ตอนที่ 23 : [SF] Frozen Light IV (Minhyun x Daehwi)
[SF] Frozen Light
IV
Hwang Minhyun x Lee Daehwi
AU – Omegaverse: Alfa x Alfa
#Shelterain101
9,111 words
BG Music: Wanna One – Deeper
I had been trying – writing a poem with
One’ s broken hands and soulless call
Melody drowned, the soundless nightfall.
Once I found your nightingale’ s voice,
Twinkling eyes lies upon my breath.
*
อีแดฮวีเดินไปตามโถงทางเดินด้วยสายตาเฉยเมย เขาไม่ได้กระแอมไอให้คนที่เอาแต่ซุบซิบสะดุ้ง ตรงกันข้ามเด็กหนุ่มทำเพียงแค่เดินต่อไป ปรายสายตามองคนพวกนั้น
“ให้ตายสิ งั้นมือขวาของคุณแดฮวีคือนักเปียโนที่หายไปคนนั้นเหรอ"
“ใช่ เห็นว่าเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วยหนิ"
“แต่ข่าวลือแต่ละอย่างของฮิคารินี่มันบ้าสุดๆ เลยนะ ทำไมคุณแดฮวีถึงเก็บคนแบบนั้นไว้กับตัว?”
ขาเรียวนั่นยังก้าวต่อไป แต่สายตาจับจ้องไปที่คนไร้ยางอาย จนกว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว เสียงของส้นรองเท้าดังอย่างสม่ำเสมอ อีแดฮวีที่เดินนำหน้า ตามด้วยองซองอูและฮวังมินฮยอนที่เดินขนาบข้าง รูปหน้าทั้งสองคนที่ชวนให้ตกอยู่ในภวังค์เพราะความหล่อเหลา
“หรือฮิคาริขายตัวให้คุณแดฮวี? ฮ่าๆ ต่ำชะมัด"
ปาร์คจีฮุนเดินออกมาจากห้องพักครู ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินผ่านองซองอูและฮวังมินฮยอนเพื่อเข้าไปยืนข้างๆ อีแดฮวี ที่ตอนนี้นัยน์ตาเต็มไปด้วยความน่ากลัว รังสีที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา ทำให้นักเรียนที่ยืนตามโถงทางเดิน แนบหลังของตัวเองติดกำแพง แล้วมองไปยังเด็กห้องสามที่ยังไม่หยุดพ่นคำพวกนั้นออกมา
หาเรื่องตายชัดๆ – พวกเขาคิดในใจ
“เหรอ?”
เป็นถึงอัลฟ่า แต่ความรู้สึกช้ากันทั้งกลุ่ม รูปร่างที่ไม่ได้สูงชะลูด หรือมีตัวหนาเหมือนนักเพาะกาย แต่กลับทำให้คนที่ถูกมองสั่นเทิ่มไปด้วยความกลัว – อีแดฮวีหยุดยืนตรงหน้ากลุ่มคนพวกนั้น ยักคิ้วถามด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง กดมองอีกฝ่ายต่ำราวกับเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน
บังอาจนัก
“คุณแดฮวี"
สุดท้ายคนที่ดีแต่ปากพวกนั้น ก็ทำแค่เม้มปาก หุบปาก อย่างเจียมตัว มันไม่น่าสมเพชเกินไปเหรอ? อุตส่าห์เกิดมาด้วยเชื้อชาติที่สูงส่ง แต่กลับเอาแต่จับกลุ่มนินทาเรื่องคนอื่นสนุกปาก
“ไม่เปิดปาก แล้วพูดต่อล่ะ แม่คนสูงส่ง"
ปาร์คจีฮุนเหลือบมองใบหน้าของประธานนักเรียน ในฐานะเลขาประธานนักเรียน เหตุการณ์ตรงหน้าจัดว่าร้ายแรงอันดับสิบ เพราะเขาไม่เคยเห็นแดฮวีใช้สายตาแบบนี้กับคนในโรงเรียนเลย ฮวังมินฮยอนที่เขาอ่านสายตาไม่ออก กับองซองอูที่พร้อมชักดาบออกมาทุกเมื่อที่คนเป็นนายให้สัญญาณ
