ตอนที่ 3 : [SF] Falling Rain III
[SF] Falling Rain III
Minhyun x Jonghyun, Dongho x Daehwi, Guanlin x Seonho
#Shelterain101
ขอเริ่มด้วยการท้าวความตอนที่แล้วก่อนนะคะ 13,802 words
BG Music – Love Story : Epik High ft. IU
https://www.youtube.com/watch?v=JgtUl9-kD70
“It didn’t rain for you,
maybe, but it always rains for me.
The sky shatters and rains shards of glass.”
(บางที สายฝนอาจไม่ได้ตกลงมาเพื่อคุณ
แต่สายฝนพวกนั้นโปรยปรายลงมาเสมอเพื่อผม
ท้องฟ้าแตกร้าว เพื่อโปรยเศษแก้วที่แตกละเอียดลงมา)
- Daniel Armand Lee, Pieces of you
*
“มินฮยอนฮยอง"
ราวกับถูกดูดเข้าไปในหลุมดำที่เขากำลังจะคลานออกมาได้
โดนดึงกลับไปยืนในจุดๆเดิม
กลับไปตกหลุมรักคนๆเดิม
คนที่มีนัยน์ตาที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเสมอ
คนที่ยังส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นมาให้ในวันที่ฝนกำลังตก
“ยังชอบเดินตากฝนเหมือนเดิมเลยนะ"
ร่างกายที่เขาโหยหาถึงมากที่สุดเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมกับร่มสีดำที่ดูน่าคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความหอมหวานในอดีตประดังเข้ามาในช่วงวินาทีสั้นๆ
มันอบอุ่นจนแทบจะทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นเย็นๆที่เปียกน้ำพวกนี้
เผื่ออย่างน้องมันจะทำให้อีแดฮวีตื่นจากความฝัน
“ครับ"
ความฝันที่บอกว่าฮวังมินฮยอนยังไม่ได้จากเขาไปไกล
ความเชื่อที่ว่าวันหนึ่งใครอีกคนอาจจะวิ่งกลับมาหาเขา
อีแดฮวีที่เคยนั่งรอใครคนนั้นอีกเกือบสองปี
“แต่ตอนนี้พี่กำลังถือร่ม"
มันคงเป็นรอยยิ้มที่ประหลาดน่าดู แต่คนตัวเล็กก็พยายามที่สุดแล้วในการปั้นรอยยิ้มที่อีกคนเคยบอกว่ามันสวยหนักสวยหนา
พยายามส่งมันไปให้คนที่เป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกอย่าง
คนที่เขาอยากให้อีกฝ่ายได้รับเพียงแต่ความสุข
เพราะแบบนั้นเขาได้แต่หวัง..ว่าสายฝนที่แดฮวีชอบมันนัก
จะช่วยเบลอรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวนี้ ไม่ให้ฮวังมินฮยอนรู้สึกถึงความเศร้า
“พี่คงไม่ชอบเดินตากฝนแบบผมแล้ว"
หยดน้ำฝนอุ่นๆไหลผ่านใบหน้าเล็กนั่น เขายิ้ม
ยิ้มให้กับการกระทำโง่ๆของตัวเอง
ยังโง่เขลาเหมือนเดิมเลยนะ
อีแดฮวี
อีแดฮวีที่ไม่เคยโตขึ้นซักวินาที
หลังจากคนที่เคยมองเขาเติบโตไปในทุกๆก้าว
คนที่เดินจากไปพร้อมร่ม
ทิ้งเขาไว้กับสายฝนที่สาดลงมา
“I always like walking in the rain,
so no one can see me crying.”
(ผมชอบเดินตากฝน
เพราะมันทำให้หยาดน้ำตาของผม
กลายเป็นแค่หยดหนึ่งของสายฝน)
“อื้อ มันคงเพราะพี่โตขึ้นน่ะ"
กลิ่นดินจากสายฝนที่ปลิวมาไม่อาจปกปิดกลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ลอยมาจากตัวพี่มินฮยอนได้ รอยยิ้มของคนๆนี้ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ใจดีที่สุดในโลกของอีแดฮวีเสมอ
แต่ประโยคแฝงความนัยเมื่อครู่มันก็คงบอกทุกอย่างได้ดีพอแล้ว
“เพราะงั้นอย่าเดินตากฝนอีกเลย"
ว่าต่อให้ฮวังมินฮยอนจะใจดีแค่ไหน
“เอาร่มพี่ไป แล้วเดินกลับดีๆนะ"
แต่คนที่อีกฝ่ายพร้อมจะเผชิญทุกๆอย่างในชีวิตไปด้วยน่ะ
ไม่ใช่อีแดฮวี
ฮวังมินฮยอนจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา
แต่เส้นทางของพวกเราไม่มีวันหวนกลับมาเป็นเส้นทางเดียวกันอีกแล้ว
“ครับ"
อีแดฮวีรู้ดี เขารู้ดีตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายเดินจากไป ..
แต่ใครๆก็รู้ ว่ารักครั้งแรกที่มักไม่สมหวังน่ะ..
