ตอนที่ 39 : [os] Our Playground
[os] Our Playground
(AU – Thai) Doyoung x Jaehyun
(Diesel x Jade)
แด่กางเกงน้ำเงิน ที่ทำให้ผู้หญิงอย่างชรุ้นข่มตาหลับไม่ได้
#SFaMilRaindrops
11,394 words
BG Music: NCT U – Without You
NCT 127 – Welcome to My Playground
Here comes another mistake,
Then comes another complain,
Why comes in all when I need a place to rest
Oh, he hear my voice
Then he lend me a shoulder to lean on
His sounds of music seems weird in the first place
But then I fell,
Totally fall for all of HIM.
It’ s the moment I’ m figured out it’s his existence
Of all the place in the world.
*
เสื้อนักเรียนสีขาวหลุดลุ่ยอย่างที่มักจะเป็น กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินซึมหยาดน้ำที่กระเด็นลงมา ผมสีดำสนิทลู่ไปกับโครงหน้าคม นัยน์ตาเฉี่ยวๆ และจิวสีดำสนิททำให้เด็กผู้ชายที่แบกกีตาร์ตัวใหญ่ดูน่ากลัว แต่ก็มีเสน่ห์มากๆ เหมือนกัน
ฝนตกอีกแล้ว ท้องฟ้ามักจะโปรยหยาดฝนลงมา ในวันที่ผมติดอยู่ในอาคารเล็กๆ เก่าๆ หลังโรงเรียน ติดฝนพร้อมกับกีตาร์และบุหรี่คู่ใจ ค่อยๆ ลดเฮดโฟนที่สวมอยู่ลงมาพาดไว้บนคอ เพื่อฟังเสียงฝนที่ตกกระทบกับเศษดิน ส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่อยๆ ที่ไม่ได้หยิบเศษกระดาษออกมา ด้วยบรรยากาศแบบนี้อาจทำให้เขียนเพลงได้ดีแท้ๆ
ดีเซลกดอัดเสียงก่อนจะวางมือถือไว้บนพื้น เอนหลังพิงกำแพงด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ยกกีตาร์ขึ้นมาเกาหาคอร์ดที่เข้ามาในสมอง พึมพำทำนองที่ยังไม่ค่อยเข้ากับตัวคอร์ดนัก แต่มันก็ไม่ได้แย่จนทำให้รู้สึกหัวเสียอะไร ท้องฟ้าที่ส่งเสียงดังอึกทึก กลบเสียงเต้นของหัวใจหรือเสียงความวุ่นวายในหัวจนมันไร้เสียง
ไม่สิ ไม่ใช่ไร้เสียง แค่ถูกเจือจางลงต่างหาก
“นี่"
เสียงใสๆ ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนดังในโรงเรียน ผิวขาวใสอมชมพู โครงหน้าที่ได้รูป แก้มกลมๆ หน้าบีบ นัยน์ตาโต จมูกโด่ง ริมฝีปากที่รับกับทุกส่วนของใบหน้า ผมสีดำสนิท กับรอยยิ้มแมวๆ
“ว่า?”
ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่อีกฝ่ายเป็นคนดังที่สุดในชั้นมอสี่
“เราขอนั่งด้วยได้ไหม ติดฝนอ่ะ นั่งคนเดียวก็เบื่อ แบตมือถือก็หมด"
พูดเจื้อยแจ้วพร้อมกับส่งยิ้มเป็นมิตร ที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว ผมก้มลงไปมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเท่าไหร่
“แล้วใครห้าม"
ยักไหล่ใส่คนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก ก่อนจะก้มลงไปสนใจเครื่องดนตรีในมือต่อ พยายามตั้งสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่สายตาที่จับจ้องมาอย่างเปิดเผย ทำให้ดีเซลต้องจิ๊ปากออกมา
“รำคาญหรอ?”
“เปล่า"
ตอบกลับไปทันที ทั้งๆ ที่สิ่งที่อีกฝ่ายถามออกมาน่ะถูกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม พอโดนเด็กมอสี่ตรงหน้าจ้องแล้ว มันทำให้ผมต้องตอบสิ่งตรงข้ามกับที่คิด
“แล้วคือเรานั่งมองต่อได้ไหม หรือว่ามองฝนดีกว่า"
“มองฝนแล้วได้อะไร"
“ไม่ได้อ่ะ แต่ถ้ามองฝนพี่ก็จะเล่นดนตรีต่อใช่มะ อย่างน้อยเราก็จะมีอะไรฟังบ้างไง"
“ไม่ชอบที่เงียบๆ ?”