“ขอโทษค่ะ คุณแดฮวี"
“ไม่ฟังตอนที่บ้านสอนมารยาทพื้นฐานใช่ไหม ถึงขอโทษผิดคนแบบนี้? "
ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหยุดหายใจ ประธานนักเรียนใช้สายตาจิกทึ้ง อ่านป้ายชื่อของทุกคนในกลุ่มอย่างจงใจ รอยยิ้มที่ฉีกยิ้มให้คนปากพล่อยถึงกับทำให้คนหนึ่งในกลุ่มล้มลงไปนั่งกับพื้น เพราะขาสั่นจนไร้เรี่ยวแรง
“ขอโทษค่ะ คุณมินฮยอน"
“ขอโทษครับ คุณฮวังมินฮยอน"
“การมายืนตัดสินว่าใครต่ำใครสูง มันไม่ใช่การกระทำของผู้ดีเลยนะคุณคิม"
“ผมผิดไปแล้วครับคุณแดฮวี"
“แต่ถ้าจะตัดสินจริงๆ แล้วล่ะก็ ให้แน่ใจด้วยล่ะว่านายสูงส่งกว่าเขาจริงๆ แล้วหรือเปล่า"
แดฮวีขยับเข้าไปใกล้คนที่สูงส่งเหลือเกิน ยกมือขึ้นมา แต่ไม่แตะตัวอีกฝ่าย สายตาแสดงความรังเกียจอย่างไม่ปกปิด
“เพราะถ้า นาย ต่ำกว่า มันก็จะมีปัญหาตามมา เนอะจีฮุนอ่า :) ?”
หันไปยักยิ้มให้เพื่อนสนิทที่เดินมาแตะข้อศอกเขาเบาๆ ก่อนที่ทั้งสี่คนจะทิ้งคนพวกนั้นไว้เบื้องหลัง ปล่อยให้คนปากดีแข้งขาอ่อน น้ำตาร่วงไหลอย่างน่าสมเพช
ห้องพักของสภานักเรียนปกคลุมด้วยความเงียบ ไม่มีเสียงทะเลาะกัน ไม่มีเสียงหัวเราะของแพจินยองกับอีแดฮวี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเช้าวันใหม่ ทุกคนนั่งเรียงกันบนโซฟาอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ชเวมินกิใช้นิ้วเคาะตักอย่างใช้ความคิด สายตาของคิมจงฮยอนเฉยชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ยูซอนโฮยืนมองภาพจากกล้องวงจรปิดรอบโรงเรียนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก โดยมีไลควานลินยืนมองภาพเคลื่อนไหวนั้นอยู่ข้างๆ มิยาวากิ ซากุระเคาะนิ้วลงบนกระดาษที่มีรายชื่อของใครบางคน ขณะยกยิ้มอย่างน่ากลัว
ถึงแม้จะรู้จักมินฮยอนไม่นาน แต่เมื่อให้คำสัตย์ว่าจะเป็นเพื่อนกันแล้ว พันธะที่เชื่อมโยงทุกคนไว้ย่อมเหนียวแน่น –
นั่นคือลักษณะพิเศษของฝูงหมาป่า
“เป็นประธานนักเรียนนี่ทำร้ายคนในโรงเรียนไม่ได้ใช่ไหม"
นั่นคือประโยคแรกที่อีแดฮวีพูด หลังจากปล่อยให้ความเงียบลอยวนในห้องมานาน ปาร์คจีฮุนยักไหล่ ใบหน้าที่ใครต่อใครบอกว่าหวานนั่น บัดนี้เหลือเพียงแต่ความแข็งกร้าว
“นายทำไม่ได้ แต่คนอื่นทำได้"
“คุณแดฮวี ผมไม่เป็นไรครับ"
เสียงจีฮุนกับมินฮยอนดังขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน ประธานนักเรียนเหลือบตามองมินฮยอนด้วยสายตาไม่พอใจ แน่นอนว่าเขาเติบโตมาด้วยความอบอุ่นของพ่อ แม่ของพี่ดงฮยอน และพี่ดงฮยอน แต่นั่นก็ไม่ได้ลบความจริงที่ว่า อีแดฮวีเป็นลูกคนสุดท้องของหนึ่งในสี่ตระกูลมาเฟียที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศ
“แต่พวกนั้นทำให้นายเจ็บ"
