คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทสู่จุดสิ้นสุด
Dragon Sword
อภินิหารนักสู้กู้พิภพ
Episode 1 :Begin of Deathlord
ปฐมภาค : กำเนิดอสูรพิชิตโลกา
ปฐมบทสู่จุดสิ้นสุด
ไฟกำลังลุกท่วมทุ่งหญ้าภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที...
ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านอาซาต่างเร่งรุดฝีเท้าไปยังที่ปลอดภัยที่ใกล้ที่สุดอย่างเร่งรีบ
แม่น้ำบอนดูร์
นี่คือสถานที่แห่งเดียวที่พวกเขาจะใช้ในการหลบหนี ชาวบ้านอาซาใช้เส้นทางลับใต้แม่น้ำนี้หนีจากภัยพิบัติมาแล้วหลายชั่วอายุคน เนื่องจากช่วงยุคแรกๆแห่งการเพาะปลูก อาคิออฟ ซูริค หัวหน้าหมู่บ้านคนแรกของอาซาค้นพบแม่น้ำสายนี้และสร้างทางหนีทีไล่ขึ้นยามเกิดภัย จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านแห่งตำบลบอนดูร์ หมู่บ้านอาซาจะรู้จักหาโอกาสนี้หนีรอดจากศัตรู
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนับจากที่มีสงครามครั้งก่อนที่พวกชาวบ้านจะมารวมตัวกันห้อมล้อมธารสายหลักที่ไหลโยงไปสี่ทิศ ไหลผ่านหมู่บ้านสี่แห่ง สี่ตำบล
ฮัคส์ ซูริคหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบัน ผู้มีร่างกายบึกบึน กำยำและมีหนวดเครารุงรังเต็มใบหน้าจ้องมองแม่น้ำตรงหน้าก่อนจะตะโกนขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอแจของผู้คนภายใต้การปกครองของตน
“ชาวบ้านทุกท่าน! โปรดฟังสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดต่อไปนี้! เราทั้งหมดจะหนีพวกมันลงไปในแม่น้ำสายนี้โดยการดำลงไปในถ้ำที่อยู่ใต้น้ำ ถ้ำแห่งนี้อยู่ลึกจากผิวน้ำลงไปราว 15 เมตร และเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านอีกแห่งซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ถ้าหากใครว่ายน้ำไม่แข็ง หรือว่ายไม่เป็น ข้าจะขอทิ้งไว้ ณ ตรงนี้!”
สิ้นเสียงอันกังวานของฮัคส์ ซูริค ประชากรทุกคนต่างเงียบกริบไปทันใดราวกับมีใครสักคนมาขโมยกล่องเสียงของพวกเขาไป ไม่มีใครกล้าหือ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งสิ้น ทุกคนกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้านคนล่าสุดอยู่
แต่แล้วใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นเบาๆในหมู่ชาวบ้านที่กำลังตกตะลึง
“ท่านซูริค
ท่านหมายความว่า
เราจะต้องจากหมู่บ้านของเรา
ไปตลอดกาลอย่างนั้นรึ”เสียงนี้เป็นเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง อายุประมาณ 30 เศษ มีใบหน้าซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ และมั่นคง เขาผู้นี้เคยเป็นที่ปรึกษาของหัวหน้าหมู่บ้านมาก่อน จนกระทั่งถึงวันนี้ เขาเป็นบุคคลที่หนุ่มที่สุดในหมู่บ้านอาซา และเป็นผู้ที่มีความคิดฉลาดหลักแหลมที่สุด