“อื้อ เพราะเราอยู่แต่ในที่ที่ มีเสียงตลอดเลย พอเงียบแล้วมันเหงา"
ผมเงยหน้ามองเด็กหน้าตาใสซื่อตรงหน้า รับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา แล้วก็ได้แต่คิดว่าโลกที่พวกเรายืนอยู่ มันช่างต่างกันและห่างไกลกันนัก ทั้งๆ ที่พวกเรากำลังนั่งข้างกันอยู่ตอนนี้
“งั้นจะร้องเพลง แทนแต่งเพลงแล้วกัน จะได้ไม่มีช่วงเงียบ"
“ไม่ๆ เราอยากฟังพี่แต่งเพลง ดูด้วย เราไม่เคยเห็นคนแต่งเพลงสดๆ เลยอ่ะ เมื่อกี้เลยตั้งใจมองไปหน่อย ขอโทษนะฮะ"
รีบยกมือขึ้นมาปฏิเสธเป็นพัลวัน ขาที่ห้อยต่องแต่งบนอากาศ (จนถุงเท้านักเรียนชุ่มน้ำไปครึ่งหนึ่ง) ลุกขึ้นยืนสปริงตัวเหมือนแมวกระโดด ก่อนจะนั่งลงไปใหม่แล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิแสดงความตั้งใจอย่างเหลือล้นในทันใด
“เกินไป"
“เราแค่ให้เกียรติ"
“งั้นก็ตั้งใจฟัง ห้ามว่อกแว่ก"
“แน่นอน!”
“ขนาดเพื่อนในวงพี่ยังไม่ให้นั่งฟังตอนแต่งเพลงเลยนะ"
“หูยย ทำไมอ่ะ"
“มันชอบแทรก แต่ดูจากหน้าน้องคงไม่พูดอะไร นอกจากนั่งทำตาแป๋ว"
“เอาใหญ่เลยนะ!”
แว้ดออกมา พลางยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างคาดโทษ พองลมตรงแก้มสามวินาที ด้วยความติดนิสัย
“เรานั่นแหละ"
เอ่ยพึมพำอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่ ก่อนจะกลับไปฝังตัวในโลกของดนตรี ท้องฟ้าเริ่มผลัดเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ก้อนเมฆวิ่งหายไปตามหยาดฝนที่เบาลง แสงจากไฟนีออน กลายเป็นสิ่งที่ช่วยส่องสว่างให้เห็นสายกีตาร์ และใบหน้าด้านข้างของเด็กมอสี่
“อันนี้คือจบสักเพลงยังง่ะ ทำไมเรารู้สึกว่ามันโดดๆ "
“อื้อ จบไปสิบเพลงแล้ว"
“บ้าหรอ!”
“ไม่ได้บ้า พูดจริง"
“ทำไมไม่เห็นมีเนื้อร้อง"
“คิดไม่ออก"
“อ้าว แล้วพี่จะคิดตอนไหนอ่ะ ตอนกลับบ้านหรอ"
ถามกลับมาไม่หยุดเหมือนเจ้าหนูจำไม แต่เพราะดวงตาคู่นั้นมันบริสุทธิ์แบบที่ผมเองก็ไม่เคยคิด ว่าจะใช้มันเปรียบกับดวงตาของคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ในวัยที่มีแต่ของล่อตาล่อใจ มีสิ่งมากมายที่อยากลองทำ อยากลองจะเป็นเต็มไปหมด
“ไม่รู้ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก"
“งั้นเราช่วยคิดไหม"
“แต่งเพลงเป็นหรอ?”
“ไม่เป็นอ่ะ"
“อ่ะ แล้วพูดไปเรื่อย"
“ไม่ใช่นะ! ถ้าแต่งเพลงมันต้องมีสัมผัสใช่ไหม ภาษาไทยเราได้เกรดสามเอง"
“ไม่เห็นจำเป็น"
“งั้นให้เราลองแต่งนะ!”