“ฝากขอบคุณเจ้าของร่มด้วยนะครับ"
จะติดตัวเราไปยิ่งกว่าบาปที่เคยกระทำ
รอยยิ้มที่เกิดจากริมฝีปากอิ่มคู่นั้นยกยิ้มขึ้นอย่างลำบากใจー ฮวังมินฮยอนเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มนั้นที่ส่งมาให้เขา แผ่นหลังกว้างๆนั่นดูกว้างขึ้นกว่าเมื่อสองปีที่แล้วยิ่งนัก
มันอาจเป็นเพราะตอนนี้เจ้าของหลังคู่นั้นมีใครอีกคนคอยพักพิงอยู่เสมอ
“เบียร์ซักขวดไหม?”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างกายทำให้อีแดฮวีนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว และเมื่อกี้เขาไม่ได้คุยกับพี่มินฮยอนแค่สองคน
“อ่า.. หรือซักสามขวดดีー จริงๆควรเป็นโซจูไหม แต่ถ้าพรุ่งนี้มีเรียนนายจะไปไหวหรือเปล่า?”
คนตัวบางกว่าหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าผู้ชายหน้าโหดๆที่พูดน้อยมากๆ กลับพูดไม่หยุดในตอนที่เขากำลังร้องไห้ー เอ่อ แดฮวีหมายถึงว่าฝนกำลังตกลงมาอย่างหนักน่ะ
“ถ้าอยากเดินตากฝนก็ส่งร่มมาให้พี่"
“…”
“เดี๋ยวพี่จะถือー แล้วเดินไปพร้อมๆกับแดฮวีเอง"
เอาจริงๆอีแดฮวีก็ไม่ค่อยแน่ใจแล้ว ว่าคนตรงหน้าน่ะจีบเขาเข้าสังกัดー หรือจีบแบบอื่นด้วย
“เบียร์ห้าขวด"
“อื้อ"
“แต่พี่ช่วยไปที่ๆนึงกับผมก่อนได้ไหมครับ?”
“อื้อ" คนที่ใจดีกว่าหน้าตาที่แสดงออกมานั่นส่งยิ้มมาให้เขา จนตาปิดเป็นเส้นเดียว "เดินนำไปสิ"
อีแดฮวียิ้ม ก่อนที่เจ้าของใบหน้าเล็กๆนั่นจะก้าวเดินย้อนกลับไปทางที่พวกเขาเคยเดินผ่านมา
ใช่…
เขาก็แค่อยากพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเองー ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่เขาเคยคิดหรือเปล่า
และถ้ามันเป็นเรื่องจริง จริงๆล่ะก็
อีแดฮวีก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้สึกยินดี หรือถูกหักหลังมากกว่ากัน
แต่ที่แน่ๆ
แดฮวีกำลังอธิษฐาน…
เขาขอให้ฝนตกลงมาตลอดคืนแห่งฤดูใบไม้ร่วงนี้
“ตลกเนอะ"
เสียงแหบๆที่ขึ้นจมูกนั่นพูดออกมาเมื่อพวกเขาเดินมาหยุดที่ร้าน Awaken สถานที่ที่พวกเขาพึ่งเดินออกมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ภายในร้านยังมีลูกค้าเหลือประปรายบ้างก็จริง
แต่ที่ตรงนั้น ที่ๆเขาพึ่งยืนเมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อน กำลังมีร่างของผู้ชายคนหนึ่งยืนข้างๆเจ้าของร้านー เจ้านายที่ใจดีที่สุด
กับผู้ชายที่ยังคงใจดีกับแดฮวีที่สุด
รอยยิ้มที่ส่งให้กันกับอ้อมกอดของพี่มินฮยอนที่คงยังอุ่นเหมือนเดิม โอบรอบร่างที่ผอมบางของพี่จงฮยอน มันดูเหมาะสมー สมบูรณ์แบบขนาดที่ว่าอีแดฮวีได้แต่หัวเราะออกมา
ทำไมแดฮวีจะจำไม่ได้..ว่าพี่มินฮยอนน่ะ มีแต่ร่มสีใส
และร่มสีดำคันนั้นมันก็คุ้นเกินกว่าที่ร่างโปร่งจะจำไม่ได้
และในขณะที่อีแดฮวีจะถอนสายตาออกจากภาพบาดใจนั่น
นัยน์ตาที่เศร้าที่สุดสองดวงก็สบตากัน มันเป็นวินาทีที่ค่อนข้างยาวนานในความรู้สึก
และในวินาทีถัดมานักดนตรีประจำร้านก็นึกขึ้นได้ว่าพี่จงฮยอนเคยบอกเขาเมื่อนานมาแล้ว ว่าพี่เขาแอบหลงรักเพื่อนสนิทมาตั้งแต่ช่วงมัธยมต้น ใช่ และมันอาจจะเริ่มมาก่อนหน้านั้นー ก่อนที่พี่เขาจะรู้ตัว
ริมฝีปากที่คอยปลอบประโลมแดฮวีเสมอนั่นยกขึ้น ขยับปากー มันเป็นคำสี่พยางค์ที่มีน้ำหนักกดทับตัวเขามากกว่าที่คิด
แต่พอมาคิดดูดีๆ ถ้าอีแดฮวีเป็นพี่จงฮยอนล่ะก็ หมายถึงว่าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แดฮวีก็คงจะทำแบบที่อีกฝ่ายกำลังทำเหมือนกัน
‘ขอบคุณー ขอโทษ‘
ความไม่แน่ใจ กับความไม่มั่นคงน่ะ
เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าคนๆนั้นจะใจดีขนาดไหน
‘ฝากด้วยนะครับ'
เด็กผู้ชายที่ตอนนี้ดูตัวเล็กลงกว่าเดิมมากนัก ขยับปากเพื่อตอบกลับไป มันเป็นประโยคๆเดียวที่เขาสามารถพูดกลับไปได้ー เป็นประโยคเดียวที่อีแดฮวีมีสิทธิ์จะพูดออกไป
ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป
หันหลังให้กับคนที่เคยทำให้แดฮวีต้องเดินกลับหลังー
เผื่อจะได้เห็นทันที ว่าใครคนนั้นกำลังวิ่งตามเขามาหรือเปล่า
และในวันนี้ีอีแดฮวีก็พบว่ามันเปล่าประโยชน์
ที่จะเฝ้ารอให้ดาวที่เคลื่อนเข้าไปในวงจรของกาแล็คซี่อื่นー
กลับมาหมุนรอบวงโคจรที่เขากำลังอยู่
“คุณดงโฮ"
ฝนที่ตกแรงขึ้นทำให้แดฮวีตัดสินใจก้าวเข้าไปอยู่ใต้ร่มที่ใครอีกคนกำลังถืออยู่
“วิวตรงระเบียงห้องคุณน่ะ"
“...”