“เบนิซัส ข้าคิดว่าคงจะเป็นเช่นที่เจ้าพูดแล้วละ”หัวหน้าหมู่บ้านบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เราคงต้องทิ้งหมู่บ้านไปตลอดกาลแล้ว”
“แต่ข้าไม่อยากไปจากที่นี่ ที่นี่มันบ้านของข้า ถิ่นที่ข้าเกิด เมียข้าเกิด ญาติพี่น้องของข้าเกิด และเป็นถิ่นที่ลูกชายของข้าเกิดมา
”
“ท่านพี่คะ!!!”สตรีที่ยืนอยู่ข้างหลังเบนิซัสใช้มือขวาจับแขนเขาไว้พร้อมกับร่ำไห้ออกมา “เราไม่มีทางเลือกอีกแล้ว”
สตรีผู้นี้เป็นภรรยาของเบนิซัส นางเป็นสตรีผู้เดียวที่ชาวบ้านต่างเห็นว่า “เข้าคู่” กันมากที่สุด เนื่องจากใบหน้าของนางงดงามมาก ด้วยดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายใส และรูปหน้ากลมเกลี้ยงได้รูป ผมเผ้าสยายประบ่าของนางเป็นสีดำขลับตามธรรมชาติ แต่ส่วนที่งามที่สุดคือ ริมฝีปากของสตรีท่านนี้ มันได้รูปเรียวงามเสมือนหัวใจที่กำลังเต้นตูมตามภายในอุระ และเป็นสีแดงเรื่อเรืองราวกับ “โลหิต”
ภายในมืออีกข้างของสตรีผู้นี้กำลังโอบห่อผ้าร่างหนึ่งอยู่ มันคือร่างของทารกแรกเกิดอายุได้ราว 3 เดือน ซึ่งถ้าดูจากอวัยวะเพศสามารถระบุได้ว่า ทารกนี้เป็น ”เพศชาย”
เบนิซัสถอนหายใจ ดวงตาหม่นหมองลง ชายหนุ่มจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่เคยเป็นประกายหากแต่บัดนี้กำลังแดงก่ำและบวมจากการร้องไห้มานานของภรรยาตน
“ลูซาเรีย”เบนิซัสพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เป็นเชิงปลอบโยน “ข้าไม่อยากให้มันจบ บางทีเราอาจสู้กับพวกมันได้”
“แต่มันมีจำนวนมากกว่าเรากว่าครึ่งนะ”ชาวบ้านที่ได้ฟังการสนทนาขัดขึ้น
“ท่านจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ”ชาวบ้านที่ยืนข้างๆหัวหน้าหมู่บ้านเห็นด้วย
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่การสนทนาจะยืดยาวยิ่งกว่านี้ เสียงหนึ่งซึ่งดังกว่าเสียงพูดคุยและเสียงน้ำไหลก็ดังกังวาลให้เห็น บุคคลแรกที่ได้ยินเสียงนี้คือ ฮัคส์ ซูริค
“พวกมัน
”เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ ท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยว “มาแล้ว”
จากชายป่า จุดที่ชาวบ้านหนีมามีเงาประหลาดปรากฏขึ้นมากมาย ประมาณ 100 ตน ไม่สิ อาจจะมีประมาณ 200 ก็ย่อมได้ เสียงแหวกพงหญ้ากระหน่ำให้เห็น นกกาแตกตื่นหนีขึ้นท้องฟ้า สายน้ำเชี่ยวกราก เปลวคลื่นกระทบโขดหิน เหล่าชาวบ้านเริ่มตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พลันนั้น ท้องฟ้าซึ่งเคยสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์กลับย้อมเป็นสีดำด้วยเมฆาที่ครึ้มฝน
สายลมพัดผ่านกายของร่างเล็กๆที่กำลังแตกตื่นของชาวบ้านอาซา เศษหินเศษดินปลิวว่อนไปทุกทิศ
หายนะกำลังจะมาเยือนแล้ว!
ฮัคส์ ซูริค หัวหน้าหมู่บ้านเป็นบุคคลแรกที่ได้สติ เขาร้องตะโกนฝ่าเสียงพายุไปยังหูของชาวบ้านแต่ละคน “หนี!!!! เราต้องอพยพออกจากที่นี่!!! ทุกคน กระโดดลงน้ำ!!”
