ตอนที่ 23 : [sf] When the Wind Blows Back V (Epilogue)
[sf] When the Wind Blows Back V (Epilogue)
Doyoung x Jaehyun
#SFaMilRaindrops
*AU- Omegaverse
12,902 words
BG Music : NCT U – Stay in My Life
Try to be a rainbow in someone's cloud.
- Maya Angelou
*
คิมดงยองถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าขณะที่หยิบกล่องเอกสารออกจากหลังรถ เขาพึ่งไปประชุมกับประธานของอีกสี่โรงเรียนเสร็จ พวกเขาเลือกที่จะเจอกันในร้านอาหารมากกว่าห้องประชุมในโรงเรียน เพื่อลดบรรยากาศความน่าเบื่อของเรื่องที่ต้องคุย
ตอนนี้เลขาประธานนักเรียนจึงสวมเพียงแค่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยvarsity jacket ลายทางขาวดำ กับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง เข้าชุดกับรองเท้าสนีคเกอร์สีขาวมีแทบสีเขียวสลับแดงของแบรนด์ดัง ผมสีบลอนด์สะท้อนกับแสงจันท์ สะบัดไปตามทิศทางของลมที่พัดพามา
ร่างโปร่งสะบัดหัวไปมาเมื่อเขาเหมือนจะได้กลิ่นของใครบางคนลอยมาจากตัวอาคาร
ไม่ใช่หรอก –
คนๆนั้นจะมาทำอะไรที่โรงเรียนในเวลานี้
แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวขึ้นมา
หัวใจที่เต้นถี่รัวราวกับกำลังจะหลุดออกมา ความรู้สึกอันตรายที่อีกฝ่ายส่งมาหามันทำให้คิมดงยองรู้สึกร้อนรน
คนที่เป็นคู่แท้ของกันและกันจะสามารถสื่อสารกันผ่านกระแสจิตได้
เป็นการสื่อสารที่ไม่มีระยะทางกำหนดชัดเจน ไม่ต้องต่อสาย รวดเร็วและแม่นยำ
ความคิดที่แล่นเข้าในหัวเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ยินเสียงของจองยุนโอ
เป็นครั้งแรกที่โอเมก้าที่เย่อหยิ่งคนนั้นเรียกชื่อเขาด้วยโทนเสียงแบบนั้น อารมณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมันทำให้คิมดงยองออกวิ่ง พร้อมๆกับเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังไปทั่วตัวโรงเรียน
ร่างแกร่งโยนเสื้อแจ็กเก็ตราคาแพงทิ้งอย่างลวกๆ รูปร่างสง่างามนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างกายของหมาป่า ขนสีขาวสลับเงินที่ให้ความรู้สึกสง่างามมากกว่าหมาป่าทั่วๆไป นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้น ลู่ลง ก่อนจะกลายเป็นสีมรกต ร่างหมาป่าที่สง่างามนั่นก้าวกระโดดผ่านลานจอดรถ เข้าไปยังตัวอาคารอย่างรวดเร็ว
การอยู่ในร่างหมาป่าทำให้เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างในความมืดมิดได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะกลิ่นวานิลลาหวานๆของใครคนนั้น
กลิ่นหวานๆที่ตอนนี้มีกลิ่นของความกลัวปนมาด้วย
และมันทำให้คิมดงยองต้องเร่งปลายเท้าให้เร็วกว่าเดิม
จนกระทั่งมาถึงชั้นสาม
ไฟทั้งตัวอาคารถูกเปิดจนสว่างจ้าเพราะระบบป้องกันตัวที่เกิดขึ้นอัตโนมัติหลังจากที่สัญญาณแจ้งภัยดังขึ้น หมาป่าสีเงินใช้เวลาแค่สามวินาทีในการรุดมาถึงห้องเรียนห้องสุดท้ายที่มีกลิ่นของ คู่แท้ ของตัวเอง
และภาพของจองแจฮยอนทำให้คิมดงยองตกอยู่ในภวังค์
เสื้อที่ถูกทึ้งขาด การสู้กลับอีกฝ่ายทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์
ไม่มีประโยชน์กับอัลฟ่าที่ตกอยู่ในอาการรัต
แต่ใบหน้าที่แสนเพอร์เฟ็กต์นั่นกลับไม่มีหยาดน้ำตาซักหยด ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ หรือร้องขอบอกให้อัลฟ่าเลวๆคนนั้นหยุด
“อ๊ากกกกกกกกกก"
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทันทีที่อัลฟ่าสีเงินใช้เขี้ยวตัวเองกัดลงไปกลางหลังของอัลฟ่าที่อยู่ในอาการรัต การกระทำที่ว่องไวและการมาแบบไร้เสียงของคิมดงยองมันรวดเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวทัน
คิมดงยองฝังเขี้ยวลงไปลึกกว่าเดิม เมื่อเขาเลื่อนขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาที่แบกความอ่อนแอของจองยุนโอไว้ เลือดสีแดงสดไหลลงมาไม่หยุดเมื่อเจ้าของเขี้ยวซี่ใหญ่มองไปยังเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น สะบัดร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของอีกฝ่ายด้วยพลังกำลังทั้งหมดที่มี อัลฟ่าคนนั้นถูกเหวี่ยงไปชนกับกระดานดำหน้าชั้นเรียน
ปั่ก!
ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง
แต่มันคงยังดังไม่พอสำหรับคิมดงยอง
จ่าฝูงหมาป่าคนนั้นยืดตัวขึ้น ยืนด้วยสองขา สบตากับคนที่เก่งพอจะแสดงความเข้มแข็งของตัวเองออกมาเสมอ และนั่นทำให้เขาเลือกจะยื่นขาหน้าออกไปวางแหมะที่กลุ่มผมที่หยุงเหยิงของใครคนนั้น
วางลงพร้อมกับช่วยอธิษฐานไม่ให้หยาดน้ำตาที่คลออยู่ไหลลงมาก่อนอีกฝ่ายจะถึงบ้าน
จองยุนโอน่ะ
ยิ้มได้สวยมากจริงๆน่ันแหละ
ร่างหมาป่าค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนนัก จ่าฝูงที่สง่างามราวกับภาพวาดไม่ได้ส่งเสียงขู่คำราม ใช้เพียงแค่นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอัลฟ่าที่ตอนนี้นอนหมดสภาพ หายใจรวยรินอยู่บนพื้น
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่ดงยองใช้ขาหน้าเหยียบลงบนอวัยวะเพศของอีกคนอย่างเต็มแรง ใบหน้าของคนที่นอนอยู่บนพื้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จ่าฝูงเหยียดยิ้มออกมา ใช้เล็บกดลงไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนเท้าออกมา สะบัดๆเลือดที่น่ารังเกียจนั่นออกจากกรงเล็บ หันหลังกลับไป
แสงจากดวงจันทร์สาดลงมายังตัวจ่าฝูงที่เดินอย่างสง่างาม และมาหยุดยืนตรงหน้าจองยุนโอ ร่างบางหัวเราะออกมาเมื่อใครอีกคนใช้หน้ามาถูกับแผ่นอกของเขาราวกับจะปลอบโยน
และเพราะแบบนั้นโอเมก้ามือใหม่จึงยื่นมือออกมา
วางลงบนหัวของจ่าฝูง
และคนที่ยิ่งใหญ่คนนั้นก็ไม่ได้ขยับหนี
เป็นสัมผัสที่จงใจ
และคนถูกรับสัมผัสก็จงใจให้มันเกิดขึ้น
การที่จ่าฝูงยอมให้ลูบหัวน่ะ
มันหมายความว่าอัลฟ่าคนนั้นได้ศิโรราบให้แก่คุณเพียงผู้เดียว
จะมอบทุกอย่างและเป็นทุกอย่างให้
มอบให้แก่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ
คนที่อยู่เหนือจ่าฝูงในอีกแง่หนึ่ง
‘ขอบคุณที่อดทนรอผมมาช่วยนะครับ’
เป็นครั้งแรกที่คิมดงยองใช้กระแสจิตสื่อสารกับยุนโอ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จองยุนโอรู้สึกว่าหัวใจเต้นถี่รัว
สูบฉีดเลือดราวกับมันกำลังจะหลุดออกมา
‘ผมอยากให้คุณคืนร่าง’
คิมดงยองยิ้ม
เขาถอนตัวออกมาจากคนที่นั่งพิงกำแพงอย่างเหนื่อยล้า เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นคนเหมือนเดิม
มือแกร่งเลื่อนมือไปดึงทึ้งเสื้อที่ขาดเป็นส่วนๆของยุนโอออก ก่อนจะถอดเสื้อยืดสีขาวของตัวเองออกมา เพื่อสวมให้คนที่กำลังมองตามทุกการกระทำของดงยอง
“อื้อ"
กดจูบลงบนริมฝีปากสีพีชทั้งๆที่ยังสวมเสื้อยืดให้อีกฝ่ายไม่เสร็จ
ก็แค่จูบเพราะอยากจูบ
ก็แค่จูบเพราะอยากปลอบประโลม
ก็แค่จูบเพราะว่ามั่นใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว
ก็แค่จูบให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเขา
และเลขาประธานนักเรียนก็ยิ้มออกมา
เมื่อพบว่าโอเมก้ากลิ่นวานิลลาคนนั้น –
จูบตอบกลับมา
:)
“ผมว่าเราควรลงไปข้างล่าง ก่อนคนอื่นจะขึ้นมานะ"
ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์สไตล์ตัวเองมาจนทำให้ยุนโออดจะเบ้หน้าใส่ไม่ได้ เชื่องได้ไม่นานก็กลับมาเป็นคุณเลขาขี้เก๊กเสียแล้ว
“เอ๋ หรือต้องให้อุ้ม?”