"เอาสิ ลองเลย"
เสียงใสที่ดังขึ้น กังวานและก้องในหัวอย่างน่าประหลาด ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไมเสียงของเด็กกระโปกตรงหน้า ถึงน่าฟังนัก ว่าทำไมมันถึงชัดเจนกว่าเสียงของท้องฟ้าในตอนนี้ แต่ช่วงเย็นวันนั้น ดนตรีของผมและเนื้อร้องประหลาดๆ ของเจดก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
น่าประหลาดอีกแล้ว
ท้องฟ้าสีควันบุหรี่ กลิ่นฝน เสียงฟ้าร้อง – ไม่สิ เสียงร้องเพลงของเจด
มันน่าประหลาดไปหมด
น่าประหลาดแม้แต่ชื่อ –
ชื่อเล่นที่ทำให้ผมนึกถึงเพลงมาสเตอร์พีซของวงร็อกที่ชอบที่สุด
ตอนกลางคืน ท้องฟ้าที่ไม่มีดาว ก็แน่นอนล่ะ นี่มันท้องฟ้าใจกลางกรุงเทพนี่นา ผมถอดหมวกกันน็อคแล้วยื่นมันคืนให้กับเจ้าของบิ๊กไบค์ ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกเราถึงนั่งร้องเพลงกัน จนประตูโรงเรียนปิด (แล้วต้องปีนรั้วออกเอา) เพื่อเดินไปเอารถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของพี่มอหก แวะกินบะหมี่ริมทาง เพราะเสียงท้องร้องของผมดังขึ้นกลางสี่แยก จำได้ขึ้นใจเลยว่าคนอายุมากกว่าน่ะหัวเราะออกมาเสียงดังขนาดไหน
“ขอบคุณมากนะครับ"
พยายามใส่ความจริงใจลงไปทั้งหมดจริงๆ เพราะพวกเราพึ่งเจอกันครั้งแรก แต่ผมกลับรบกวนอีกฝ่ายเยอะไปหมดเลย อาจเพราะติดนิสัยที่คนรอบตัวชอบสปอยล์มาด้วยล่ะมั้ง เลยเผลอเอาแต่ใจใส่นับครั้งไม่ถ้วน (ภายในเวลาสี่ชั่วโมง)
“ไม่เป็นไร สนุกดี"
“ทำไมพี่พูดน้อย"
“เปล่า ถ้าพูดยาวมันจะยาวเกิน เมื่อยปาก"
“ตัวผอมกะหร่องแล้วยังขี้เกียจอีกอ่ะ"
“ไร ไอ้อ้วน"
“เจดไม่ได้อ้วนนะ!”
“เถียงจนแก้มปริ เป็นซาลาเปาไส้เยิ้มแล้ว"
“หึ่ยย! ทำไมเปรียบเทียบน่าเกลียดขนาดนั้นอ่ะ"
“ของกินไม่เคยน่าเกลียด"
“ก็จริง"
พยักหน้าเห็นด้วยทันทีจนคนอายุมากกว่าอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะพยักพเยิดเป็นเชิงให้เจดเดินเข้าไปในบ้านของตัวเองสักที
“ขอบคุณอีกครั้งนะฮะ พี่ก็กลับบ้านดีๆ "
“อื้อ"
พยักหน้าให้หนึ่งที พลางเก็บหมวกกันน็อกอีกอันไว้ใต้เบาะ จัดหมวกบนหัวของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะวางมือลงบนคันบิด
“เดี๋ยว!”
แต่เสียงเรียกที่รั้งเอาไว้ ทำให้พี่มอหกหยุดอยู่ที่เดิม ใบหน้าถูกบดบังด้วยหมวกกันน็อกไปเกินครึ่งหน้าก็จริง แต่ความหล่อที่กินขาดก็ยังหลุดรอดออกมา
“ว่าไง อ้วน"
“พี่ชื่ออะไรง่ะ"
“ตั้งนานพึ่งถาม?”
