ตอนที่ 21 : All About Blank Verse (Facts, Q&A)
All about Blank Verse
10 facts about Blank Verse
1. นามสกุล Byron ของคุณดีแลนด์ เรา(แอบ)ยืมมาจากกวีที่โรแมนติกมากๆคนนึงค่ะ ชื่อ Lord Byron เป็นคนหนุ่มที่รูปหล่อ ใช้ชีวิตแบบตรงกันข้ามกับคุณดีแลนด์เลยค่ะ เพราะเขาเป็น subject of rumor ทั้งการชอบเพศเดียวกัน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับญาติตัวเอง(ตอนนั้นน่าจะไม่รู้ว่าเป็นญาติ) ไบรอนตกหลุมรักคนๆนั้นตั้งแต่แรกเห็น จนกลับไปแต่งกลอนที่ขึ้นชื่อว่าสวยและแปลกใหม่ที่สุดในรุ่นนั้น 'She Walks in Beauty' แต่การหย่ากับภรรยาทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ที่สวิซ (การหย่าที่อังกฤษตอนนั้นร้ายแรงมากค่ะ) และเขาเสียชีวิตด้วยวัยยังน้อยในสงครามกรีซ(สู้เพื่อนอิสระภาพและปลดแอกประเทศ)
2. จอห์น เดอ คลิฟฟอร์ดกับดีแลนด์ ไบรอน มีครอบครัวที่ค่อนข้าง typical สำหรับครอบครัวชนชั้นสูงค่ะ จะไม่ขอใช้คำว่าปกติ เพราะตรรกะของคนชนชั้นสูงมันแปลกในระดับนึงอยู่แล้ว (วิธีคิด การใช้ชีวิต)
3. ที่สวนแห่งความลับในตอนสามนั้นนนนนนนนนนนน เกิดหลักการของ Sigmund Freud อีกแร้วค่าาาา ;___; ใช่ค่ะ และทั้งจอห์นกับดีแลนด์กะเห็น กะอืม .____.
4. ในตอนที่ห้า หนังสือที่มีชื่เรื่องคล้ายๆคุณดีแลนด์คือเรื่อง The Sun Also Rises ของ Earnest Hemingway (1926) เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนที่เหมือนจะไร้ความฝัน ลอยไปลอยมา แต่จริงๆแล้วสำหรับเรามันไม่ได้ไร้จุดหมายในการใช้ชีวิตซะทีเดียว setting ส่วนมากจะอยู่ในคาเฟ่ต์ จริงๆเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อเถียงว่าเอ้อ พวกวัยรุ่นในยุคนั้นน่ะไม่ได้เป็น lost generation นะ
5. As the Sun Rises อาณาจักรที่พระอาทิตย์ไม่มีวันตกดินที่คุณดีแลนด์เขียนให้เจย์เด็น เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับความรักที่ลอยฟุ้งอยู่ในอวกาศค่ะ ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่มีวันตก=ไม่มีวันจบสิ้น เป็นความรักที่จะคงอยู่ในความฝันตลอดไปประมาณนั้น เพียงแต่ความจริงแล้วการเป็นมนุษย์มันคือการตื่นขึ้นมาแล้วยอมรับกับความจริงอันโหดร้ายในทุกๆวัน – มันเป็นหนังสือที่ดีแลนด์เขียนขึ้นเพื่อเจย์เด็น แต่สุดท้ายคนอ่านก็จะตีความว่ามันสร้างขึ้นเพื่อลิลลี่ฮะ เนื่องด้วยตัวความหมายของหนังสือ+หนังสือถูกตีพิมพ์หลังจากลิลลี่เสีย ;__; (ตลกร้ายยังไม่จบสิ้นนนนนนนน)