พูดเสร็จก็ไม่รอฟังคำตอบใดๆทั้งสิ้น ร่างโปร่งจัดการยกอีกคนขึ้นในท่าเจ้าหญิง แต่อยู่ๆขายาวๆนั่นก็หยุดอยู่ตรงประตูห้อง เขาหันกลับมา
“มึง"
ใบหน้าขี้เก๊กนั่นเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ใกล้เคียงกับคำว่าอำมหิตมากที่สุด ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเย็นๆที่ให้ความรู้สึกหนาวกว่าวันที่หิมะแรกตก
“เตรียมไสหัวไปอยู่ข้างถังขยะได้เลย"
พูดจบก็ก้มลงมายิ้มยิงฟันให้ยุนโอหนึ่งทีก่อนจะเดินผ่านโถงทางเดิน ลงบันได อย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่คนโผงผางแบบเขาจะทำได้
“คุณคิม – "
สวนทางกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ร่างแกร่งไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากพยักเพยิดไปยังชั้นที่ตัวเองเดินผ่านมา นัยน์ตาที่บ่งบอกว่าอย่าพึ่งมายุ่งกับคนในอ้อมแขน ทำให้เจ้าหน้าที่อีกหลายคนรีบวิ่งขึ้นไปอีกชั้น
ดงยองสัมผัสได้ถึงแรงจากข้อมือของใครอีกคน
ที่จิกเข้าไปในแผ่นหลังแกร่งด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย
ทั้งความกลัว ความดีใจ และความตื่นเต้น
การที่อีกฝ่ายอุ้มเขาไว้ทั้งๆที่ยังไม่ใส่เสื้อน่ะ มันทำให้ยุนโอได้กลิ่นของดงยองมากเกินไปจริงๆ
อัลฟ่ากลิ่นมินต์เลือกที่จะก้มลงไปส่งยิ้มให้คนในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ :)”
โอเมก้ากลิ่นวานิลลาพยักหน้าหงึกหงักทั้งๆที่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกคน
เสียงของเฮลิคอปเตอร์ชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกเขาเดินมาถึงทางออกของอาคาร ภาพของของยุนโฮกำลังโรยตัวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับพี่ดงฮยอน ทำให้คิมดงยองเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อพบว่าภาหนะขนาดใหญ่นั่นกำลังลงจอดที่สนามฟุตบอล
แต่แล้วอยู่ดีๆคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็กระโดดลง
“หืม?”
คุณเลขาประธานสภานักเรียนมองภาพของโอเมก้าที่พึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ ก้มลงเก็บของบางอย่างที่อยู่บนพื้น –
เสื้อแจ็คเก็ตที่เขาโยนทิ้งไว้?
“ก็ – "
โอเมก้าคนเก่งกัดริมฝีปากราวกับต้องการจะใช้ความกล้ามากๆในการพูดประโยคต่อไป กดหน้าลงให้อีกฝ่ายไม่สามารถเห็นสีหน้าตัวเองได้ชัดๆ
“ผมได้กลิ่นของดงยอง"
จองยุนโอน่ะน่ารัก
แต่คิมดงยองไม่เคยคาดหวังเลยว่าเหตุผลจากการกระทำเล็กๆของอีกฝ่ายมันจะน่ารักจนทำให้เขายืนยิ้มเหมือนคนบ้าขนาดนี้
“และผมก็คิดว่ามันไม่ควรตกอยู่ตรงพื้น"
ถึงจองยุนโอตอนอ่อนแอจะน่ารักแค่ไหน
แต่มันไม่ค่อยดีต่อหัวใจอัลฟ่าแบบเขาเลยแฮะ
“จองยุนโอ!!”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากอัลฟ่าที่ยิ่งใหญ่คนนึงในยุคนี้ดังขึ้น ทำให้ดงยองตัดสินใจยืนอยู่เฉยๆแทนที่จะเข้าไปยีผมอีกฝ่ายเล่นอย่างที่ตั้งใจจะทำ จองยุนโฮในชุดเสื้อสูทแบบเป็นทางการทำให้ดงยองพอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าคงตั้งใจรุดมาทันทีที่ได้ยินข่าว
“คิมดงยอง"
และเสียงเย็นๆของคิมดงฮยอนที่ดังขึ้นมาก็ทำให้คุณเลขาอดรู้สึกหนาวๆที่สันหลังไม่ได้ คนเก่งของโรงเรียนหันไปส่งยิ้มแฮ่ให้พี่ชาย แต่ก็พบว่ามันเปล่าประโยชน์
“มันคือใคร?”
