ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักระหว่างภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : รักระหว่างภพ ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 49


    บทที่ 2

                 กับข้าวที่คนรับใช้ของจ้าวต่วนเอามาให้นั้น  เป็นอาหารเหนือที่คุ้นตาของคล้ายจันทร์  ประดิษฐ์ประดอยคล้ายกับสั่งมาจากร้านอาหารพื้นเมืองของเชียงใหม่  เพียงแต่ไม่มีส่วนที่เป็นมะเขือเทศกับแครอท  เหมือนที่หล่อนเคยคุ้นตา  ส่วนมากจะเป็นผักในท้องถิ่นของเชียงใหม่  จ้าวต่วนเชิญชวนให้หล่อนทานข้าวด้วยกัน  หล่อนก็หยิบนี่ทานนั่นนิด ๆ หน่อย ๆ พอรู้รส  เนื่องจากหล่อนทานมื้อหนักหนึ่งมื้อแล้วในตอนเช้ากับมารดา  เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจ้าวต่วนก็ขนสำรับกับข้าวออกไปไว้นอกห้องโดยไม่ยอมให้  สองหนุ่มนั้นย่างกรายเข้ามาในห้องเลย  เป็นที่ติดใจสงสัยของสองหนุ่มยิ่งนัก  เมื่อกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง  จ้าวต่วนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

                       สูนี่เป็นแม่หญิงที่แปลก  ธรรมดาถ้าเป็นสาวจะกินข้าวกับบ่าว  มักจะอายม้วนไปม้วนมา  แต่นี่สูกินเอากินเอา  ต่อหน้าเฮาอย่างกะว่าคุ้นเคยกันมาเป็นปี

                        สังคมที่ฉัน  เอ่อข้าเจ้าอยู่มาน่ะ  ผู้หญิงเขาไม่ค่อยอายกันแล้ว  แค่ไปเรียนหนังสือก็เจอกันทุกวี่ทุกวัน  มามัวแต่อายกันไม่ต้องทำอะไรแล้ว

                        อะหยังก๊อ...แม่หญิงไปเฮือนหนังสือ  บ่มี...บ่มี..เฮาบ่เชื่อ     แม่หญิงที่ไหนจะไปเฮือนหนังสือ  มีแต่ป้อชายเท่านั้นตี้เฮือน   แล้วก่บ่ใช่ทุกคนด้วย  มีแต่พระสงฆ์กับเจ้านายเท่านั้นตี้เฮือนได้

                        คล้ายจันทร์เริ่มคิดว่านี่หล่อนหลุดไปอยู่ยุคไหนกันนี่  เหมือนที่หล่อนเคยอ่านหนังสือนิยายอย่างนั้นหรือ  ทำไมผู้ชายคนนี้  ยิ่งได้คุยกันยิ่งรู้ว่าสังคมของหล่อนกับเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

                       เอาล่ะ  เอาล่ะ  ฉันไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว  พาฉันออกไปข้างนอกได้หรือยัง

                       ตอนแรกหล่อนกะจะเปลี่ยนสรรพนามตัวเองเป็น ข้าเจ้า  บ้างจะได้เข้ากับบรรยากาศหน่อย  แต่ก็ไม่ถนัดปากจึงกลับมาใช้ภาษาเดิมของตัวเองดีกว่า

                       ยังไปบ่ได้  ยังเช้าอยู่  คนเห็นมาก  ถ้ามีคนเห็นเฮาอยู่กับสู  เฮาบ่ฮู้จะบอกเปิ้นว่าใด

                       ก็บอกไปว่าญาติซิ  มาจากอยุธยา

                       เอ่อ...แต่ว่า  จ้าวพ่อก็บ่อยู่  คนอื่น ๆ ก็บ่ค่อยสนใจเฮาอยู่แล้ว  สูก็แต่งตัวเข้าท่า  เหมือนจ้าวอยู่บ้าง....เอาล่ะเฮาไปกันเตอะ

                       ชายหนุ่มกึ่งลังเล  กึ่งมั่นใจ  จริงอยู่วันนี้บิดาของเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นจ้าวเชียงใหม่ชั้นปลายแถวไม่อยู่  ไปธุระที่ลำพูน  อีกเป็นอาทิตย์กว่าจะกลับ  ส่วนมารดาซึ่งมีตำแหน่งเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งเท่านั้น  แต่ก็นับได้ว่าเป็นคนโปรดคนหนึ่งของสามีแต่โชคร้ายเสียชีวิตหลังจากเขาเกิดได้5-6 ขวบ  จึงเหลือแต่เขาซึ่งเป็นลูกผู้ชาย 1 ใน 2  ของตระกูล  เขาจึงค่อนข้างมีความสำคัญสำหรับบิดารองจากจ้าวตุ๋ยหรือจ้าวคำยวงผู้เป็นพี่ชายต่างมารดา  จ้าวพ่อสร้างเรือนหลังนี้ให้เขาและมารดาอยู่  เป็นบ้านหนึ่งในบริวารของบ้านใหญ่ที่บิดาอยู่ร่วมกับภรรยาหลวง    และลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง 