“ผมไม่เจ็บแค่เพราะคำพูดลอยๆ ของคนอื่นครับ"
“มันไม่ใช่คำพูดลอยๆ มันคือคำว่าร้าย มันคือสิ่งที่คนอื่นกล่าวหานาย"
“คุณแดฮวี"
ฮวังมินฮยอนก้าวเท้าออกไป คุกเข่าลงตรงหน้าอีแดฮวีที่นั่งไขว่ห้างอยู่ จับมือคู่นั้นขึ้นมากอบกุม ราวกับจะตั้งท่าอธิษฐาน เงยหน้ามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก – เป็นสายตาที่กรีดหัวใจของอีแดฮวีได้อย่างสาหัส
“ก่อนหน้านี้ชีวิตผมมันเต็มไปด้วยคำกล่าวร้ายมากกว่านี้อีก แต่ตอนนี้ผมพบแสงสว่างในชีวิตแล้ว เพราะงั้นผมเลยไม่คิดจะจดจำความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น"
อีแดฮวีก้มลงมองมินฮยอนด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ได้ขยับหนีหรือแสดงท่าทีอะไร อัลฟ่าคนดังจดจ้องไปที่ดวงตาอีกคู่ พยายามมองหาร่องรอยความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายแอบซ่อนไว้
“ไม่อยากให้ความรู้สึกเจ็บนั้น อยู่เหนือความรู้สึกรักที่ผมพึ่งมีโอกาสได้สัมผัสเป็นครั้งแรก"
และนั่นทำให้หัวใจเขาบีบรัด รู้สึกเหมือนมีอีกามาจิกทึ้งข้างในหัวใจ เพราะคราบความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของมินฮยอน ยังติดชัดบนดวงตาคู่นั้น ชัดเจนพอๆกับความรักที่อีกฝ่ายมีให้เขา
ทั้งความรัก ทั้งความระทมทุกข์ ต่างสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่ที่อีแดฮวีตกหลุมรัก
ชัดเจนเสียยิ่งกว่าน้ำจากยอดเขาเสียอีก
“ครอบครัวนั้นอุปการะผมขึ้นมานั่นคือเรื่องจริง
พวกเขารับผมมา เพื่อขว้างปาความเกลียดชังบนโลกนี้ใส่ผมนั่นก็เรื่องจริง
ผมเป็นนักเปียโนที่ใช้ดนตรีโอบกอดตัวเองเอาไว้นั่นก็เรื่องจริงเหมือนกัน"
ทุกคนในห้องจับจ้องไปที่ฮวังมินฮยอน หัวใจหลายดวงค่อยๆ เต้นเป็นจังหวะที่ใกล้เคียงกัน จากการที่อีกฝ่ายเปิดรับให้พวกเขาเข้าไป ยอมให้ฟังเรื่องส่วนตัวของตนเอง น้ำเสียงที่พยายามแสดงออกว่าสบายดี ทั้งๆ ที่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยตะกอนของความเจ็บปวด
“และสิ่งเดียวที่ผมเลือกรักษาไว้ คือมือของผม เพียงเพื่อจะใช้มือคู่นี้เล่นเปียโนต่อไป แทนที่จะใช้มือนั้นปกป้องร่างกายตัวเองไว้– "
แผ่นหลังกว้างของฮวังมินฮยอนดูอ้างว้างเหลือเกิน แม้อีกฝ่ายกำลังหันหน้าเข้าหาคนที่แสงสว่างด้วยของตนเอง แต่เงาของฮวังมินฮยอนที่สะท้อนลงบนพื้นนั้นมืดมิด เกินกว่าจะเรียกว่าเงา
“ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน"
และนั่นทำให้พวกเขาโกรธเหลือเกิน เกลียดคนที่ขุดอดีตที่เต็มไปด้วยปวดร้าวของคนอื่นขึ้นมา เพียงเพราะความสนุกปาก เกลียดตำแหน่งที่ค้ำคอ ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากทำเป็นมองผ่านคนเลวพวกนั้น