“ก็เราลืม"
“ตามหาสิ"
“แล้วเราจะตามหายังไง"
“คนรู้จักเยอะไม่ใช่หรอ"
ยักคิ้วให้หนึ่งที ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงมองไม่เห็นว่าเค้ายักคิ้วกวนตีนขนาดไหนไปให้ สบตากับดวงตาโตๆ คู่นั้นผ่านกระจกใสที่กั้นขวาง
“ถ้าหาเจอ จะเขียนทำนองให้เราร้องอีก"
จากไปพร้อมกับควันรถ ประโยคเท่ๆ ที่ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องไปจำมาจากหนังรักสักเรื่องแน่ๆ อาจจะเป็นหนังคลาสสิครุ่นพ่อ
“ให้ตายสิ"
แต่มันทำให้ใจเต้นชะมัด
ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน
แต่เพลงที่ร้องด้วยกันวันนี้
มันยังก้องอยู่ในหัวจนเจดผล็อยหลับไปเลย
*
“นักดนตรี กีตาร์ พูดน้อยแต่กวนตีน เสียงหวานๆ ไหล่กว้าง แต่ตัวบางเหมือนกระดาษ แล้วก็...จิวสีดำ!”
เกมใบ้คำเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเข้าแถว เจดทำท่านึก พลางบอกเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย จนวินวินกับจัสตินต้องส่ายหน้าให้กับท่าทางนั้น
“พี่มินต์?”
“พี่มินต์จบไปชาติเศษแล้ววินวิน"
“ถ้างั้นใครวะ"
“พี่ดีเซล?”
“ที่ติสท์ๆ อ่ะนะ?”
“ก็น่าจะใช่ ไปเจอที่กระท่อมหลังโรงเรียน สถานที่แปลกๆ แบบนั้นก็เหมาะจะเจอพี่แกดี"
“ก็จริง"
“แล้วทำไม มึงไปเหยียบกีตาร์เขาหรอ ถึงต้องตามหา"
“ไม่ใช่ดิ แล้วพี่ดีเซลอยู่ห้องไหน"
“มึงจะบุ่มบ่ามไปบุกห้องเขาไม่ได้"
“ทำไมอ่ะ? เราสนิทกับพี่มอหกตั้งเยอะ"
“แล้วสนิทกับพี่ดีเซล?"
“ก็..” ยกมือขึ้นมาเกาต้นคอหน่อยๆ แต่ก็ยิ้มเพล่ออกมา เหมือนแมวแลบลิ้น "สนิทอยู่นา ร้องเกะกันตั้งนาน กินข้าว ดูลมชมวิวด้วย"
“บางทีกูก็กลัวความเฟรนด์ลี่ของมึงอ่ะเจด"
“ไม่ดิ"
“จะเถียงว่าไม่ใช่?”
“เปล่า"
ใบหน้าน่ารัก เปลี่ยนมาแสดงท่าทีจริงจังจนเพื่อนสนิททั้งสองคนเริ่มใจไม่ดี ใช่แน่ๆ …
“แต่ไม่เคยรู้สึกสนิทใจกับใครเร็วแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน สบายใจมากๆ เลยตอนที่อยู่ตรงนั้น"
ท่าทางที่สะท้อนออกมาผ่านการกระทำเล็กๆ สีหน้า น้ำเสียง และแววตา ทำให้วินวินกับจัสตินมองหน้ากันอย่างอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะแสดงออกยังไงกลับไป เพราะเพื่อนสนิทของตนไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน
“พี่ดีเซล ม.6/5”
แต่ก็เป็นจัสตินที่เอ่ยออกไปก่อน
“นักร้องนำวงดนตรีโรงเรียน ไม่ค่อยได้เจอหรอก เพราะพี่แกหมกตัวอยู่แต่ในห้องชมรม ข้าวเช้า กลางวัน เย็นก็นอนกินในห้องนั้นอ่ะ ขี้เกียจกว่าไอ้สามสีหน้าตึกวิทย์อีก"
“ฮ่าๆ ไม่น่าเลยตัวเป็นกระดาษแบบนั้น"
“อื้อ เหมือนคนไม่มีแรงตลอดเวลา"
“แต่่ตอนเล่นดนตรีอ่ะเท่ชะมัด ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน"
“จากการนอนในห้องชมรมทั้งวันล่ะมั้ง"
วินวินตบมุกให้เพื่อนหน้าตาย ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนไปคุยกันเรื่องอื่น ทั้งๆ ที่ยังคุยโต้ตอบกับเพื่อน แต่ตอนนี้ในหัวของเจดกลับมีภาพของป้ายห้องหกทับห้าลอยเข้ามาในหัวเป็นระยะระยะเลย
“ไอ้ดีเซล น้องเจดมาหา!!”