     

    11

    และมีบ้านของอนุภรรยาที่อยู่รอบล้อมบ้านหลวงอีก  4-5 หลัง  แต่หลังที่เขาอยู่นับว่าอยู่ในฐานะดีรองลงมาจากบ้านหลวง

                          ชายหนุ่มบอกให้หญิงสาวรออยู่ข้างใน    ส่วนตัวเขาย่องไปเปิดประตูเพื่อสำรวจความเรียบร้อย  ก่อนจะกวักมือเรียกหญิงสาวให้ตามออกไป

                          ค่อย...ค่อย...หน่อยนาสู  เดียวพวกคนรับใช้ได้ยินมันจะเป็นเรื่องใหญ่    เฮาขี้คร้านอธิบายหื้อหมู่มันฟัง

                         หญิงสาวไม่ตอบโต้คำพูดของชายหนุ่ม  แต่ปฏิบัติตามคำเตือนนั้นโดยลดฝีเท้าลงจากเดินหนัก ๆ เป็นย่องอย่างพยายามให้เงียบที่สุด  เผอิญว่าเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ พวกข้ารับใช้มักจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน  ก่อนจะเริ่มงานเตรียมตอนเย็นอีกที  ในความคิดของคล้ายจันทร์เชียงใหม่ยามนี้มันช่างดูรื่นรมย์เต็มไปด้วยธรรมชาติ  มีบรรยากาศอย่างล้านนาจริง ๆ  อย่างที่คนในยุคของหล่อนเคยจำลองไว้ในงานแสดงต่าง ๆ     คล้ายจันทร์มัวแต่มองสิ่งแวดล้อมของตนเองในยามนี้  ที่ถึงแม้จะเป็นบริเวณบ้านเดิมที่ตนเองเคยอยู่  แต่บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  หล่อนคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปเหมือนทุกครั้ง  เพื่อยืนยันความคิด  หล่อนใช้มือบิดแขนตัวเอง  แล้วก็รีบกัดริมฝีปากเพราะมันเจ็บจริง ๆ ไม่ใช่ความฝัน

                         ชายหนุ่มหันมาเห็นคล้ายจันทร์มัวแต่มองสังเกตสิ่งแวดล้อมตัว  ไม่ค่อยจะสนใจเดินตามเขานัก  และเพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็นก่อนจะทันออกประตูรั้วบ้านไป  เขาตัดสินใจคว้ามือหล่อน  พร้อมกับวิ่งนำออกไปเพื่อให้พ้นประตูรั้วบ้านเร็ว ๆ  อารามตกใจคล้ายจันทร์ได้แต่วิ่งตามแรงฉุดของเขาออกไป  เมื่อหยุดยืนใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ห่างประตูมาเล็กน้อย  หล่อนสะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุมของเขา

                           เอ่อ !  ฮู้แล้วล่ะว่าทำแบบนี้มันผิดผี  แต่มันบ่มีทางอื่นแหมนี่นา     เฮาก่เลยตัดสินใจทำจาอี้  แต่เฮากับสูก่ผิดผีหลายครั้งแล้ว  ตั้งแต่อยู่ในห้องโตยกันแล้ว  สูว่าแท้ก่

                           ชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากหายใจหายคอดีขึ้นแล้ว  จากการวิ่งเมื่อสักครู่  คล้ายจันทร์ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่ม  หล่อนค้อนให้เขาวงใหญ่  และหันไปสนใจคนที่เดินไปเดินมาแถวนั้น  แต่เอะนี่มันถนนหรือนี่  ทำไมมันไม่เหมือนเดิม  มันไม่ใช่ถนนบ้านหล่อนแน่ๆ  รถราที่เคยวิ่งอยู่อย่างสับสนตลอดเวลาหายไปไหน  ทำไมมันเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวครื้มไปหมด  ถนนเป็นดินอัดแน่นที่ใช้แรงงานคนทำ  มีแต่ผู้คนที่เดินถือกระบุ้ง  ตะกร้า  บ้างก็หาบคอน  อุ้มลูกจูงหลานพูดคุยกันด้วยภาษาคำเมืองที่เพราะหู    ผู้คนไม่มีท่าทีรีบร้อนไปไหนเดินสบาย ๆ หยุดทักทายปราศรัยกันบ้างตามประสาคนรู้จักกัน  มีบางคนทักจ้าวต่วนตามรายทางบ้าง

                             โอ๊ะ!   วันนี้จ้าวต่วนพาสาวตี้ไหนมาแอ่วโตยน่ะ  จะไปไหนกันหรือขอรับจ้าว

                           

    12

                   บ่ใช่สาวตี้ไหนหรอก  พี่น้องกันนี่แหละ  เปิ้นมาจากกรุงศรีอยุธยา  ใคร่ไปแอ่วกาด  เฮาเลยอาสาพาไปแอ่ว    แล้วอ้ายใจจะไปไหนกา