“มองเห็นแม่น้ำฮันไหมครับ?”
“เห็นซี่"
ยิ้มー คังดงโฮส่งยิ้มมาให้เป็นรอบที่ร้อยของวัน แขนหนาภายใต้เสื้อโค้ทสีดำสนิทยกขึ้นเพื่อเรียกแท็กซี่ที่กำลังขับผ่านมา พวกเขาย้ายตัวที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนขึ้นไปนั่งบนยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
บางทีอีแดฮวีก็รู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนแท็กซี่
มีชีวิตอยู่ เพื่อขยับไปตามทิศทางใดๆก็ตามที่คนอื่นบอก
หยุดลง และเริ่มต้นใหม่อีกครั้งー ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่คุ้นชินกับเส้นทางเหล่านั้น
ให้ตายสิ..
แล้วฝนก็ตกลงมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ข้างในนี้มีเหล็กคอยเป็นปราการคุ้มกันจากสายน้ำบนฟ้า
ฝนที่ตกลงมาー ทำให้ใบหน้าเล็กนั่นเปียกปอนไปหมด
ห้องของคุณดงโฮเป็นห้องสตูดิโอแบบที่เกือบจะเป็นเพ้นท์เฮ้าส์แล้ว ตัวผนังห้องทั้งหมดเป็นแบบเก็บเสียง นั่นอาจเป็นเพราะว่าเกือบทุกส่วนในห้องน่ะมีเครื่องดนตรีหลายชนิดวางอยู่ แต่ที่แดฮวีชอบที่สุด ก็คงเป็นเปียโนสีดำสนิทที่ตั้งอยู่กลางห้อง
รองลงมาก็คงเป็นห้องแต่งเพลงที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนอีกฝ่ายอีก นั่นคงบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนตัวสูงกว่าเขาคงใช้เวลาในห้องนั้นมากกว่าห้องนอน หรือไม่ก็อาจจะเป็นทั้งห้องแต่งเพลงทั้งห้องนอนเลยก็ได้
“ถ้าอยากเล่นก็ลองเล่นดูสิ"
เจ้าของห้องสบตาเขา ก่อนจะส่งสายตาไปยังเปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้องー สิ่งไม่มีชีวิตที่สะกดอีแดฮวีได้เสมอ เขาพยักหน้า ก่อนจะก้าวเดิน และนั่งลงบนเก้าอี้หนังสีดำอย่างมั่นใจ
จริงๆเขาเป็นคนขี้อาย แบบที่ว่าถ้ามีใครหันมาสบสายตาเขาตามถนน อีแดฮวีจะเป็นฝ่ายก้มหน้าลง แต่นั่นใช่ไม่ได้กับตอนที่เขากำลังอยู่ตรงหน้าสิ่งที่เขารักที่สุด มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาเสมอ
นิ้วเรียวสวยนั่นไล่คอร์ดไปเรื่อยๆ เขาสาบานว่ามันเป็นเปียโนหลังที่ส่งเสียงไพเราะที่สุดเท่าที่เขาเคยเล่นมาตลอดชีวิต แดฮวีรู้ว่าราคามันต้องแพง แต่ที่มากกว่าราคาー คงเป็นความรักและความใส่ใจที่เจ้าของมีให้มัน
“อ่ะ"
เขาหันไปรับเบียร์หนึ่งกระป๋อง ที่ส่งมาพร้อมกับ ผ้าขนหนูสีดำ เสื้อฮู้ดสีเทาตัวใหญ่ กับกางเกงวอร์มสีดำที่ให้ทายว่ามันยาวกว่าขนาดขาเขาแน่ๆ
“ถึงจะชอบตากฝนแค่ไหน"
“...”
"ก็อย่าป่วยเพราะมันเลย"
บางทีเขาก็สงสัย ว่าพวกนักแต่งเพลงกับนักเขียนนี่ต้องพูดอะไรที่มีนัยยะแฝงเสมอเลยหรือเปล่า? ทั้งๆที่มันควรเป็นแค่บทสนาโง่ๆ ก่อนที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นในอีกสามชั่วโมงข้างหน้าแท้ๆ
“คุณเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนนะ ห้องน้ำข้างนอกไม่มีพวกเครื่องอาบน้ำ"
แดฮวีพยักหน้า เขาโอบรอบข้าวของที่อีกฝ่ายส่งมาให้ รวมทั้งเบียร์กระป๋องนั้นด้วย ร่างบางปิดประตูห้องน้ำ เขามองเข้าไปในกระจก และมันทำให้พบกับใครอีกคนที่ห่างหายไปนาน อีแดฮวีที่แสดงความอ่อนแอทุกอย่างออกมา
นิ้วเรียวที่เคยสรรสร้างค์เสียงดนตรีที่ทำให้ผู้คนหลงรักนั่นเปิดประป๋องเบียร์อย่างเคยชิน เพียงแต่ครั้งนี้มันทำให้เขาเลือดออก เขาเปิดก๊อกน้ำ ปล่อยให้สายน้ำชะละล้างความเจ็บปวดที่เกิดจากโลหะเล็กๆนั่น ใบหน้าสวยนั่นมองแผลบนนิ้วชี้อย่างเฉยเมย
ถ้าเป็นนักเปียโนคนอื่นคงตกใจกันบ้างล่ะ..