6. ที่ดีแลนด์ชวนไปเดินตลาดบนเรือเพราะรู้ว่าลิลลี่ต้องการจะทำหน้าที่ของภรรยาให้ครบถ้วนที่สุด ซึ่งก็คือการทำอาหาร จะเห็นได้ว่าตั้งแต่มาเที่ยวดีแลนด์จะเป็นคนเลือกร้านอาหารเองทั้งหมด ไม่มีการทำกินเองเลย ;__; เอ้อ แล้วคุณดีแลนด์ก็ร้องเพลงให้ลิลลี่ฟัง มันเป็นเหมือนของขวัญที่พิเศษมากจริงๆ (ตอนสามที่สามหน่อนอนบนหญ้าแล้วคุณดีแลนด์ร้องเพลง) มันเหมือนกับว่าเค้าเลือกจะแชร์อะไรบางอย่างให้ลิลกลับบ้าง(นอกจากความหวังดีและการทำหน้าที่สามี)
7. ดีแลนด์&เจย์เด็นรู้และเข้าใจความรู้สึกจอห์นตั้งแต่ที่คุยกันเรื่องความรักในห้องพักครูแล้วค่ะ ที่ถามเรื่องการวัดความรู้สึกในเรื่องความรัก ;___; /แปะ
8. พ่อของคุณชายเดอ คลิฟฟอร์ดเป็นทูตค่ะ จึงทำให้บ้านนี้ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้จอห์นเก่งเรื่องการอ่านคน มีวิธีการเข้าหาที่ยอดเยี่ยม ส่วนตระกูลไบรอนนั้นเก่งเรื่องศิลปะและการทหารคับบบ ส่วนฟิทซ์เฮอร์เบิทนั่นตระกูลเก่าแก่ เป็นเจ้าของที่ดินหลายๆที่ในเมือง พูดง่ายๆคือสบายทั้งชาติแบบไม่ต้องทำงาน
9. ดีแลนด์ ไบรอน ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ทุกคนคิดขนาดนั้นนะคะ อยากลองนึกก่อนว่า ศิลปินอารมณ์อ่อนไหวกว่าคนปกตินิดนึงอยู่แล้ว แล้วคุณเขาน่ะทั้งวาดรูป เป็นกวี เล่นดนตรี เพราะฉะนั้นการมองโลกหรือเข้าถึงอารมณ์ของคนอื่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดอยู่แล้วค่ะ ทั้งนี้การที่มีความสามารถแบบนั้น แต่ต้องคอยมองอยู่เฉยๆน่ะ เราว่ามันทรมานกว่าลิลลี่หรือเจย์เด็นอีกนะคะ .___.
10. ความลับของลิลลี่ ความลับสุดท้ายที่ไม่มีใครรู้นอกจากดีแลนด์ เป็นความลับที่ทำให้คุณดีแลนด์กลายเป็นคนที่บอบช้ำที่สุดค่ะ แต่คุณก็ไม่อยากห้ามเพราะไม่ต้องการให้ history repeats itself ;__; เป็นความลับที่ทำลายความเป็นมนุษย์ของดีแลนด์ ไบรอนมากที่สุด
11. โรงเรียนที่ว่าคือออ Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry นั่นเองค่ะะะ ฮืออ จริงๆคุณเจเคได้อะไรหลายๆอย่างจากเมืองนี้มากๆ เพราะตอนแรกและตอนจบของแฮร์รี่ก็ถูกเขียนขึ้นที่เมือง Edinburgh ฮะะ
12. ที่จอห์นบอกว่ากวีซ่อนคนรักสองคนไว้ในกลอนบทเดียวกันนั่นหมายถึงคูมดีแลนด์เองคั้บบบ แล้วที่จอห์นพูดออกมาชัดที่สุดคือตอนเปิดเรื่องในตอนจบเลยค่ะ ที่เราแคปมาจอห์นกล่าวถึงความรักที่มีให้ดีแลนด์
13. ดีแลนด์ขอให้ลิลอยู่ต่อเพื่อปกปิดความลับของเขาหรอ? จริงๆจะมีีลิลหรือไม่มีตอนนี้มันแทบไม่มีอะไรแตกต่างแล้วค่ะ เพราะมันมีเหตุผลให้เจย์เด็นกับดีแลนด์สนิทกันไปแล้ว แต่ที่คุณไบรอนขอให้ลิลอยู่ต่อเป็นเพราะเจย์เด็นจริงๆค่ะ ดีแลนด์เกรงว่าถ้าลิลลี่หายไปแล้ว เจย์เด็นจะฆ่าตัวตายตามฮะ เหมือนที่ลูน่ากับโซลาร์ขาดกันไม่ได้ เจย์เด็นกับลิลลี่ถูกความรักและความชังหล่อหลอมขึ้นมา จนเป็นตัวเองในทุกวันนี้ค่ะ
14.