                             ว่าจะไปใส่ไซสักหน่อยนา  เมื่อคืนฝนตกปลาท่าจะมี  ถ้างั้นเชิญจ้าวตามสบายเน้อ

                    ชาววัยกลางคนทักทายจ้าวต่วน  ก่อนขอตัวไปหาปลาต่อ  ชายสองคนยกมือให้กัน  คล้ายจะบ๊ายบายก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทิศ

                             เมื่อกี้จ้าวบอกผู้ชายคนนั้นว่าจะพาฉันไปไหนนะ  ตลาดใช่ไหม

                             เอ่อ!  แม่นแล้วสูใคร่เห็นอะหยังทางนอกบ่ใช่กา  กาดนี้ล่ะเหมาะสุด  ไผ ๆ ก็มากาดกันทั้งนั้น  ของกินก่นัก  แม่หญิงชอบกันบ่ใช่กา

                             ประโยคหลังเขาตั้งคำถามเอากับคล้ายจันทร์  หล่อนได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย  เพราะไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียง  ด้วยตื่นเต้นกับถนนหนทาง  บ้านเรือน  ผู้คนที่หล่อนได้พบเห็นมากมาย  ยิ่งพิจารณาคล้ายจันทร์ก็เริ่มแน่ใจว่าหล่อนกำลังหลงมาแน่ๆ   แต่มันยุคไหนกันหนอ  หรือจ้าวต่วนจะบอกหล่อนได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

                             นี่จ้าวปีนี้พ.ศ  เอ่อ  พุทธศักราชที่เท่าไร  จ้าวรู้ไหม

                             เฮาบ่ฮู้ว่าพุทธศักราชตี้เท่าใด  ถ้าใคร่ฮู้ต้องไปถามพระสงฆ์ตี้วัด  เฮาฮู้แต่ว่าปีนี้ปีเส็จ  นาคพ่นน้ำเจ็ดตัว  จะมีฝนตกนักทั้งปี  บ่กั่นบ่อยาก  ดอกมะโอเป็นพญาแห่งดอกทั้งหลาย    สระผมหื้อสระวันศุกร์ผินหน้าไปทางใต้  ตัดเล็บวันพุธดี  ตัดผมวันเสาร์ดี  ปีนี้เสียอังคารกับอาทิตย์  คนเกิดวันจันทร์มีเคราะห์

                             คล้ายจันทร์ตะลึงงันกับคำตอบที่ยืดยาวของเขา  แอบนึกในใจ  อีตาบ้านี่ถามคำเดียวดันตอบซะยืดยาว  อย่างกะบุญชูกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นล่ะ

                               หลีกหน่อย....หลีกหน่อย.....หลีกหน่อย....ปี่น้องทั้งหลาย ....จ้าวหน้อยเสด็จ  เสียงทหารเอะอะเอากับคนที่เดินไปมาสองข้างทาง  ก่อนจะปรากฏรูปขบวนเสด็จ   พลทหารจำนวนหลายสิบคนเดินนำมาก่อนเป็นขบวน  ตามด้วยขบวนสัตว์ต่าง ( สัตว์บรรทุกของบนหลังชนิดต่าง ๆ เช่น ม้า  วัวที่บรรทุกสิ่งของไว้เพื่อการเดินทางไกลในสมัยโบราณ )  ตรงกลางขบวนมีช้างตัวใหญ่ท่าทางแข็งแรงที่สุดมีครอบพร้อมหลังคาทำด้วยไม้ไผ่สานอย่างประณีตตกแต่งด้วยผ้าจีบสีเหลืองดิ้นเงิน  มีช่องหน้าต่างสำหรับคนที่นั่งข้างในจะชะโงกมองออกมาได้  คล้ายจันทร์มั่นใจว่าผู้ที่นั่งอยู่บนหลังช้างนี้จะต้องเป็น  จ้าวหน้อย  อย่างไม่ต้องสงสัย  หล่อนจ้องเขม็งไปที่ช่องหน้าต่างในใจนึกภาวนาให้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างในชะโงกหน้าออกมาให้หล่อนได้เห็นสักครั้ง    ดูเหมือนว่าคำภาวนาของเธอจะได้ผล  สักครู่หนึ่งก่อนที่ขบวนจะผ่านไปมีมือหนึ่งค่อย ๆ รั้งผ้าม่านที่ปิดกั้นหน้าต่างออกเผยให้เห็นใบหน้าผู้ที่นั่งอยู่ข้างใน  ปรากฏใบหน้าชายหนุ่มรูปงามแต่งกายด้วยชุดสีแดงโพกศรีษะด้วยผ้าสีขาวเหลือบเงิน  มองมายังผู้คนสองข้างทางอย่างสนใจใคร่รู้  ระหว่างที่