ความคิดแย่ๆ และความคิดที่ดีตีกันในหัวไปหมด แต่ก็พยายามสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เติบโตขึ้นเป็นคนประเภทนี้ จะไม่ยอมให้อำนาจที่จะได้รับในอนาคต ปรับเปลี่ยนการมองโลก และการปฏิบัติต่อผู้อื่น –
“มันฟังดูน่าสมเพช แต่ผมกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง เพราะผมรู้ดีว่าต่อให้คนทั้งโลกจะหันหลังให้ผมต่อให้ผมต้องแลกโลกของดนตรีเพื่อยืนข้างคุณ ผมก็จะยิ้มรับมัน"
ในขณะที่อีแดฮวีทอดมองคู่แท้ของตัวเองด้วยสายตาราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บสาหัส ดวงตาที่เปล่งประกายราวกับดาวเหนือ คลอไปด้วยหยาดน้ำค้างของเช้าวันใหม่
ตอนนี้ปาร์คจีฮุนมองเห็นอีแดฮวีวัยแปดขวบ อีแดฮวีที่เป็นเพียงลูกหมาป่าที่พยายามกอดตัวเองเอาไว้ เพราะบาดเจ็บสาหัส เด็กผู้ชายคนนั้นที่เสียแม่ของตนเองไป เด็กผู้ชายที่ต้องมองพ่อที่เรืองไปด้วยบารมี นั่งร้องไห้เงียบๆในมุมมืดที่สุดของคฤหาสน์
“เพราะผมรู้ดัว่าคุณแดฮวีจะโอบกอดผมไว้แทนความสิ้นหวังและความฝันของผม"
อีแดฮวีค้อมตัวลง โอบกอดร่างกายของฮวังมินฮยอนด้วยแรงทั้งหมดที่มี พักศีรษะของตัวเองไว้กับหน้าอกของคู่แท้ ปล่อยให้ฮวังมินฮยอนเป็นคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำค้างที่ร่วงหล่น
น้ำตาของความเสียใจ จากคนที่ไม่ควรให้ใครเห็นหยาดน้ำตา
“เราจะโอบกอดมินฮยอนให้แน่นกว่าสายลม"
พยายามเปล่งเสียงให้ชัดเจนที่สุด ทั้งๆ ที่ในใจรวดร้าวไปด้วยความเจ็บปวด การโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่สอนให้อีแดฮวีรู้จักความเสียใจในอีกรูปแบบหนึ่ง
ความรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถปกป้องคนที่รักได้
แม้จะรู้สึกถึงอำนาจที่เต็มฝ่ามือของตน –
คุณพ่อคงรู้สึกแบบนี้เองสินะ
*
เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความลวงหลอก ดวงตาที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง รอยยิ้มที่เป็นสัญลักษณ์การค้า ไม่ได้ประกอบสร้างด้วยความจริงใจสักนิด เสียงชนแก้วที่บ่งบอกว่าพวกเขาเริ่มสวมหน้ากากแล้ว – นั่นคือลักษณะเด่นของปาร์ตี้ชนชั้นสูง
งานเปิดตัวธุรกิจใหม่ของตระกูลคิมและตระกูลจอง เต็มไปด้วยชนชั้นสูงของสังคม หากมีระเบิดลงตู้มที่นี่ มูลค่าชีวิตของทุกคนในงานคงพุ่งสูงกว่าค่าเศรษฐกิจของกรุงโซลทั้งจังหวัดเสียอีก
“น้องแดฮวี"
เสียงที่คุ้นเคยลอยมาพร้อมกับกลิ่นวานิลลา ทำให้แดฮวีพงกหัวบอกลาคู่สนทนา ก่อนจะหันมายิ้มให้ผู้ชายที่มีใบหน้างดงามที่สุดในชีวิต เท่าที่อีแดฮวีเคยเห็นมา – จองยุนโอยังสง่างามเหมือนครั้งแรกที่แดฮวีเคยเจอ ออร่าของอีกฝ่ายยังสูงศักดิ์เสมอ ไม่ว่าสายลมจะพัดเปลี่ยนสถานะทางสังคมของอีกฝ่ายอย่างไร
“พี่ยุนโอ สบายดีไหมครับ?”
