ตอนที่ 4 : [SF] Falling Rain IV
[SF] Falling Rain IV
Minhyun x Jonghyun, Dongho x Daehwi, Guanlin x Seonho
Posted: 17/12/17
#Shelterain101
14,235 words
BG Music: Epik high ft. Suhyun – The Benefits of Heartbreak
https://www.youtube.com/watch?v=ZO2IDA3xR9I
“The summer sun was not meant for boys like me.
Boys like me belonged to the rain.”
- Benjamin
*
(Flash Back) Our Story; Daehwi, Minhyun, Jonghyun
ตอนนี้จะเป็นเรื่องของ แดฮวี มินฮยอน แล้วก็จงฮยอนในอดีต-ปัจจุบันนะคะ
– Daehwi’s Part – Osaka, 2010-2014
การย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านภาษาแบบอีแดฮวีเลย ถ้าไม่ติดว่าเขามีพี่ชายข้างบ้านที่แสนใจดีล่ะก็นะ – พี่ชายที่มาจากประเทศเกาหลีใต้เหมือนกับเขา แต่อีกฝ่ายน่ะอยู่ตัวคนเดียวเพราะมาเรียนมหาลัยที่นี่เท่านั้น
พี่ชายคนนั้นมักจะเดินไปโรงเรียนพร้อมกับเขาเสมอ พวกเราทำงานพิเศษที่ร้านเดียวกัน มันเป็นร้านเบเกอรี่แถวๆอพาร์ทเม้น นั่นจึงทำให้พวกเขาสนิทกันเร็วมากๆ พวกเขาแทบจะรู้ทุกเรื่องของกันและกัน
มันอาจเป็นเพราะฮวังมินฮยอนเดินเข้ามาในช่วงเปลี่ยนผ่านในชีวิตของแดฮวีพอดี –
ช่วงเวลาที่ทำให้เขาแทบจมอยู่กับกองน้ำตาและสายฝนหลงฤดู
และอาจเป็นเพราะว่าพวกเราต้องเดินอย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่มีแต่ความกดดันและการโทษตัวเอง
“ถ้าอยากร้องไห้ล่ะก็...”
“...”
“ออกไปเล่นน้ำฝนกับพี่ไหม?”
หนึ่งปีหลังจากที่แดฮวีรู้จักพี่ชายคนนั้น คุณพ่อของเขาก็เสีย คุณพ่อที่เป็นทุกอย่างสำหรับแดฮวีและคุณแม่
มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานจนเขาอยากจะลองโบยบินไปในอากาศ – สัมผัสความสูงของตึกสิบชั้นดูซักครั้ง
แดฮวีไม่ใช่เด็กที่สดใสตั้งแต่แรก อาการป่วยที่เรื้อรั้งของคุณพ่อทำให้เขาไม่สามารถยกยิ้มออกมาได้อย่างจริงใจเสียเท่าไหร่ อีแดฮวีที่ทำได้แค่พับนกกระดาษทุกวันเพื่อขอพร
และในขณะที่เขากำลังพับนกกระเรียนตัวที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า
คุณแม่ก็เดินเข้ามาทั้งน้ำตา
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ท้องฟ้าที่สดใส ไร้ก้อนเมฆใดๆ – ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดของแดฮวีและคุณแม่
“พอแล้วล่ะลูก ...”
“….”
“เลิกพับเถอะแดฮวีอ่า"
มันเป็นครั้งแรกที่คุณแม่บอกให้แดฮวีล้มเลิกความตั้งใจในสิ่งที่ทำ
ทั้งๆที่แม่ของเขามักจะบอกเสมอว่าให้ทุ่มเทเต็มที่กับทุกๆอย่าง แม้ว่ามันจะช้าไป ไม่สมหวัง ไม่มีใครเห็นค่า
แต่ครั้งนี้มันเป็นมากกว่าเหตุผลสามข้อนั้น
เพราะว่าพระเจ้าเพิกเฉยต่อความพยายามตลอดหนึ่งปีของเด็กวัยสิบสามปี
“ครบแล้วล่ะ แดฮวีอ่า"
เสียงของผู้ชายที่มักอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
คนที่มักจะเฝ้ามองแดฮวีพับกระดาษพวกนั้น
เสียงที่แสดงถึงความอ่อนโยน – มันอบอุ่นกว่าอากาศในฤดูใบไม้ผลิเสียอีก
“อธิษฐานซี่ – "
“ผมจะอธิษฐานอะไรได้อีก?"
“ได้สิ :)”
ใบหน้าที่หล่อเหลานั่นหันมายิ้มให้เขา ทั้งๆที่น้ำสีใสนั่นกำลังไหลลงมาจากนัยน์ตาสีดำขลับ มันกลมโตราวกับพระจันทร์เต็มดวง นัยน์ตาที่สะท้อนภาพของเด็กผู้ชายที่กำลังหลงทาง –
คนที่มองไม่เห็นทางเพราะหยาดน้ำสีใสที่ยังไหลลงมาไม่หยุด
“ขอให้คุณลุงได้หลับสบายๆ ขอให้คุณลุงมองเห็นแดฮวีประสบความสำเร็จ"
“...”
“หรือขอให้..ได้กลับมาเจอกันอีก – ถ้าชาติหน้ามีจริงล่ะก็นะ"
แดฮวียิ้ม .. เขาจำได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มเดียวที่เขาทำได้ในวันนั้น
รอยยิ้มของอีแดฮวีที่เกิดขึ้นเพราะฮวังมินฮยอนเสมอ
อีแดฮวีหลับตาลง –
และวินาทีนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่ารอบตัว ความมืดมิดที่แสนน่ากลัว
มันเป็นที่ๆคุณพ่อของแดฮวีจะต้องไปอยู่จนตราบนิรันดร์งั้นหรือ?
