ตอนที่ 7 : [SF] Falling Rain VI (Epilogue)
[SF] Falling Rain VI (Epilogue)
Minhyun x Jonghyun, Dongho x Daehwi, Guanlin x Seonho
#Shelterain101
16,965 words
BG Music: I'm in love - Narsha
ตอนสุดท้ายเรื่องของทั้งสามคู่จะเชื่อมกันนะคะ แบบว่ามาพบปะกันบ้างแร้ว โผล่ไปเจอกันและกันในสามพาร์ท ;___;
“Let the rain kiss you.
Let the rain beat upon your head with silver liquid drops.
Let the rain sing you a lullaby.”
– Langston Hughes
*
วันเวลาผ่านไปเกือบสี่เดือนที่อีแดฮวีเอาแต่หมกตัวซ้อมอยู่ในบริษัท การซ้อมร้องเพลงไม่เคยเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ การได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆพร้อมกับการได้พัฒนาตัวเองไปด้วยเป็นเรื่องที่น่าสนุก และตื่นเต้น ในโลกสีเทาของอีแดฮวีเสมอ
โลกสีเทาที่ตอนนี้มีใครบางคนพยายามแสดงให้ร่างบางเห็นว่าสีหลากสีของสายรุ้งก็สามารถเข้ามาอยู่ในโลกที่พังทลายลงนับครั้งไม่ถ้วนแห่งนี้ได้
คังดงโฮที่กลายเป็นความสบายใจ –
เป็นดนตรีที่ทำให้อีแดฮวีสบายใจทุกครั้งที่ได้รับฟัง
“พร้อมหรือเปล่า?”
นักร้องโซโล่ผู้ชายที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทพยักหน้าหงึกหงัก วันนี้เขาถูกจับขึ้นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสาม ผมสีดำสนิทตัดกับเสื้อสเวตเตอร์สีครีมที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสียีนส์ได้เป็นอย่างดี กางเกงขายาวสีดำเข้ารูปกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล ลุคอบอุ่นที่เข้ากับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังมาถึงได้เป็นอย่างดี
“ครับ"
พยักหน้าทั้งๆที่นัยน์ตากำลังสั่นไหว การอัดเพลงเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็จริง แต่เขาค่อนข้างกลัวสำหรับการถ่ายเอ็มวี อาจเป็นเพราะอีแดฮวีไม่ค่อยได้ถ่ายรูปตัวเองหรือเอาตัวเองเขาไปอยู่ในกล้องซักเท่าไหร่
“ถ้าแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ตามมาสิ พี่จะแนะนำคนให้รู้จัก"
ร่างบางพยักหน้าเดินตามอีกคนเข้าไปยังห้องแต่งตัวอีกห้องหนึ่ง เขาพบว่าจองแชยอนกำลังนอนหลับพักสายตาอยู่ เช่นเดียวกับไอดอลชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง แดฮวีอดทึ่งกับไอดอลทั้งสองคนไม่ได้ ความหน้าตาระดับนี้น่ะไปเป็นดาราได้สบายๆเลยล่ะ
“โอ๊ะ"
ยังไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรไลควานลินก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ราวกับอีกฝ่ายถูกอะไรบางอย่างในความฝันปลุกขึ้นมาให้ตื่น
“คุณแดฮวี?”
ส่งยิ้มทักทายแบบเห็นฟันครบทุกซี่มาให้ คนถูกทักรีบรุดตัวขึ้นไปจับมือทักทายคนที่เป็นรุ่นพี่ในวงการ แดฮวีค้อมศรีษะให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
“เรียกแดฮวีเฉยๆก็ได้ครับคุณควานลิน :)”
“ครับ ผมจะทำให้เต็มที่ :)”
“รบกวนด้วยนะครับ"
แดฮวีส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะยกมือมาเกาหัวแกร่กๆอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ ควานลินหัวเราะออกมาเมื่อภาพของคนตรงหน้ามันทำให้เขานึกถึงตัวเองสมัยที่ยังเป็นรุกกี้อยู่
“สวัสดีค่ะคุณแดฮวี :)”
แล้วเสียงของจองแชยอนทำให้ทั้งคู่ละสายตาออกจากกัน ร่างบางใช้มือขวารองข้อศอกซ้ายของตัวเองที่ยื่นออกไปจับมือรุ่นพี่คนดัง หญิงสาวส่งยิ้มมาให้ด้วยความเอ็นดู เธอส่งแขนเรียวออกมาจับมือน้องเล็กประจำค่ายคนใหม่
“มาประสบความสำเร็จไปด้วยกันนะคะ คุณแดฮวี :)”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ รุ่นพี่แชยอน"
การทักทายเป็นไปได้ด้วยดี ทั้งสองคนเล่าประสบการณ์การทำงานในวงการให้แดฮวีฟังอย่างออกรส อาจเพราะแดฮวีเดบิวต์คนเดียวด้วย ซึ่งคงทำให้น้องคนเล็กของค่ายค่อนข้างเหงา ไม่เหมือนแชยอนและควานลินที่เดบิวต์ในวงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป และเพราะแบบนั้นเด็กผู้ชายที่เคยนั่งเกร็งอยู่บนโซฟามุมห้องก็เริ่มหัวเราะและผ่อนคลายขึ้น
แน่นอนว่าทุกๆอย่างอยู่ในสายตาคังดงโฮ
และทุกๆอย่างถูกคำนวนมาอย่างดีแล้ว :)
“กาแฟมาส่งคร้าบบ"
เสียงสดใสของใครอีกคนเรียกสติให้คังดงโฮ เขาเดินออกไปรับแก้วกาแฟกว่าสามสิบแก้วที่สั่งไว้ให้ทีมงาน นักร้องและนักแสดงทุกคน
“นี่ใบเสร็จฮะ"
“ฮยอง!!”
เสียงของไลควานลินดังแทรกขึ้นมาในขณะที่คังดงโฮกำลังรับใบเสร็จมาดู เจ้าไททั่นหน้าหล่อนั่นเรียกชื่อดงโฮเสียงดังลั่นสตูดิโอไม่พอ ยังวิ่งพรวดพราดมารับถุงกาแฟเหล่านั้นมาอีก
“ไม่ชอบหรอ? ก็เห็นนายชอบไปซื้อกาแฟที่ร้านนี้"
“ชอบครับๆๆ แฮ่" รีบพยักหน้ารัวๆให้ผู้บริหารที่ควบตำแหน่งพี่ชายคนสนิท "อันนี้แดฮวีเอาไปให้พี่ๆทีมงานนะ แล้วก็ฝากตัวแบบอ้อนๆ เอาให้ติดกับเลย"
แย่งมาถือเสร็จก็ส่งถุงเหล่านั้นไปให้น้องเล็กที่ยืนงง แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักให้รุ่นพี่คนแรกที่เขาสนิทด้วย เจ้าของเพลงในวันนี้เดินไปแจกอเมริกาโน่ให้ทีมงานด้วยรอยยิ้ม และดวงตาชั้นเดียวและสองชั้นที่ถูกแต่งเป็นประกายสวย กับนัยน์ตาสีดำวาวนั่นน่ะ –
เอาทีมงานอยู่หมัดทุกคนเลยล่ะ
“มายังไงอ่ะ?”
เอ่ยถามราวกับคังดงโฮไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย คนอายุมากสุดส่ายหัวให้กับอาการหางโผล่ของไอดอลในสังกัด เขายื่นบัตรเครดิตไปให้พนักงานร้านกาแฟด้วยรอยยิ้ม
“พี่มินฮยอนให้รถมาขับ"
“แล้วต้องรีบกลับป่ะ"
“ทำไมหรอ?”
“ก็ – "
ยืนส่งสายตาหาคุณลูกเจี๊ยบโดยไม่พูดอะไร พออีกฝ่ายไม่เข้าใจก็หันไปหาผู้บริหารคนสนิท คังดงโฮถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ถ้าว่างผมก็อยากเชิญให้คุณมานั่งดูการถ่ายทำด้วยน่ะครับ"
“เอ่อ – "
“เนี่ยๆๆเดี๋ยวก็เริ่มถ่ายแล้ว ดูห้านาทีก็ได้นะคุณลูกเจี๊ยบ"
“ผม – "
“แต่ถ้าที่ร้านยุ่งก็จะบอกว่าไม่เป็นไรก็ได้"
ยูซอนโฮยืนอยู่กลางสตูดิโอชื่อดังด้วยอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เจ้าของเสื้อสเวตเตอร์สีเหลืองมัสตาร์ดมองไปมองมาระหว่างคนสองคนอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
“โอ๊ะ คุณคือคุณซอนโฮใช่ไหมครับ?”
เป็นอีแดฮวีที่เข้ามาแก้สถานการณ์หน้าอึดอัดตรงหน้า เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคือใครตอนที่เห็นชื่อร้านกาแฟที่ถูกปริ้นท์ติดอยู่ในแก้วใส
“คุณ?”
“ผมชื่อแดฮวีครับ ทำงานที่Awaken แต่ทำกะดึก – กะพี่จงฮยอนน่ะ"
“โอ้ ผมได้ยินพี่จงฮยอนกับพี่มินฮยอนพูดถึงคุณบ่อยเลยล่ะครับ"
หัวใจกระตุกแกว่งไปชั่ววินาที ก่อนที่อีแดฮวีจะกลับมาส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเหมือนเดิม
“แล้ว – ทั้งสองคนสบายดีไหมครับ พอดีผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมเลย...”
“สบายดีครับ พี่มินฮยอนเป็นคนร้องแทนกะของคุณแดฮวีน่ะครับ"
“เอ๋?”
ส่งเสียงแสดงความไม่สบายใจออกไป ทั้งๆที่หูยังอื้อไปชั่วขณะ มันไม่ใช่ความเจ็บปวดแบบที่มักจะย้อนคืนกลับมาเหมือนฝนหลงฤดู
แต่มันการกระตุกของหัวใจที่รู้สึกอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก
ดนตรีของฮวังมินฮยอนที่เคยนำทางอีแดฮวีออกจากความมืดมิดในวันที่ท้องฟ้าส่องแสงสว่างมากที่สุด
และที่ของเขาในร้านแห่งนั้น – เป็นสถานที่ที่อีแดฮวีรักมากที่สุดแห่งหนึ่ง
และเขาก็ดีใจ ที่มันถูกแทนที่ด้วยดนตรีที่สวยงามของฮวังมินฮยอน
“พอดีพี่จงฮยอนยังไม่เจอเสียงที่ถูกใจน่ะครับ แต่ตอนนี้ก็เปิดรับสมัครอยู่ตลอด :)”
“อ๋า ถ้าได้นักร้องคนใหม่แล้ว ผมก็อยากแวะไปดูซักครั้งแฮะ"
“กลับมาได้เสมอเลยครับ พี่ยองมินกับพี่เซอุนก็บ่นคิดถึงคุณตลอด:)”
พวกเขายืนคุยกันอยู่ซักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน รวมถึงซอนโฮที่ต้องรีบกลับเพราะต้องไปช่วยงานที่ร้านต่อ การถ่ายทำเอ็มวีเป็นไปได้อย่างราบรื่น ต้องให้เครดิตการแสดงที่ดีของแชยอนที่มีโอกาสแสดงซีรี่ย์มาหลายเรื่อง ความคล่องนั่นส่งอารมณ์ให้ควานลินรับต่อได้อย่างง่ายดาย ไหนจะสายตาเศร้าๆของแดฮวีที่เข้ากับตัวเพลงอยู่แล้วนั่นด้วย
เจ้าตัวเล็กเดินไปโค้งให้ทีมงานทุกคนไม่หยุดจนหลายคนต้องบอกให้นักร้องเตรียมเดบิวต์กลับไปพักผ่อนได้แล้ว เก่งมากๆแล้วนะพร้อมกับขยี้กลุ่มผมสีดำนั่นอย่างเอ็นดู
“งื้ออออออ"
เจ้าตัวร้องออกมาแบบเคลิ้มๆ พอมีคนมาลูบหัวแบบนี้แล้วแดฮวีก็รู้สึกง่วงยังไงไม่รู้ ทีมงานหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าการลูบหัวเบาๆสามทีจะทำให้นักร้องตรงหน้าตาปรือได้
“กลับไปนอนได้แล้ว เจ้าหนู"
“ช่ายย ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของพวกพี่เอง"
“โหย ลุงชัดๆพี่อะไรล่ะลุงบอมซู"
แดฮวีหัวเราะออกมาเมื่อทุกคนกลับมาทะเลาะกันอีกแล้ว พี่ๆทีมงานเบื้องหลังน่ะดูจะมีพลังงานล้นเหลือจริงๆนั่นแหละ
“งั้นผมไปก่อนนะคร้าบบบ :)”
“จ้าา เจอกันที่บริษัทน้าา"
โค้งหัวให้เก้าสิบองศาอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างๆของผู้บริหารที่เป็นทั้งพี่ชาย ทั้งเพื่อนสนิท เขาเดินขึ้นรถเฟอร์รารี่สปอร์ทสีแดงอย่างคุ้นเคย เอนหลังลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
“งีบไปก่อน เดี๋ยวถึงแล้วพี่จะปลุก"
“ขอบคุณครับ"
กล่าวขอบคุณทั้งๆที่หลับตาลงไปแล้ว ดงโฮยิ้มให้กับเด็กน้อยที่แบตหมดชั่วคราว เขาหยิบผ้าห่มที่วางไว้แถวคอนโซลรถมาห่มให้เด็กที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ดวงตาคู่คมแสดงความลังเลออกมาเล็กน้อย ก่อนมันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นดวงที่ตั้งมั่นเหมือนเดิม
และเพราะแบบนั้นเท้าแกร่งจึงเหยียบคันเร่งไปยังจุดมุ่งหมายที่คิดไว้ในใจ
“แดฮวี อีแดฮวี"
“งื้อออ"
“ตื่นได้แล้วครับ"
ใช้ชายเสื้อที่กินมือมาขยี้ตาสองสามครั้ง ก่อนจะพยายามลืมตาขึ้นมาให้เต็มตา ร่างบางพบว่ามันเป็นถนนที่เขาคุ้นเคยเหลือเกิน
“พี่ดงโฮ?”