แต่เสียงของยุนโฮก็ทำให้พี่ดงฮยอนละสายตาจากน้องชายตัวแสบไปได้ ตรงกันข้ามกับโอเมก้ากลิ่นวานิลลาที่มองพี่ชายตัวเองกลับไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ความกลัวในช่วงเวลานั้นมันทำให้เขาเผลอลืมมองสิ่งที่สำคัญที่สุด –
“ไอซาวะ เคย์"
เป็นคิมดงยองที่ก้าวเดินออกมาข้างหน้า แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงจังจนทำให้ยุนโอรู้สึกแปลกๆ อัลฟ่าที่ยิ่งใหญ่คนนั้นปรายตามองคิมดงยองหัวจรดเท้า แผ่นอกเปลือยเปล่าที่ตอนนี้มีรอยแผลจากสะเก็ดแก้วที่แตกบ้าง
“คนที่กำลังจะโดนหามลงมาข้างล่าง :)”
จองยุนโฮเหยียดยิ้ม วางมือลงบนไหล่หนานั้นโดยกดน้ำหนักลงไปทั้งหมด
“ก็ดี จะได้รู้ – "
มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่คิมดงยองเคยเจอมา แต่มันเท่จนเขาแอบจดจำองศาการยิ้มของอัลฟ่าตรงหน้าไว้ (ไม่ได้จะไปฝึกหน้ากระจกแล้วทำตามหรอกนะ)
“ว่าเลขาที่เก่งนักหนาน่ะ จะทำงานได้เรื่องไหม"
และในขณะที่ไอซาวะ เคย์กำลังถูกแบกลงมาผ่านพวกเขาทั้งหมด ยุนโฮก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ยามรักษาความปลอดภัยหยุด
“หยุด/ ทำตามที่เขาบอก"
เสียงของดงยองและดงฮยอนทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดตัดสินใจหยุดเดินตรงนั้น ทั้งๆที่รถพยาบาลกำลังจะมาถึงภายในเวลาห้านาทีแท้ๆ แต่คำสั่งตรงหน้าน่ะสำคัญกว่า
“ลืมตาขึ้นมา"
พี่ชายคนโตของตระกุลรุดตัวไปยังคนเจ็บ ใช้มือขวาบีีบแก้มของคนที่ทำให้น้องชายคนเดียวของเขาต้องเจ็บ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ นัยน์ตาสีดำสนิทถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แรงบีบอย่างแรงและรังสีที่ถูกปล่อยออกมาทำให้คนที่เจ็บต้องพยายามลืมตาขึ้นมา
ทั้งๆที่เค้าแทบลืมตาไม่ขึ้นเพราะความเจ็บปวดที่ถูกทิ้งไว้หลายๆที่ในร่างกายอยู่แล้ว
“จำเอาไว้"
ถึงจะทำได้แค่เผยอตาขึ้นมามอง แต่เคย์ก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวจากสายตาของคนตรงหน้า
“ครอบครัวของนาย มันจะล้มลงไปจนถึงจุดที่ต่ำที่สุดก็เพราะนาย – "
“ไอซาวะ เคย์"
คนเป็นเลขาทำหน้าที่ของตัวเองทันทีที่พอจะเดาได้ว่าจองยุนโฮคงโกรธจนลืมชื่อที่ถูกเปล่งออกไปก่อนหน้านี้
“ไอซาวะ เคย์ และถ้าญาติของนายคนไหนยื่นมาเข้ามาช่วยล่ะก็ – ตระกูลของนายก็จะล้มเรียงกันเป็นโดมิโน่"
เคย์เลือกที่จะไม่ตอบอะไร ก่อนจะปิดตาลงเพื่อหลับลงไปซักตื่นหนึ่ง เพื่อที่จะได้ไม่รับรู้เรื่องพรรค์นี้ ใครจะรู้ว่าโอเมก้าคนนั้นมีคิมดงยองหนุนหลังอยู่ด้วย ถ้าแค่ตระกูลจองฝ่ายเดียวล่ะก็ ตระกูลไอซาวะของเขาน่ะสู้อีกฝ่ายได้อยู่แล้ว
“ยุนโอ!!!”
เสียงของพี่สาวทั้งสองคนที่ดังขึ้นพร้อมๆกันทำให้ยุนโอสะดุ้ง เขาพบว่าพี่ซูยอนกระโดดลงมาจกรถสปอร์ตขั้นแพง ส้นสูงสีแดงกว่าสี่ฟุตนั่นดูจะไม่เป็นอุปสรรคในการขับรถของอีกฝ่ายเลยซักนิด ไหนจะพี่ซูจองที่อยู่ในชุดไปช็อปปิ้ง
พร้อมกับผู้หญิงคนนั้น?
“ปลอดภัยแล้วนะ"
วิ่งเข้ามากอดจนยุนโอขยับตัวไม่ได้ ร่างบางทำได้เพียงแค่มองผู้หญิงสวยๆคนนั้นเดินเข้าไปหาดงยองกับดงฮยอน ร่างบางเบ้หน้าออกมาเพื่อพบว่าผู้ชายตระกูลคิมทั้งสองคนต่างส่งมือออกไปลูบกลุ่มผมสวยนั่นด้วยความรัก
“ทำไมพี่มากับผู้หญิงคนนั้นได้?”
