ตอนที่ 31 : [os] Sun flowers (Hwang Minhyun x Jung Yunoh)
[os] Sun flowers
Hwang Minhyun x Jung Yunoh
#SFaMilRaindrops and #Shelterain101 proudly present :)
10,044 words
BG Music: Wanna be (my baby) - Wanna One
One fine morning, of that sleepy Monday,
Our yellowish uniforms, appeared within seconds,
Your slight smile made the one and only sun –
Jobless :)
*
คาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์เสริมเป็นเหมือนยาพิษสำหรับโรงเรียนศิลปะ โดยเฉพาะเอกการร้องเพลงแบบห้องผม เสียงของอาจารย์ยังคงพร่ำสอนสูตรสมการด้วยน้ำเสียงที่แสนภูมิใจ ราวกับว่าน้ำเสียงนั้นสามารถทำให้เขาตัดขาดจากโลกภายนอกได้ ไม่ได้ยินเสียงของนักเรียนที่พูดคุยกันอย่างออกรส
ฮวังมินฮยอนส่ายหน้า ยกมือขึ้นมาท้าวกับโต๊ะ ทิ้งน้ำหนักบนหัวลงไปทั้งหมด เหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าวันนี้ก็ยังสดใสเหมือนทุกวัน ส่องแสงสว่างให้นกเหล่านั้นบินขึ้นไป และใช้แสงที่สว่างจ้านั่นกีดกั้นไม่ให้มนุษย์เงยหน้าขึ้นไปมองมันตรงๆ
น่าขันยิ่งนัก
เพราะสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ที่มนุษย์สามารถทำได้ ล้วนมีแต่อะไรที่น่าเบื่อหน่ายทั้งนั้น
การแสร้งเป็นคนดี เพื่อกลมกลืนไปกับสังคมที่จอมปลอม
การยกยิ้มไม่ได้หมายความว่ามีความสุขหรือเห็นด้วยเสมอไป มินฮยอนไม่ได้เกลียดผู้คน เค้าก็แค่เบื่อกับการที่เราเติบโตขึ้น เพื่อเป็นใครอีกคนหนึ่งที่บางครั้งตัวเราเองก็ยังไม่อาจเข้าใจ ไม่รู้จัก – ไม่เคยคิดว่าจะได้รู้จัก
ความสัมพันธ์ที่ดำรงอยู่ในสังคมล้วนมีสิ่งที่เรียกว่าคำลวงเป็นส่วนประกอบหลัก หรือถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะเป็นแค่องค์ประกอบเสริม การเติบโตขึ้นสอนให้เรารู้ว่าคนแต่ละคนล้วนมีจุดอ่อนไหวต่างกันออกไป มันเป็นสาเหตุที่หนักแน่นพอสำหรับตัวเราที่จะต้องรับรู้และหลีกเลี่ยง เพื่อคงความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่
และมันมีค่าพอที่จะคงเอาไว้หรือเปล่า
แต่ก็นั่นแหละ
ชีวิตเราก็ไม่ได้มีอะไรทำขนาดนั้นอยู่แล้ว เพราะงั้นการวัดค่าของการกระทำคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องที่ย้อนกลับมาทำร้ายเราก็ได้
“เจ้าชาย"
ฉายาที่กลายเป็นชื่อเล่นของผมจริงๆไปแล้ว มินฮยอนไม่แน่ใจว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ผู้คนรอบตัวเขาเลือกจะหยิบยกตำแหน่งอันสูงส่งที่หายไปจากประเทศนี้ ให้แก่ผู้ชายธรรมดาๆแบบผม อืม อาจจะเป็นเพราะว่าภาพที่พวกเขามองตัวผมจากภายนอกล่ะมั้ง?
“อื้อ?”