“พี่รู้ว่าเราอยากมา"
“ผม – "
“อีแดฮวีไม่ชอบทำอะไรค้างๆคา พี่รู้"
“...”
“และแดฮวีคงรู้ดีกว่า :)”
สายตาที่ส่งกำลังใจมาให้มันทำให้ร่างบางใจเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้เขามันมั่นคง เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเหมือนความรักที่เขาเคยสัมผัสมา
พวกเขายิ้มให้กัน ก่อนจะเดินลงจากรถ ก้าวเข้าไปในร้านที่เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรหลายๆอย่าง
เสียงกระดิ่งข้างบนกลอนประตู กลิ่นของกาแฟและแอลกอฮอล์ที่ผสมกันอย่างสวยงามที่สุด
ประสานสายตาทันทีที่บาร์เทนเดอร์คนเก่งเงยหน้าขึ้นมา แดฮวีส่งยิ้มให้พี่ชายอีกคนที่คอยช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาแย่ๆมาหลายๆครั้ง อีกฝ่ายส่งยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะกวักมือเรียกให้เขาไปนั่งที่ประจำตัว
“ไม่เจอกันนานเลยนะ แดฮวีอ่า"
“ครับ"
“สบายดีใช่ไหม?”
“สบายดีครั้ง แต่ตอนนี้ – "
“?”
“ผมหิวมากๆเลย แฮ่ ;__;”
“เฮ่ะๆ งั้นเรารอแป้ปนะ"
หัวเราะออกมาตามสไตล์เจ้าตัว หันมายิ้มให้เพื่อนสนิทอีกคน ก่อนจะเดินไปยังครัวข้างหลังร้าน
ถึงจะนั่งหันหลังให้คนที่กำลังร้องเพลงอยู่กลางร้าน แต่แดฮวีก็จำได้ดีว่ามันเป็นเสียงร้องเพลงของฮวังมินฮยอน เสียงหวานๆที่เคล้าคลอไปกับความนุ่มลึกของคีย์เปียโน
“มีจัมปงของโปรดเราพอดีเลย"
“ขอบคุณครับ"
“สนใจเพื่อนด้วยก็ได้นะ"
“ก็วางไว้ข้างหน้าแล้วไง กินดิ จะให้ป้อนหรอ?”
ท้าวเอวมองเพื่อนสนิทที่เข้ามาขัดจังหวะการคุยกันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ คังดงโฮยกมือขึ้นสองข้างเป็นสัญญาณย้อมแพ้ เขานั่งฟังจงฮยอนที่เล่าเรื่องในร้านให้แดฮวีฟังไฟแล่บด้วยความเหนื่อย แต่คนตัวเล็กดูท่าว่าจะสนุกกับเรื่องที่ได้ฟังไม่น้อย ริมฝีปากบางนั่นหัวเราะไป เอาข้าวเข้าปากไปด้วยความสนุก
มันเป็นวินาทีที่คังดงโฮคิดว่าอีแดฮวีเป็นเด็กผู้ชายที่เก่งมากจริงๆ
การรับคนเข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องง่าย
แต่การทำใครหล่นหายไประหว่างทางน่ะง่ายกว่านัก
ถึงแบบนั้นเด็กผู้ชายที่แหลกสลายคนนั้นกลับสามารถไขว่คว้าผู้คนเหล่านั้นเอาไว้
กล้าพอที่จะเดินไปรั้งคนสำคัญเหล่านั้นเอาไว้
มองข้ามความรู้สึกหลายๆอย่าง
เพียงเพราะไม่อยากสูญเสียความอบอุ่น ความรักที่เคยมี
“และวันนี้ผมมีข่าวดีมาบอกแขกผู้มีเกียรติทุกคนด้วยล่ะครับ"
เสียงของฮวังมินฮยอนดึงความสนใจจากทุกคนในร้าน รวมทั้งอีแดฮวีด้วย นักดนตรีที่นั่งอยู่หน้าเปียโนคนนั้นสง่างามราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก
“นักร้องที่ทุกคนคิดถึงจะกลับมาร้องเพลงให้ทุกคนฟังในค่ำคืนนี้ครับ :)”
เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วร้านทันทีที่มินฮยอนเอ่ยประโยคนั้นจบ แดฮวียกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะกระโดดลงจากที่หนังด้วยความกระตือรือร้น เขาโค้งให้กับแขกประจำร้านหลายคนที่หันมาโบกมือทักทายให้ ร่างเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความตื่นเต้น ปรับระดับความสูงของไมค์ให้เหมาะกับตัวเอง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ
“สวัสดีครับทุกคน:) ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ผมขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาลาทุกคนดีๆก่อนจะออกไปทำงานอื่น"
แดฮวีพยายามกวาดสายตาให้ทั่วร้าน มองใครหลายคนที่ทำให้เขามั่นใจดนตรีของตัวเอง
ใครหลายคนที่ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกว่าดนตรีที่ตัวเองทำอยู่มันมีคุณค่ามากขนาดไหน
“งานที่ว่าคือการไปเตรียมตัวเป็นนักร้องครับ ฮ่าๆ แต่ว่าๆ ถ้าพอมีเวลาว่างล่ะก็ผมจะกลับมาเล่นที่นี่แน่ๆ เพราะการร้องเพลงที่ Awaken เป็นหนึ่งในความภูมิใจ ความสบายใจและเป็นสิ่งที่ผมเรียกว่าความรัก"