When we talk about love
Q: ความลับของจอห์นที่ลิลลี่พึ่งรู้ในตอนสุดท้าย แต่เจย์เด็นรู้มานานแล้วคืออะไร?
A: คำตอบอยู่ที่พารากราฟแรกของตอนสุดท้ายเลยค่ะ จอห์นตกหลุมรักใครผ่านตัวอักษร ทำความรู้จักคนๆนั้นผ่านเรื่องราวที่ร้อยเรียงขึ้นมา และจอห์นก็มั่นใจว่ามันคือความรักในตอนที่เจอดีแลนด์ในคลาส มันเป็นเหตุผลว่าทำไมจอห์นถึงนิ่งขนาดนั้นตอนเจอคุณครั้งแรก ตอนที่คุยกันเรื่องความรักในห้องพักครูของดีแลนด์
Q: คุณดีแลนด์รู้ว่าจอห์นชอบแต่ก็ยังอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยหรอคะ?
A: คุณดีแลนด์ก็จะถามกลับว่า ยังจะถามอะไรอีกหรอ?(เหมือนตอนสองที่ถามเจย์เด็น ;__;)
Q: ยุค '90 ผู้หญิงยังถูกกดขี่ขนาดนั้นเลยหรอคะ? ตอนแรกเรานึกว่าเป็นยุคปัจจุบันด้วยเพราะมีรถ มีรถไฟ
A: จริงๆมันเป็นช่วงที่เครื่องจักรกำลังเข้ามาแทนที่มนุษย์เลยค่ะ แรงงานโดนปลด คนจนมากขึ้น มันทำให้ผู้คนตั้งคำถามกับคุณค่าของมนุษย์ที่มันไม่เท่าเทียมกันมากๆ ลิลลี่ยังดีที่เป็นผู้หญิงจากชนชั้นสูง ไม่งั้นก็จะแย่กว่านี้จนคิดภาพไม่ไหวเลยค่ะ // จริงๆนักเขียนผู้หญิงกว่าจะได้รับการยอมรับคือนานมากเลยนะคะ แต่ก่อนต้องปลอมตัวโดยการใช้ชื่อผู้ชายด้วยซ้ำ อย่าง Woolf ที่เราดึงโควทเขามาบ่อยๆก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชายเพราะชื่อเหมือนกัน (คนเลยสนใจอ่านแบบไร้อคติ ก่อนจะพบว่าเอ้อ มันดีมากๆเลยนะ)
Q: มันเป็นไปได้จริงๆหรอคะที่ดีแลนด์จะเข้าใจทุกคนขนาดนั้น?
A: เหตุผลสำคัญที่เราอยากบอกคือเพราะเขาเป็นนักเขียนค่ะ วรรณกรรมตกจริงๆแล้วมันหลากหลายมาก ทั้งการน้ำเสนอ mind set ของคน การอ่านและทำความเข้าใจมันต้องใส่ใจทุกตัวอักษรจริงๆ เพราะงั้นเมื่อนำปัจจัยทุกอย่างมารวมกัน มันไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ แล้วยุคที่เราเลือกมาก็อย่างที่บอกว่ามนุษย์เริ่มจะตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าของตัวเอง ความสิ้นหวัง เพราะงั้นงานเขียนมันจะค่อนข้างแหวก แบบแหวกแนวจากยุคอื่นมาเลยอ่ะค่ะ พวก stream of consciousness ทำให้เราก้าวข้ามลิมิตตัวเองในหลายๆด้านได้
Q: สรุปแล้วดีแลนด์ ไบรอนเป็นคนดีใช่ไหมคะ?