ไม่มีคำสั่งใดๆอีกครั้ง ชาวบ้านกว่า 100 ชีวิตต่างพุ่งตัวลงไปสู่ผืนธารที่ใสจนมองเห็นเบื้องล่างในทันที หากแต่สายไปเสียแล้ว
ร่างทะมึนปรากฏตัวออกมาจากป่า สร้างความโกลาหลให้ชาวบ้านที่กำลังหวาดกลัวจากรูปร่าง พวกมันมีลักษณะคล้ายลิง แต่ตัวใหญ่กว่า และมีดวงตาสีแดงก่ำ มีกรงเล็บและเขี้ยวพร้อมสรรพเป็นอาวุธร้ายที่น่ากลัวยิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาขวัญผวาคือ เสียงกรีดร้องโหยหวนของพวกมันที่ดังจนไม่มีมนุษย์ผู้ใดบนโลกสามารถทนรับได้อีกแล้ว
ชาวบ้านที่กำลังอยู่บนบกถูกพวกมันแยกวิญญาณออกไปทีละคนๆ จากสิบเป็นยี่สิบ และเป็นห้าสิบ บางคนฆ่าตัวตาย บางคนกระโดดน้ำแต่ไม่รอด บางคนถูกพวกมันแหวกอกจนเห็นหัวใจสีแดงสดกำลังเต้นตูมๆอยู่ บางคนถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆก่อนจะมีโอกาสได้ร้องเป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ
ขณะนี้ชาวบ้านที่เหลืออยู่มีจำนวนไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อครู่นี้
“ร่างไร้วิญญาณ” หรือ “ศพ” ของชาวบ้านอาซาจำนวนห้าสิบสองร่างกำลังหลับใหล บ้างอยู่ตามแผ่นหิน บ้างอยู่ในน้ำขณะกำลังดำหนี บ้างอยู่บนศพอีกศพหนึ่ง เหลือเพียงนักสู้ที่ยังยืนหยัดอยู่บนพื้นดินเพียง 67 คนเท่านั้น
ฮัคส์ ซูริค เป็นหนึ่งในนั้น
หัวหน้าหมู่บ้านผู้มีใบหน้าและร่างกายดุจราชสีห์หยิบดาบซึ่งสะพายอยู่ที่แผ่นหลังมานานออกมารับอากาศ ก่อนจะตวัดตัดร่างของปีศาจเหล่านั้นทีละตัว
ชาวบ้านที่เหลือเมื่อเห็นการกระทำของหัวหน้าจึงลงมือสู้ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางชนะ
ทั้งที่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของพวกเขากำลังมาถึงแล้ว
สิบนาทีต่อมา ร่างที่หมดลมหายใจจำนวน 116 ร่างกำลังนอนแผ่หลาอยู่ริมแม่น้ำในสภาพที่ไม่สามารถเหลียวมองได้แม้แต่หางตา ศพทุกร่างตายในสภาพอนาถ และขาดอวัยวะชิ้นใดชิ้นหนึ่งเสมอ
แต่ชาวบ้านอาซามี 119 คน
ทำไมถึงมีศพ 116 ร่างละ
แล้วอีกสามศพหายไปไหน?
ลึกกลับเข้าไปในป่า ห่างจากจุดแห่งการสังหารสองไมล์เศษ ปรากฏร่างของมนุษย์ที่เหลือรอดเพียงสามร่าง ร่างหนึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมกอด ส่วนอีกสองร่างกำลังวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
ร่างสองร่างที่กำลังวิ่งคือเบนิซัส และ ลูซิเลียร์ นั่นเอง พวกเขาสามารถหลบหนีออกมาจากแม่น้ำเลือดเมื่อครู่ได้อย่างหวุดหวิด แต่ดูเหมือนอสูรกายพวกนั้นจะฝากรอยแผลที่หัวไหล่ไว้กับเบนิซัส
“เลือดข้า
”ชายผู้เป็นพ่อคนเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกตลอดระยะการวิ่งครั้งนี้ “มันไหลไม่หยุดเลย..”
ลูซิเลียร์ผู้เป็นภรรยาหยุดวิ่ง ก่อนจะวางห่อผ้าซึ่งมีทารกลงบนพื้นหญ้า จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นสามี “เป็นอะไรหรือเปล่า ท่านพี่”
“ข้า
คงจะตายในไม่ช้านี้แล้วละ”เบนิซัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ลูซิเลียร์จ้องมองเขา จากนั้นจึงหันไปมองเด็กในห่อผ้า ก่อนจะยิ้มออกมา
“ท่านไม่ตายหรอก”คำพูดนั้นมาจากริมฝีปากของลูซิเลียร์ “แต่วันนี้ข้ามั่นใจว่าเราจะต้องมีศพเพิ่มเป็น 117 ศพ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นเบนิซัสจึงเริ่มแสดงแววตาหวาดกลัวออกมา สีหน้าของเขาตระหนกมากขึ้น
“นี่เจ้า! หรือว่า
!”ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“ใช่แล้ว”ลูซิเลียร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ข้าจะล่อพวกมันเอง
ท่านหนีไปเถิด”
นางอุ้มทารกขึ้นมาก่อนจะส่งให้สามี
ในวินาทีนั้นเอง ที่ลูซิเลียร์รู้สึกได้ถึงสัมผัสบางอย่าง
เป็นลางสังหรณ์ที่บ่งบอกถึง “ความตาย”
นางหันมาหาเบนิซัสด้วยแววตาตื่นกลัว “พวกมัน!!! มาแล้ว!!! มันตามกลิ่นเลือดของท่านมา!!!”