เพราะมือสำหรับนักเปียโนน่ะ สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆในโลก
มากกว่าดวงตา ขาที่จะก้าวไปข้างหน้า
หรือแม้แต่หัวใจー
“คุณอาบน้ำนานจนผมเกือบหลับ"
คนถูกกล่าวหาไหวไหล่ เขากะไว้แล้วว่าต้องโดนแซวเรื่องนี้ เพราะอีกฝ่ายคงไม่พูดเรื่องที่ตาเขาบวมขึ้นค่อนข้างมาก เจ้าของเสื้อฮู้ดสีเทาตัวคร่อมนั่งลงบนเก้าอี้เปียโนข้างๆเจ้าของห้อง มือซ้ายกระดกเบียร์พลางใช้มือขวาไล่โน้ต Sonata เพลงโปรด
“No. 8?”
ถามทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เดาได้ตั้งแต่เขายังกดโน้ตห้องที่สามไม่เสร็จ คังดงโฮใช้มือซ้ายเล่นประสานกับเขาอย่างน่าอัศจรรย์- มันเป็นเพลงแรกๆของ Beethoven ที่แดฮวีได้ลองเล่น เป็นเพลงที่ดึงเขาเข้าสู่หลุมดำที่ไม่มีทางออก
เพลงที่มีความยาวกว่ายี่สิบนาที แต่มันก็ดูไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนทั้งสองคนที่จะจดจำทุกตัวโน้ตนั้นได้ และมันทำให้อีแดฮวีรู้ว่าเพลงนี้เป็นโซนาต้าเพลงโปรดของคุณดงโฮเหมือนกัน
พวกเราไม่จำเป็นต้องดูเนื้อเพลง
พวกเราหลับตาลง ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของนิ้วมือที่จะส่งความรู้สึก
และในวินาทที่นิ้วชี้และนิ้วก้อยของแดฮวีสัมผัสโน้ตตัวสุดท้าย
เขาก็พึ่งรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของนิ้วที่กำลังบาดเจ็บ
“เจ็บใช่ไหม"
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ใบหน้าของคุณดงโฮเข้ามาใกล้เขาขนาดนี้
“บางทีการละเลยแผลของตัวเอง"
“...”
"มันก็ทำให้ตัวนายเจ็บกว่าเดิมนะแดฮวี"
แดฮวีหลับตาลงเมื่อเขาได้รับสัมผัสที่ประกบลงเบาๆบนริมฝีปาก มันไม่ได้ลึกซึ้งขนาดจะเรียกว่ามันคือการจูบ แต่มันก็ทำให้เขาได้กลิ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ได้โปรด"
“...”
"ร้องเพลงที่พี่แต่ง"
มันเป็นครั้งที่สองหลังจากวันแรกที่ร้านนั้น ท่ีอีกฝ่ายเข้ามาชวนเขาเข้าสังกัด
มันคือการขอร้องครั้งที่สองจากคนแปลกหน้า
คนแปลกหน้าที่ช่วยถือร่มให้เขาในวันที่แดฮวีต้องการเดินตากฝน
คนแปลกหน้าที่เข้าใจดนตรีของอีแดฮวีมากกว่าอาจารย์ที่ปรึกษาเสียอีก
“แลกกับการที่ผมสามารถมาเล่นเปียโนหลังนี้เมื่อไหร่ก็ได้"
นัยน์ตาของอีกฝ่ายขยายขึ้นนิดหน่อย และนั่นทำให้แดฮวีเกือบกลั้นขำไว้ไหม่ไหว
“เมื่อไหร่ก็ได้"
พวกเขายิ้ม ก่อนที่พวกเราจะเล่นเพลงถัดไปเรื่อยๆー จนถึงเช้า
ไม่เห็นเป็นไรเลย.. แดฮวีบอกกับตัวเอง
ในเมื่อเขาก็เดินผ่านเส้นทางที่ไม่แน่นอนมาตั้งเยอะแล้ว
ก็แค่เดินต่อไป
จนกว่าจะเจอทางที่ฝนตกน้อยลง
“Waiting for you is like waiting for rain in this drought.
Useless and disappointing."