ยกมือขึ้นมาวางไว้บนผมตัวเองด้วยความประหม่า แดฮวีไม่ค่อยได้พูดเป็นทางการแบบนี้ซักเท่าไหร่ ส่วนมากเขาแค่พูดอินโทรแนะนำเพลงเท่านั้น
“แน่นอนว่าการเป็นนักร้องก็เป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ผมเลยอยากจะขอบคุณคนที่ทำให้ผมรู้จักโลกของดนตรี คนที่ทำให้ผมมั่นใจกับดนตรีของผม และคุณ – "
กวาดตามองตามลำดับจนมาหยุดอยู่ที่ผู้ชายร่างหน้าแต่หัวใจอ่อนโยนมากๆคนนั้น
คนที่มองตามอีแดฮวีเสมอ ไม่เคยละสายตาไปไหน ไม่เคยบอกให้หยุดหรือก้าวไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น
คนที่รอคอยอย่างอดทน
“คนที่เข้าใจดนตรีของผมมากว่าตัวผมเอง"
คังดงโฮที่ทำให้การแต่งเพลงเศร้าไม่ได้มีแค่เรื่องของคนๆนั้น
คังดงโฮที่ทำให้การหลงอยู่ในโลกของดนตรีไม่ได้เป็นข้ออ้างในการกลบความเศร้า
“คนที่ทำให้ดนตรีของผมสดใสขึ้น"
คังดงโฮที่น่าจะกลายเป็นคำว่ารัก
ในช่วงฤดูที่กำลังจะมาถึง
“ผมพูดเยอะแล้วแฮะ มาฟังเพลงกันดีกว่าครับ :)”
เสียงโน๊ตดนตรีแรกที่ดังขึ้น
เป็นวินาทีที่พวกเขาหันมาสบสายตากัน
หัวเราะออกมา
มันเป็นความรู้สึกที่ดี
จนไม่จำเป็นต้องจำกัดความ
:)
*
ฮวังมินฮยอนกับคิมจงฮยอนยืนอยู่หน้าฮอลจัดงานของมหาลัยอีฮวาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสบายใจ ภูมิใจ โหยหาและความรู้สึกผิดลึกๆที่ถูกความรู้สึกหลายอย่างตีจนมันเลือนลางและหายไป
งานโชว์เคสของ อีแดฮวี จบไปได้กว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว คนตัวเล็กที่มีแค่เปียโนหนึ่งหลังและไมค์หนึ่งตัวสามารถสะกดคนทั้งฮอล์ได้อย่างง่ายดายและอยู่หมัด
ดนตรีของอีแดฮวีเป็นเหมือนสายฝนที่ทั้งชำระจิตใจของคนฟัง
ทั้งยังสามารถทำให้รู้สึกหดหู่อย่างสูงสุดได้อีกด้วย
“หมดห่วงแล้วอ่ะดิ"
เสียงแหบๆของจงฮยอนดังขึ้น ส่งมือไปจิ้มแก้มขาวๆของอาตี๋ตรงหน้าอย่างกวนๆ ผลักให้อีกคนหลุดจากภวังค์ที่เคยซ้อนทับอยู่ตลอดเวลา
“อื้อ สบายใจมากๆเลยล่ะ :)”
“ยิ้มเป็นเต้าหู้เลยฮวัง พอเถอะ ขนลุก"
“ฮ่าๆ ไปกินข้าวกันเถอะ นี่จองร้านอาหารไว้แล้ว"
“เวอร์วัง"
“เอ้า ก็อุตส่าห์ปิดร้านทั้งที"
หันมาส่งยิ้มอาแปะเรียกคะแนนให้ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ดูน่ารักเลยซักนิด
แต่สุดท้ายจงฮยอนก็ยิ้มออกมา
ยิ้มจนตาปิดเลยล่ะ
“ก็ไปดิ ใครว่าอะไร"
พูดแบบไม่สนใจอะไร แต่ก็ส่งมือไปจับร่างหนาไว้
“จับไว้เพราะหึงหรอจ๊ะ"
คนตัวเล็กสะบัดมือของอีกคนออกทันทีที่หน้าขาวๆนั่นขยับเข้ามากวนตีนแบบไม่ดูเวลา
“ล้อเล่นน่ะ จะจับมือน่ะ – "
ดวงตาของจงฮยอนน่ะไม่ใช่ดวงตาคู่ที่สวยงามที่สุดแบบที่มินฮยอนชอบพูดหรอกนะ
“ไม่ต้องมีเหตุผลหรอก"
เป็นมินฮยอนต่างหาก ดวงตาของฮวังมินฮยอน
“แค่จับต่อไปเรื่อยๆก็พอแล้ว"
ที่คอยนำทางให้คิมจงฮยอน
ร้านอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำฮันเป็นสถานที่ที่ฮวังมินฮยอนเลือก จงฮยอนไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อเขารู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นคนโรแมนติกหน้า(ไม่)ตายขนาดไหน เสต็กชั้นดีกับไวน์ปีเก่าเป็นสิ่งที่มินฮยอนเลือกสำหรับเดทในวันเสาร์ ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั่นส่งยิ้มมาให้จงฮยอนทุกครั้งที่เขาเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย
มันเป็นความลับ
ความลับที่คิมจงฮยอนเก็บเอาไว้ ไม่เคยคิดจะบอกฮวังมินฮยอน
ว่าเขาน่ะ
ว่าหัวใจของเขาน่ะ
มันเต้นแรงทุกครั้งที่มินฮยอนส่งยิ้มตาปิดมาให้
รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายมีความสุขขนาดไหนที่ได้อยู่ข้างกัน
“นี่ มินฮยอน"
“หืม"
ส่งเสียงตอบรับกลับมาทั้งๆที่กำลังใช้มีดหั่นเสต็กเป็นชิ้นเนื้อเล็กๆให้คนรักอยู่ นัยน์ตาคู่สวยนั่นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนจงฮยอนอดจะยิ้มตามไม่ได้
“ขอบคุณนะ"
“เรื่อง?”