เมื่อได้ยินเพื่อนหน้าห้องตระโกนมา จอห์นที่นั่งข้างดีเซลจึงเอาตีนเขี่ยเพื่อนสนิทที่ล้มตัวลงไปนอนใต้โต๊ะนักเรียนอย่างน่าอนาถ ไม่ได้ฟุบหลับเท่ๆ แบบที่คนอื่นมักจะทำกัน เสียงงัวเงียเหมือนคนแก่ดังขึ้นทันทีที่เขากดแรงบนเท้าลงไปหนักๆ
“เหี้ยไรเนี่ยยย"
โวยวายแต่ก็ยอมลุกขึ้นมานั่งดีๆ ผมชี้โด่ชี้เด่ พยายามปรับโฟกัสสายตา ตามมือของจอห์นที่ชี้ไปหน้าประตู ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ (จนแทบมองไม่เห็น) เมื่อพบว่าเด็กประหลาดเมื่อวานมายืนอยู่หน้าห้อง โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันในการตามหาเขา
“ไง อ้วน"
เดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง มาหยุดอยู่หน้าประตูห้อง พลางยักคิ้วกวนตีนใส่รุ่นน้องด้วยท่าทางขี้เก๊กแบบออกนอกหน้า จนจอห์นแทบเอามือล้วงคออ้วก
“พี่ดีเซล ม.หกทับห้า!”
“อ่าห้ะ"
“เราเจด ม.สี่ทับสอง"
“รู้แล้ว"
“เรามาทวงคืนสัญญา"
“ได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน"
“อ้าว แต่ตอนสัญญาไม่เห็นบอก"
“ก็ยังคิดไม่ออก ตอนนั้นร้องเพลงเหนื่อยมาก"
“พี่แค่เล่นกีตาร์ เราเป็นคนร้อง"
“จะเถียงอีกนานไหม"
“งั้นก็บอกเงื่อนไขมาสิ"
“เคยโดดเรียนป่ะ"
เจดเริ่มยืนเท้าส่ายเอว พลางจ้องหน้าคนอายุมากกว่าท่ีพาน้องเรื่องอีกแล้ว แต่สายตาดุๆ ที่ส่งกลับมาก็ทำให้เจดรู้ว่ามันอาจจะเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกันก็ได้วะ
“ไม่เคย"
“ดี งั้นโดดคาบนี้กัน"
พยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะจับข้อมือเล็กๆ ของเจดเอาไว้ ออกแรงดึงเพื่อเดินนำไปข้างหน้า ด้วยแรงที่ไม่มากนัก ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในห้องที่มองด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่
“ปกติดีเซลมันมีมุมเท่ๆ แบบนี้ด้วยหรอวะจอห์น"
“นั่นดิ"
จอห์นมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทด้วยความไม่เข้าใจเท่าไหร่
“สงสัยได้ดีจากมังงะที่อ่านมาทั้งชีวิต
เหลือบมองมือถือที่เพื่อนสนิทลืมเอาไว้ หูฟังที่เสียบอยู่กำลังเล่นเสียงที่อัดเอาไว้ วันที่บอกไว้ว่ามันถูกอัดไว้เมื่อวาน แต่อีโมจิรูปโมจิ ซาลาเปาและแมว ทำให้จอห์นได้แต่เกาหัวแกร่กๆ
“มันใช้อีโมจิเป็นด้วยหรอวะ"
ห้องชมรมดนตรี แอร์เย็นฉ่ำ โซฟาสีดำสนิท ถ้วยรางวัลและเกียรติบัตรถูกวางกองๆ ไว้ในกล่องที่อยู่มุมสุด ของพวกนั้นถูกละเลย ตรงกันข้ามกับโปสเตอร์วงดนตรีที่ถูกแปะเต็มผนังห้อง ที่ดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลอย่างดี ถึงจะเป็นห้องชมรมดนตีของโรงเรียนชายล้วน แต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นอับอย่างที่เจดคาดไว้ ตรงกันข้ามมันมีทั้งเครื่องดูดอากาศ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเทียนหอมด้วย
“นั่งดิ"
นักร้องนำของวงชี้มั่วๆ ไปยังบริเวณโซฟาและพื้นห้อง ก่อนจะเดินไปหยิบกีตาร์คู่ใจออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวขาวนั่งลงเอกเขนกบนโซฟา จนกางเกงสีน้ำเงินที่สั้นอยู่แล้ว ก็ร่นขึ้นสูงกว่าเดิมอีก โชว์ต้นขาเรียวขาววิ้งจนแสบตา
“หนาวอ่ะ"
“แหงสิ กางเกงสั้นขนาดนั้น"
“พี่มีผ้าห่มไหม"
“นั่นไง"
ชี้ไปบนเก้าอี้โยกที่มีกองผ้าห่มกว่าสิบผืนกองกันอยู่ เด็กตัวขาวเดินโงนเงนไปเลือกผ้าห่ม ด้วยท่าทีรังเกียจ โดยเฉพาะนิ้วงนางที่กระดกขึ้นตอนหยิบผ้าห่มขึ้นมาน่ะ
มันน่าจับมาตีให้หายมันเขี้ยวชะมัด
“ได้ซักบ้างไหมง่ะ"
“ไม่เคยเลยมั้ง"
“ตั้งแต่เข้าชมรม?”