    13

    ขบวนผ่านไป ณ จุดใดประชาชนของพระองค์ต่างก็ล้มตัวลงนั่งเพื่อหมอบกราบกันสลอน  จนกระทั่งผ่านมาตรงจุดที่หล่อนและจ้าวต่วนยืนอยู่  หล่อนมองสบตาเข้ากับจ้าวหน้อยแวบหนึ่ง  เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงตาคมเข้มแต่แฝงแววโศก    คล้ายจันทร์ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองมัวตะลึงมองอยู่นานเท่าไร  จนรู้สึกว่าถูกดึงมือให้นั่งลง  หล่อนจึงได้ทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ  ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดจากทหารรับใช้ข้างหน้าสุด  และมีดาบมาจี้ลงที่ต้นคอของหล่อน  พร้อมกับออกคำสั่ง

                              หมอบ....หมอบลงบ่าเดียวนี้  สูเป็นไผบ่ฮู้ทำเนียมกา  สูใคร่ใส่ตรวนกา 

                            คล้ายจันทร์ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันมาก่อน  หล่อนก้มหน้าลงกับพื้น  ทำท่าหมอบตามคนอื่นอย่างเก้ ๆ  กัง ๆ

                    บ่ควรตะคอกเปิ้นนักเตอะทหาร  เปิ้นเป็นคนกรุงศรีอยุธยา  บ่ค่อยฮู้ทำเนียมบ้านเฮา    เฮารับประกันได้  เสียงทุ่ม ๆ อย่างไว้เชิงของจ้าวต่วนดังขึ้นข้าง ๆ ตัวหล่อน  คล้ายจันทร์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง  เมื่อมีคนช่วยเหลือแม้จะเป็นเพียงคำพูดก็ตาม

                             ขอสูมาเตอะ...  จ้าวต่วน    กระผมบ่ฮู้ว่าเป็นคนของจ้าว  แต่จาใดก่บอกเปิ้นหื้อก้มค้อมตัวลงบ่ใช่เอาแต่จ้องหน้าจ้าวหน้อย  จ้องเอา  จ้องเอา  มันบ่ดีผิดฮีต  ถึงจะเป็นแม่หญิงก่เตอะ

                             เป็นจังหวะที่ขบวนเสด็จผ่านมาตรงหน้าจ้าวต่วนและคล้ายจันทร์พอดี  ชายหนุ่มสูงศักดิ์ทั้งสองสบตากัน  จ้าวต่วนยกมือไหว้อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้ารับและโบกมือมาให้  อย่างคนรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี  อาจเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าสาธารณชนด้วย  ถึงแม้จะถูกห้ามไม่ให้มองหน้าจ้าวหน้อยแต่ความสงสัยใคร่รู้ในตัวคล้ายจันทร์ยังไม่หมดไป   หล่อนยังคงเหลือบชำเลืองดูทุกอิริยาบถของจ้าวหน้อยอย่างพิศวงงงงวย  จนกระทั่งขบวนเสด็จได้ผ่านไปจนลับตา

                             พอใจหรือยัง  จ้องแต้จ้องว่า  อย่างคนบ่เคยพบเคยเห็น   แปลกแต้ ๆ

                             หญิงสาวไม่ได้สนใจคำพูด  แกมประชดของชายหนุ่มแต่อย่างใด  ยังคงยืนใจลอยมองตามขบวนช้างนั้นอย่างครุ่นคิด

                             คนนี้ใช่จ้าวหน้อยที่เป็นคู่รักของมะเมี๊ยะหรือเปล่า

                            ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นจุริมฝีปาก เป็นสัญญาณให้หยุดพูด  ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบเอากับหล่อน

                           อย่าดังไป  สูฮู้ก่เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  สูจะโดนจับบเข้าตาราง  เฮาก่ช่วยบ่ได้เน้อ...ปะ...ปะ...กลับเตอะ  เฮาว่าอยู่นานเห็นท่าบ่ดี  สูใคร่ฮู้อะหยังสูก่ถามเฮา

                           หญิงสาวทำท่าละล้าละลัง  เหมือนจะไม่ยอมกลับง่าย ๆ หล่อนยังอยากดูอะไร  ต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ  มันแปลกหูแปลกตาไปหมด  ชายหนุ่มเห็นท่าจะไม่ดีรีบลุนหลังหล่อนให้ออกเดินกลับทางเดียวกับที่มาเมื่อกี้  เขาพาหล่อนลัดเลาะไปตามขือเมืองหรือคันดินที่ติดกับร่องน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้แรงคนขุดเป็นรูปสี่เหลี่ยมรอบเมืองหลวง  ซึ่งมีกำแพงก่อด้วยอิฐมอญสร้างอย่างแข็งแรง

     

    14

    สูงใหญ่อยู่รอบด้านในอีกทีหนึ่ง  นัยว่ากันข้าศึกบุกเข้ายึดเมืองจะได้  มีความยากลำบากในการบุกเข้ายึด 