ไม่ยุติธรรมเลย …
เจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับลืมตาขึ้นมา เขามองสิ่งรอบตัวด้วยความเฉยเมย
ไม่มีน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาสีรัตติกาลอีกเลยนับจากนั้น
จะมีก็แต่ความเข็มแข็งที่เปราะบางก็เท่านั้น
มันเป็นการเติบโตที่น่าเจ็บปวดสำหรับฮวังมินฮยอน
เด็กผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งเริ่มยิ้มเป็น คนที่กำลังจะเรียนรู้ถึงความหมายของคำว่าความหวัง
กลับตกลงไปอีกครั้งในหลุมที่เขาแทบจะมองไม่เห็น
และมันก็ทำให้มินฮยอนแน่ใจ ว่าเขากำลังตกหลุมรักอีกฝ่าย
ความรักที่ไม่ใช่ความรักแบบพี่น้อง
เขายังจำได้ว่าวันนั้นหัวใจของมินฮยอนหมือนถูกเหยียบซ้ำๆในตอนที่อีกฝ่ายหายไปเกือบอาทิตย์
และสิ่งแรกที่ฮวังมินฮยอนทำตอนเจอหน้าอีกฝ่าย คือการบอกรักน้อง
คุกเข่าลงขอความรักจากคนที่ไม่อยากรักใครอีกแล้ว
คนที่เก็บทุกอย่างไว้กับตัวตลอดเวลา
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่แบกทุกอย่างไว้กับตัวเอง –
ความเศร้า ความโดดเดี่ยว ความพยายาม และความสิ้นหวัง
มินฮยอนตัดสินใจเข้าไปในโลกของแดฮวีอย่างเต็มตัว
ก้าวเข้าไปอย่างเห็นแก่ตัว – กลายเป็นโลกที่แตกสลายของอีแดฮวีอย่างมั่นใจ
มินฮยอนสอนให้น้องรู้จักดนตรี เขาใช้มันปลอบประโลมเด็กที่กำลังหลงทาง
และมันก็ได้ผล หลังจากนั้นเด็กน้อยของเขาก็ใช้เวลาหลังเลิกเรียนมาฝึกซ้อมแทน
อีกฝ่ายแทบไม่ได้นอน แต่เพราะใบหน้าที่ทั้งมุ่งมั่นทั้งมีความสุขนั่นทำให้ไม่มีใครห้าม
และมินฮยอนก็เลือกที่จะไปน่ังอยู่ข้างๆอีกฝ่ายแทน คอยส่งผ่านความอบอุ่นที่แดฮวีบอกว่ามันอบอุ่นกว่าเตาผิงในฤดูหนาวเสียอีก
ฮวังมินฮยอนเป็นครั้งแรกของอีแดฮวีในทุกๆอย่าง
ครั้งแรกที่มีแฟน
ครั้งแรกที่รักใครซักคนมากขนาดนี้
ครั้งแรกที่ยอมร้องไห้ต่อหน้าใครซักคน
ครั้งแรกที่ส่งยิ้มให้อย่างสดใสทั้งๆที่หัวใจกำลังแตกสลาย
เป็นคนที่อีแดฮวีเลือกที่จะมอบครั้งแรกให้
เป็นคนแรกที่เขายอมให้นั่งอยู่ในโลกของตัวเอง ในตอนที่แดฮวีกำลังโลดแล่นอยู่ในโลกของดนตรี
เป็นคนแรกที่เขาอยากจะให้อีกฝ่ายเข้ามารู้จักในทุกมุม ทุกตัวตนของเขา
เป็นคนแรกที่แดฮวีอยากแสดงความรู้สึกเห็นแก่ตัว
เป็นคนแรกที่ทำให้แดฮวีอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
พวกเขาส่งผ่านความอบอุ่นให้กันจนฤดูกาลผันเปลี่ยนไป –
เพราะแบบนั้นสำหรับอีแดฮวี ฮวังมินฮยอนน่ะไม่ใช่แค่ความรัก
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบนั้นกลายเป็นโลกใบใหม่ของเขา
โลกที่พร้อมจะล่มสลายลงมาทุกเมื่อ –
ทันทีที่อีกฝ่ายเดินจากไป
ทุกอย่าง – ถล่มลงมาจนแตกละเอียด เหลือเพียงแต่เศษเสี้ยวที่จับต้องไม่ได้
มีเพียงแค่ฝุ่นผงที่ถูกหลอมหลวมจากหยาดน้ำตา
ผู้ชายที่สร้างสองเหตุผลให้อีแดฮวีมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างปวดร้าว
สาเหตุที่เรียกว่า ฮวังมินฮยอน และ ดนตรี
ฮวังมินฮยอนที่เลือกเดินออกไปทั้งๆที่พึ่งสร้างบ้านให้อีแดฮวีเสร็จ
อีกฝ่ายเดินจากไปพร้อมกับคำขอโทษและคำว่ารัก
ความรักที่มีจริง … แต่ไม่มากพอเมื่อเทียบกับความรักที่มินฮยอนมีให้เพื่อนสนิทคนนั้น
ใช่…
ฮวังมินฮยอนเดินจากไปเพื่อกลับไปสร้างบ้านหลังใหม่ให้เพื่อนสนิทคนนั้น
คนที่พึ่งเสียทั้งพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุ –
คนที่รอดกลับมาอย่างปฏิหาริย์
เป็นคนเดียวกับที่พรากปฏิหาริย์ในโลกแคบๆที่เต็มไปด้วยความมืดมิดของอีแดฮวี
โลกใบนั้นถล่มลงมา..
เพราะอีแดฮวีไม่สามารถสร้างบ้านต่อได้ด้วยตัวคนเดียว
และมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างบ้านหลังนั้นให้เสร็จ
ในเมื่อมันไม่มีคนที่เขาอยากกลับไปเจอแล้ว
และคนๆนั้นก็ไม่ได้รอคอยการกลับมาของเขาอีกต่อไป
เพราะแบบนั้นอีแดฮวีจึงต้องเดินต่อไปทั้งๆที่ไม่มีบ้านให้กลับไป
ฮวังมินฮยอนเดินจากไป
หลังจากนั้นอีกสามเดือนคุณแม่ของเขาก็เดินทางไปยังโลกที่แสนมืดมิดเหมือนกับคุณพ่อ
อีแดฮวีจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่มีบ้านให้กลับไป – มีเพียงแค่อีแดฮวีกับโลกที่ไม่ยุติธรรม
แต่ถึงแบบนั้นฮวังมินฮยอนก็ยังคงเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดเสมอ
คนๆนั้นที่อีแดฮวีอธิษฐานให้อีกฝ่ายเจอแต่ความโชคดี
คนที่เขาอยากจะเอาความโชคร้ายทุกอย่างบนโลกมาไว้กับตัวเอง
เพื่อให้ฮวังมินฮยอนได้เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้
แด่รักแรกที่ยังคงสวยงามที่สุดเสมอ –
ของอีแดฮวี
รักแรกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเขา ครั้งหนึ่งที่เคยมีอยู่จริง
ครั้งหนึ่งที่มิใช่นิรันดร – และจะไม่มีวันโคจรกลับมา
(The nights are still bright without you
And autumn, too, will turn into spring
But why am I like this?