“ที่พาไปดู ที่ทำทุกอย่างให้ชัดเจน"
ส่งมือเล็กๆของตัวเองไปทาบกับฝ่ามือใหญ่ๆของใครอีกคน ฮวังมินฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายตัวเล็กๆตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความเอ็นดู ความสบายใจและความมั่นใจ
“ที่ให้ความรักเรามากขนาดนี้"
“หืม? เราก็ได้ความรักของจงฮยอนคืนมาตั้งเยอะ"
“อื้อ"
“ได้คืนมาตั้งแต่ที่เรายังไม่ให้ทั้งความรัก ทั้งความชัดเจนกับจงฮยอน"
หยาดน้ำสีใสคลออยู่ข้างในดวงตาสีรัตติกาลของร่างบาง ความทรงจำที่ย้อนคืนกลับมาไม่เคยเป็นสิ่งที่เขาอยากลืมเลยซักชั่ววินาที เพราะทุกๆช่วงเวลาที่เขาได้ใช้มันไปกับมินฮยอนน่ะ มันงดงามมากจริงๆ เป็นความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ในฤดูฝน
“ได้กลับมาเยอะมากๆจนทำให้เรารู้สึกตัว รู้สึกว่าคงปล่อยให้จงฮยอนรอนานกว่านี้ไม่ได้"
“ไอ้บ้า"
“เพราะเรา – เพราะฮวังมินฮยอนคงปล่อยให้จงฮยอนไปเป็นความสบายใจที่สุดของคนอื่นไม่ไหวหรอก"
ประโยคธรรมดาๆที่กลายเป็นเสียงที่ไพเราะกว่าเพลงโปรด
ชื่อของฮวังมินฮยอนและชื่อของจงฮยอนที่ถูกเปล่งออกมาโดยริมฝีปากคู่นั้น
“เพราะงั้น ได้โปรด – "
มันสวยงามจนสลักเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของหัวใจของคิมจงฮยอน
“รับมันไปได้ไหม?"
ร่างหนาล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท ก่อนจะส่งพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาข้างหน้า
“คีย์การ์ดบ้านของพวกเราน่ะ"
และจงฮยอนก็พึ่งรู้ตัว
ว่าเสียงที่ดังปนกันในร้านเหลือเพียงความเงียบที่โปรยตัวลงมา
“ไม่ต้องห่วงมันห่างจากร้านไปแค่สองบล็อกถนน"
ดวงตาโตๆที่สุกสกาวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าไม่กล้าเหลือบมองบรรยากาศรอบตัวซักเท่าไหร่
จงฮยอนก็แค่กลัวว่ามันจะมีลูกโป่งและดอกไม้ตกแต่งรอบเปียโนที่ถูกตั้งไว้กลางร้าน
จงฮยอนก็แค่กลัวว่าตอนนี้จะมีนักเปียโนสวมสูทแบบเป็นทางการนั่งรออยู่
จงฮยอนก็แค่กลัวว่านักเปียโนคนนั้นจะร้องเพลงรักหวานแหววที่ผู้คนมักใช้ในโอกาสนี้
จงฮยอนก็แค่กลัวว่าในกระเป๋าเสื้อโค้ทนั้นจะมีกล่องสีเหลี่ยมกำมะหยี่แอบซ่อนอยู่ในนั้น
“ตกแต่งแบบที่พวกเราชอบ พร้อมอยู่มากๆๆๆๆ เหลือแต่เจ้าของคีย์การ์ดอีกใบแหละ :)”
คิมจงฮยอนรวบรวมความกล้าทั้งหมด เพื่อกวาดสายตาไปรอบตัวร้าน
ก่อนจะพบว่าทุกอย่างที่เขากลัวมันกลายเป็นจริงทั้งหมด
ดอกไม้ ลูกโป่ง นักเปียโน ผู้คนที่ส่งสายตายินดีมาให้
“แล้วก็ชื่อคิมจงฮยอนมันเพราะมากๆๆๆก็จริง"
แววตาเจ้าหมาที่เขาชอบนักหนาได้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาของจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ซะแล้ว
ทำไมจงฮยอนถึงไม่สังเกตนะ ว่าวันนี้อีกฝ่ายสวมทั้งเสื้อสเวตเตอร์สีขาวตัวเก่ง กางเกงยีนส์ตัวเก่ง ไหนจะเสื้อโค้ทสีดำตัวเก่งที่อีกฝ่ายห่วงอย่างกับอะไรดี
รวมทั้งนาฬิกาเรือนหรูที่พ่อแม่ของมินฮยอนซื้อให้ในวันที่เรียบจบ
นาฬิกาที่ฮวังมินฮยอนจะใส่มันในโอกาสสำคัญเท่านั้น
“แต่ว่านะ – "
การเว้นจังหวะการพูดของฮวังมินฮยอนวันนี้มันน่าโมโหจริงๆนั่นแหละ
มันสวยงาม
แต่ก็ทำให้จงฮยอนตื่นเต้นชะมัด
“ถ้าถูกเรียกว่า ฮวังจงฮยอน น่าจะเพราะกว่า – "
อีกครั้ง
เป็นอีกครั้งที่มือคู่นั้นเอื้อมลงไปล้วงเอาของบางอย่างจากเสื้อโค้ทคู่โปรด
จงฮยอนหลับตาลง
ขอแค่หนึ่งวินาที
ให้เขาได้ตั้งสติ
ก่อนจะเป็นลมไปจริงๆ
ล้อเล่นน่า
เพื่อให้เขามีสติพอที่จะจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด
ให้มันเป็นความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดของช่วงชีวิตนี้
“หรือเปล่านะ? :)”
ทันทีที่อีกฝ่ายยื่นกล่องสีแดงเบอกันดีมาตรงหน้า เสียงไวโอลินก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเปียโน แหวนทองเรียบๆที่ต้องแสงกับแสงไฟในร้านได้เป็นอย่างดี
แต่รอยยิ้มของฮวังมินฮยอนน่ะส่องแสงกว่าเยอะมากๆเลย
มากกว่าแสงสว่างจากดวงจันทร์และดวงดาวที่จงฮยอนชอบเสียอีก
“คิมจงฮยอน"
ไม่มีช่องว่างเร็ดรอดจากการประสานมือ
ไม่มีอีกแล้วความคลุมเครือที่ต้องอดทนกับมัน
ไม่มีอีกแล้วการยืนมองมินฮยอนจากอีกฟากหนึ่งของเส้นความสัมพันธ์
“Will you marry me?”
มีแต่ความชัดเจนที่สัมผัสได้แม้ยามหลับตา
มีแต่ทางเดินเส้นใหม่ที่พวกเขากำลังออกเดิน ฟันฝ่ามันไปด้วยกัน
มีแต่ความรักที่เอ่อล้นออกมาจนไม่ต้องการคำว่ารักมาเกี่ยวข้องในการเอ่ยขอครั้งนี้
“I DO”
ไม่มีเหตุผลต้องรีรอ
ไม่มีเหตุผลต้องคอยหา
ไม่มีเหตุผลที่ต้องตั้งคำถาม
ในเมื่อคำตอบทุกอย่างมันอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
จงฮยอนหัวเราะออกมาเมื่อพบว่ามีหยาดน้ำสีใสจำนวนมากไหลออกมาจากนัยน์ตาสีเฮเซลนัทของฮวังมินฮยอน
โดยที่ไม่รู้ตัวว่าภาพของจงฮยอนก็ทำให้มินฮยอนร้องไห้หนักกว่าเดิม
เพราะคิมจงฮยอนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
น้ำตาแห่งความดีใจ
ที่ยิ่งไหลออกมา เพราะพวกเขาเอาแต่ปลอบโยนกันและกัน
แต่นั่นน่ะ การปลอบโยน ร้องไห้ และหัวเราะไปด้วยกัน
มันคือข้อดีที่สุด คือจุดประสงค์ของการมีความรัก การตกหลุมรักใครซักคนหรือเปล่า?