                          น้ำนี่ลึกขนาดไหนค่ะ  จ้าวต่วน

                          ก่มากอยู่...สักสามท่วมท่าจะได้

                           สามท่วม  ก็เท่ากับเอาคนสามคนมายืนต่อกันนะหรือค่ะ

                           อันนี้ขนาดตื้นที่สุดแล้ว   บางตี้ 4-5  ท่วมก่มี

                           อย่างนี้ข้าศึกก็ต้องเข้าเมืองเชียงใหม่ได้ยากแน่ ๆ เลยซิคะ    ใครว่ายน้ำไม่เป็นก็หมดสิทธิ์เข้าเมือง  คุณรู้ไหมว่าในยุคของฉันขือเมืองตื้นเขินมาก  ขาดคนสนใจชนิดว่า  น้ำตื้นแค่หน้าแข้งหัวเข่า  จนถึงยุคของท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ  ชินวัตร  จึงมีการบูรณะครั้งใหญ่  ขือเมืองจึงลึกบ้างบางตอน  แต่ก็ไม่ลึกเท่าที่เห็นในขณะนี้  ประโยชน์ของมันก็คือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว  และเอาไว้เล่นน้ำสงกรานต์ในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง   ผู้คนส่วนใหญ่จะนั่งรถกระบะหรือรถมอเตอร์ไซด์ผ่าน  โดยมีคนคอยตักน้ำรดรอบขือเมืองอย่างสนุกสนานเท่านั้นเอง

                          อะหยังก่ ....นายกทักษิณ  ชื่อของเจ้าหลวงของหมู่สูกา

                         จะว่าอย่างนั้นก็ได้  แต่เขาไม่มีอำนาจสั่งฆ่าใครได้เหมือนเจ้าหลวง  ไม่ได้สืบต่ออำนาจกันเป็นทอด ๆ เหมือนเจ้าหลวง  แต่เป็นได้เพราะประชาชนช่วยกันเลือกให้เขาเป็น

                          ประชาชน  นี่มันอะหยังกา

                         ก็คนธรรมดาสามัญอย่างฉัน  หรืออย่างอ้ายคำ  อ้ายสมของจ้าว ยังไงล่ะ

                         เฮ่อ!   ฟ้าจะผ่า... อ้ายคำกับอ้ายสมเลือกเจ้าหลวง  ชายหนุ่มยักไหล่เผยมือเหมือนเห็นเป็นขบขัน  มากกว่าจะเห็นเป็นจริงเป็นจังตามที่หล่อนพูด

                        เอาล่ะ.....เอาล่ะ....จ้าวไม่เชื่อก็อย่าเชื่อมันมีหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่คนยุคจ้าวไม่มีวันเข้าได้หรอก

                         สองหนุ่มสาวมัวแต่เถียงกันจนเดินมาถึงประตูรั้วบ้านในเวลาอันรวดเร็ว

                       เอ่อ...สู...สู.

                        เอะ...ฉันมีชื่อนะ    อย่าเรียกฉันอย่างนั้นฉันไม่ชอบ

                       ชื่ออะหยังกา.....คล้ายจัง..........คล้ายจันทร์อะหยังก่บ่ฮู้  ฮ้องก่ยาก..แปลกแต้ ๆ ไผเป็นคนตั้ง  วันหน้าเฮาขอเรียกชื่อใหม่เน้อ  เฮาเรียกบ่เป็นชื่อนี้

                      ก็ใบหน้าฉันสวยเหมือนพระจันทร์ยังไงล่ะ  ไม่เข้าใจอีก  คนอะไรเข้าใจยากจัง

                      เอ่อ!..เดียวก่อน  เฮามาเตี้ยมกันก่อน..  เอาอย่างงี้ไหมเฮาจะบอกคนในบ้านว่าสูเป็นญาติเฮา  ลุกกรุงศรีอยุธยามา  เหมือนบอกคนนอกบ้าน  ดีไหมสูว่าจาใด

                     เอายังไงก็เอา  ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่  ว่าอะไรว่าตามกัน

     

    15

                     พอเดินเข้าไปในบ้านได้สักครู่ก็เจอป้าจันเป็งกับป้าชุ่มใจ  คนรับใช้เก่าแก่ของบ้านเดินผ่านมา  จ้าวต่วนทำเป็นเดินพาคล้ายจันทร์ผ่านไปอย่างไม่สะทกสะท้าน  สองสาวใช้สูงวัยเห็นผิดสังเกตรีบวิ่งตามหลังคนทั้งสอง  วกมาข้างหน้ายืนหอบแฮก ๆ

                     เดียว.....เดียว....หยุดก่อนเจ้าจ้าวต่วน  จ้าวพาไผมาโตยน่ะ  ขออนุญาตจ้าวพ่อละกา

                         ชายหนุ่มหยุดเดินในทันที  ทำท่าทีจริงจังอย่างต้องการให้หญิงวัยกลางคนทั้งสองเชื่อตนเองเป็นอย่างยิ่ง

                         จาใดบ่บอก  จ้าวพ่อเป็นคนอนุญาตหื้อเฮาพาแม่หญิงคนนี้เข้ามาบ้านเฮาแต้ ๆ  เฮาเพิ่งไปรับเปิ้นมาจากกาดบ่าเดียวนี้  เปิ้นเป็นญาติเฮามาจากกรุงศรีอยุธยาชื่อ.....................