What do I live for?)
*
– Jonghyun’s Part – Seoul, 2011, 2014-2017
“นี่"
“หืม?”
จงฮยอนส่งเสียงงัวเงียผ่านปลายสายโทรศัพท์ เพื่อนสนิทที่อยู่ดีๆก็หายไปเป็นอาทิตย์ แต่กลับโทรมาตอนตีสามของคืนวันอาทิตย์ เพื่อนสนิทคนเดียวที่ไปเรียนต่อมหาลัยที่ญี่ปุ่น
ฮวังมินฮยอนคือเพื่อนสมัยเด็กที่อยู่กับจงฮยอนมาในทุกช่วงเวลาของชีวิต
มันเป็นความคุ้นเคยที่อบอุ่นอยู่เสมอ
“ว่าไง โทรมาแล้วทำไมไม่พูด"
เขาได้ยินเพียงแค่เสียงสูดหายใจแรงๆ เหมือนว่ามินฮยอนคนเก่งจะเป็นหวัดแฮะ
“แค่จะโทรมาบอกอะไรบางอย่างนะ"
รูปประโยคที่กำกวมของอีกฝ่ายมักจะทำให้จงฮยอนมีความหวังเสมอ
ความหวังที่มีมาตลอด แต่ไม่เคยสมหวังนั่นแหละ
“อื้อ?”
“มินมีแฟนแล้วนะ"
จงฮยอนหัวเราะออกมา มันคงเป็นเสียงหัวเราะที่ตลกน่าดู –
แต่สำหรับเขาน่ะ มันเป็นเสียงหัวเราะที่เป็นเหมือนมีดนับร้อยเล่มกำลังทิ่มแทงทุกอย่างให้แตกละเอียด
หัวใจที่มีแต่ฮวังมินฮยอนบรรจุอยู่มาตลอด มันแตกละเอียดเป็นครั้งที่สิบสาม
“น้องแดฮวี?”
ในหัวนึกออกแต่เรื่องราวของเด็กข้างบ้านคนนึงที่มินฮยอนมันจะเล่าให้ฟังเสมอ เรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แม้แต่จงฮยอนยังอยากปกป้อง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายก็เถอะ
“อื้อ"
“พึ่งขอเลย?”
“อ่า..จริงๆแล้วพ่อน้องพึ่งเสียน่ะ แล้วหายไปทั้งอาทิตย์เลย"
“มินฮยอนเลยรู้ใจตัวเองสินะ?”
ถามออกไปทั้งๆที่ร่างบางรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลลงมาอาบแก้มเนียน แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านมายังหน้าต่างยังคงสวยงามเหมือนเดิม
เพียงแค่วันนี้ภาพเหล่านั้นมันพร่าเลือนเพราะความอ่อนแอของจงฮยอน
“อื้อ ขอโทษที่โทรมาตอนดึกๆนะ"
นี่..มินฮยอน – ฮวังมินฮยอน
“ทำไมอยู่ดีๆก็ขอโทษล่ะ ผีเข้าหรือไง?”
ถ้าเป็นเราบ้างล่ะ … ถ้าคิมจงฮยอนหายไปบ้าง
“นั่นสินะ – จริงๆเราก็แค่อยากแชร์ทุกช่วงเวลาดีๆกับเจ ตอนที่มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปด้วย"
นายจะรู้ใจตัวเองบ้างไหม?
“เหมือนท่ีตอนนี้ฮวังมินฮยอนได้สละตำแหน่งคนที่โสดสนิทตลอดยี่สิบปี ฮ่าๆ"
คงไม่หรอก..
คงไม่มีทางรู้ใจตัวเอง
เพราะมันมีแต่คำว่าเพื่อนและมิตรภาพมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ยินดีด้วยนะมินฮยอนอ่า"
จงฮยอนพยายามใช้น้ำเสียงที่สดใสที่สุด เขาพูดมันออกไปในจังหวะเดียวกับที่หิมะแรกกำลังตก
“นี่มินฮยอน – "
ความเชื่อที่ว่ากันว่าหากสารภาพรักในวันที่หิมะแรกตกจะสมหวัง
– จงฮยอนคงสารภาพไปไม่ได้
“หิมะแรกตกแล้วล่ะ"
แต่อย่างน้อย…
“งั้นหรอ ใส่ถุงเท้าแล้วห่มผ้าหนาวๆล่ะ อย่าดิ้นจนผ้าห่มหล่นไปกองกับพื้นด้วย"
ขอให้คิมจงฮยอนได้ลองอธิษฐานซักครั้ง
พูดออกไปในวินาทีเดียวกับที่มือเรียวกดตัดสายอีกฝ่าย
“เรารักกันแบบอื่นไม่ได้หรอมินฮยอนอ่า"
“เราเป็นแฟนกันไม่ได้หรอ – "
(The nights are still bright without you
And autumn, too, will turn into spring
But why am I like this?
Are you like this too?
Why me?)