A: ในเรื่องนี้ไม่มีใครสมควรถูกเรียกว่าคนดีเลยค่ะ เรียกพวกเขาว่าคนบาปเถอะนะคะ แงงง ;___; จริงๆแล้วคุณดีแลนด์คือคนที่น่ากลัวคนนึงนะคะ ถ้ามองในแง่ว่าเราไม่ใช่เจย์เด็นล่ะก็ – สำหรับเราคุณดีแลนด์ควรมีอยู่แค่ในหนังสือจริงๆค่ะ (เหมือนโควทจบ) คือเขาน่่ากลัวกว่าคุณโดยองในวอดก้าเสียอีก แต่ในความน่ากลัวนั้นมันก็มีความเข้มแข็งท่ีงดงาม การต้องเฝ้ามองทุกอย่างดำเนินไปทั้งๆที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ มันต้องใช้ความกล้าหาญมากนะคะ
Q: สุริยันจันทราและทะเลสาบ ใครเป็นตัวแทนของอะไรบ้างอ่ะคะ เรางง?
A: อันนี้จริงๆแล้วแต่คนมองเลยค่ะ แต่สำหรับเราคุณดีแลนด์น่ะเป็นพระอาทิตย์อยู่แล้ว ด้วยคำขอของเจย์ด้วยและเพราะว่าเราไม่สามารถเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ได้อ่ะเนอะ (โดนคุนเผาจนไหม้เกรียม) แล้วก็จอห์นเรารู้สึกว่าเขาลึกลับ มีเงาคอยมาเปลี่ยนรูปลักษณ์ตลอดเวลา(จันทร์เสี้ยว เต็มดวงไรงี้)
และเจย์เด็นคือทะเลสาบที่สะท้อนการมีอยู่ของสุริยันจันทรา (ท้องฟ้าแบบที่จอห์นเคยพาไปดูที่ปราสาทเอเด็นบะระ) พูดง่ายๆคือน้องเป็นสิ่งที่สะท้อนการมีอยู่ของทั้งพระอาทิตย์และพระจันทร์ (มีความรักกับคนสองคนนั่นเอง)
: คุณดีแลนด์รักเจย์เด็นตั้งแต่แรกพบเลยหรอคะ?
A: จริงๆมันเหมือนเป็นความรู้สึกสปาร์คมากกว่าค่ะ แล้วพอยิ่งได้รู้จักถึงยิ่งรักขนาดนี้ เจย์เด็นเป็นหนังสือที่มีหน้าปกเด็ดสะดุดตา ข้อความในปกหลังเย้ายวนให้หยิบขึ้นมาอ่าน และตัวหนังสือข้างในมันเป็นเรื่องราวที่ทำให้คุณดีแลนด์เลือกจะถือหนังสือเล่มนั้นไว้ตลอดชีวิตค่ะ
Q: เรารู้สึกว่าลิลรักเจย์เด็นจริงๆนะคะ ถ้าเกลียดกันจริงๆตอนจบคงไม่ช่วยน้องขนาดนี้
A: จริงๆมันเป็นเหมือนดาบสองคมนะคะสิ่งที่ลิลทิ้งไว้ ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาคิดว่ายังไงน้องก็ไม่รอดและคงเป็นการประณามที่รุนแรงกว่าปกติมากๆ ลองคิดดูนะคะ พี่สาวที่พุ่งไปรับกระสุนและตายแทนสามี ถูกน้องชายแท้ๆแย่ง? โอ้ว นั่นแหละค่ะ แค่คิดก็ต้องเป็นการล่าแม่มดที่สุดเหวี่ยง
Q: ดีแลนด์ไม่เคยรัก ไม่รู้สึกอะไรกับลิลบ้างเลยหรอคะ
A: สำหรับดีแลนด์ ลิลลี่เป็นผู้หญิงที่สำคัญมากๆคนนึงในชีวิตค่ะ เป็นเพื่อน เป็นพาร์ทเนอร์ในชีวิต เป็นภรรยาเพียงคนเดียว คุณรักลิลในฐานะพวกนั้นค่ะ ช่วงแรกมันอาจจะมีความไม่มั่นใจบ้างเพราะลิลคือผู้หญิงที่สวย เก่งและฉลาด แต่ความรู้สึกพวกนั้นมันลดลงหลังจากคุณได้รู้จักกับเจย์เด็นมากขึ้นค่ะ