                         ชายหนุ่มหยุดคิด  ก่อนจะบอกชื่อจริงของหล่อนดีหรือไม่หนอ  แวบหนึ่งของความคิด  เอาอย่างนี้ท่าจะดี

                  ตี้จริงเปิ้นชื่อ  คล้ายจันทร์    แต่เฮาบ่คุ้นชื่อนี้  เฮาจะเรียกเปิ้นว่า เอื้องคำ  ก็แล้วกัน  ฟังเหมือนคนบ้านเฮาดี

                          หญิงทั้งสองมองคล้ายจันทร์  อย่างไม่หมดความสงสัย  มองสำรวจอย่างพินิจพิจารณา  ป้าจันเป็งคงสงสัยหนักจึงเผลอพูดออกมา

                          มองจาใด  จาใด  ก็บ่เหมือนคนทางใต้   ผิวก็บ่ดำ   หุ่นร่างอย่างคนเหนือ

                          ป้าชุ่มใจยืนฟังอยู่  พยักหน้าตามอย่างเห็นด้วยเต็มที่

                          เฮาก็ว่าจาอั้น  บ่เหมือนคนใต้เลย  อย่างกับคนเหนือแต้ ๆ

                          ก็นั่นละกา   พ่อก็เหนือแม่ก็เหนือ  แต่พากันไปอยู่กรุงศรีอยุธยานานแล้ว  เอื้องคำเกิดกรุงศรีอยุธยาก็เลยอู้คำเมืองบ่ได้   แต่ฟังรู้เรื่องเน้อ

                           ชายหนุ่มรีบกลบเกลื่อน  เพื่อพยายามซ่อนพิรุธไว้อย่างแนบเนียน  ป้าชุ่มใจ  เริ่มเห็นคล้อยตาม

                          ท่าจะแต้  อย่างจ้าวต่วนว่าเหมือนกัน   ว่าจาใดจันเป็ง

                         ป้าจันเป็งยังไม่คลายสงสัยอยู่ดี

                          แล้วเปิ้นเป็นญาติทางใดของจ้าวพ่อ  ป้าก็รู้จักลูกหลานจ้าวพ่อเปิ้นทุกคน  จาใดป้าบ่รู้ว่ามีญาติเปิ้นไปอยู่กรุงศรีอยุธยา

                          เอะป้าจันเป็งกับป้าชุ่มใจนี่จาใด  ก็ทวดเฮาเปิ้นมีเมียหลายคน  เมียชั้นปลายแถวแล้ว  ที่เขาสีออนน่ะ  ป้าสองคนบ่รู้จักหรอก  ขนาดเฮายังบ่เคยหันหน้าเปิ้นเลย    พอล่ะบ่ต้องมาถามเฮา  เฮาไปข้างนอกมาเหนื่อย ๆ  ญาติเฮาก็เดินทางมาไกล  อยากพักให้สบายสักหน่อย  สูบ่ต้องมาถามละ  ไปทำงานสูเตอะ

                           ชายหนุ่มตัดบท  อย่างพยายามให้สองหญิงรับใช้เห็นคล้อยตามตนที่สุด  และไปเสียให้พ้น ๆ ก่อนจะค้นพบคำตอบที่แท้จริง  ที่แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าหล่อนมาจากไหนกัน

    16

    แน่  จะว่าเป็นผีสางนางไม้  ก็ไม่ใช่เดินออกไปตลาดกับเขาได้สบาย ๆ กลางวันแสก ๆ กลางแดดร้อนเปรี้ยง ๆ สัมผัสดูเนื้อตัวก็อุ่น ๆ เหมือนกับตัวเขาเองและคนอื่น ๆ เอะหล่อนเป็นใครมาจากไหนกันแน่หนอ  ชายหนุ่มครุ่นคิด

                           จ้าวต่วนเจ้า....จ้าวต่วน...แล้วจ้าวจะให้เปิ้นอยู่ที่ไหนเจ้า  ให้จันเป็งกับชุ่มใจจัดห้องให้ดีไหมเจ้า

                          บ่ต้องไปจัดที่ไหนละ  ให้เปิ้นอยู่เฮือนเดียวกับเฮาแต่อยู่อีกห้องก็แล้วกัน     เรือนเฮาออกกว้างอยู่คงไม่เป็นไรมัง     หรือว่าป้าจันเป็งกับป้าชุ่มใจบ่เห็นดีด้วยเฮา

                           ข้าเจ้าเห็นด้วยอยู่เจ้า  แต่ว่าเปิ้นเป็นแม่หญิงจะเหมาะกาเจ้า

                           แม่นละเปิ้นเป็นแม่หญิง    แต่เปิ้นเป็นน้องเฮานา  บ่ดีลืม

                           ชายหนุ่มทำสุ่มเสียงเข้มขึ้นอย่างให้เห็นว่าเริ่มโกรธ  เพื่อจะทำให้หญิงทั้งสองทำตามอย่างที่เขาต้องการให้ได้    คล้ายจันทร์ยืนฟังบทสนทนาของคนทั้งสามอย่างใจจดใจจ่อ  แต่กริยาอาการที่แสดงออกภายนอกนั้น  ทำเป็นไม่ค่อยสนใจฟังเท่าไร  จนกระทั่งชายหนุ่มคว้าแขนหล่อนให้เดินขึ้นเรือนไปพร้อม ๆ กับเขา  ต่อหน้าต่อตาของหญิงรับใช้ทั้งสอง  หญิงสูงวัยทั้งสองอ้าปากค้างโดยไม่รู้จะทำอย่างไรดีต่อสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่