“วันนี้พี่สบายดีสุดๆ เพราะได้เจอเจ้าตัวเล็กแล้ว"
พูดไปด้วยยิ้มไปด้วยจนลักยิ้มบุ๋มลึก คุณหนูตระกูลจองยกมือขึ้นลูบหัวแดฮวีอย่างเอ็นดู นัยน์ตาสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มที่ไม่ได้เจอมานาน
“กังวลอะไรหรือเปล่า?”
เอ่ยถามออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงความกังวลของน้องเล็ก
“จะลูบหัวญาติผมอีกนานไหม คุณหนูจอง"
คิมดงยองก้าวเท้าเร็วๆ ก่อนจะมายืนทำหน้าบึ้งใส่ทั้งสองคน อีแดฮวีหัวเราะออกมาเสียงดัง มันน่าขำชะมัดที่ไอ้พี่คนนี้ คอยมาทำท่าทางหึงหวงแฟนใส่ญาติตัวเองเนี่ยนะ
“คิมดงยอง! "
“ครับ คุณนาย"
คิมดงยอง – ญาติของแดฮวีที่ถูกวางให้เป็นทายาทอันดับสองของตระกูลคิม ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสี่ตระกูลใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลารับกับผมที่ถูกเซตขึ้นอย่างเป็นทางการ ชุดสูทสีน้ำเงินแฟชั่น เข้ากับสูทสีขาวของคนรัก – จองยุนโอ
“แล้วนี่?”
ดงยองเหลือบมองผู้ชายหน้าตาดีจัด ที่ยืนขนาบข้างขวามือของแดฮวี นัยน์ตาที่ลึกลับนั่นกวาดตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงจะชอบกวนตีนน้อง แต่อีแดฮวีก็จัดเป็นน้องที่เขารักที่สุดในบรรดาญาติทุกคน
– เพราะนัยน์ตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเหงาเหมือนแม่ของดงยอง
“ฮวังมินฮยอนครับ เป็นมือขวาของคุณแดฮวี"
“แล้วก็เป็นคู่แท้น้องด้วย:) ”
อีแดฮวีพูดเสริมมินฮยอนทันที พร้อมรอยยิ้ม แต่ประโยคที่น่าตกใจนั้นกลับทำให้ทั้งดงยองทั้งยุนโอ หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจทันที อาการหวงน้องเริ่มกำเริบ จนยุนโอหายตกใจแล้วเปลี่ยนมาขำแฟนตัวเองแทน
“คู่แท้?! เป็นใคร มาจากไหน แล้ว – "
ยุนโอใช้มือแตะข้อศอกดงยอง ก่อนจะยิ้มให้คนรักที่ถ้าเขาไม่ปรามอีกฝ่าย ดงยองคงเอาแต่สอบสวนมินฮยอนไม่หยุด เหมือนอีกฝ่ายเป็นผู้ร้ายแน่ๆ
“ดงยอง น้องเลือกแล้ว"
“อ่า … นั่นสินะ"
คิมดงยองพยักหน้าเบาๆ สายตาแข็งกร้าวเมื่อกี้เปลี่ยนมาโอนอ่อน เขายื่นมือที่มีอำนาจเหนืออัลฟ่านับพันคนไปหามินฮยอน
“ฝากน้องผมด้วยนะ"
มือของอัลฟ่าทั้งสองคนสัมผัสกัน ช่างเป็นภาพด้านข้างที่ชวนให้หยุดหายใจจริงๆ แดฮวีรู้ดีว่าพี่ดงยองเป็นคนที่มีอำนาจและมีพลังเหนือผู้คนมากขนาดไหน แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ ณ ขณะนี้ที่ฮวังมินฮยอนยืนจับมือกับคิมดงยอง ช่างเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกเท่าเทียม
“ด้วยชีวิตครับ"
เป็นความแตกต่างที่มีอำนาจเหมือนกัน
ทัดเทียมกัน
“ไม่ นายต้องปกป้องทั้งชีวิตของแดฮวี และชีวิตของตัวนายเอง"