“จดหมายรักพ่ะย่ะค่ะ ฉบับที่สิบแปดล้านแล้วเพคะ"
มินฮยอนส่งมือไปยีหัวเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคลี่จดหมายนั่นอ่านทันที เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่น่าทำที่สุดสำหรับตอนนี้ล่ะมั้ง เขาถือจดหมายสีชมพูแปร๋นด้วยมือซ้าย เท้าคางเพื่อให้ภาพภายนอกอาคารเป็นเพียงแค่ภาพเบลอๆ
เนื้อหาส่วนแรกไม่ได้ทำให้ฮวังมินฮยอนรู้สึกประหลาดใจเหมือนตอนแรกอีกแล้ว อาจเป็นเพราะภาพที่ผู้คนเหล่านั้นพรรณนาถึงเหตุผลที่ชอบเขา – มันคล้ายกันทั้งหมดอย่างน่าประหลาด เหมือนกันจนแทบจะท่องและอ่านมันด้วยจังหวะซ้ำๆ เสียแล้ว
ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อปล่อยให้จดหมายฉบับนั้นเป็นเพียงแค่ภาพเบลอ ปล่อยให้ภาพในสวนด้านล่างอาคารเป็นจุดโฟกัส เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวขาวนั่งสังเคราะห์แสงที่แทบจะกลืนกินตัวเองไปแล้ว ผมสีดำทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนข้าวห่อสาหร่ายที่ถูกกัดอะไรเทือกนั้น อืม มันเป็นภาพเปรียบเทียบให้เห็นความขาวอีกฝ่ายแบบเดียวที่มินฮยอนพอจะนึกออก
อ่า
ให้ตายสิ
ข้าวห่อสาหร่ายคนนั้นกำลังนั่งกินไก่คาราเกะบนม้านั่งอย่างออกรส เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างแข็งขันจนคนที่อยู่บนอาคารเรียนชั้นสามยังพอจะเห็นภาพคนที่อยู่ห่างไปขนาดนั้นได้ มือขวาถือตะเกียบ มือซ้ายเคาะมือตามจังหวะเพลงที่อีกฝ่ายน่าจะฮัม? ไม่สิ น่าจะตามเพลงที่เล่นผ่านหูฟังอันใหญ่นั่นด้วย
พึ่งเคยเห็นคนใส่เฮดโฟนสีแดงแบบครอบหูกินข้าวแฮะ เสียงเคี้ยวข้าวกับเสียงดนตรีน่าจะคลุกเคล้ากันได้น่าอัศจรรย์
“หืม? มองไรอ่ะ"
องซองอู วางมือพาดแขนเพื่อนสนิทเพื่อยื่นหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างชัดๆ ใช้เวลาเพียงห้าวินาทีในการแสกนและประมวลผล คนดังอีกคนของโรงเรียนก็กลับมานั่งที่ของตัวเองอย่างภูมิใจ
“อยากรู้ไหมว่านั่นใคร?”
“อื้อ"
พยักหน้าตอบอย่างง่ายดาย ฮวังมินฮยอนเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ มั่นคงและซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง แต่กลับสร้างทางเดินที่คดเคี้ยวให้แก่คนอื่น
“เจ้าชายไง"
“เจ้าชาย?”
“เจ้าชายของมอปลายปีหนึ่ง"
มินฮยอนหันกลับไปเพ่งมนุษย์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวอีกครั้ง สายตาเหลือบไปเห็นท่อนหนึ่งในจดหมายสารภาพรักของใครสักคน
“จองยุนโอ เอกขับร้อง"
มินฮยอนยิ้ม
น่าจะยิ้มแบบเดียวกัน – สาเหตุที่เขาได้รับจดหมายฉบับนี้
“จองยุนโอ"
พึมพำกับตัวเอง พยักหน้าหนึ่งครั้ง
เพราะฮวังมินฮยอนเห็นด้วยกับข้อความในจดหมาย
‘เพราะรอยยิ้มของคุณ
ทำให้การเงยหน้ามองท้องฟ้าเป็นเรื่องสบายๆ
แค่เพียงรอยยิ้มเดียว – ส่องสว่างจ้า
จนพระอาทิตย์ไม่อาจทำหน้าที่ของตน’
*
เสียงเปียโนกับเสียงร้องเพลงของใครบางคนดังก้องในความฝัน สวยสดจนปลุกมินฮยอนให้ตื่นมาจากการงีบกลางวัน ฮอลล์การแสดงเป็นสถานที่แห่งความลับของเขา จะว่ายังไงดีล่ะ มันเป็นที่ๆ มีเพียงคนไม่กี่คนที่มีกุญแจ อุณหภูมิห้องถูกปรับให้อยู่ในอุณหภูมิที่พอดีเสมอ แสงไฟสลัวและกลิ่นของศิลปิน ทุกๆอย่างเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดสำหรับการซ่อนตัวและเอนหลังลง
ผมลุกขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะมองลงไปยังเปียโนที่ถูกตั้งไว้กลางเวที เจ้าของฉายาเจ้าชายอีกคนหนึ่งกำลังพรมมือลงบนคอร์ดเปียโนอย่างสนุกสนาน แผ่นหลังที่ตั้งตรงดูสง่าตามชาติตระกูล กลุ่มผมหนาพริ้มและสะบัดไปตามจังหวะของตัวโน้ต มินฮยอนคิดอะไรนิดหน่อย หยิบเสื้อสูทสีเหลืองที่กองทิ้งไว้บนพื้นก่อนจะเดินลงจากที่นั่งชั้นสอง ก้าวเท้าอย่างไม่เร่งรีบ ทว่าแผ่วเบา
เพื่อให้ได้ยินเสียงดนตรีของอีกคนชัดเจนที่สุด
แผ่นหลังเล็กๆ นั่นกลายเป็นแผ่นหลังของผู้ชายปกติเมื่อมินฮยอนเดินเข้ามาใกล้ โลกของดนตรีปกป้องจองยุนโอจากเสียงภายนอก เหมือนกับตอนที่อาจารย์อีกำลังสอนวิชาคณิตศาสตร์ที่เขารัก
“เล่นต่อไปสิ"
พูดพร้อมๆ กับที่นั่งลงที่นั่งด้านขวาของเก้าอี้ พรมนิ้วมือของเพลงคลาสสิคชื่อดังสำหรับสองผู้เล่น เจ้าของแพขนตางอนหันมามองคนข้างๆ เล็กน้อย ขยับตัวไปนั่งชิดมุมซ้ายโดยที่มือยังคงกดโน้ตต่อไปโดยไม่สะดุด
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยเสียงของดนตรี โน้ตที่ถูกเล่นโดยคนสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส นิ้วมือเรียวกับมือที่สั้นกว่าซ้อนทับและชนกันบ้างในบางครั้ง ปล่อยให้สัมผัสเบานั่นๆ เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงของโน้ตดนตรีที่กังวานไปทั่ว
และรอยยิ้มของเจ้าชายประจำระดับชั้นมอปลายปีหนึ่งและสอง
ก็ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า:)
“นั่งไหนอ่ะ?”
ซองอูเกาหัวแกร่กๆ พลางมองไปรอบโรงอาหารที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
“ได้ซื้อรามยอนถ้วยไปนั่งกินที่สวนแล้วล่ะมั้ง"
จอห์นนี่มองไปรอบบริเวณพลางถอนหายใจออกมา มินฮยอนกวาดสายตาไปรอบบริเวณ ก่อนจะสบตากับใครบางคน คนที่สว่างไสวคนนั้นส่งยิ้มให้จนตาปิด หันไปคุยกับเพื่อน ก่อนจะชี้มือลงไปยังโต๊ะของตัวเอง ผมยกยิ้มให้เขาอีกครั้ง – อย่างง่ายดาย ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขณะที่เพื่อนอีกสองคนเดินตามมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย
จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะของเจ้าชายที่เหมาะกับคำว่าเจ้าชายจริงๆ เสียงของโรงอาหารแผ่วลงเล็กน้อย เพื่อนของยุนโอจ้องมาที่ผมอย่างไม่ปิดบัง ราวกับกำลังแสกนว่าตัวผมเหมาะจะมานั่งกินข้าวข้างๆ ยุนโอไหม
“มานั่งซี่ พี่ๆ –" หยุดคิดไปนิดนึง ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกชื่อของอีกฝ่ายไม่ออก เลยเลือกที่จะส่งยิ้มหวานมากๆ ให้แทน "พี่ทั้งสองคนก็มานั่งกินข้าวด้วยกันนะครับ ที่เหลือเยอะแยะเลย"
“หวัดดีแดฮวี"
“อื้อ หวัดดีฮะ พี่ซองอู"
ซองอูหันไปทักน้องชายข้างบ้านอย่างงงๆ ตอนแรกเขามองไม่เห็นอีกฝ่ายเพราะน้องมัวแต่นั่งตัวลีบบางอยู่ข้างๆเพื่อน แต่ดูท่าว่าเจ้าตัวเล็กกำลังง่วนกับการแสกนฮวังมินฮยอนมากกว่าจะมาสนใจพี่ชายข้างบ้านอย่างเขา อีกฝ่ายเลยตอบกลับมาอย่างส่งๆ โดยไม่ได้หันมาชายตามอง แต่ก็งับผลไม้ที่จีฮุนเพื่อนสนิท ที่อืม – ดูจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าคิดไม่ซื่อ ยื่นมาให้อย่างไม่ขาดปาก
ซองอูหัวเราะออกมาเล็กน้อย –
ขมขื่นเล็กน้อย
“เอาขนมปังอีกไหม? พี่ชอบกินข้าวมากกว่าน่ะ"
เอ่ยเอาใจเมื่อเห็นคนอายุน้อยกว่าจัดการขนมปังหมดเป็นอย่างแรก พร้อมกับเล่าเรื่องของตัวเองอย่างแนบเนียนตามฉบับคนเจ้าเล่ห์
“หืมมม?”