“ฮวัง! หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ!”
“เจก็หยุดก่อนซี่ – "
อื้อ
นั่นแหละความรักสำหรับฮวังมินฮยอนและคิมจงฮยอน
*
ไลควานลินนั่งมองคุณลูกเจี๊ยบทำเครื่องดื่มมาสิบนาทีแล้ว การตื่นเช้ากว่าเวลาที่ควรตื่นซักสองชั่วโมงเพื่อมาดูความสดใสตรงหน้าน่ะ ไม่เคยเป็นเรื่องเหนือบ่ากว่าแรงของควานลินเลย ในเมื่อตอนนั้นเขาอยู่ในช่วงจำศีล
ตรงกันข้ามกันตอนที่ต้องซ้อมเตรียมคัมแบคและตอนที่อยู่ระหว่างการคัมแบค ตารางซ่อมที่หนักกว่าเดิม การออกอีเวนท์มากมายกลายเป็นระยะทางที่เขามากวีดขวางไม่ให้เขาได้พบคุณลูกเจี๊ยบทุกวัน แต่ไอดอลหนุ่มก็รู้ดีว่าเขาควรเว้นระยะให้ซอนโฮ ไม่ควรเข้าหาอีกฝ่ายมากเกินไปจนอึดอัด
อาจเพราะเขารับรู้ได้ว่ายูซอนโฮที่กำลังยืนยิ้มสดใสตรงหน้านั้นน่ะมีรอยแผลมากมายที่เขามองไม่เห็น
อาจเพราะเขารับรู้ได้ว่ายูซอนโฮที่เขาแอบรักมาตลอดคนนั้นน่ะ ยังลืมรักแรกที่ฝังอยู่ในหัวใจไม่ได้
ใช่
ไลควานลินแอบชอบยูซอนโฮมาตั้งแต่อีกฝ่ายเป็นเด็กฝึกที่บริษัท แต่เพราะการฝึกคนละคลาสคนละชั้นและคนละเวลา ทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาเจอกัน
ถ้าพูดให้ถูกคือมีเพียงไลควานลินที่คอยแอบมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กฝึกทุกคนจะรู้จักทั้งเด็กฝึกยูซอนโฮและเด็กฝึกจองแชยอน ในเมื่อทั้งสองคนน่ะมีชื่ือเสียงในหมู่เด็กฝึกด้วยกันขนาดไหน
เพราะงั้นเด็กจากไทเปจึงทำได้แค่แอบมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ รอคอยเวลาที่จะได้เข้าไปในโลกของคนๆนั้น เขารอคอยและสังเกตุการณ์จนมั่นใจพอ
มั่นใจว่าความกล้าทั้งหมดที่รวบรวมได้จะไม่ไร้ประโยชน์
ว่าก้าวเดินที่ก้าวเข้าไปหาคนที่เป็นความรัก คนที่เป็นรักแรกน่ะจะมั่นคงพอที่จะสลักรอยเท้าของเขาไว้ในความคิด ในใจอีกฝ่ายได้
สัญญาณแม่เหล็กที่สั่นครืดเรียกสติไอดอลหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ ร่างโปร่งเดินไปหยิบแก้วกาแฟทั้งหกแก้วที่สั่งไว้
แก้วกาแฟทั้งหก
กับมิ้นต์ช็อคที่สั่งให้บาริสต้าคนเก่ง
“ซอนโฮ"
“หืม?”
ร่างบางหยุดทำเครื่องดื่มที่อยู่ในมือ เพราะนานๆทีน่ะไลควานลินจะเรียกชื่อจริงของเขาแบบนี้ และมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญในระดับหนึ่ง
จริงๆแล้ว
เรื่องของไลควานลินมันก็กลายมาเป็นเรื่องสำคัญมาซักพักแล้วล่ะ
“คือว่านะ – "
มันเป็นเรื่องที่ซอนโฮเองก็รู้ตัวได้ไม่นาน
ในตอนที่คนตัวสูงคนนั้นไม่ได้มาหาทุกวัน
เขาค้นพบว่าตัวเองกลับเป็นฝ่ายชะเง้อมองไปที่ประตูร้านบ่อยๆ
ชะเง้อจนโดนพี่มินฮยอนตบหัวเข้าให้ ข้อหาเอาแต่แกล้งไอดอลคนโปรดของตัวเอง ไอดอลคนโปรดที่ไปเล่นเอ็มวีให้ไอดอลคนโปรดมากๆๆอีกที พี่มินฮยอนเอาแต่เปิดเพลงในอัลบั้มของแดฮวีทุกวัน จนซอนโฮร้องได้ทุกเพลงแล้วล่ะ แต่เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกนะ เพราะเพลงของแดฮวีน่ะเพราะมากจริงๆๆ วันไหนว่างๆซอนโฮก็ขายทั้งเครื่องดื่มขายทั้งเพลงให้พวกนูน่าเลยล่ะ! (แน่นอนว่าซอนโฮเอาเรื่องนี้ไปอวดพี่มินฮยอนกับแดฮวีอีกรอบด้วย)
“เอามือถือมาดิ"
แล้วก็เป็นเจ้าลูกเจี๊ยบที่ไม่เคยอยู่นิ่งยื่นมือออกไป กระดิกนิ้วขอมือถืออีกฝ่ายแบบคูลๆ ควานลินที่วันนี้สวมเสื้อกราฟฟิคเท่ๆ พร้อมกับเสื้อโค้ทลายแฟชั่นยื่นมือถือเครื่องหรูไปให้ด้วยความไม่เข้าใจนัก
“ปัดโถ่ ปลดล็อคให้ด้วยดิ"
“อ่า แป้ปๆๆ"
ยื่นมือที่ทั้งเรียวสวยทั้งหนาของตัวเองออกไป วางนิ้วโป้งที่ปุ่มแสกนก่อนจะดึงออกเมื่อมันปลดล็อคหน้าจอให้แล้ว ไอดอลคนดังยืนมองซอนโฮพิมพ์อะไรซักอย่างก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งมือถือเครื่องบางกลับมา
“วันนี้ซอโนสอบเสร็จแล้วใช่ป่ะ?”
“อื้อ"
“เมื่อวันก่อนเราไปกินร้านพิซซ่าเปิดใหม่กับพวกฮยองมาอร่อยมากๆเลยล่ะ"
“หกโมง"
“ห๊ะ?”