คำถามที่ไม่น่าจะออกมาจากปากของคนเป็นน้องในเวลานี้ทำให้ซูจองและซูยอนขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจนัก แต่ทั้งสองคนก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องได้ทันทีที่นึกออกว่าน้องสาวคนนั้นเล่าถึงสาเหตุที่ตัวเองต้องมาเรียนที่ญี่ปุ่น
คำสั่งจากพี่ชายคนโตที่ให้มาช่วยคุมพี่ชายคนกลาง
คนที่เก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องของตัวเอง
“ทำไมล่ะ หึงหรอ? น้องเขาก็น่ารักดีออก"
พี่ซูยอนพูดออกมาด้วยสีหน้าดุ๊กดิ๊กจนซูจองเกือบกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว แต่ดูท่าว่าน้องชายของพวกเธอจะไม่สังเกต เพราะเอาแต่มองภาพของอัลฟ่ากลิ่นมิ้นต์คนนั้นกำลังก้มลงไปคุยกับเด็กคนนั้นอย่างออกรส
หึ!
‘ดงยอง!!!!!!!’
ส่งเสียงตระโกนแว้ดๆของตัวเองผ่านกระแสจิตจนคนเป็นเลขาถึงกับสะดุ้ง สะบัดหัวเบาๆก่อนจะหันมามองคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตาตัดพ้อ? ร่างแกร่งจึงเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาหาโอเมก้ากลิ่นวานิลลา
“เอาไปใส่!”
โยนแจ็กเก็ตกลิ่นมิ้นต์ที่ตัวเองกอดเอาไว้มาซักพักใส่คนตรงหน้า ริมฝีปากสีพีชนั่นคว่ำลงแสดงความไม่พอใจจนดงยองได้แต่งง เลขาประธานสภานักเรียนรับเสื้อไว้ก่อนจะสวมมันลงทั้งๆที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการกระทำนี้เท่าไหร่
แต่ถ้าการสวมแจ็กเก็ต แทนที่จะเดินโทงๆแบบนี้ มันทำให้จองยุนโออารมณ์ดีขึ้นได้ เขาก็จะทำ
“เหอะ! กลับกันเถอะครับ"
พูดจบโอเมก้ากลิ่นวานิลลาก็เดินสะบดก้นไปขึ้นรถของพี่สาวที่จอดทิ้งไว้กลางสนามบอลเรียบร้อยแล้ว ท่าทางสลดหดหู่ก่อนหน้านี้ดูกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในความฝันไปเสียแล้ว
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่อีกฝ่ายฟื้นตัวได้เร็วกว่านี้
“ขอบคุณนะ แล้วก็ – "
มือท่ีวางไว้บนไหล่ทำให้คิมดงยองอดเกร็งตามไม่ได้ จองซูยอนเป็นอัลฟ่าผู้หญิงที่โด่งดังที่สุดในหมู่อัลฟ่าผู้หญิงเลยล่ะ
“สู้ล่ะๆ"
บอกให้สู้ทั้งๆที่ตอนนี้ทุกอย่างก็เคลียร์แล้ว?
“ถ้าอยากให้ยุนโอสนใจล่ะก็ – "
เป็นพี่สาวคนกลางที่เดินมาให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง คิมดงยองก้มหัวลงเพื่อน้อมรับคำแนะนำแบบงงๆ
“ไปอ้อนทิ้งไว้เยอะๆ แล้วก็เมินซะ"
เดินกลับไปแล้วทั้งๆที่ดงยองยังไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดซักนิด คำพูดคลุมเครื่อพวกนั้นมันอะไรกัน?
“ไว้เจอกัน"
และก็เป็นพี่ชายคนโตของตระกูลจองที่หันมาพูดกับเขาก่อนจะเดินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป
“มานี่เลยดงยอง เดี๋ยวน้องจะเทรนให้พี่เอง"
แล้วสุดท้ายคิมดงยองที่สวมเพียงแค่แจ็กเก็ตตัวโปรดก็โดนน้องสาวตัวเองลากไปขึ้นเบนลีย์คลาสสิคที่พึ่งเข้ามาจอดรอทายาทตระกูลคิมทั้งสามคน พี่ดงฮยอนหัวเราะออกมาเมื่อพอจะเดาได้ว่าโซฮยอน – น้องสาวคนเล็กของพวกเขาต้องการจะเทรนอะไร
อืม ก็น้องสาวคนนี้น่ะแหละ
ที่ทำให้อัลฟ่ากระด้างๆแบบดงยองกับดงฮยอนเรียนรู้ที่จะใช้ความอ่อนโยนเข้าหาคน
“เข้าใจรึยัง? คิมดงยอง?”