ยุนโอเผลอทำตาโตอย่างอกไม่ได้ จ้องมองขนมปังในถาดของมินฮยอนด้วยความคิดที่ตีกันในหัว แต่ทุกอย่างกลับสะท้อนออกมาทางสายตาทั้งหมด เจ้าตัวดีเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงไปมองถาดที่มีขนมปังรสโปรดวางแอ้งแม้งอยู่
“งั้นแลกกัน!”
ยอมคีบไข่หวานที่ชอบพอๆกับขนมปัง ไปให้รุ่นพี่ที่พึ่งรู้จักพร้อมกับเบะปากเล็กน้อย แต่จองยุนโอก็แบบนี้ ไม่ยอมเป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว ให้ความรักคนอื่นขณะที่รับความรักมานับไม่ถ้วน นั่นเป็นสาเหตุที่อีกฝ่ายได้รับความรักจากผู้คนมากมาย มินฮยอนยิ้มก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ
มื้ออาหารดำเนินไปอย่างน่าอึดอัดสำหรับเพื่อนๆ อย่างพวกเขา ในขณะที่มินฮยอนกับยุนโอพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รีแอคชั่นของฮวังมินฮยอนที่เคยโอเวอร์มากอยู่แล้ว วันนี้มันกระโดดขึ้นไปยังขั้นสูงสุด ตาชั้นเดียวโตๆ นั่นโตขึ้นทุกครั้งที่ยุนโอเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หัวเราะไปด้วยปรบมือไปด้วยในตอนที่ยุนโอยิ้ม
มันชัดเจนเสียจนผู้คนรอบตัวสังเกตมันได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
“นี่ยุนโอย่า"
“ฮะ?”
เอ่ยตอบทั้งๆ ที่กำลังเอาข้าวคลุกลงไปในซุปอย่างชำนาญ มินฮยอนจ้องมองใบหน้าด้านข้างของยุนโอก่อนจะยิ้มออกมา ราวกับทุกความเครียดที่สะสมมาทั้งหมด ถูกทำให้เหลือเพียงล่องลอยจางๆ รอยยิ้มและความสดใสที่เป็นพลังบวกทำให้มินฮยอนเลิกคิดถึงเรื่องราวที่ยังไม่เกิด
“คือชั้นพวกพี่อ่ะปล่อยช้าตลอดเลย"
มนุษย์หิมะพยักหน้าหงึกหงัก เบะปากแสดงความเห็นใจ พลางยกนิ้วชี้มาแตะๆ ไหล่มินฮยอนอย่างให้กำลังใจ มองหาของหวานเพื่อใช้เป็นสิ่งปลอบใจ
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็ได้วิ่งลงมือซื้อขนมที่สหกรณ์ตอนเบรก"
แต่ก็เป็นอีแดฮวี เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มกล่าวออกมาทันทีที่เห็นว่ายุนโอกำลังจะทำอะไร มนุษย์หิมะละลายและฟีบลงเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด แต่ก็เถียงไม่ได้อีกนั่นแหละ เพราะไม่งั้นแดฮวีจะไม่พาลงมาซื้อขนม
นี่ไม่ใช่การยอมรับความผิดหรอกนะ!
“ไม่เป็นไรๆ พี่โอเคครับ :) ”
“งื้อออ แล้วจะทำยังไงง่ะ อาจารย์ปล่อยช้าแบบนี้ไม่มีความเห็นใจนักเรียนเลยอ่ะ เรียนตั้งแต่เช้าแล้วยังปล่อยกินข้าวช้าอีก ไม่ไหวเลยเนอะ!”
พูดงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวจนมินฮยอนหัวเราะออกมา ได้แต่คิดในใจว่าทำไมถึงเลือกตำแหน่งเจ้าชายให้เด็กคนนี้กันนะ มันต้องเป็นตำแหน่งตรงกันข้ามหรือเปล่า?
“ใช่ครับ แย่มากๆ ๆ เลย บางวันพี่ก็ไม่ได้กินข้าว"
คว่ำปากตัวเองลงพอเป็นพิธี พอเป็นพิธีในระดับที่ซองอูกับจอห์นนี่ก้มลงไปมองข้าวในจานแทนเพราะกลัวเผลออ้วกออกมา แต่นักแสดงมินฮยอนยังคงทำการแสดงต่อไป แม้ตอนนี้จะเหลือผู้ชมแค่ฝั่งน้องปีหนึ่ง
“พี่เลยมีเรื่องจะขอร้องยุนโอหน่อยได้ไหมครับ?”
แดฮวีหันไปซุบซิบกับจีฮุนทันทีที่เขาพอจะเดาได้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรต่อ เพื่อนคนดังอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ทำสัญญาทางสายตาว่าจะปกป้องสมบัติของกลุ่มให้ถึงที่สุด
จากตาลุงแก่ที่ส่งสายตาวิบวับเหมือนโรคจิต
“ได้ซี่ ได้เลย ยุนโอจะจัดการให้หมดเลย ข้าวเที่ยงสำคัญมากเนอะ ไม่สิ ข้าวน่ะสำคัญทุกมื้อเลย:) ”
แล้วมนุษย์หิมะก้อนอวบก็ติดกับหมาป่าจิ้งจอกอย่างไม่ผิดกับที่คาดไว้
“พี่ฝากจองที่ได้ไหมครับ?”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากเพื่อนของทั้งสองคน
“ได้ซี่ ทุกเที่ยงเลยเนอะ?”
ใครบอกว่าฮวังมินฮยอนน่ะเป็นเจ้าชายที่อบอุ่นกว่าไมโครเวฟ
“อื้อ ทุกเที่ยงเลยครับ :) ”
เป็นเจ้าชายจิ้งจอกที่เจ้าเล่ห์กว่าหมาป่ารวมกันสิบฝูงต่างหาก
*
ภาพของฮวังมินฮยอนกับจองยุนโอที่เดินคู่กัน กลายเป็นภาพที่ทำให้คนในโรงเรียนคุ้นชินไปแล้ว การกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันทุกเที่ยง การที่มินฮยอนเดินเอาเสบียงขนมมาให้ยุนโอช่วงพักเบรก แล้วคนอายุน้อยกว่าก็จะเดินออกมานอกห้องอย่างอารมณ์ดี เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มของทั้งสองคนดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน
ร้านคาเฟ่และร้านขนมแถวโรงเรียนเป็นสถานที่ที่จะสามารถพบเจอคนดังทั้งสองคนได้เช่นกัน การปรากฏตัวของคนสองคนที่มักจะทำให้คนแปลกหน้าเลิ่กลั่กเสมอ แต่คนทั้งสองคนกลับสนใจแต่กันและกัน จากรุ่นพี่ที่บังเอิญเจอบ่อยๆ กลายเป็นพี่ที่สนิทมากๆ กลายเป็นความสบายใจของกันและกัน
เรียนรู้อีกด้านหนึ่งของอีกฝ่ายที่บังเอิญไปเจอ
และได้รับคำเชิญให้เข้าไปรู้จักในครั้งถัดมา
“ฝีมือพี่มินฮยอนใช่ไหม?”
จองยุนโอกอดอก พิงกับกำแพงในห้องซ้อมร้องเพลงแบบไพรเวท ผนังห้องที่ถูกออกแบบมาให้กันเสียงจากภายใน รอยยิ้มหายวับจากใบหน้าสวย
“อื้อ ก็มันแกล้งยุนโอนี่ ซากสัตว์พวกนั้น – "
“แล้ว?”