มันเป็นคำอธิษฐานที่ใช้เวลาสามปีในการทำให้มันเป็นจริงครึ่งนึง
คำอธิษฐานที่ต้องแลกมากับความสูญเสียเกินกว่าที่คิมจงฮยอนจะรับมันไหว
มันเป็นคืนหลังจากที่หิมะแรกได้ตกไปแล้ว และครอบครัวของเขากำลังขับรถกลับบ้าน
น่าตลก – ที่มันเป็นการขับรถกลับบ้านที่มีจงฮยอนเพียงคนเดียวที่กลับมาถึงบ้าน
บ้านที่เหลือเพียงแต่โครงสร้าง ไร้ความอบอุ่น และไร้ความหมาย
ความเจ็บปวดจากร่างกายที่ได้รับมันเทียบไม่ได้กับภาพของบุคคลอันเป็นที่รักสองคน
คนสองคนที่ใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิตหันมาบอกรักเขา บอกให้รอดกลับไปและอย่าโทษตัวเอง
คนที่บอกว่าได้รับของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว และมันคือวินาทีที่จงฮยอนลืมตาขึ้นมาดูโลก
และเพราะว่าพวกท่านได้รับของขวัญที่ดีที่สุดมา พวกเขาจึงต้องรีบกลับไปตอบแทนพระเจ้า
น่าตลกสิ้นดี ทั้งๆที่ตอนนั้นเขาอยากพูดอะไรกลับไปบ้าง
แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ที่ดังออกมา
มีแค่น้ำตาโง่ๆที่ไหลออกมาไม่หยุด –
และโลกก็ดับใบ
จงฮยอนตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความว่างเปล่า ที่มีเสียงร้องไห้ของฮวังมินฮยอนดังอยู่ข้างๆ
อีกฝ่ายจับมือเขาไว้และพร่ำบอกว่าเขาหลับไปนานแค่ไหน บอกว่ารักเขามากแค่ไหน บอกกับจงฮยอนว่ามินฮยอนกลัวว่าเขาจะไม่ตื่นขึ้นมาแค่ไหน
จงฮยอนเหลือบไปเห็นนกกระดาษที่เต็มขวดโหล
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่ – จงฮยอนอ่า"
“...”
“วันนี้วันที่เก้าสิงหาล่ะ"
“...”
“ของขวัญวันเกิดปีนี้"
“...”
“ขอให้คิมจงฮยอนมีชีวิตอยู่ข้างๆฮวังมินฮยอนตลอดไป"
ฮวังมินฮยอน
คนที่อบอุ่นและอ่อนโยนเสมอ
คนที่เดินจากไปเพื่อไปเป็นบ้านของเด็กผู้ชายคนนั้น
เดินกลับมาเป็นบ้านให้คิมจงฮยอนแทน
คนที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของจงฮยอนมาตลอด
คนที่เป็นความทรงจำในทุกๆช่วงชีวิตของจงฮยอน
กลายมาเป็นโลกทั้งใบของเขาจริงๆ
“ช่วยรออีกซักนิดนะ"
“...”
“ขอให้เรามั่นใจกว่านี้อีกซักนิด – "
อีกสามเดือนต่อมาที่หิมะแรกตก –
จงฮยอนขอให้แดฮวีพบเจอแต่ความสุข
ขอโทษอีกฝ่ายในทุกๆวันที่ตื่นขึ้นมาพบมินฮยอนยิ้มอยู่ข้างๆ
ขอบคุณที่เด็กผู้ชายที่แตกสลายคนนั้นไม่รั้งมินฮยอนไว้ –
และนั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ฮวังมินฮยอนตกหลุมรักคนๆนั้นภายในเวลาไม่กี่เดือน
*
– Jonghyun’s Part – Seoul, 2017
มันเป็นคือวันศุกร์ที่ผู้คนหลากหลายวัยต่างผลัดกันเดินเข้าออกร้าน ร้านที่เป็นของจงฮยอนและมินฮยอน ร่างบางก้มหน้ามิกซ์เครื่องดื่มด้วยความตั้งใจ แต่แล้วเสียงใสๆที่เข้มแข็งของใครบางคนก็ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมา
ร่างเล็กที่กำลังนั่งเล่นเปียโนที่ตั้งอยู่กลางร้าน คนที่ร้องเพลงสนุกๆให้กลายเป็นเพลงเศร้าได้ โน้ตดนตรีที่ถูกเล่นให้ช้าลง คอร์ดที่ถูกปรับให้ต่ำลงสองคอร์ด นัยน์ตาคู่สวยที่ถ่ายทอดความเศร้ามาได้มากกว่าใบหน้าสวย
ราวกับถูกต้องมนต์ –
หลังจากนั้นจงฮยอนก็รอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหา
“ขอเบียร์หนึ่งทาวเวอร์ฮะ แล้วก็ Whisky Rebellion”
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาหนึ่งที – รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะชี้ไปทางโต๊ะที่ตัวเองนั่ง
“เอ่อ.. น้อง?”
จงฮยอนรั้งอีกฝ่ายไว้ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจนักว่าทำไมตัวเองถึงอยากฟังดนตรีของอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ครับ? แดฮวี อีแดฮวีฮะ"
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมามันทำให้จงฮยอนรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก เขาใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้ง ตาชั้นเดียวและตาสองชั้นอาจทำให้อีกฝ่ายมองโลกได้ต่างจากคนอื่น สเน่ห์ที่มาพร้อมกับนัยน์ตาสีดำที่ถึงจะดูหม่นหมองแต่ก็ยังส่องประกายสวยกว่าดวงตาคู่ไหนๆ
คนที่ยิ้มแล้วทำให้คนดูรู้สึกว่าโลกกำลังแตกสลายได้มากที่สุด
คนที่หลงไหลในโลกของดนตรีมากกว่าใครๆ
วินาทีนั้นจงฮยอนมั่นใจแล้ว –
ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนในคำอธิษฐานเมื่อสองปีที่แล้ว
คนที่เขาเคยขอให้อีกฝ่ายพบเจอแต่ความสุข
“สนใจมาเล่นดนตรีที่ร้านพี่ไหม"
“ครับ?”