“จะพูดงั้นก็ไม่ถูก เพราะบางผืนก็ของพี่รุ่นก่อนๆ "
ทันทีที่พูดจบเด็กชายเจดก็สะบัดผ้าห่มในมือลงบนพื้น พร้อมกับสีหน้ารังเกียจเต็มที่ ก่อนจะเดินฟึดฟัดกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม
“อ่ะ"
ดีเซลเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองที่พาดไว้บนเก้าอี้ ก่อนจะโยนใส่เด็กมอสี่ที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจหนึ่งที
“เดี๋ยวมานะ"
ก่อนจะคว้าบุหรี่กับไฟแช็กในลิ้นชัก เดินไปทางห้องน้ำด้านหลัง เจดมองภาพนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย
“พี่ดีเซลลลลลล"
เรียกอย่างยานคาง เดินเตาะแตะ กระโดดไปโผล่ตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มลูกแมวที่ทำให้คนเป็นพี่ใจเต้นแปลกๆ
“จะอ้อนอะไร"
“เราอยากลอง"
“ห้ะ?”
“บุหรี่อ่ะ"
“อ๋อ เอาดิ"
พยักหน้าตอบรับ เมื่อพบว่าคำขอของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องยาก หรือเรื่องแปลกอะไร ในเมื่อที่นี่คือโรงเรียนชายล้วน ดีเซลหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมา จุดไฟแช็ก รอให้ไฟกับมวนบุหรี่ทำปฏิกิริยากัน ในขณะที่ลอบมองใบหน้าน่ารักที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นไปด้วย
“อ่ะ สูบ ดึงออก แล้วก็ปล่อยควัน"
ยื่นบุหรี่ไปให้คนอายุน้อยกว่า พร้อมกับอธิบายคร่าวๆ โดยที่ไม่คิดจะหยิบบุหรี่อีกมวนมาจุดแต่อย่างใด
“ระวังสำลัก"
“ฮับ"
พอได้สิ่งที่ตัวเองต้องการก็ตอบรับเสียงหวานจนน่ามันเขี้ยว นิ้วเรียวสวยที่คาบก้านบุหรี่ดูน่าหลงใหลชะมัด ริมฝีปากอวบอิ่มที่กัดเม้มลงไปบนแท่งสีขาว เปลือกตาที่หลับพริ้มลง เพื่อรับรู้รสชาติของสิ่งแปลกใหม่
“แง้ะ"
เมื่อพ่นควันบุหรี่ออกมาแล้ว ก็ไอค่อกแค่ก พร้อมทำหน้ายู่เหมือนเต้าหู้ยี้ เมื่อเป็นดังที่คาด ดีเซลจึงยื่นมือไปคีบบุหรี่มวนนั้นออกมาจากมื้อเรียว แล้วใช้มืออีกข้างลูบหลังของน้องเบาๆ – แต่แค่แป๊บเดียวก็ดึงมือกลับมา
“ไม่ชอบ?”