นัยน์ตาของคนเป็นพี่ไม่มีการล้อเล่น การเป็นคนรักของมาเฟียไม่ใช่เรื่องที่น่ายืดอก มันเป็นจุดสูงสุดเท่าที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจะปีนป่ายไปได้ก็จริง
“เพราะตอนนี้นายคือครึ่งชีวิตของอีแดฮวี"
แต่นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องแลกมันมาด้วยสิ่งที่มีค่ามากกว่านั้น ปีนป่ายขึ้นไปบนจุดสูงสุด เพื่อเอาชีวิตของตัวเองและคนรอบตัวแขวนไว้บนเส้นด้าย – เส้นด้ายที่อยู่บนจนสูงสุดนั้น เห็นได้ชัดเจน และง่ายต่อการเป็นเป้ายิ่งนัก
“ครับ ผมจะจำไว้"
การสนทนาดำเนินต่ออีกเพียงนิดเดียว ก่อนที่พวกเขาจะแยกกันไป ฮวังมินฮยอนคอยลอบสังเกตทุกอย่าง จดจำรายละเอียด ลักษณะท่าทางของแต่ละคนอย่างแม่นยำ โดยที่ซองอูไม่จำเป็นต้องบอกอะไร นั่นทำให้คนเป็นครูยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
และแล้วงานเลี้ยงก็ดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ คุณดงยองกับคุณยุนโอยืนกล่าวถึงรายละเอียดโครงการบนเวที โดยที่พวกเขานั่งฟังอยู่บนโต๊ะหน้าสุด ผู้คนเอ่ยชมถึงความปราดเปรื่องของตระกูลคิมและตระกูลจองเป็นระยะๆ
มินฮยอนลอบมองคุณแดฮวีและคุณดงฮยอนจะขึ้นไปพูดบนเวทีต่อเป็นลำดับถัดไป การกระทำดังกล่าวยิ่งเสริมให้คนในงานเห็นถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ของสามตระกูลที่ได้ถูกเกี่ยวดองโดยรุ่นหลานของตน
ฮวังมินฮยอนชอบมองใบหน้าของคุณแดฮวี ชอบฟังเสียงพูดของอีกฝ่าย ชอบทุกสัมผัส น่าแปลกที่มินฮยอนชอบการมีอยู่ของคุณอีแดฮวี มากกว่าดนตรีที่ปกป้องเขามาทั้งชีวิตเสียอีก
อีแดฮวีที่เขาได้รู้จักไม่ถึงปี แต่กลับทำให้ช่วงเวลาไม่กี่เดือนนั้น มีความหมายมากกว่าทั้งชีวิตเสียอีก
“อย่าเหม่อ"
เสียงขององซองอู เรียกมินฮยอนกลับเข้าสู่ความเป็นจริง เขาพยักหน้า ก่อนจะสอดส่อง คอยเฝ้ามองรอบบริเวณอย่างที่ถูกฝึกมา จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นมือขวาของคิมดงยอง – มือที่ค่อยๆ เลื่อนไปจับกระบอกปืนด้านหลัง ฮวังมินฮยอนลุกขึ้นมา และวิ่งออกไปจนสุดแรงเกิด
เขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะถึงตัวแดฮวี หันกลับไปมองอีกฝั่งหนึ่ง – มีมือปืนสองคน
คุณดงยองยิงมือปืนที่เล็งกระบอกปืนหาคุณดงฮยอนก่อน มินฮยอนรู้แค่นั้น ถ้าเขาหันกลับไปยิงปืนใส่มือปืนที่เล็งมาหาคุณแดฮวี เขาก็อาจจะเข้าไปปกป้องคุณแดฮวีไม่ทัน
คิมดงยอง ยกปืนขึ้นมาเล็งมือปืนคนแรกที่พร้อมเหนี่ยวไกแล้ว โดยที่มีจองยุนโอยินถือปืนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ใบหน้าหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
ปัง!