                           นี่จ้าว...ปล่อยมือฉันได้แล้ว  แล้วจ้าวก็พูดผิดด้วยตอนนี้ฉันอายุ 26 ปีแล้วนะ  ฉันควรจะเป็นพี่จ้าวไม่ใช่น้องสาวอย่างที่จ้าวบอกสองคนนั่น  เดี๋ยวคนเขาจะไม่เชื่อถือหน้าฉันก็ดูแก่กว่าจ้าวจริง ๆ เสียด้วยซิ

                           หญิงสาวสะบัดมือจากชายหนุ่ม   เขายอมปล่อยแต่โดยดีแต่ก็คัดค้านด้วยคำพูด

                           เอาเตอะ!  จาใด  จาใด  สูก็ตัวหน้อยกว่าเฮา  ปีนี้เฮาซาวเอ็ด ( 21 ปี )  ห่างกัน  5 ปี  ที่นี้นี้เฮาจะเรียกสูว่า    เอื้องคำ  เน้อเฮาบอกคนอื่นไปแล้วด้วย  เฮาพอใจแต้ ๆ ชื่อนี้เหมาะกับสูมาก

                           หญิงสาวไม่ตอบ  หากแต่เดินนำเข้าไปในห้องนอนด้วยความเคยชินว่าเป็นห้องของหล่อนเอง  พอเปิดประตูห้องเข้าไปเจอสภาพภายในห้อง    ถึงรู้สึกว่าไม่ใช่ห้องของตัวเองเหมือนเดิม  แต่หล่อนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อจึงตัดสินใจนั่งลงบนเตียง  โดยใช้มือทั้งสองยันกับที่นอนไว้  ใจจริงแล้วคล้ายจันทร์อยากล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้งกับที่นอนเหมือนหล่อนเคยปฏิบัติบ่อย ๆ ยามอยู่คนเดียว  ในที่สุดหล่อนก็ห้ามใจตนเองไม่ได้ล้มตัวลงนอนตะแคงดึงผ้าห่มผืนบางที่พับไว้ปลายเตียงมาคลี่คลุมร่างไว้ครึ่งล่าง  หันหลังให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างไม่ให้ความสำคัญอีกต่อไป

                         จ้าวต่วนรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวเป็นอย่างมาก  หล่อนมีวิธีประพฤติปฏิบัติแตกต่างไปจากหญิงสาวที่เขาเคยพบเห็นโดยทั่วไปเสียเหลือเกิน  หล่อนไม่ค่อยเขินอายยามเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง  ทำอะไรที่เรียกว่าเป็นความอาจหาญเป็นอย่างยิ่ง  ดูหล่อนทำซิจะมีหญิงใน

    17

    ล้านนาคนไหนกล้าทำอย่างนี้  เดินนำเข้ามาในห้อง  ล้มตัวลงนอนต่อหน้าต่อตาเขาจะว่าหล่อนให้ท่าเขาก็ไม่ใช่  เพราะไม่มีท่าทีเชิญชวนเลยสักนิด  หรือเป็นเพราะหล่อนถือว่าหล่อนอายุมากกว่าเขาเป็นพี่ หรือว่าหล่อนมาจากภพอื่นจริง ๆ  อย่างที่หล่อนบอก  เขายืนมองร่างของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

                          ก๊อก!   ก๊อก!   ก๊อก! “

                         เสียงเคาะประตูดังขึ้นเกือบจะพร้อมกับเสียงเรียกของป้าจันเป็ง  และป้าชุ่มใจ

                          จ้าวต่วนเจ้า....จ้าวต่วน  ข้าเจ้าสองคนจัดห้องทางโน้นให้แล้วเน้อเจ้า อยากได้อะหยังก็บอกนาเจ้า

                           เอาสิเอา  ป้าจันเป็งกับป้าชุ่มใจ   จัดเสื้อผ้าใหม่ไว้ให้เอื้องคำเปลี่ยน  ด้วยเน้อสัก 4-5 ชุดก่อนก็ได้   ถ้าเสาะบ่ได้ให้ไปซื้อที่กาด  มาเอาสตางค์ที่เฮาก่อนก็ได้

                           สองหญิงรับใช้หันมามองหน้ากัน  ไหนบอกว่าเป็นญาติเดินทางมาจากกรุงศรีอยุธยาไฉนจึงไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมาเลยสักชิ้น  เพียงแค่เสื้อผ้าจะใส่ก็มาหาเอาข้างหน้า  มันน่าสงสัยจริง ๆ  แต่สิ่งที่ปฏิบัติออกมาคือกล่าวรับคำจ้าวต่วน