“อื้อ ไม่เห็นดีเลย"
“ก็ดีแล้ว"
ดีเซลยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ ท่าทางการขยับตอนนี้มันน่ามอง จนเจดละสายตาออกไม่ได้ ท่วงท่าที่เป็นธรรมชาติ กับสายตาที่ดูหลุดลอยไปยังที่ไหนสักที่
กับนิ้วก้อยของพวกเราที่ชนกันเบาๆ
“ยังมีอีกหลายรสนะ ถ้าอยากลอง"
“วันอื่นได้ไหม"
ค่อยๆ ขยับมาเกี่ยวกันไว้ อย่างเป็นธรรมชาติ – ยิ่งกว่าท่าทางการสูบบุหรี่ของดีเซลเสียอีก
“วันไหนก็ได้"
เป็นคำพูดธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษเลยสักนิด แต่ควันบุหรี่พวกนี้คงทำให้เจดมึนเมาพอๆ กับ ดนตรีของพี่ดีเซล ทั้งการเข้าหา การปล่อยให้เจดเดินเข้าไปสัมผัส และทำความรู้จัก
“ขอจูบนะ"
การเอ่ยขอที่ดังขึ้นมา ทั้งๆ ที่พึ่งรู้จักกันแค่วันกว่าๆ แต่ทุกอย่างมันดูเพียบพร้อมราวกับถูกจัดฉากไว้หมดแล้ว มู้ดและโทน
“อื้อ"
ความรู้สึกอ่อนยวบของจิตใจ
ความรู้สึกอ่อนยวบของริมฝีปากที่ประกบลงมา กัดลงบนริมฝีปากบนอย่างเอาใจ ลิ้นที่ไล้ไปรอบริมฝีปากล่าง เย้าแหย่กลุ่มฟันที่เรียงตัวกันสวย
“ชอบอันไหนมากกว่ากัน"
ลมหายใจของเจดมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่เพียงนิดเดียว
แต่กลิ่นของพี่ดีเซลกลับติดอยู่ที่ปลายจมูกของเจดตลอดทั้งวัน –
“ระหว่างลองบุหรี่ กับจูบของพี่"
นับตั้งแต่วันนั้นที่รู้จักกัน
“จูบของพี่ดีเซล"
*
งานประจำโรงเรียนถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เช่นเคย ซุ้มขายของต่างๆ เรียงราย สร้างเสียงตะโกนโหวกเหวก จนทุกคนต้องตระโกนคุยกัน แน่นอนว่าการแสดงของวงดนตรีประจำโรงเรียนเป็นกิจกรรมที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ เด็กนักเรียนในโรงเรียนเข้ามาจับจองที่ในฮอลจนแน่นขนัด
แต่เจดกับพองเพื่อนก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องที่นั่งเลยสักนิด เพราะเด็กมอสี่แบบพวกเขาน่ะได้รับอภิสิทธิ์ในการนั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด (แต่ถึงจะดูน่าหมั่นไส้ขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้าว่ากลุ่มเจดอยู่ดีนั่นแหละนะ) เสียงพิธีกรเอ่ยแนะนำวงดนตรีของพี่ดีเซล ไม่ได้เรียกความสนใจให้เจดเงยหน้าจากจอมือถือตัวเองเลย
“ก่อนจะทำการแสดงเราขอสัมภาษณ์สมาชิกในวงสั้นๆ ก่อนนะครับ"
ก็ในเมื่อคลิปรายการทำขนมมันน่าสนใจกว่าการพูดยืดยาดของพิธีกรเป็นไหนๆ มือเรียวเงยหน้าขึ้นมองพี่คนสนิทเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจสายตาดุๆ ที่ส่งมาให้เลยสักนิด ซ้ำยังทำหน้าทำตาใส่คนเป็นเวทีอย่างไม่เดือดร้อนอีก
“มาถึงพี่ดีเซล นักร้องนำสุดหล่อ หาตัวจับยากของเรากันครับ"
“ครับ"
“พี่ดีเซลหาตัวเจอยากมาก จนเด็กโรงเรียนหญิงล้วนข้างๆ ถึงกับทำประกาศจับให้ค่าหัวพี่เลยนะครับ"
“ขนาดนั้นเลยนะ"
“ครับ ว่างๆ ก็เดินไปเรียกเรตติ้งได้นะครับ"
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ ให้เป็นหน้าที่ของจินดีกว่า"
ดีเซลผายมือไปยังเพื่อนสนิทลูกครื่งญี่ปุ่น ที่เช็คเรตติ้งเก่งกว่าพูดภาษาบ้านเกิดของตัวเองเสียอีก