(การรอคอยคุณเป็นเหมือนการเฝ้ารอคอยให้สายฝนโปรยปรายลงมา
ทั้งๆที่อยู่ในหน้าแล้งー เปล่าประโยชน์และน่าผิดหวัง)
- Hilary Duf
*
ฮวังมินฮยอนเดินตากฝนเป็นครั้งแรกในรอบสองปี
นัยน์ตาที่เคยเป็นประกายกว่านี้ หมองลงเหมือนครั้งแรกที่เขาได้พบกับแดฮวี
ไม่สิー มันหมองลงกว่าครั้งแรกที่ได้พบด้วยซ้ำ
เขาหลับตาลงเพื่อประมวลทุกอย่าง และมันใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการเข้าใจเรื่องทั้งหมด
มือแกร่งผลักประตูที่เป็นเสมือนทางเข้าสู่โลกของพวกเขา
กลิ่นหอมของกาแฟ แอลกอฮอล์ และกลิ่นฝนเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ้มออกมา
การเป็นคนเห็นแก่ตัว กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
เพียงแค่ตัวแปรหนึ่งในนั้นมีผู้ชายที่ชื่อว่าคิมจงฮยอนเป็นองค์ประกอบ
“ฮยอนอ่า"
คนที่กำลังยืนเช็ดแก้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขา นัยน์ตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส กระตุกบางอย่างในใจเขาจนมันแตกละเอียดไปหมด
“มั่นใจหรือยัง"
เสียงสูงที่แหบขึ้นจมูกนั่นดังขึ้น มันแสดงความหวาดกลัว และหวั่นไหว
แต่ที่เห็นชัดที่สุดคงเป็นความรัก
“ไม่ว่าทางไหนที่มินเลือก"
“...”
“เราก็จะยังอยู่ที่เดิม"
การที่เขาถูกปลุกให้ออกไปซื้อยานอนหลับให้จงฮยอน ทั้งๆที่เขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายยังมียาพวกนั้นเหลือเยอะขนาดไหน ไหนจะเด็กคนนั้นที่เดินออกมาจากร้านของพวกเขา
และคำถามที่กำลังถูกถามออกมาจากปากอีกฝ่ายเมื่อครู่ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด
“ขอโทษนะ"
ร่างโปร่งเดินเข้าไปสวมกอดคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด สัมผัสที่เปียกชื้นตรงหน้าอก ทำให้มินฮยอนรู้ว่าอีกฝ่ายร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว
“ขอโทษที่ต้องให้นายใช้ความกล้าทั้งหมดกับเรื่องแบบนี้"
ฮวังมินฮยอนทำให้คิมจงฮยอนเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ?
“แต่หลังจากนี้นายไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะ"
แต่ไม่ว่าจงฮยอนจะเปลี่ยนไปในทางไหน
ทางทีดีกว่าหรือทางที่มืดมนกว่านี้
“เพราะเรามั่นใจแล้ว"
ฮวังมินฮยอนก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้
ไม่ปล่อยให้คิมจงฮยอนคนนี้หลุดลอยไปไหนอีกแล้ว
“เรารักจงฮยอน"
“...”
“รักแค่จงฮยอนมาตลอด"
มันเป็นเรื่องโหดร้าย สำหรับอีแดฮวี
หลังจากที่เขาพบอีกฝ่ายอีกครั้ง มันเหลือเพียงแค่ความหวังดีเท่านั้นที่เขารู้สึกกับอีกฝ่าย
มันไม่เหลืออะไรอีกแล้วจนมินฮยอนไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมามันคือความรักหรือเปล่า
ทั้งๆที่เขามั่นใจว่า ฮวังมินฮยอนคือความรักสำหรับอีแดฮวี
แต่ในตอนนี้มันเหลือเพียงแค่ความหวังดี
และความโหยหาที่จะเห็นอีกฝ่ายประสบความสำเร็จและสบายดี
คนใจร้ายคนนั้นเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าคนที่มีดวงตาที่เศร้าที่สุดอีกคนกำลังมองมา
อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยในตอนที่ดวงตาของพวกเราประสานกัน
คนเป็นพี่ตัดสินใจขยับปาก เพื่อบอกสิ่งที่เขาอยากพูดออกไป
แต่สายฝนที่โปรยปรายลงมาเมื่อครู่ มันทำให้แรงโน้มถ่วงมีมากเกินกว่าพลังของเขาที่จะเปล่งออกไป
‘ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะ’
อีแดฮวียังยิ้มตาปิดเหมือนเดิม
เด็กผู้ชายคนนั้นยังยิ้มให้เขาเหมือนกับวันที่มินฮยอนเดินออกจาชีวิตอีกฝ่าย
‘ลาก่อนครับ’
ฮวังมินฮยอนส่งยิ้มกลับไปเมื่อเขารับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
เขาเป็นคนเลว