ความเงียบเป็นสิ่งที่ไหลวนเข้ามาในห้อง แต่ไม่เล็ดลอดผ่านช่องอากาศเล็กๆ มันก่อตัวและบีบคั้นจนบรรยากาศมันอึดอัดไปหมด มินฮยอนรู้ดีว่าด้านมืดของเขามันมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด ผู้คนที่มองและตั้งฉายาเจ้าชายให้เขา
"พี่มินฮยอนไม่ต้องตามแก้แค้นทุกคนให้ผมหรอก"
“แต่ – "
“มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ยิ่งมีคนรักมากก็ยิ่งถูกหาว่าเสแสร้ง พี่มินฮยอนก็น่าจะเจอเหมือนกันไม่ใช่หรอ? แต่การไปโต้กลับคนพวกนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ ไม่ได้ทำให้เขาฉลาดขึ้นหรือตระหนักในสิ่งที่คนอีกมากมายคิดได้"
กลายเป็นมินฮยอนที่ได้รับบทเรียนและการปกป้องจากคนที่อายุน้อยกว่า สายตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยถ้อยคำปลอบประโลมที่ไม่ได้พูดออกมา
“และตัวพี่เองก็ไม่ได้แย่ที่ทำแบบนั้น เข้าใจไหม?”
“พี่รู้ว่ามันเป็นด้านมืด พี่ – "
อ้อมกอดแรกที่ได้รับมันอบอุ่นกว่าการฝังตัวลงไปในผ้าห่มผืนหนาในวันที่หิมะแรกตก กลิ่นน้ำหอมที่ชัดขึ้นทำให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลายลงราวกับอีกฝ่ายมีเวทมนตร์
“ฮวังมินฮยอน"
น้ำเสียงที่อ่อนลงและอ่อนโยน สัมผัสที่แผ่วเบาแต่หนักแน่นกับสิ่งที่พูดออกมา ยุนโอวางหน้าลงกับไหล่กว้างของมินฮยอน เอนหัวพิงกับอีกคน ขยับไปมาราวกับจะปลอบโยน ใบหูที่สัมผัสกันไปมาทำให้รู้สึกจักจี้อย่างบอกไม่ถูก
อ่อนโยน
เป็นความอ่อนโยนที่ทำให้รู้สึกดีจนใจเต้นแรงชะมัด
“อื้อ"
“พี่เป็นแค่คนธรรมดา เป็นคนปกติเหมือนคนอื่น ความไม่พอใจและการอยากทำอะไรที่ไม่ดีบ้างมันไม่แปลก มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นเข้าใจไหม?”
มือเรียวลูบหลังคนเป็นพี่ด้วยจังหวะเพลงวอลซ์ ฮึมฮัมร้องเพลงไปด้วย สลับกับค่อยๆ พูดปลอบใจ ปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นซึมซับลงไปช้าๆ
“มันไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ ที่พี่บอกว่ามันแย่ขนาดนั้นเพราะพี่เอาความคาดหวังเหล่านั้นเป็นตัวถ่วงน้ำหนักต่างหาก ถ้าละทิ้งความคาดหวังและตัวตนที่คนอื่นสร้างมันขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ต่างก็เคยทำทั้งนั้น"
คนที่เข้มแข็งมาตลอด โอบกอดคนที่เป็นความสบายใจจริงๆ กอดจนไม่ปล่อยให้มีช่องว่างของอากาศเล็ดลอดออกไป พยักหน้าพลางพึมพำคำขอบคุณอย่างนับไม่ถ้วน
“ขอบคุณนะยุนโอย่า"
“ขอบคุณมากจริงๆ "
“ขอบคุณที่โชคชะตาพาพี่มาเจอ"
“ขอบคุณที่เล่นเปียโนด้วยกันวันนั้น"
“ขอบคุณที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาพี่ในโรงอาหาร"
“ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันในตอนที่พี่ไม่รู้ตัวว่าพี่ – กำลังล้มลง"
“ขอบคุณนะจองยุนโอ"
ถอนออกมาจากอ้อมกอด ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
“ขอบคุณมากจริงๆที่เกิดมา ยุนโอย่า"
คนเป็นน้องยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ลักยิ้มบุ๋มโชว์ขึ้นมาชัด จนมินฮยอนอดไม่ได้ที่จะส่งนิ้วชี้ไปจิ้มเบาๆ แก้มนุ่มๆ เด้งดึ๋ง นุ่มนิ่มและหอมจนคนเป็นพี่ต้องสวดมนต์ไม่ให้ตัวเองเผลอก้มลงไปฟัด
“พี่ลืมขอบคุณอีกอย่างหรือเปล่าน้าาา?”