คนที่จงฮยอนกำลังจะผลักให้อีกฝ่ายกลับมาพบเจอกับความสับสนอีกครั้ง
“วันไหนก็ได้ที่เราสะดวก – พอดีพี่กำลังหานักดนตรีมาเล่นดนตรีสดประจำร้านน่ะ"
เพียงเพราะเขาอยากจะแน่ใจในความรู้สึกของมินฮยอน –
ว่าถ้าได้พบกันอีกครั้ง ในตอนที่ทั้งจงฮยอนและแดฮวีสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว
“ได้สิครับ ผมชอบบรรยากาศของร้านนี้มากๆ :)”
ฮวังมินฮยอนจะเลือกเป็นโลกของใคร
โลกที่หมายความว่ารัก
รักแบบที่อีกฝ่ายอยากให้มันคงอยู่ชั่วกัลปาวสาน
“ขอบคุณนะ คุณแดฮวี :)”
“ด้วยความยินดีครับ พี่?”
“จงฮยอน – คิมจงฮยอนน่ะ"
ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากวันนั้น
วันที่จงฮยอนอยากจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตััวอีกครั้ง
ทั้งๆที่เขาก็กำลังเห็นว่าเด็กผู้ชายตรงหน้าแทบจะยืนด้วยตัวเองไม่ไหว
ใช่..
เขารู้
แต่คิมจงฮยอนก็กำลังจะแตกสลายเหมือนกัน
กับความรักที่ไม่มีเส้นความสัมพันธ์
กับความรู้สึกผิดที่มีให้คนที่ไม่เคยเห็นหน้า
เขาก็แค่อยากให้มินฮยอนเลือกอีกครั้ง
แค่อยากให้มินฮยอนมั่นใจกับทางที่เลือก
เพราะฮวังมินฮยอนไม่สามารถเป็นโลกของคนสองคนได้พร้อมๆกัน
อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง และอีแดฮวีกับคิมจงฮยอนไม่ใช่กลุ่มดาวเคราะห์
และเพราะฮวังมินฮยอนเป็นคนที่จงฮยอนอยากจะให้อีกฝ่ายพบเจอแต่ความสุขเสมอ
เป็นคนที่จงฮยอนอยากจะถือร่มให้ในวันฝนตกเสมอ
แต่มันก็ไม่เป็นไร – ไม่เป็นไรจริงๆ
หากอีกฝ่ายเลือกที่จะกลับไปถือร่มให้คนอื่น
คิมจงฮยอนก็แค่จะถือร่มตามอีกฝ่ายเงียบๆ
ฮวังมินฮยอนที่เป็นรักแรก รักเดียว
เป็นความรักที่ไม่เคยหายไป –
เช่นเดียวกับความขมปร่าในใจ
เช่นเดียวกับความสุขที่ห้อมล้อมในทุกห้วงขณะที่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ
ขอโทษนะแดฮวี พี่ไม่ใช่พี่ชายที่ใจดีที่สุดในโลกหรอก..
*
Minhyun’s Part, 2017
ฮวังมินฮยอนเป็นคนเห็นแก่ตัว
เขาเป็นคนโลภที่เลือกจะเป็นบ้านให้คนสองคน –
บ้านหนึ่งที่เขาเลือกเดินจากมา เพื่อกลับมาบ้านหลังเก่าที่เขาเคยสร้างไว้
ความรักที่เขามีให้อีแดฮวีมันคือความสัตย์จริง
เช่นเดียวกับความรักที่เขามีให้คิมจงฮยอน เพื่อนสนิทของตัวเอง
ความรักมันเป็นเรื่องที่น่าพิศวงเสมอ
เคยมีคนบอกกับเขาว่าเราไม่สามารถรักใครพร้อมกันได้สองคน –
แต่มินฮยอนก็อยากเดินกลับไปถามคนๆนั้นว่า
นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เคยสัมผัสความรู้สึกนั้นหรือเปล่า?
โอเค ถึงสุดท้ายแล้วเขาจะชั่งน้ำหนักได้ว่าความรักที่มีให้ฝั่งไหนมันมากกว่ากัน
แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่หนักแน่นพอที่จะเปลี่ยนให้อีกฝั่งกลายเป็นความไม่รักหรือเปล่า
“มินฮยอนฮยอง"
เสียงใสๆที่ไม่เคยเปลี่ยนไป นัยน์ตาที่ดูเศร้ากว่าวันวาน แต่กลับเข้มแข็งขึ้นจนมินฮยอนรู้สึกภูมิใจ
อีแดฮวีที่ผอมลงกว่าช่วงเวลานั้นทำให้เขารู้สึกแตกสลาย
นัยน์ตาที่ยังมีฮวังมินฮยอนเป็นโลกทั้งใบนั่นมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
ไร้ซึ่งความเกลียดชังใดๆ แม้สิ่งที่เขาเคยทำไว้กับคนตรงหน้าจะเรียกได้ว่าความเลวร้ายที่สุด
“ยังชอบเดินตากฝนเหมือนเดิมเลยนะ"
เป็นการทักทายที่ดีที่สุดเท่าที่ฮวังมินฮยอนจะทำได้
ส่งรอยยิ้มโง่ๆไปให้กับคนที่เคยเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตเขา
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะส่งรอยยิ้มมาให้ –
เป็นครั้งแรกที่อีแดฮวีส่งรอยยิ้มที่แตกสลายมาให้ฮวังมินฮยอน
ทั้งๆที่เขาเคยเป็นข้อยกเว้นเดียวของอีกฝ่ายแท้ๆ
แต่มันคงไม่แปลกอะไร สำหรับคนที่เดินเข้าไปและเดินออกมาอย่างไร้เยื่อใยแบบเขา
“แต่ตอนนี้พี่กำลังถือร่ม"
น้องพยายามส่งรอยยิ้มมาให้เขาอีกครั้ง
สายฝนที่โปรยปรายลงมาคงเป็ยข้ออ้างของอีแดฮวีอีกครั้ง
ร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรง –
ราวกับอีกฝ่ายพร้อมจะปลิวไปกับสายลม
กลับไปยังท้องฟ้าที่อีแดฮวีเคยบอกว่าอยากจะไปสัมผัสมันซักครั้ง
“พี่คงไม่ชอบเดินตากฝนแบบผมแล้ว"
ได้ผล…
คราวนี้มันเป็นรอยยิ้มแบบที่อีกฝ่ายมักจะส่งมาให้เขาอย่างสดใส