ปัง!
“ยองมิน!!”
แต่เสียงปืนนัดแรกทำให้คนตื่นกลัว ยิ่งชุลมุนยิ่งทำให้เล็งมือปืนคนที่สองยาก เขาเหลือบไปมององซองอูที่วิ่งแฝงไปกับผู้คนแล้ว จึงทำให้เบาใจขึ้นมาหน่อย ดงยองจับมือคนรักไว้แน่น สอดส่องหามือปืนคนที่สอง กระตุกยิ้มออกมา เมื่อพบคนชาติชั่วที่วันนี้มันคงได้ตายทรมานจนถึงที่สุดแน่ๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มินฮยอนคิดว่ามันเร็วกว่าแสงเสียอีก – วินาทีที่มินฮยอนแปลงร่างเป็นหมาป่า นัยน์ตาสีดำสนิท เปลี่ยนเป็นสีเขียวปนน้ำเงิน ดั่งน้ำทะเล ขนสีขาวเหลือบเทา งดงามราวกับจิ้งจอกป่า ร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้น วิ่งเข้าไปตะครุบผู้ที่เป็นเจ้าของหัวใจ โอบกอดร่างกายของแดฮวีไว้ทั้งร่าง ขาทั้งสีข้างเป็นเหมือนผ้าห่มที่คลุมร่างกายของแดฮวีเสียสนิท ไม่ยอมให้ร่างกายของคนรักต้องกระแทกพื้นแม้แต่นิดเดียว
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงรัวกระสุนปืนดังขึ้นหลังจากนั้น แต่มินฮยอนไม่มีแรงจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเลือกจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายโอบกอดอีแดฮวีเอาไว้ให้แน่นที่สุด มินฮยอนดีใจที่ความเปียกชื้นที่สัมผัสได้คือน้ำตาของอีแดฮวี
ไม่ใช่เลือดของผู้เป็นเจ้าของหัวใจและชีวิต
“มินฮยอน ไอ้บ้า! อย่าพึ่งหลับตาสิ"
ทั้งตรงโถงทางเดิน ทั้งตอนนี้ ถ้าเป็นฮวังมินฮยอนที่สาบานยืนข้างๆคุณแดฮวีได้ล่ะก็
ผมคงปกป้องคุณได้ดีกว่านี้ ผมคงไม่ต้องเลือกว่าจะยิงหรือจะโอบกอดคุณไว้
ขอโทษจริงๆที่ ไม่สามารถเป็นมินฮยอนที่แข็งแกร่งได้เร็วกว่านี้
ขอโทษที่ใช้เวลาไปยืนข้างๆคุณช้าเกินไป
"อย่าตายนะ ขอร้องล่ะ มินฮยอน ได้โปรด"
นัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำตา
คือสิ่งสุดท้ายที่ฮวังมินฮยอนมองเห็น
"อย่าทิ้งเราไว้คนเดียว"
ยังงดงามเหมือนวันแรกที่ได้เจอเลย
อีแดฮวีน่ะ
TBC
Please comment or tag #Shelterain101
Talk: มาต่อแร้วจ้า ตอนหน้าจบแล้วจ้าาา ฮืออ หลังจากแต่งมาเป็นปี ขอบคุณนักอ่านที่ยังรอเรื่องนี้อยู่นะคะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ก็อยากอ่านฟีดแบ็คของคนอ่านจังค่ะ ว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน หวีดมาเฉยๆ ก็เป็นกำลังใจต่อชีวิตคนเขียนยิ่งนักแล้วค่ะT____T
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

262 ความคิดเห็น
-
#240 WHATTHEPN (จากตอนที่ 23)วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 / 23:35ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ อ่านวนมา5รอบแล้วแง้ ;-; รอต่อนะคะ สู้ๆนะคะไรท์!#2400
-
#239 vivacioz (จากตอนที่ 23)วันที่ 28 ตุลาคม 2562 / 09:22อย่าตายนะมินฮยอนนนนนนㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ#2390