“เดี๋ยวไปรอที่หลังตึกตอนหกโมง"
พูดประโยคกำกวมขณะที่หันไปทำเครื่องดื่มต่อแล้ว ทิ้งให้คนต่างชาติยืนงงอยู่พักหนึ่ง
“ซอโนนนนนนนนนนนนนนน"
ก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างยานคาง เมื่อพอจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร เจ้าของชายาเจ้าชายแห่งไทเปยิ้มออกมาจนเห็นเหงือกเมื่อพบว่าเขาสามารถขยับเข้าหาอีกฝ่ายได้ใกล้ขึ้นอีกก้าวแล้ว
“ย่าห์ ไลควานลิน"
แต่เสียงของมักเน่ประจำค่ายที่ดังขึ้นก็ทำให้ควานลินสะดุ้ง
“แดนฮยองบอกให้มาจิกหูนายกลับไปซ้อมได้แล้ว – "
“แดฮวีอ่าาาาาา"
ทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนคนโปรด ซอนโฮก็รีบมุดหัวออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ พึ่งเข้ามากอดคนตัวเล็กกว่าจนอีกฝ่ายจมเข้าไปในอกเขา ซอนโฮน่ะชอบกอดแดฮวีที่สุดเลย เขาชอบเวลาที่แก้มนุ้มนิ่มนั่นถูกไปมากับอ้อมกอด ไหนจะกลิ่นหอมๆนั่นอีก
จริงๆแล้วซอนโฮชอบกอดแดฮวีเพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแบ่งเบาความทุกข์ของอีกฝ่ายมา ทั้งยังเพิ่มพลังความสุขให้คนที่โตเกินตัวตรงหน้าด้วย
ถึงจะไม่รู้ว่าอีแดฮวีต้องผ่านอะไรมาบ้าง แต่เขาก็พอจะสัมผัสมาได้ว่ามันคงหนักหนากว่าสิ่งที่ซอนโฮเคยเผชิญมามากๆ
“ซอนโฮอ่า อย่ากอดแน่น เดี๋ยวกลับไปแล้วเราจะโดนเจ้าไททั่นนั่งทับแบน"
ถอนตัวออกมาจากอ้อมกอด ก่อนจะเบะปากเป็นการอ้อนซอนโฮ แดฮวีหันไปขยิบตาใส่ไลควานลินที่ตอนนี้ยืนทำหน้าเหวออยู่ข้างหลัง
“เห้ย เปล่านะ เราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย"
คลานลินทั้งส่ายหน้ารัวๆ ทั้งยกมือขึ้นมาปฏิเสธ นี่มันอะไรกันจริงๆแล้วเมื่อกี้เขายังงอนซอนโฮที่พุ่งตัวเข้าไปกอดแดฮวีอยู่เลย ทำไมตอนนี้เขากลายเป็นฝ่ายง้ออีกฝ่ายแทนไปแล้วล่ะ?
“แดฮวีรอก่อน เอาขนมปังไปกินด้วยๆๆ"
พูดเสร็จก็เตรียมวิ่งไปหลังครัว แต่ก็ไม่ทันใครบางคนที่เดินออกมาจากหลังครัวพอดี
ยูซอนโฮวิ่งไปชนแผงอกพี่มินฮยอนดังปั่ก
ลูกค้าประจำหลายคนในร้านหันมายิ้มให้กับภาพน่ารักๆที่เกิดขึ้นทุกวัน พี่มินฮยอนก็หัวเราะออกมาเมื่อพบว่าตอนนี้เจ้าพนักงานพาร์ทไทม์ประจำร้านกำลังทำหน้าตาประหลาดๆอยู่ การพองจมูกกับแก้มพร้อมกันนั่นมันอะไรกัน
“อ่ะ เอาไปกินกันนะเด็กๆ"
ยื่นถุงกระดาษที่น่าจะมีของกินเบาๆสำหรับมื้อเช้ามาให้แดฮวี คนตัวเล็กยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปรับด้วยความเคยชิน
“ขอบคุณมากฮะ ฮยอง"
ก็แค่กลับมาทำความรู้จักกันอีกครั้ง ในสถานะที่แตกต่างออกไป ถึงแม้อาจจะให้ความรู้สึกไม่สบายใจเท่าเดิม
“ด้วยความยินดีเสมอครับ :)”
แต่ก็อบอุ่นหัวใจเสมอ
คนที่เป็นรักแรกน่ะ
ส่องประกายตลอดในหัวใจได้ตลอดเวลาจริงๆนั่นแหละ
หันมายิ้มให้กันเสร็จแดฮวีก็สะกิดเรียกคลานลินที่เอาแต่มองหน้าซอนโฮ แต่ดูท่าว่าคนที่มีสถานะเป็นรุ่นพี่ในวงการจะไม่ให้ความร่วมมือเสียเท่าไหร่ คนตัวเล็กจึงตัดสินใจออกแรงลากคนตัวใหญ่กลับบริษัทก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะถูกแดเนี่ยลฮยองกระโดดทับเพราะความโมโหหิว(กาแฟ)
“อ้ะ อรุณสวัสดิ์นะ คุณยู"
รั้งตัวเอาไว้สุดแรงเมื่อพบว่าวันนี้ตัวเองลืมพูดประโยคคลาสสิคมัดใจคุณยู ซอนโฮหัวเราะออกมาให้กับท่าทางที่เหมือนเด็กของคนตัวใหญ่แต่ตัวคนนั้น
“อื้อ อรุณสวัสดิ์ คุณไล :)”
มินฮยอนมองภาพของเด็กสองคนก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้มันน่ารักดี ค่อยๆขยับเข้าหากันแบบทีละนิดมากๆจนพวกเขาเองก็ไม่ได้สังเกตุดีๆว่ามันขยับเข้ามาใกล้กันขนาดนี้แล้ว
“วันนี้ผมไม่อยู่กินข้าวเย็นนะฮะ"
“อื้อ รู้แล้วล่ะ"
ยูซอนโฮน่ะโตแล้ว
โตพอที่จะไปกินข้าวเย็นกับใครอีกคนบ่อยๆ
ไม่ใช่เด็กน้อยที่วิ่งเข้าครัวตอนร้านปิดอีกแล้ว
:)
“นี่ควานลินอย่าเอาแต่จ้องมือถือได้ไหม เดินก่อนซี่ – ย่าห์! อีควานลิน"
แดฮวีท้าวเอวมองคนตัวโตกว่าที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่กับที่จนเหมือนถูกแช่ฟรีซไว้แล้ว
“เป็นอะไร?”
“ซอนโฮ"
“ซอโนทำไม?”