แล้วก็เป็นน้องสาวคนนี้อีกนั่นแหละ ที่ชอบสอนเล่ห์กลพิชิตใจคนอื่นน่ะ = =
*
เช้าวันนี้ที่โรงเรียนฮานึลโซระค่อนข้างวุ่นวาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเรียกประชุมทั้งโรงเรียนที่ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ นักเรียน ภารโรง และหน่วยรักษาความปลอดภัย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนถือเป็นการฝ่าฝืนกฏข้อที่ร้ายแรงที่สุดของโรงเรียนและกฏหมายของประเทศอีกด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนทั้งตื่นเต้นทั้งกดดันที่สุดน่ะ คงไม่พ้นการปรากฏตัวของคุณคิมและคุณโทโมฮิสะ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนทั้งสองคนที่มีออร่าความหล่อเหลาทั้งคู่ ลักษณะการเดินและการพูดที่ดูเป็นผู้ดีทำให้เด็กนักเรียนทุกคนเลือกที่จะเงียบเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่ทั้งสองท่านกำลังพูด การตักเตือนและการแซะแบบผู้ดีนั่นทำเอาใครหลายคนหน้าชา
โดยเฉพาะใครหลายคนที่เคยทำเรื่องพวกนี้ไว้ แค่เรื่องยังไม่แดงออกมา
“และพวกคุณทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่แบบไหน แต่ถ้าคุณเจอคนกำลังถูกคุกคามอยู่ การเข้าไปช่วยคนเหล่านั้นมันเป็นเรื่องที่ดี มันอาจจะไม่ทำให้คุณภูมิใจกับการกระทำนั้นในวันนี้ แต่วันที่คุณจะขอบคุณตัวเองที่ทำแบบนั้นลงไป จะมาถึงซักวันแน่ๆ – ใช่ไหม คิมดงยอง?”
เลขาประธานนักเรียนที่ยืนอยู่ข้างๆหันมาโค้งตัวให้ผู้ก่อตั้งทั้งสองคน ร่างโปร่งในชุดสูทของสภานักเรียนสง่าเหมือนทุกๆวัน ใบหน้าไร้อารมณ์นั้นไม่แสดงความตกใจใดๆในตอนที่อีกฝ่ายถูกเอ่ยชื่อ
และมันคงทำให้ใครอีกคนหมั่นไส้หน้าเก๊กๆนั่นจนทนไม่ไหว –
“ไม่แก้ตัวหน่อยหรอ ว่าเราไม่ได้ทำตามหน้าที่น่ะ – "
ได้ผล คนที่เก๊กค้างไว้เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกรน ร่างโปร่งนั่นพยายามส่งสายตาหาคนตรงหน้าให้หยุด เพราะเขาพอจะเดาสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูดออกมาได้
“หลานชาย"
คิมดงยองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของใครหลายคน ยกเว้นจองยุนโอที่ถูกทั้งสองคนเรียกเข้าไปคุยตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ที่ห้องแบบญี่ปุ่นของผู้ก่อตั้งทั้งสองคน พวกเขาท้วงถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และมันก็ทำให้จองยุนโอได้รู้ว่า คิมดงยองไม่เคยยอมเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าเผื่อไปช่วยคนอื่นเลย ถ้าอีกฝ่ายประเมินแล้วว่าไม่สามารถสู้ด้วยร่างมนุษย์ได้ อัลฟ่ากลิ่นมิ้นต์ก็จะแค่เดินจากไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นน่ะจะร้องขอให้ช่วยขนาดไหน
แล้วจองยุนโอก็ได้รู้ว่าคิมโซฮยอนคือหลานสาวคนเดียวของตระกูลคิม อีกฝ่ายมาเพื่อแอบสังเกตการณ์พี่ชายคู่กัดของตัวเอง(ถึงโอเมก้ากลิิ่นวานิลลาจะสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายคงหวงพี่ชายตัวเองมากกว่าจะเกลียดแบบที่เจ้าตัวออกตัวไว้)
การคุยกันไม่มีอะไรมากนอกจากการไถ่ถามอาการของยุนโอกับโอเมก้าที่ถูกทำร้ายคนนั้น ไม่มีอะไรมากนอกจากการที่เลขาหน้าตายคนนั้นทำให้ร่างบางต้องเขินหน้าแดงต่อหน้าผู้ก่อตั้งทั้งสองคน