พูดเองแต่ก็หูแดงหน้าแดง ตัวแดงไปหมดจนฮวังมินฮยอนต้องหัวเราะออกมาให้แก่ความน่ารักของยุนโอ เจ้าชายของชั้นมอปลายปีสองไคว่มือไว้ข้างหลัง ก่อนจะก้มลงมาสบตากับจองยุนโอตรงๆ ระยะห่างที่ใกล้จนลมหายใจรดกันและกัน
“ขอบคุณที่รับรักพี่นะครับ:) ”
พูดจบก็ก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากสีพีชหนึ่งที สัมผัสนุ่มนิ่มที่ทำให้ใจเต้นแรง มินฮยอนที่ตัวขาวพอๆ กับยุนโอน่ะหน้าแดงไปหมดจนคนเป็นน้องได้แต่ขำ
“อื้อ"
ขำให้ทั้งตัวเองทั้งคนเป็นพี่ที่พากันตัวแดงไปหมดแล้ว
“ขอบคุณที่พี่มินฮยอนเข้ามาในชีวิตเค้ามากๆ เลยนะ:) ”
เขย่งตัวขึ้นไปจุ๊บอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะเดินผ่านคนเป็นพี่ด้วยความเร็วสูง จนเดินไปชนกับประตูกระจกห้องซ้อมเสียงดัง
“ไม่! ไม่เจ็บเลยสักนิด!! ไม่ต้องตามมานะ ไม่ต้องโอ๋ด้วย เค้าหายเองได้!!!! แค่นี้เอง!!”
มีไม่กี่ครั้งหรอกที่คนเป็นน้องจะพูดอะไรเสียงดังแบบนี้ เพราะอีกฝ่ายน่ะพูดเบาจนมินฮยอนต้องเงี่ยหูฟังเสมอ
“ครับ พี่มินฮยอนจะไปซื้อไอศกรีมช็อคชิปให้และรอน้องยุนโออย่างสงบเสงี่ยมที่สวนนะครับ"
พูดพลางกลั้วหัวเราะก่อนจะเดินไปทางสหกรณ์อย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้คนเป็นน้องฟึดฟัดคนเดียวในห้องซ้อม แต่มินฮยอนก็ยังไม่วายตระโกนประโยคชวนตีกลับมา
“มาช้าไอศกรีมละลายไม่รู้ด้วยน้าาา"
หันมาส่งยิ้มทะเล้นหนึ่งที นับในใจห้าวินาที
ก่อนจะได้ยินเสียงเด็กน้อยก้าวเท้าเร็วๆ ตามมา
THE END
Please comment or tag #SFaMilRaindrops / #Shelterain101
Talk:แฮ่ ก็คือว่านะ เป็นคู่ที่สว่างไสว โมเมนต์ยังไม่มา แต่พี่สร้างได้ด้วยตัวเอง อิอิ ฮืออ (ถ้าวันไหนโมเมนต์มา วานเก็บศพเราด้วยนะคะ ฮืออ) คือเราแต่งเร็วมาก(วันนึง555555555) อาจจะแปร่งๆนิดนึงนะคะ ฮรุกก ,___,
ขออนุญาติใช้พื้นที่ตรงนี้แลกบัตรคอนวนว นะงับ ยินดีจ่ายค่าส่วนต่างเพิ่มจากราคาเดิมงับ??’?
??’? เรา : BR วันอาทิตย์ คิวที่ 6xx
???? คุณ : AR/AL วันอาทิตย์ คิวเท่าไหร่ก็ได้งับ????
ปล.ดงยอง ไม่งอนกันนะคะคนดี ;_____;
ปล2.ถ้าฟีดแบคดีและมีมม.อาจจะมาแต่งต่อนะคะ กรี้ดด /คลุมผ้าคลุมล่องหนกันไม่ให้ดงยองมาเห็น/
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เเขิลลลงลลลล แง้งงงงงงเขิลตอนอิพี่บอกให้จองที่ไว้ให้ ร้ายมากอ่ะว้อยๆๆๆๆๆๆๆ คนบล้า อย่าว่าแต่น้องตัวแดงเลยคนอ่านหน้าบานเป็นกระด้งแล้วจ้า