เปลือกตาที่ลู่ลงหนึ่งข้างกับร่างกายที่สั่นไหว
แสงจากพระจันทร์ทำให้ฮวังมินฮยอนมองเห็นความอ่อนแอของอีกฝ่ายชัดขึ้น
และถึงจะเป็นแบบนั้น
“อื้อ มันคงเป็นเพราะพี่โตขึ้นน่ะ"
ฮวังมินฮยอนได้เลือกแล้ว
เลือกที่จะเป็นแค่ความทรงจำของเด็กผู้ชายคนนั้น
เลือกที่จะร่วมกันสร้างความทรงจำกับใครอีกคนไปเรื่อยๆ
“เพราะงั้นอย่าเดินตากฝนอีกเลย "
ฮวังมินฮยอนที่เคยสอนข้ออ้างในการร้องไห้ให้อีแดฮวี
กลับบอกให้เขาหาเหตุผลอย่างอื่น
“เอาร่มพี่ไป แล้วเดินกลับดีๆนะ"
มินฮยอนยิ้ม ก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่าย
เขากระซิบบอกคำๆเดิม – ประโยคเดียวกับที่เคยใช้เป็นข้ออ้างในการเดินออกมาจากชีวิตของอีแดฮวี
ขอบคุณ ขอโทษ และ รัก
“ฝากขอบคุณเจ้าของร่มด้วยนะครับ"
ให้อีแดฮวี – เด็กผู้ชายคนนั้นที่ยังรู้จักฮวังมินฮยอนดีกว่าตัวเอง
กลิ่นหอมของกาแฟ แอลกอฮอล์ และกลิ่นฝนเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ้มออกมา
การเป็นคนเห็นแก่ตัว กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
เพียงแค่ตัวแปรหนึ่งในนั้นมีผู้ชายที่ชื่อว่าคิมจงฮยอนเป็นองค์ประกอบ
“ฮยอนอ่า"
คนที่กำลังยืนเช็ดแก้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา นัยน์ตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส กระตุกบางอย่างในใจเขาจนมันแตกละเอียดไปหมด
มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว
ที่มินฮยอนรักคนสองคนพร้อมๆกัน
แต่คิมจงฮยอนเป็นคนที่เขาอยากจะเฝ้ามองอีกฝ่ายเติบโตและแตกสลาย อะไรก็ได้ ตราบใดที่ข้างๆอีกฝ่ายยังมีฮวังมินฮยอนอยู่
“มั่นใจหรือยัง"
เสียงสูงที่แหบขึ้นจมูกนั่นดังขึ้น มันแสดงความหวาดกลัว และหวั่นไหว
ที่เห็นชัดที่สุดคงเป็นความรัก
“ไม่ว่าทางไหนที่มินเลือก"
“...”
“เราก็จะยังอยู่ที่เดิม"
การที่เขาถูกปลุกให้ออกไปซื้อยานอนหลับให้จงฮยอน ทั้งๆที่เขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังมียาเหลือเยอะขนาดไหน ไหนจะเด็กคนนั้นที่เดินออกมาจากร้านของพวกเขา
และคำถามที่กำลังถูกถามออกมาจากปากอีกฝ่ายเมื่อครู่ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด
“ขอโทษนะ"
ร่างโปร่งเดินเข้าไปสวมกอดคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด สัมผัสที่เปียกชื้นตรงหน้าอก ทำให้้มินฮยอนรู้ว่าอีกฝ่ายร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว
“ขอโทษที่ต้องให้นายใช้ความกล้าทั้งหมดกับเรื่องแบบนี้"
ฮวังมินฮยอนทำให้คิมจงฮยอนเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ?
ฮวังมินฮยอนทำให้คิมจงฮยอนต้องร้องไห้กี่ครั้งต่อวันกันนะ?
“แต่หลังจากนี้นายไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะ"
แต่ไม่ว่าจงฮยอนจะเปลี่ยนไปในทางไหน
ทางทีดีกว่าหรือทางที่มืดมนกว่านี้
“เพราะเรามั่นใจแล้ว"
ฮวังมินฮยอนก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้
ไม่ปล่อยให้คิมจงฮยอนคนนี้หลุดลอยไปไหนอีกแล้ว
“เรารักจงฮยอน"
ถ้าผู้คนนิยามความรักว่ามันคือการที่เราอยากอยู่กับอีกฝ่ายไปจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
หากความรักคือการชั่งน้ำหนัก
ความรักของฮวังมินฮยอนคือคิมจงฮยอน
ความรักของเขาที่เป็นตลกร้ายสำหรับอีแดฮวี
และฮวังมินฮยอนคงเป็นคนที่ใจร้ายและใจดีที่สุดในความทรงจำของเด็กผู้ชายคนนั้น
คนใจร้ายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าคนที่มีดวงตาที่เศร้าที่สุดอีกคนกำลังมองมา
อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยในตอนที่ดวงตาของพวกเราประสานกัน
คนเป็นพี่ตัดสินใจขยับปาก เพื่อบอกสิ่งที่เขาอยากพูดออกไป
แต่สายฝนที่โปรยปรายลงมาเมื่อครู่ มันทำให้แรงโน้มถ่วงมีมากเกินกว่าพลังของเขาที่จะเปล่งมันออกไป
‘ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะ’
อีแดฮวียังยิ้มตาปิดเหมือนเดิม
เด็กผู้ชายคนนั้นยังยิ้มให้เขาเหมือนกับวันที่มินฮยอนเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย
‘ลาก่อนครับ’