“คาทก – แอดคาทกมา"
“ไม่ได้มีคาทกกันตั้งนานแล้วหรอ?”
แดฮวีเกาหัวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ในเมื่อเขาแลกไอดีกับซอนโฮตั้งแต่รู้จักกันอาทิตย์แรกๆแล้ว รวมทั้งโซเชียลมีเดียต่างๆด้วย (แน่นอนว่าเขาเอาแอคหลุมแลก ;__;)
“ไม่อ่ะ"
“งั้น – "
คนตัวเล็กเริ่มจะเดาทางเพื่อนคนใหม่ของตัวเองออกแล้ว นัยน์ตาชั้นเดียวข้างนั้นแสดงความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ลองเช็คไอจีด้วยดิ"
“หืม?”
ไลควานลินทำตามที่ลูกพี่บอกอย่างไม่อิดออดและผลของการกระทำนั้นมันทำให้แดฮวีหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เขาน่ะชอบชะมัด เวลาที่คนตัวโตๆหน้าตาหล่อเหมือนดาราแบบควานลินน่ะเขินจนหน้าแดงตัวแดงไปหมด
“แดฮวี T_________T”
“อย่าเวอร์ กลั้นน้ำตาไว้ ค่อยร้องตอนถึงห้องซ้อม"
พูดจบก็เปลี่ยนเป็นโหมดโหด มือเล็กๆนั่นจับข้อมืออีกคนก่อนจะออกแรงลากกลับค่ายที่ห่างไปแค่สามร้อยเมตร
แต่ถึงแบบนั้นไลควานลินก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มของตัวเองได้
ในเมื่อไอจีของคนๆนั้นมันก็ไม่ไ่ด้มีอะไรมากหรอก
ไม่ค่อยมีรูปถ่ายของเจ้าของไอจี มีแต่ของกินในแต่ละวันมากกว่า
และของกินในแต่ละวันที่่ว่านั่นน่ะ
ก็มีแต่มิ้นต์ช็อคปั่น
เครื่องดื่มที่มีแคปชั่นเป็นหน้ายิ้มกำกับเสมอ
หน้ายิ้มที่มีคำทักทายในตอนเช้ากำกับมาด้วย
‘อรุณสวัสดิ์ คุณรอยยิ้ม :)’
ยูซอนโฮน่ะน่ารักชะมัด
น่ารักกว่าเมนูในร้านจกบัลซะอีก
น่ารักกว่าการตกแต่งของมิ้นต์ช็อคปั่นด้วย
T________________________T
The END
Please comment or tag #Shelterain101
Talk: จบแย้ววว ฮื่อออ ยาวนานจนสงสารคนอ่าน ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ ตอนรู้ตัวว่าแต่งจบแล้วก็แอบเศร้า รู้สึกผูกพันธ์กับเด็กๆในร้าน Awaken มากๆๆ
แล้วก็สุขสันต์วันเกิด(ย้อนหลัง)น้องแดฮวีผู้ทำงานหนัก อ่อนโยน น่ารักเป็นเด็กดีที่น่าจับมาหอมหัวฟัดแจ้มที่สุดในโลก ;___; พี่ดีใจที่ได้รู้จักหนูนะ ฮรุก หมวยคนเล็กของแม่ (นะโนนนว่าคนโตคือหมวยยัยเจ คนกลางคือหมวยแจน(ฮยอน) ละก็นุ้งจอโน ,___,)
ปล. พยายามจะแต่งให้ทันวันที่29 แร้วว แต่มันยาวมากจริงๆ พี่แต่งไม่ทัน .___.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยังคงชอบภาษาของไรท์มากๆอยู่ดีค่ะ ฮื้อออออออออ;-; จบแล้วววคืออ่านไปแล้วหยุดอ่านไม่ได้ มันเหมือนหลุดเข้าไปในภวังค์อะไรซักอย่างที่มีแต่ตัวอักษรสวยๆ ตัวอักษรที่แฝงอะไรหลายอย่าง มันทั้งหน่วงทั้งสดใส ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งฟิคเรื่องนี้ขึ้นมาและมันก็กลายเป็นฟิคเรื่องที่ดีมากๆเรื่องนึงที่ได้อ่านขอบคุณค้าบบบบบบบบบบบบบบบ ^^
น้องฮวีที่กลับมาเปลี่ยนสถานะกับรักแรก
น้องซอนโฮที่มีแผล
แต่รักแรกของซอนโฮก็ยังสวยงาม
และความสัมพันธ์ที่ขยับเข้าใกล้กับไลควานลิน
และมินเจ คู่ที่รอเวลากว่าหลายอย่างจะลงตัว
ในตอนนี้ทุกอย่างนั้นก็เหมาะสมแล้ว
มีความสุขกันเสียทีนะ ฮือออออออออออ
ชอบที่รักแรกของทุกคนยังเป็นความทรงจำที่สวยงาม
แม้จะไม่สมหวังทุกคู่
ปอลอ พี่ดงโฮคือคนที่อดทนมองและดูแลน้องฮวีอย่างดีมากจริงๆ
จบได้น่ารักมากๆเลย คู่นี้นี่ เด็กๆก็จะน่ารักแบบนี้
เขินไปกับจงฮยอนเลยค่ะ กับฉากเซอร์ไพรส์
โอ๊ย ทำขนาดนี้เลยอ่ะ ทั้งโรงแรม ดนตรี แหวน เรือนหอก็มีแล้ว ดีใจแทนจริงๆ มินฮยอนคงอยากตอบแทนให้มากที่สุดอ่ะ จะได้มีความสุขจริงๆกันแล้วนะ
แดฮวีก็น่ารัก เราประทับใจที่แดฮวี ยังคงรักษาทุกคนในชีวิตเอาไว้ มัน ยากมากนะ แต่น้องก็ทำ ดีมากเลยอ่ะ
ขอบคุณสำหรับฟิคที่ เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆแบบนี้นะคะ ถึงจะเริ่มด้วยความหน่วงก็ตามค่ะ
ส่วนยัยเจกับฮวังก็แบ่บ;-; ฮรุก อิน รักแบบ เป็นของกันและกันอ่ะ ฮวังโคตรโรแมนติกอ่ะ แงงงง มีคีย์การ์ดบ้านมาเซอร์ไพรส์ละนะ เจอ will you marry meเข้าไป ตายค่ะ แงงงง ขอบคุณนะคะ เรื่องนี้ดีมากจริงๆ
ที่ร้องก็เพราะรัก ที่เจ็บปวดก็เพราะรัก ที่ยืนขึ้นได้อีกครั้งก็เพราะความรัก
I’ve been with you for so long but I will be with you even longer after this all ‘minj’
ฮวังมินฮยอน ❤ ฮวังจงฮยอน