                           ไม่เป็นไรเจ้า  พอดีมีผ้าใหม่อยู่  4-5  ชุดพอดี  ข้าเจ้าสองคนก็เลยเอามาเตรียมไว้ให้แล้ว  จ้าวจะไปดูห้องก่อนไหมเจ้า

                            ชายหนุ่มเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของสองหญิงรับใช้ว่าต้องการให้เขาพาคล้ายจันทร์  ออกไปให้เห็นหน้าค่าตากันก่อนแน่ ๆ คงไม่อยากให้เขาอยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวเพราะผิดประเพณีทางเหนือ  ก็เลยทำเป็นรี่ ๆ รอ ๆ  ไม่ยอมไปไหนสักที  จึงหันมาเรียกหญิงสาวให้ลุกจากเตียงไปสำรวจห้องใหม่ด้วยกัน

                             เอื้องคำ  ปะเฮาไปดูห้องใหม่ของสูกัน  ไปดูสิว่าถูกใจไหม  เสื้อผ้าที่เขาจัดให้ใส่ได้หรือเปล่า

                            พูดเสร็จชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู  เดินนำออกไปก่อนปล่อยให้หญิงสาวลุกตามออกมาที่หลัง   ห้องที่อยู่ใหม่ของคล้ายจันทร์คือห้องตรงข้ามกับห้องจ้าวต่วน  มีขนาดเล็กกว่าห้องใหญ่เล็กน้อยอยู่ฟากตะวันตกของตัวบ้าน  ของใช้ในห้องนี้แตกต่างจากห้องจ้าวต่วนอยู่บ้าง  ตรงความหรูหราน้อยกว่า  ลวดลายของไม้ก็แปลกไปจากห้องใหญ่  เตียงขนาดเล็กกว่าสัก  5  ฟุตได้  มีเสื้อผ้าของผู้หญิงพับวางซ้อนกันอยู่ในตะกร้าหวาย   คล้ายจันทร์หยิบขึ้นมาดู  และลองทาบกับตัวเองเข้าใจว่าใส่ได้เพราะเป็นเสื้อกับผ้าซิ่นทำจากผ้าฝ้ายทอมือ  ยังใหม่เอี่ยมอยู่เลยท่าทางจะใส่สบาย  หล่อนยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นข้าวของทุกชิ้นแล้ว

                           ขอบใจป้าจันเป็งและป้าชุ่มใจมากนะจ๊ะ  ที่เป็นธุระจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ให้ฉันทุกอย่าง

     

    18

                          ไม่เป็นไรเจ้า  ข้าเจ้าสองคนยินดีทำทุกอย่าง  ถ้าเป็นไปตามความต้องการของจ้าวต่วน  และนายทุกคนในบ้านเจ้า

                         อย่างนั้นก็ยินดีกับป้าสองคนด้วย  มีอะไรก็ไปทำเตอะ  เอื้องคำจะได้พักผ่อน  เดินทางมาไกลเหนื่อยทั้งวันแล้ว

                  ชายหนุ่มกล่าวเพื่อเร่งให้สองหญิงรับใช้กลับออกไป  เพื่อคล้ายจันทร์จะได้พักผ่อนจริง ๆ ตามที่เขาได้บอกไป  แต่ก็คิดอะไรได้จึงพูดขึ้นว่า

                         เอ่อ!  ลืมไปอย่าลืมเตรียมเครื่องอาบน้ำของเอื้องคำด้วยเน้อ  แล้วก็ตอนบ่ายคล้อยค่อยมาพาเปิ้นไปอาบน้ำด้วย

                         เมื่อสองหญิงรับใช้กลับออกไปแล้วคล้ายจันทร์  เหมือนจะรอจังหวะอยู่แล้ว  จะได้ซักถามเรื่องที่ตนเองสงสัยซะที

                        ที่นี่เขาไม่นิยมอาบน้ำกลางวันกันหรอกหรือค่ะ  ฉันเหนียวตัวจัง  อยากอาบน้ำ

                        สูนี่เป็นคนแปลก  บ้านเฮาต้นไม้มากหนาวเกือบทั้งปี  ถ้าไม่ใช่ปีใหม่จะบ่ร้อนเลย สูท่าจะเคยอาบน้ำบ่อยที่บ้าน  เลยขี้ร้อน

                        อย่าพูดมากน่า  คุณไม่อยากอาบก็เรื่องของคุณ  แต่ฉันอยากอาบนี่  แล้วไหนล่ะห้องน้ำ  คุณบอกฉันหน่อยซิฉันจะไปอาบเองไม่รบกวนคุณหรอก

                       คล้ายจันทร์พูดขึ้นอย่างมีอารมณ์โกรธ  กับคำพูดยอกย้อนของเขาตามความคิดของหล่อน

                        โน้นถ้าอยากอาบน้ำลงไปอาบที่ต้อบ( ห้องอาบน้ำสมัยโบราณของเชียงใหม่)ประเดียวเฮาจะให้ป้าจันเป็งกับป้าชุ่มใจพาไป

     

     

    *****************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×