Q: ทำไมไรท์ชอบเขียนประโยคภาษาอังกฤษปนมาหรอคะ
A: อืม บางทีเพราะเราอยากทำให้ประโยคมันฟุ้งไม่ชัดเจนน่ะค่ะ ภาษาอังกฤษความหมายของคำแต่ละคำมันกว้างกว่า ไม่ชัดเจนเท่าภาษาไทย / บางประโยคมันดูเลี่ยนเกินไปในภาษาไทยด้วย แล้วเรารู้สึกว่าบางทีมันอาจจะตัดมู้ดของครต.คนนั้น / ถ้าใช้ในฉากคัทคือเพื่อทำให้มันไม่หยาบไปค่ะ แบบบางทีต้องการสื่ออารมณ์ดิบของตลค.ก็จริง แต่พอเป็นภาษาไทยละมันดูแบบ แงง T____T เกินใจจะต้านรับไหวววว
Q: ไรท์คิดว่าดีแลนด์จะรักลิลได้ไหมคะ ถ้าไม่เจอเจย์เด็นก่อน
A: มันความเป็นไปได้อยู่แล้วค่ะ แต่นั่นหมายความว่าคุณไบรอนจะต้องไม่เคยเจอเจย์เด็นตลอดชีวิตเลย ถึงแบบนั้นความรักที่มีให้ลิลมันอาจจะธรรมดา เหมือนความรักที่เราพบเห็นได้ทั่วไป(กว่านี้)
Q: คุณชายเดอ คลิฟฟอร์ดจะโตขึ้นเป็นนักเขียนเหมือนคุณไบรอนหรือเปล่าคะ?
A: สำหรับเราเขาเป็นผู้ชายที่สามารถเติบโตขึ้นเป็นอะไรก็ได้จริงๆค่ะ แต่เราคิดว่ายังไงจอห์นก็คงไม่เป็นนักเขียน มันจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักการอ่าน ชอบที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆผ่านมัน ถึงแบบนั้นเราคิดว่าจอห์นจะกลายเป็นนักการเมืองค่ะ ไม่ก็นักวิทยาศาสตร์ไปเลย :)
Q: ในท้ายที่สุดจริงๆจะมีใครเลือกทางที่ต่างออกไปไหมคะ
A: มันเป็นไปได้อยู่แล้วค่ะ การแต่งงานเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วสำหรับคนที่เป็นลูกชายคนเดียว ถ้าไม่แต่งก็อาจจะโดนคนตั้งคำถามสงสัยแบบเอ๊ะ ทำไมไม่แต่ง ;___; แต่ความรักที่พวกเขามีให้กัน(แบบเราสองสามคน) มันคือรักแบบสุดใจจริงๆค่ะ และเพราะแบบนั้นมันจะคงอยู่เสมอ ต่อให้ไม่ได้อยู่ข้างกัน ใกล้ชิดกันแบบเดิมก็ตาม
Please comment or tag #SFaMilRaindrops
Talk: หลังจากนี้คงไม่ได้มาอัพถี่ๆ(ทุกอาทิตย์)แล้วนะคะ เห็นรายชื่อหนังสือที่ต้องอ่านเทอมนี้แล้ว ถอนหายใจแรงมากค่ะ แฮ่ ;____;
ปล. ถ้าเป็นไปได้เราอยากจะรับรู้ความเห็นของทุกๆคนเลยนะคะ เกี่ยวกับตัวเรื่องทั้งหมดแล้วก็ตอนจบ ._____.
ปลล. ถ้าอยากถามอะไรเกี่ยวกับตัวเรื่องอีกสามารถ ask มาได้เรื่อยๆนะคะ จะมาอีดิทคำตอบใส่ในนี้คั้บบบบ :)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบความรู้สึกนึกคิดของตัวละครทั้ง4 ชอบดูมุมมองของทุกตัวละคร ฉากแต่บะฉากสร้างขึ้นมาดีมาก สวยงามมาก ทำเอาเราอยากไปซึมซับที่อังกฤษเลยค่ะ 55