ก็แค่คำถามว่าทำไมคิมดงยองต้องเข้าไปปกป้องขนาดนั้น ทั้งๆที่หน่วยยรักษาความปลอดภัยจะไปถึงที่เกิดเหตุภายในสามนาทีแท้ๆ
ก็แค่คำตอบแข็งๆที่ไม่มีคำหวานใดๆแต่งแต้มอยู่
‘ก็เขาคือคนสำคัญที่ผมต้องปกป้อง’
“ฮ่าๆ ไปแกล้งหลานทำไม"
คุณคิมยักไหล่แบบไม่ใส่ใจมากนัก ในขณะที่คุณโทโมฮิสะแสดงสีหน้าเอือมระอาต่อเพื่อนสนิทที่ชอบเล่นอะไรแผงๆ คุณคิมทำเป็นไม่ใส่ใจบอกเลิกการประชุม เดินไปกระซิบหลานชายคนดัง ก่อนจะเดินลงเวทีไปแบบชิวๆ
เลขาประธานสภานักเรียนถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับความขี้เล่นของคนในตระกูล ตวัดสายตาเฉียวๆนั่นเพื่อแสกนหาใครบางคนในกลุ่มคน ร่างโปร่งกระโดดลงจากเวทีที่สูงประมาณหนึ่งเมตรอย่างไม่ใส่ใจนัก ใช้มือข้างซ้ายที่สวมนาฬิกาหนังเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เอียงคอประมาณสิบห้าองศา
“ป่ะ"
แล้วก็ใช้มือขวาคว้าหมับไปที่ข้อมือของเป้าหมาย ออกแรงดึงให้อีกคนออกจากแถวโดยไม่สนใจประธานนักเรียนที่ยืนอึ้งอยู่ที่ขอบเวที จองยุนโอไม่ได้ขัดขืน –
ตรงกันข้าม ร่างบางกลับทำสิ่งที่ทำให้อัลฟ่าคนดังหยุดชะงัก
“อื้อ"
การตอบรับพร้อมกับหันมายิ้มกว้างๆจนแก้มบุ๋มลงไปนั่นมันอะไรกัน!? คิมดงยองที่ทั้งตกใจทั้งเขินกับการกระทำนั้นหยุดเดินพร้อมกับยกมือที่เคยพักไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาเกาหัวแบบคนไปไม่เป็น
อัลฟ่ากลิ่นมิ้นต์ที่อยู่เหนืออัลฟ่านับพันคนคนนั้นกลายเป็นผู้ชายธรรมดาเมื่อเขายืนอยู่ตรงหน้าจองแจฮยอน
“ไม่ไปแล้วหรอ?”
ถามด้วยรอยยิ้มพร้อมเอียงคอสามสิบองศา
ไม่ต้องถามเลยว่าคุณเลขาคนดังตอนนี้น่ะอยู่ในสภาพไหน
ความเขินอายแล่นไปทั่วตัวโรงยิมอย่างรวดเร็ว นักเรียนที่(แอบ)มองเหตุการณ์สารภาพรัก(?)ตรงหน้าต่างก็เขินให้กับความอ่อนโยนแบบแข็งๆของทั้งสองคน
“ไปสิ :)”
สุดท้ายก็เป็นโอเมก้ากลิ่นวานิลลานั่นแหละที่เขินจนแก้มแดงไปหมด
อ้อ –
แต่ก็เหมาะกับคุณอัลฟ่ากลิ่นมิ้นต์ที่ยืนหน้าแดงเกาหัวแกร๊กๆอยู่ฝั่งตรงข้าม
:)
แล้วในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ วันที่ล็อคเกอร์และโต๊ะเรียนเจ้าของตำแหน่งเลขาประธานสภานักเรียนคนดังมักจะเต็มไปด้วยขนมหวานและซองจดหมายน่ะ การกระทำบางอย่างของคุณอัลฟ่ากลิ่นมิ้นต์ก็ทำเอาสาวๆและหนุ่มๆในโรงเรียนแทบจะวิ่งไปหยิบของขวัญที่วางไว้ในล็อคเกอร์อีกฝ่ายออกมาแทบไม่ทัน
“ประกาศจากประธานนักเรียน ประกาศสำคัญจากประธานนักเรียน จองยุนโอ จองยุนโอ นักเรียนห้อง6/1 กรุณามาพบเลขาประธานนักเรียนที่ใต้ต้นซากุระพันปี"
เสียงประกาศตามสายที่ดังไปทั่วโรงเรียนในตอนเจ็ดโมงครึ่งเรียกความสนใจจากนักเรียนหลายชั้นปีได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้าของกลิ่นวานิลลาที่พึ่งเข้ามาถึงเขตสนามฟุตบอล
ร่างบางเดินไปยังสถานที่นัดหมายท่ามกลางสายตาของคนทั้งโรงเรียน จองยุนโอพบว่าอัลฟ่าคนนั้นกำลังยืนพิงหลังกับต้นซากุระ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง(ที่กลายเป็น signatureประจำตัวไปแล้ว
“เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยหรอ?”