“ไอ้เวรเอ๊ย”เบนิซัสสบถ ก่อนจะหันไปรอบป่า ใช่จริงๆ เสียงฝีเท้าดังขึ้นมากแล้ว
เสียงแหวกพงหญ้าปรากฏให้ได้ยิน พวกมันมาทั้งฝูง!!!
ลูซิเลียจ้องตาสามีตรงๆก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “ท่านพี่ ข้ามั่นใจว่าชีวิตของข้าคงถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
วันนี้ ข้าอยากตอบแทนทุกสิ่งกับท่าน”
“ลู
เจ้าไม่
”
“ไม่มีเวลาแล้ว
”ลูซิเลียใช้ฝ่ามือลูบไล้แก้มของเบนิซัส ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของผู้”เคย”เป็นสามีของนาง
เสียงแหวกพงหญ้าดังให้ยิน อีกสามสิบเมตร
สายลมกระพือโหมโรง เศษหินปลิวว่อน ทุกอย่างมืดลง
เสียงหอนของสัตว์ป่ากระหึ่มก้อง
เงาบางๆนับร้อยปรากฏขึ้นในสายตาของเบนิซัส
พวกมันพุ่งเข้ามาจากในป่ารอบทิศ ห้อมล้อมพวกเขาไว้
“เกาะกลุ่มไว้ อย่าแยกกัน”เบนิซัสกระซิบเตือน ก่อนจะจ้องมองพวกมัน ประเมินจำนวนและความสามารถ พวกมันมีเป็นร้อย แต่พวกเขามีกันแค่สามคน ไม่มีทางเอาชนะได้แน่
ถึงเวลาจบสิ้นแล้วจริงๆ
“ลาเทส ลิงซ์”ลูซิเลียร์ตะโกนก้องป่า ในวินาทีนั้นเอง แสงสว่างสีขาวก็ปรากฏขึ้น
มันเป็นแสงที่ส่องมาจากดวงอาทิตย์ แต่มีสีที่สว่างมากจนดวงตาของพวกอสูรกายร้ายไม่สามารถจ้องมองได้
“พวกมันตาบอด”ลูซิเลียร์กระซิบ ก่อนจะชูมือขึ้นไปบนท้องฟ้า และตะโกนดังๆ
“ข้าแต่วิญญาณแห่งไพรสัณฑ์ โปรดเปิดทางให้แด่สามีแห่งข้าและบุตรชายของข้า
”
เบนิซัสตกใจในการกระทำของเธอ “ลูซิเลียร์ไม่นะ เจ้า!!!”
“โปรดคุ้มครองพวกเขาให้ผ่านป่าแห่งนี้โดยปลอดภัย
”
“ลูซิเลียร์ เจ้าอย่าทำเช่นนี้!!!”เบนิซัสร้องตะโกนลั่น แต่ดูเหมือนเขาจะทำไม่สำเร็จ เขาไม่สามารถพาภรรยาของเขากลับมาได้อีกแล้ว
“และขอให้สามีแห่งข้า และบุตรชายข้า
มีชีวิตรอดจากภยันตรายทั้งปวง
”
“ไม่นะ!!!!!!”เบนิซัสหวีดร้อง โอบกอดทารกในมือแน่นขึ้น
เสียงลมบาดแก้วหูดังขึ้น แต่เส้นผม หรืออาภรณ์ของพวกเขาไม่สั่นไหวเลยราวกับอยู่ภายใต้กำแพงหนาทึบ ฝูงลิงยักษ์หวีดร้องแหบพร่าด้วยความกลัว
ลูซิเลียร์หลับตา ก่อนจะยิ้มออกมา
.
“ท่านพี่คะ
ฝากดูแล
จาเร็ตด้วยนะ”ผู้เป็นแม่พูดก่อนจะล้มลงไป
ภาพสุดท้ายที่เบนิซัสเห็นคือ หญิงที่เขารักมาเป็นเวลาสามสิบปีถูกฝูงลิงฉีกเป็นชิ้นๆ
ความคิดเห็น