ฮวังมินฮยอนส่งยิ้มกลับไปเมื่อเขารับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
เขาเป็นคนเลว
ที่รู้สึกโล่งใจ
กับการรับรู้ว่าใครบางคนที่รักเขามากที่สุดคนหนึ่ง
กำลังเดินออกไป- และไม่หันกลับมารอเขาอีกแล้ว
“คิมจงฮยอน"
เขาดันให้อีกฝ่ายยืนตรงๆ เพื่อที่จะได้มองเข้าไปนัยน์ตาสีดำสนิท- ดวงตาที่เขามักจะพบทุกครั้งที่หันหลังกลับไป มันไม่ใช่ความสงสาร เหงา หรืออะไรทั้งนั้น
มันเป็นแค่ความรู้สึกที่บริสุทธิ์จนเขาไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้
เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีอะไรมาเจือปน
และเพราะแบบนั้นมันจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มินฮยอนต้องใช้เวลานานเหลือเกิน-
นานจนเกือบจะทำคนที่สำคัญที่สุดผลัดหลงออกไป
“รักนะครับ"
มินฮยอนยิ้ม
ขณะที่ใครอีกคนที่รอฟังคำๆนั้นมาตลอด กลับนิ่งจนเขาไม่แน่ใจเสียแล้วว่าอีกฝ่ายยังมีสติอยู่ไป
มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากนัยน์ตาคู่สวยนั่น ที่ทำให้มินฮยอนแน่ใจว่าจงฮยอนยังได้ยินและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่
“ขอโทษที่ต้องใช้เวลาขนาดนี้"
มินฮยอนใช้มือที่จงฮยอนบอกว่ามันสวยที่สุด เมื่อมันบรรเลงเพลงเพื่อจงฮยอน
“ขอโทษที่ต้องทำให้เสียใจ"
ค่อยๆเกลี่ยหยาดน้ำที่ไหลออกมาให้เบาที่สุด
“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ไม่ว่าจะเพราะความดีใจหรือปวดใจ"
ใช้ริมฝีปากของตัวเองจูบซับน้ำตาอีกข้าง ขยับขึ้นไปกดจูบบนหน้าผากอย่างรักใคร่
“ขอโทษที่กดดันให้นายทำในสิ่งที่เมื่อก่อนนายคงไม่มีวันทำ"
เสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นกว่าเดิม ทำเอามินฮยอนแทบขาดใจ และเขายังรับรู้ได้ถึงสายตาจากลูกค้าขาประจำอีกสองสามคนที่มองมาตาขวาง
“อย่าโทษตัวเอง และอย่าคิดว่าความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยนี่ จะทำให้เราหยุดรักจงฮยอนได้"
กดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มที่คอยทำให้เขารับรู้ถึงคุณค่าของตัวเองเสมอ- ริมฝีปากที่ทำให้มินฮยอนรู้สึกราวกับเป็นพระเจ้า
“ขอบคุณที่ไม่เคยหยุดรักมินฮยอน"
“...”
“ขอบคุณมากจริงๆที่ไม่เคยหันหลังให้เราซักครั้ง"
พวกเรามองหน้ากัน หัวเราะออกมา และจับมือกัน
“อื้อ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ มินฮยอนอ่า"
มือที่ประสานกันแน่นขึ้นกว่าครั้งไหนๆ ทำให้จิตใจของมินฮยอนสงบลง มันเป็นความสุขที่สงบสุขอย่างที่เขาไม่คิดมาก่อน
“มันจะไม่แน่นไปกว่านี้"
“...”
“แต่ก็จะไม่หลวมไปมากกว่านี้แล้วนะ จงฮยอนอ่า"
และวันนี้มินฮยอนก็พบว่าคิมจงฮยอนน่ะ เหมาะกับรอยยิ้มที่สว่างใส มากกว่านัยน์ตาหมองๆนั่นจริงๆ :)
ถึงฮวังมินฮยอนจะใจร้ายกับแดฮวีขนาดไหน แต่เขาก็ยังหวังให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จ
และจากสายตาของคังดงโฮวันนี้ ร่างโปร่งก็ค่อนข้างมั่นใจแล้ว
ว่าอย่างน้อยความฝันที่ครั้งหนึ่งอีกฝ่ายเคยมี จะกลายเป็นจริง
และถ้าวันนั้นมีโอกาสมาถึงจริงๆ
ฮวังมินฮยอนกับคิมจงฮยอนคงเป็นเจ้าของที่ข้างหลังสุดของการแสดง
เพื่อเฝ้ามองรอยยิ้มที่กลับมาสดใสเหมือนเดิม –
รอยยิ้มที่สวยไม่แพ้ใครๆ
แด่รักแรกที่ยังคงเป็นความทรงจำที่สุกสว่างเสมอ
แด่รักแรกอีกคนที่ต้องใช้เวลานานเหลือเกินกว่าความรู้สึกพวกนั้นจะสะกิดใจเขา
จากฮวังมินฮยอนที่ใช้คำว่ารักทำให้หัวใจทั้งสองดวงหนาวเหน็บกว่าสายฝน
จากฮวังมินฮยอนที่เลือกจะเดินจากรักแรกคนนั้นตลอดไป
ฮวังมินฮยอนที่เลือกจะใช้คำว่านิรันดรกับรักแรกอีกคน –
TBC
Please comment or tag #Shelterain101
Talk: ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แอบหลบไปบิ๊ว+สร้างกำลังใจให้ตัวเองมา;__;
จริงๆแอบตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนมาเม้นเพิ่ม ขอบคุณคุณคนที่แนะนำฟิคเรานะคะ
(ถึงจะไม่เห็นต้นตอทวิตก็ก็ตาม ฮื่ออ ดีใจมากจริงๆค่ะ .___.)
ตอนนี้ไม่มีหลินโฮนะคะ เดี๋ยวจะไปเน้นหนักให้ตอนหน้าฮับ(ถ้าใส่มาคงตัดmoodไป)
คิดว่าอีกไม่เกินสองตอนก็น่าจะจบแล้วค่ะ :) เราจะพยายามแต่งให้จบนะคะ .__.