ที่รู้สึกโล่งใจ
กับการรับรู้ว่าใครบางคนที่รักเขามากที่สุดคนหนึ่ง
กำลังเดินออกไปー และไม่หันกลับมารอผู้ชายใจร้ายอีกแล้ว
ถึงฮวังมินฮยอนจะใจร้ายกับแดฮวีขนาดไหน แต่เขาก็ยังหวังให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จ
และจากสายตาของคังดงโฮวันนี้ ร่างโปร่งก็ค่อนข้างมั่นใจแล้ว
ว่าอย่างน้อยความฝันที่ครั้งหนึ่งอีกฝ่ายเคยมีー จะกลายเป็นจริง
และถ้าวันนั้นมีโอกาสมาถึงจริงๆ
ฮวังมินฮยอนกับคิมจงฮยอนคงเป็นเจ้าของที่ข้างหลังสุดในการแสดง
เพื่อเฝ้ามองรอยยิ้มที่กลับมาสดใสเหมือนเดิมー
รอยยิ้มที่สวยไม่แพ้ใครๆ
“คิมจงฮยอน"
เขาดันให้อีกฝ่ายยืนตรงๆ เพื่อที่จะได้มองเข้าไปนัยน์ตาสีดำสนิทー ดวงตาที่เขามักจะพบทุกครั้งที่หันหลังกลับไป มันไม่ใช่ความสงสาร ความเหงา หรืออะไรทั้งนั้น
มันเป็นแค่ความรู้สึกที่บริสุทธิ์จนเขาไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้ในตอนแรก
เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีอะไรมาเจือปน
และเพราะแบบนั้นมันจึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มินฮยอนต้องใช้เวลานานเหลือเกินー
นานจนเกือบจะทำคนที่สำคัญที่สุดผลัดหลงออกไป
“รักนะครับ"
มินฮยอนยิ้ม
ขณะที่ใครอีกคนที่รอฟังคำๆนั้นมาตลอด กลับนิ่งจนเขาไม่แน่ใจเสียแล้วว่าอีกฝ่ายยังมีสติอยู่หรือเปล่า
"ฮวังมินฮยอนรักคิมจงฮยอน"
มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากนัยน์ตาคู่สวยนั่น ที่ทำให้มินฮยอนแน่ใจว่าจงฮยอนยังได้ยิน และเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่
“ขอโทษที่ต้องใช้เวลาขนาดนี้"
มินฮยอนใช้มือที่จงฮยอนบอกว่ามันสวยที่สุด เมื่อมันบรรเลงเพลงเพื่อจงฮยอน
“ขอโทษที่ต้องทำให้เสียใจ"
ค่อยๆเกลี่ยหยาดน้ำที่ไหลออกมาให้เบาที่สุด
“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ไม่ว่าจะเพราะความดีใจหรือปวดใจ"
ใช้ริมฝีปากของตัวเองจูบซับน้ำตาอีกข้าง ขยับขึ้นไปกดจูบบนหน้าผากอย่างรักใคร่
“ขอโทษที่กดดันให้นายทำในสิ่งที่เมื่อก่อนนายคงไม่มีวันทำ"
เสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นกว่าเดิม ทำเอามินฮยอนแทบจะขาดใจ และเขายังรับรู้ได้ถึงสายตาจากลูกค้าขาประจำอีกสองสามคนที่มองมาตาขวาง
“อย่าโทษตัวเอง และอย่าคิดว่าความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยนี่ จะทำให้เราหยุดรักจงฮยอนได้"
กดจูบลงไปบนริมฝีปากอิ่มที่คอยทำให้เขารับรู้ถึงคุณค่าของตัวเองเสมอ ริมฝีปากที่ทำให้มินฮยอนรู้สึกราวกับเป็นพระเจ้า
“ขอบคุณที่ไม่เคยหยุดรักมินฮยอน"
“...”
“ขอบคุณมากจริงๆที่ไม่เคยหันหลังให้เราซักครั้ง"
พวกเรามองหน้ากัน หัวเราะออกมา และจับมือกัน
“อื้อ ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ มินฮยอนอ่า"
มือที่ประสานกันแน่นขึ้นกว่าครั้งไหนๆ ทำให้จิตใจของมินฮยอนสงบลง มันเป็นความสุขที่สงบสุขอย่างที่เขาไม่คิดมาก่อน
“มันจะไม่แน่นไปกว่านี้"
“...”
“แต่ก็จะไม่หลวมไปมากกว่านี้แล้วนะ จงฮยอนอ่า"
วันนี้มินฮยอนก็พบว่าคิมจงฮยอนน่ะ เหมาะกับรอยยิ้มที่สว่างใส มากกว่านัยน์ตาหมองๆนั่นจริงๆ :)
ฮวังมินฮยอนก็อยากจะมองรอยยิ้มนั้นในทุกๆเช้าที่ลืมตาขึ้นมาพบรอยยิ้มที่สดใสกว่าแสงสว่างยามเช้า
และเห็นรอยยิ้มสวยๆของคิมจงฮยอนก่อนที่ความมืดจะพาเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา
*
“คุณลูกเจี๊ยบ"
เสียงทุ้มๆที่คุ้นเคยทำให้พนักงานพาร์ทไทม์ประจำร้านเงยหน้าขึ้นไปมองลูกค้าประจำอีกคน เขาเงยหน้าไปสบตากับพี่มินฮยอนที่วันนี้อารมณ์ดี(มากกว่าปกติ) อีกฝ่ายเลิกคิ้วเป็นเชิงถามกลายๆว่าคนๆนี้คือใคร
“คุณควานลิน วันนี้รับอะไรดีครับ?”
