลายหลังนับวันจึงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหมู่บ้านอย่างที่เห็น ทุกคนอยู่กันเป็นครอบครัว...” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย พลางมองไนน์ที่ฟังทุกๆเรื่องอย่างตั้งใจ ดูท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเลย
“ข้ามีอะไรจะสอนเจ้าซักเล็กน้อยนะเจ้าหนุ่ม ลองดึงดาบของเจ้าออกมาซิ” ไนน์ดึงดาบซามูไรที่เอวขึ้นมาทันที ก่อนจะยกมันตั้งชันชี้ขึ้นฟ้า
“ดาบซามูไรของเจ้ามีความคมเพียงอย่างเดียว สำหรับข้าก็เปรียบเหมือนดั่งธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งดีทั้งร้ายปนกันไปตามฤดูกาล หรือ ปรากฏการณ์ต่างๆ” ชิโนบุเอ่ยจบก็เว้นช่วง ดึงดาบที่เหน็บข้างเอวของเขาขึ้นมา ดาบแววคมทั้งสองด้าน ด้ามจับสีเงินมีปีกดาบขั้นไว้ระหว่างตัวดาบกับด้ามจับ ดูเป็นของชาวตะวันตกที่เคยไว้ใช้สู้รบ
“ส่วนดาบเล่มนี้นามว่าClaymoreเป็นดาบสองคมของผู้รุกราน สำหรับข้าก็เปรียบได้เหมือนมนุษย์ซึ่งไร้ความแน่นอน ไม่ว่าด้านไหน ก็มีโอกาสส่งผลร้ายแก่เราได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ข้าขอบอกเจ้าไว้ซักนิดว่า อย่าไว้ใจมนุษย์ให้มากนักไม่ว่าใคร ต่อให้เป็นคนที่เราสนิทที่สุดก็มีโอกาสหักหลังเราได้” สิ้นเสียง ชิโนบุเก็บดาบเข้าฝัก ไนน์เก็บตามก่อนโค้งให้ทีหนึ่ง
“ข้าเข้าใจว่ามนุษย์ไม่ดีอย่างไรบ้าง แต่ท่านก็เชื่อใจพวกเขาให้มาอยู่ที่หมู่บ้านของท่านได้ทุกคนไม่ใช่หรือ... เพราะฉะนั้น สำหรับข้า มนุษย์ก็ยังคงมีผู้ที่ดีอยู่บ้าง ในใจข้านั้น ไว้ใจเพื่อนข้าทั้งสองอย่างมาก และไม่คิดว่าเขาจะหักหลังหรือไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดออกไปหรอกครับ...”หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยตอบ
“ถือเป็นความดีในตัวเจ้าที่ยังคงไว้ใจมนุษย์ถึงแม้นว่าข้าจะพูดไปขนาดนี้”ชิโนบุหลับตาพลางคิดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น มีชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งมาหาชิโนบุพร้อมเหงื่อที่โชกเต็มตัว เขาทรุดเข่าลงตรงหน้าชิโนบุ
“ท่านครับ ผู้รุกรานใกล้มาถึงหมู่บ้านเราแล้วครับ เราจะทำอย่างไรดี” ชายคนนั้นตัวสั่นเทา นัยน์ตาเริ่มเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เขาคงเป็นคนหนึ่งที่เคยถูกทำลายหมู่บ้านแล้วเป็นแน่ สายตาของชิโนบุดูเคร่งเครียดขึ้นทันที พลางตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง
“ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อม อาจมีสงครามอย่างกะทันหันขึ้นมา ขอให้หยิบอาวุธเพื่อป้องกันหมู่บ้านของเรา”สิ้นเสียง เขาหันมองไนน์ซึ่งยืนเฉยอยู่ข้างๆนั่นเอง
“เอาล่ะ ข้าจะให้เจ้าเห็นถึงความเลวของมนุษย์กัน...”
..
ความคิดเห็น