“ไม่ถามแล้วดีกว่า ผมไม่รู้จะถามอะไร ให้พี่ดีเซลกล่าวอะไรสั้นๆ ปิดท้ายดีกว่าครับ"
ความนิ่งๆ กวนๆ ของนักร้องนำ ทำให้พิธีกรจนปัญญาที่จะคิดคำถามด้นสด จนต้องตัดจบสคริปต์ของตนเอง
“ก็เซ็ตลิสท์ของวันนี้มีห้าเพลงครับ เพลงแรกมันอาจจะดีดขึ้นมาเร็วหน่อย สุดเหวี่ยงกับอีกสามเพลง น้ำตาซึมหน่อยๆ กับเพลงสุดท้าย"
ดีเซลยืนบนเวทีด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ เมื่อคิดว่าหลังจากนี้อาจจะต้องพูดอะไรที่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองหน่อย แต่ก็คิดว่ามันเท่มากจริงๆ เป็นฉากคลาสสิคในหนังรักแนวดนตรีเลยล่ะ
“สรุปก็คือสนุกแบบไบโพล่าหน่อยๆ"
ก็เลยไม่ลืมที่จะสบตากับเด็กผู้ชายตัวขาว ที่นั่งตั้งใจฟังอยู่ในแถวแรก มุกคุณลุงที่อีกฝ่ายชอบแซว แต่ก็ยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างน่ารักทุกครั้ง
“จริงๆ แล้วเพลงสุดแรกเป็นเพลงที่ผมได้ยินมันดังก้องในหัว ตอนวันที่ฝนตก และได้ยินเสียงอะไรบางอย่างชัดเจนกว่าเสียงฝน"
แววตาขึ้เล่นแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่จริงจัง ทันทีที่เอ่ยถึงภาพความทรงจำในวันนั้น ที่ผ่านไปแค่เทอมเดียว แต่กลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีค่ามากมายเหลือเกิน
“ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คิดว่าศิลปินทุกคนคงเคยผ่านความรู้สึกนี้มาแล้ว อาจจะไม่ใช่ใครทุกคนที่โชคดีพอ"
ทั้งความทรงจำและความรู้สึกที่เอ่อล้น
ในชีวิตวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความกล้าได้กล้าเสีย
“แต่ก็ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ผมกลายเป็นคนโชคดีในวันนี้ ไม่พูดมากแล้ว ไปฟังเพลงแรกของวันนี้กันครับ"
อาจจะมีความเสียใจประดับประดาตามทางเดินที่ก้าวเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
“X-Japan –”
แต่เรื่องราวที่พวกเราร่วมสร้างขึ้นด้วยกัน บนพื้นที่เล็กๆ – ในโลกเล็กๆ ของพวกเรา
จะเป็นเรื่องที่ผมจะไม่มีวันเสียใจ
“Jade”
ราวกับหยก –
รอยยิ้มของเด็กผู้ชายที่เปล่งประกายที่สุดคนนั้น
THE END
Please comment or tag #SFaMilRaindrops
Talk: จริงๆ แต่งไปเรื่องนึงแล้ว แต่รู้สึกว่ามันเอื่อยๆ เลยโล้ะเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมดเลย ด้วยความที่เราไม่ค่อยได้ใช้ภาษาสบายๆแบบนี้(?) แล้วตัวละครกับพล็อตมันจะทื่อๆ(?) หน่อย ถ้ามีตรงไหนแปร่งๆหรือแปลกๆ คอมเม้นติชมได้เลยนะฮับบ จะหวีดสครีมในแท็กยังไงก็ได้เลย เราชอบเข้าไปอ่านตอนเหงาๆ ;w;
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมากกกกกกก มันดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในโลกกว้าง ๆ แต่ก็ยิ่งใหญ่สำหรับคนสองคนจริง ๆ ค่ะ ไรท์เก่งมาก ปรบมืออออออ
หหหหหหห. ผมอยากมีเจด ลอยขึ้นมาทันที ผมอยากให้พี่ดีเซลมีเจดดดดดดดดด สุดจริงค่ะ เดกแซ่บๆ รร ชายล้วน มันแซ่บยิ่งกว่าทุกตีม รักไรต์ค่ะ ขอภาคต่อนะคะ ขอแซ่บๆขึ้นอีกยิ่งกว่าฉากคิสๆ งื้ออออออออ นุ้งเจดขาวโบ๊ะของพอดีเซล