ปล. ความหน่วงทั้งหมดจะจบลงแร้วว ตอนหน้าเราจะสดใสไปด้วยกันนะคะ ฮื่อออ ;___;
ปล2. ไม่แน่ใจว่าเราสามารถสื่อความรู้สึกของมินฮยอนได้ออกมาดีพอหรือเปล่า แต่มันมีจริงๆนะคะความรู้สึกแบบนี้ ฮวังไม่ได้อยากทำร้ายใครทั้งนั้นค่ะ (ไรท์ด้วย ฮื่ออ ;––;)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พูดตรงๆว่า ดีใจที่ได้มาอ่านตอนนี้ค่ะ
รู้สึกได้รับรู้ความรู้สึกของพวกเขาจนเต็มอิ่มเลย (ถ้าไล่ตามอ่านทีละตอนก่อนหน้านี้ ในฐานะแม่ยัยเจ เราคงเครียดแทนลูกตายไปสักครึ่งใจแล้วค่ะ กว่าจะมาถึงบทสรุปในตอนที่ 3 และ 4 XP ) ในที่สุดก็ได้บทสรุปของความรักที่ซ้อนทับกันสักทีนะคะ จากนี้ไปคือการเริ่มต้นใหม่จริงๆ เสียที ดีใจด้วยกับทั้ง 3 คน มินฮยอน จงฮยอน และแดฮวี ... รอติดตามเรื่องราวของพวกเขาต่อไปจากนี้ค่ะ
ขอบคุณนักเขียนมาสำหรับความ SF ที่มีมิติลึกซึ้งและสมจริงมากเลยค่ะ ภาษาสวย และการเล่าเรืองที่เหมือนสายน้ำไหลเอื่อยแต่ค่อยซึมลึกเข้าไปในจิตใย
จงฮยอนลูกกก เราเข้าใจนะในมุมจงคือแบบรู้สึกผิดกับแดฮวีมาตลอดเวลาที่มินเลือกที่จะทิ้งน้องและกลับมาหาตนในเวลาที่ตัวเองไม่เหลือใคร มินกลับมาทั้งที่ใจยังรักน้องแดฮวีอยู่ แล้วยังกลับมาอยู่ในความสัมพันธ์แบบไม่มีชื่อเรียก อีกใจมันเลยแบบเขารักเราจริงๆเหรอหรือแค่เพราะเราไม่มีใครแต่ในมุมของมนุษย์ทั่วไปมันมีความเห็นแก่ตวอยู่แล้ว ถึงแม้ใจจะสงสารและภาวนาให้น้องแดฮวีได้พบเจอความสุขสักทีตลอดเวลา แต่ความจริงก็พึงพอใจที่มินยังอยู่ตรงนี้กับตัวเองไม่ได้กลับไปหาน้องแดฮวี และมันคงาเป็นสิ่งที่ค้างคาใจตลอด2ปีที่มินกลับมา เมื่อถึงเวลาจึงเลือกที่จะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้งว่ามินพร้อมที่จะเป็นบ้านให้ใคร และผลที่ออกมาแม้มันจะช้ากว่าจะได้ยินคำนี้แต่มันก็คุ้มค่ากับการที่รอมาตลอดชีวิต ืออต่อไปนี้ก็สบายใจได้แล้วนะจงฮยอนอ่าา
ในส่วนมุมของมินนั้นในพาร์ทล่าสุดนี้ เราเข้าใจที่ไรท์พยายามสื่อนะคะ คือมินมีรักแรกสองคนซึ่งคนแรกคือจง อันนี้มินอาจจะไม่รู้ตัวว่ารักอาจจะเพราะแค่คิดว่าคือเพื่อนสนิทที่รักแบบมากไปแบบนั้นหรือปล่าว ส่วนน้องแดฮวีอันนี้คือรักแรกที่กล้าูดว่าคนรักจริงๆ แต่พอเอาเข้าจริงเพิ่งจะมารู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้วรักมันมีให้ใครสองคนได้ไม่เท่ากันหรอกมันต้องมีข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอยู่ดี เมื่อรู้ว่าจะเสียเพื่อนที่รักที่สุดในชีวิตไปจึงเข้าใจแล้วว่ารักที่คิดว่ารักแบบเพื่อนแท้ที่จริงแล้วคือรักแรกที่รักมาตลอดแต่ตั้งไว้ในฐานะเพื่อน เพื่อนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่คอยแชร์ทุกเรื่องราวทั้งทุกข์และสุขด้วยกันมาตลอด พอมาเกือบจะเสียอขาไปตลอดชีวิตจึงได้เลือกที่จะทิ้งรักแรกอีกคนไว้ข้างหลังแล้วกลับมาบ้านที่เป็นรักแรกหลังเก่า แต่กว่าจะรู้ใจตัวเองได้ว่านี่แหบะคือบ้านที่ต้องการจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตก็ใข้เวลาเกือบสองปีเลยนะกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแบบนี้ อาจจะเพราะยังลังเลและคอยเฝ้าภาวนาถึงรักแรกอีกคนอยู่บ้างหรือเปล่าจึงไม่มั่นใจที่จะพํดว่ารักจงได้อย่างเต็มปาก จากนี้ไปเมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็ดูแลความรักนี้ดีๆ มีความสุขสักทีนะ
ฮือออเราเวิ่นเวอมากๆพิมพ์วกไปวนมางงตัวเอง แต่อยากบอกไรท์ว่าชอบมากค่ะมันจะหน่วงไปหน่อยแต่มันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครจริงไม่ มันหน่วงแต่สวยงาม รอตอนต่อไปนะคะไรท์
อ่านไปแล้วก็หน่วง คือมันเป็นคสพที่ดูจะชัดเจนแต่ไม่ทีใครทำให้มันชัดเจน เลยแบบ โอ่ย เจ้บ 55555555555555
ภาษายังสวยเสมอ ขอบคุณที่แต่งให้อ่่านนะคะ รอติดตามเสมอน้า
นั่นสิเราไม่รู้ว่าเราสามารถรักใครพร้อมกันสองคนได้มั้ยเพราะเราไม่เคยเจอ ทุกคนคือดีหมดดลยแต่ความรักมันมีแค่รักกับไม่รัก แต่มินฮยอนต้องเลืกเพราะไม่มีใครทนอยู่กับความไม่ชัดเจนไปตลอดบางครั้งเราก็ต้องกลายเป็นคนใจร้ายเนาะ เข้าข้างคนหล่อค่ะและเชียร์พี่แบคให้น้องฮวีหนักมากค่ะพี่ต้องสู้วว