วันนี้คุณไอดอลชื่อดังสวมเพียงเสื้อฮู้ดฮิปฮอปสีดำเรียบๆ มีลายกราฟฟิคเล็กน้อย กางเกงยีนส์สีขาวขาดเข่า กับหมวดแก้ปสีเดียวกับเสื้อ
“เอาคาปูชิโน่เย็นครับ"
“ทั้งหมด 5000 วอนฮะ"
ซอนโฮยื่นมือออกไปรับบัตรและรูดอย่างคล่องแคล่ว วันนี้เขาไม่ได้หันไปทำเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย เพราะพี่มินฮยอนอยู่ด้วย และนั่นคงทำให้คุณไอดอลประหลาดใจ
แต่อีกฝ่ายสุภาพเกินไปกว่าที่จะถามมันออกมาตรงๆ
“อ๋า จริงๆปกติพี่มินฮยอนเป็นคนทำเครื่องดื่มที่เป็นกาแฟน่ะครับ พี่เขาทำอร่อยม๊ากกกมากกกเลย คุณควานลินจะต้องตกใจแน่ๆ"
คุณลูกค้าคนดังพยักหน้าหงึกหงัก เสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวที่ดังขึ้นทำเอาอีกฝ่ายอดพูดสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป หน้าจอท่ีแสดงชื่อคนที่โทรมาทำเอาเจ้าตัวเบ้ปากออกมา พวกๆพี่ต้องฝากเขาซื้อของเยอะๆอีกแน่ๆ
“ผมมาซื้อกาแฟเฉยๆ"
ซอนโฮเดินถอยหลังไปพิงเคาน์เตอร์ เสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์มันดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนคนละฝั่งกับคุณควานลินอย่างเขายังได้ยิน และซอนโฮก็ไม่อยากจะเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์นัก
“ห้ะ พี่ เยอะขนาดนั้นพี่สั่งเองเถอะ"
คุณควานลินเอาโทรศัพท์ออกจากตัว ก่อนจะกวักมือเรียก ซอนโฮจึงเดินกลับไปยืนที่เดิม
“คุณช่วยจดออร์เดอร์ตามที่ได้ยินหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะเปิดสปีคเกอร์
“ครับๆ"
“สวัสดีค้าบบบ เอาอเมริกาโน่สี่แก้ว เค้กชาเขียวสอง ช็อตเค้กอะไรก็ได้สาม"
“เห้ยๆๆ พี่ผมขอสตอร์เบอรี่ปั่นด้วยๆๆ"
“ชาเขียวปั่นหวานน้อยด้วยค้าบบบบ"
“เอาเค้กด้วยยย ช็อคโกแล็ตสองชิ้นเลยครับบบบ"
ควานลินมองหน้าพนักงานพาร์ทไทม์ที่ตอนนี้ขมวดคิ้วยุ่งไปหมด มื้อเรียวนั่นก็ยุ่งกับการกดออร์เดอร์ใส่เครื่องคอมพิวเตอร์ คิ้วหนาๆนั่นขมวดหนักเข้าไปอีกตอนที่ทวนออร์เดอร์ของทั้งหมด แต่ดูเหมือนพี่ตัวดีทั้งหลายที่สั่งของเยอะแยะไปหมดจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
“ทั้งหมดเป็น 58,000 วอนฮะ"
คราวนี้เป็นตาของพนักงานหนุ่มบ้างที่จะหัวเราะคืนไอดอลคนดัง มือหนานั่นยื่นบัตรมาให้เขารูดอย่างไม่เต็มใจนัก ซอนโฮส่งบัตรคืนก่อนจะหันหลังกลับไปช่วยพี่มินฮยอนทำเครื่องดื่มและจัดเค้กใส่กล่อง
เขาเหลือบมองคุณควานลินที่วันนี้ไม่ไปนั่งรอบนเก้าอี้ตัวเดิม วันนี้อีกฝ่ายกลับยืนพิงเคาน์เตอร์รอ เคาะนิ้วไปตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอในร้าน ซอนโฮกับพี่มินฮยอนเร่งมือทำเครื่องดื่มและจัดมันลงถุงกระดาษ เพราะไม่อยากให้คุณไอดอลรอนานนัก (เดี๋ยวแฟนคลับมาเจอแล้วจะวุ่นวายอีกด้วย)
“คุณควานลิน ออเดอร์ที่สั่งเสร็จแล้วครับ"
คนดังเหลือบมองถุงกระดาษทั้งเจ็ดถุงแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา โอเค ถึงเขาจะเป็นผู้ชายที่แข็งแรง แต่ทั้งหมดนี่มันก็เป็นน้ำเกือบหมดนี่นา
“ซอนโฮ เดินไปส่งคุณเขาสิ" พนักงานพาร์ทไทม์หันมามองหน้าคุณเจ้าของร้านด้วยความตระหนก
“คุณควานลินจะไปตึก xx ใช่ไหมครับ?”
“ครับ"
“งั้นให้ซอนโฮเดินไปด้วยดีกว่าครับ ใกล้ๆเอง"
เจ้าของเสื้อสเวตเตอร์สีดำพยักหน้าให้เจ้าของร้านที่เขาพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก เขามองดูคุณลูกเจี๊ยบถอดผ้ากันเปื้อนสีดำที่ปักชื่อร้านออก ก่อนจะเดินอ้อมออกมายืนฝั่งเดียวกับเขา
พวกเราเดินไปยังจุดมุ่งหมายโดยไม่ได้คุยอะไรกัน มันมีแต่ความเงียบー ที่ไม่น่าอึดอัดเท่าไหร่ แต่ควานลินรู้สึกได้ว่าคุณพนักงานไม่ชอบสถานที่ที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไปด้วยกันนัก
และทฤษฎีของไลควานลินก็ชัดเจนมากขึ้น ในตอนที่พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ตัวตึกเรื่อยๆ และคนตัวเล็กกำลังสั่น มันไม่ใช่อาการที่ดีนัก และมันก็ไม่ใช่จังหวะที่ดีที่เขาจะถามอีกฝ่ายถึงสาเหตุนั้น
“ขอบคุณมากนะครับคุณลูกเจี๊ยบ"
“อ่า ไม่เลยครับๆๆ ด้วยความยินดี"
“ส่งตรงนี้ก็พอครับ เดี๋ยวผมให้สต๊าฟมาช่วยยกต่อ"
เขามองท่าทีลังเลของอีกฝ่าย ตัดสินใจแย่งถุงกระดาษจากมือของตัวเล็กกว่ามาถือจนหมด
“ถ้ารู้สึกผิด...”
“...”