ยิงคำถามใส่อีกฝ่ายทันทีที่เดินเข้ามาในระยะประชิด คนถูกแซวทำหูทวนลมก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกคนเดินเข้ามาใกล้กว่านี้
“อยากเข้ามาใกล้ก็ขยับเขามาเองสิ"
จองยุนโอที่เหลวเป็นน้ำน่ะมีจริงแค่ในวันนั้นนั่นแหละ แต่เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ตรงกันข้ามคิมดงยองกลับชอบที่ความสัมพันธ์มันออกมาเป็นแบบนี้เสียอีก ร่างแกร่งกระตุกยิ้มหนึ่งทีก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคนที่ยืนรออยู่ ดึงตัวโอเมก้ากลิ่นวานิลลาเข้ามาในอ้อมกอดด้วยมือข้างเดียว
“ใจเต้นป่ะ"
ถามคำถามที่ไม่มีคนปกติที่ไหนถามออกมา
“อื้อ"
แต่คนถามน่ะรู้อยู่แล้วว่ายังไงอีกคนก็ตอบ มันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร ในเมื่อความรักของคิมดงยองกับจองยุนโอน่ะ กลายเป็นความรู้สึกที่สมหวังได้เพราะพวกเขาซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง
“ถ้างั้น – "
ขยับตัวออกจากอ้อมกอด ใช้นัยน์ตาที่สะกดผู้คนมากมายเพื่อมองเข้าไปในดวงตาของใครอีกคน คนที่โชคชะตาตัดสินว่าเป็นคู่แท้ คนที่คิมดงยองตัดสินใจเองว่าจองยุนโอจะเป็นคนเดียวที่เขาซื่อสัตย์ด้วย
“ถ้าอยากจะใจเต้นแบบนี้นานๆ"
มือแกร่งที่สามารถปกป้องจองยุนโออยู่เสมอสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น ท้องฟ้าวันนี้สดใสและไร้ก้อนเมฆ
“คุณจองยุนโอจะให้เกียรติมาเป็นคนของผม – เป็นแฟนของคิมดงยองได้ไหมครับ?”
สายลมจากทิศตะวันตกพัดพากลีบดอกซากุระให้ร่วงหล่นลงมา
กลีบดอกไม้สีชมพูพวกนั้นกลายเป็นผ้าม่านที่คอยปกปิดใบหน้าแดงๆของดงยองและยุนโอ
ปกปิดรอยยิ้มในบางส่วน แต่มันกลับทำให้ภาพแห่งความสุขเหล่่านั้นชัดเจนขึ้น
เสียงเพลงอกหักที่ถูกเปิดโดยประธานนักเรียนทำให้พวกเขาหัวเราะออกมา
“แน่ใจหรอว่าเราจะใจเต้นแค่คนเดียว?”
ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์กว่าคืนไปให้อัลฟ่าขี้เก๊ก ร่างบางเขย่งขาขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกันของอัลฟ่าคนดังแบบรับๆ ปฏิบัติการเสร็จก็หัวเราะคิกคักเสียงดัง แต่มันคงไม่ดังพอจะเรียกสติคุณเลขา
“เป็นแฟนแล้ว ถ้านอกใจโดนอัดตายแน่ คิมดงยอง!”
ประกาศกร้าวเสร็จก็เดินหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะตลอดทาง คนขอเป็นแฟนแบบเล่นใหญ่ไม่ดูตัวเองได้แต่เอามือเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจนิดหน่อย
“โอ๊ยยยยย"
“ไม่ได้เรื่องเลยไอ้พี่บ้า! สร้อยดอกไม้อะไรก็ไม่มาหยิบ เจอเขาจุ๊บแค่นี้ก็ไปไม่เป็นแล้วหรอ โว้ยยยยย"
โดนน้องสาวบังเกิดเกล้าตบหัวก่อนจะเดินสะบัดเท้าไปมาด้วยความโม
โห แต่ก็ไม่โกรธอะไร ในเมื่อวันนี้มันก็เป็นวันที่มีความสุขดี เป็นเช้าวันเกิดที่สดใสมากๆ
มากจนคนในโรงเรียนได้เห็นรอยยิ้มที่เห็นได้ยากยิ่งจากอัลฟ่าคนดังตลอดวันเลยล่ะ :)
The END
Please comment or tag #SFaMilRaindrops
HBD to KDY, who’s destined to sing on the biggest stage :)
รักมากกว่านี้ก็ไม่ไหวแร้วน้าา ฮื่ออ รักนะคะคุณขา (ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้นะคะ ;__;)
Talk: เย้ะะ จบไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว ;__; ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะ สำหรับกำลังใจ ตอนแรกที่เปิดฟิคขึ้นมา เราก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนตามอ่านขนาดนี้ (ตอนแรกกะแต่งสนองนี้ดอ่านกันคนสองคนงี้ w-w) แงง ขออภัยในความไม่สมจริงของฤดูกาลด้วยนะคะ ฮือออ ซากุระไม่ตกเดือนสองเน้อ ฮื่ออ แต่แบบเอ้อ มันวันเกิดคุณขา แฮ่ .+++.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.น้องโซฮยอนแสบมาก หาจังหวะตบหัวพี่ได้ด้วย ฮือออ
ชอบความกากของคุณคิมด้วย เฮ้อ เขิน ฮือ คืนนี้หลับฝันดีแล้ว ขอบคุณนะคะ