“ก็แลกกับคาท๊กของคุณแล้วกัน"
ตาของยูซอนโฮที่โตอยู่แล้วกับโตขึ้นไปอีก อ่า..มันเกือบจะเรียกได้ว่าตาเหลือกเลยแหละ
ไลควานลินขำ มันเป็นเสียงหัวเราะที่ทุ้มที่สุดเท่าที่ซอนโฮเคยได้ยินมาเลยล่ะมั้ง
“เผื่อผมจะสั่งเครื่องดื่มอีกน่ะครับ"
“อ๋าาาา"
ซอนโฮหัวเราะตามพลางเอามือตีหัวตัวเองที่เผลอคิดอะไรไปไกลเกินกว่าเหตุ
“แล้วก็..”
“...”
“จะได้จีบคุณลูกเจี๊ยบด้วย :)”
ให้ตายสิ..
เขาจะโดนแฟนคลับคุณไลควานลินรุมกระทืบไหมนะ?
"ที่สำคัญกว่านั้น....คราวหน้าผมอยากให้คุณเป็นคนชงกาแฟให้ผมมากกว่า:)"
อ่า..
แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าประโยคเมื่อกี้กับหน้าหล่อๆ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและจริงจังนั่นมันทำให้ใจเขาหวั่นไหวพอสมควร
TBC
Please comment or tag #Shelterain101
Talk : ไม่รู้จะยังมีใครรออยู่หรือเปล่า ฮื่อออ จะพยายามแต่งให้จบนะคะ
ทุกๆคอมเม้นมีผลต่อกำลังใจเรามากจริงๆ ถ้าเกิดอ่านแล้วชอบ แล้วเม้นให้เรารู้ด้วย
ก็จะดีต่อใจคนแต่งมากๆเลยค่ะ ;__; เราผ่านจุดดราม่าสูงสุดของฟิคละค่ะ เย้ะ! 555555
ปล. คิดว่าไม่เกินสองตอนก็จะจบแล้วค่ะ
ปล2. เราชอบคาแรคเตอร์แดฮวีกับยัยเจเรื่องนี้มาก .__.
ปล3. เรากำลังคิดจะแต่ง วันช็อต คู่มินฮยอนแดฮวี เป็นตอนที่ทั้งสองคนยังคบกันอยู่มาคั่นน่ะค่ะ (เลยจะมาถามว่าอยากอ่านกันหรือเปล่า หรือแค่ให้ปนๆมาในเรื่องหลักแบบ flash back)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนหลินโฮ น่ารักกันจริงๆ แงงง เขินคุณควานลินเขา ตอนบอกจะจีบ แอร้ยยยยย ความรักของวัยรุ่นเด็ก สดใสจริงเชียววว
ชอบภาษามากๆๆชอบมากเลยค่ะ แงงงงงงง มีความสุขซักทีนะยัยเจ หน่วงมาตลอดเลยที่อ่าน เข้าใจความรู้สึกมากๆ เข้าใจน้องหวีด้วย สงสารน้องหวีเหมือนกัน แต่พี่เชื่อว่าพี่ดงโฮจะทำให้หนูได้พบกับความสดใสทีอยู่ข้างหน้าไม่แพ้กับพี่มินฮยอนนะ รักกกกกชอบภาษาค่ะแงงง บอกอีกที555555
มันเป็นฟิคเรื่อยๆ ที่มีความสัมพันธ์ซ้อนทับกันบางคู่
ชอบในความเรื่อยๆ หลายถ้อยคำ บางประโยคที่เขียนออกมา
ถ้าอ่านถึงตอนสองแอบชอบคู่ดงโฮกะน้องฮวีอะ
ตอนแตะปากกันเบาๆนั่นดีมากเลย
แต่ถ้าทุกตอนๆชอบน้องเจี๊ยบ น่ารักไปหมด
อ้อนขอขนมจากลูกค้า/เจ้าของร้านงี้ เป็นเด็กที่สดใสเหลือเกิน
แล้วการเจอกันของควานลินกะน้องเจี๊ยบก้อน่ารัก
จีบกันน่ารักอีก
ส่วนมินเจที่เป็นเรือหลักของพี่
มันหม่นๆแถมทับซ้อนกับอีกคู่
ความรักอะนะ ไม่ได้มีแค่ด้านที่สวยงาม
แต่มันมีด้านเจ็บปวดด้วย แต่ตอนนี้ก้อผ่านมาแล้ว
ของมินเจมันโตสุดด้วยอะ เลยรุสึกหน่วงมากกว่าเขาหมด
ความรู้สึกแบบหม่นๆปนหวานๆดี ติดตามเรื่องนี้อยู่นะคะไรต์ สู้ๆน้าาาา
ดีใจจัง ที่เจจะได้เลิกเศร้าสักที ได้อยู่ด้วยกันดีๆสักที
น้องซอโนกลัวอะไรอ่ะ น้องมีปมอะไรกับไอดอลป่าวเนี่ย
ประทับใจทุกคู่เลยค่ะ
น่ารักสดใสเหมือนรักครั้งแรกของหลินโฮ
เศร้าๆ หน่วงๆ กับสามเส้าฮวีมินเจ
หวังว่าคุณดงโฮคงข่วยน้องให้มูฟออนได้
ตอนนี้สงสารน้องมากๆ เลย
ขอชมอีกเรื่องค่ะ เรื่องการบรรยายดวงตาของตัวละครจงฮยอนกับแดฮวี คือแบบ โอ้ยยยยยยยยยยยย บ้าบอออออ คือนี่เมนจงฮยอนค่ะ ชอบตาน้องเจมาก พอมาอ่านฟิคที่เน้นตาน้องเจเศร้าๆหรือสดใสหรืออะไรก็ตามเราอินมาก แงงงงงงงงง ชอบยมากกกกก