คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 หัวใจที่หวั่นไหว
บทที่ 1
หัวใจที่หวั่นไหว
เช้านี้ฝนดูท่าจะตกหนัก
เหมันต์ยืนผูกเนคไทหน้ากระจกบานใหญ่ สำรวจตัวเองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ผมดกดำถูกจัดแต่งเป็นทรงกับรองเท้าบิลลี่ที่ขัดวาววับใหม่เอี่ยมเสมอ
ชายหนุ่มสวมเสื้อสูททับเสื้อเชิ้ตแล้วเดินออกไปเมื่อเรียบร้อยดีแล้ว
รถหรูทะยานสู่ท้องถนนด้วยความเร็ว
เขาไม่ทันระวังด้วยซ้ำว่ามีน้ำขังที่ถนนจนมันกระเด็นใส่คนอื่น
“เปียกหมดเลย” กัญญาวีร์ที่ถือร่มสีชมพูพึมพำน้ำเสียงอ่อยมองไปตามรถหรูคันนั้นไม่ต่างจากคนหมดหวัง
เหมันต์มาถึงบริษัทเวลาเก้าโมงครึ่ง
เขามองเลขาที่นั่งแต่งหน้าอยู่เก้าอี้ทำงานจนไม่รู้เลยด้วยซ้ำมั้งว่าเขากอดอกจ้องมองด้วยความไม่พอใจ
“เอากระจกอีกสักสิบบานไหม
จะได้มีที่ส่องแต่งหน้า”
“ท่านรองฯ!”
แพรวพราวตกใจลุกขึ้นจากเก้าอี้
วางของในมือลงแล้วยกมือไหว้ทักทายคนที่เป็นเจ้านาย
“กฎของบริษัท
ไม่แต่งหน้าบนโต๊ะทำงาน ถ้าอยากเติมต้องไปห้องน้ำ”
“แพรวขอโทษนะคะ
แพรวจะไม่ทำอีก”
พอช้อนตามองเจ้านายดูเหมือนสิ่งที่ทำผิดพลาดไปจะไม่ไยดีแล้ว จึงถามออกไปว่า
“ท่านรองฯ
แจ้งว่าจะเข้ามาช่วงบ่าย? ทำไมถึง”
“คำสั่งท่านประธาน
บอกว่าวันนี้จะมีคนมาสมัครตำแหน่งเลขา ให้ผมเป็นคนคัดเลือกเอง”
ท่านประธานที่เหมันต์พูดถึงก็คือคุณพ่อ
ซึ่งท่านติดภารกิจไม่สะดวกมาสัมภาษณ์งานด้วยตัวเอง
คราแรกตั้งใจจะให้ฝ่ายบุคคลจัดการให้ แต่ท่านไว้ใจลูกชายจึงให้มาทำหน้าที่นี้แทน
เหมันต์ก้มมองนาฬิกาข้อมือ
“จะสิบโมงอยู่แล้วยังไม่มาอีก” เขาบ่นอุบส่ายหน้าเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป
แพรวพราวพ่นลมออกจากปากแล้วนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิม
เจ้านายของหล่อนเป็นคนเจ้าระเบียบ
เคร่งครัด ไม่หละหลวมต่อหน้าที่ ที่สำคัญ ปากร้ายแถมยังใจร้ายอีก
เมื่อเดือนก่อนเขาเพิ่งจะไล่เลขาของบิดาออกไปถึงห้าคน เพราะไม่ชอบใจที่พวกหล่อนทำเกินกว่าหน้าที่
เสียงอินเตอร์คอมดังในห้องทำงาน
เหมันต์กดปุ่ม
“พนักงานที่จะมาสัมภาษณ์มาถึงแล้วค่ะ
อยู่หน้าห้องกับแพรว ท่านรองฯ สะดวกให้เข้าพบเลยไหมคะ”
“ให้เข้ามา”
เหมันต์จ้องมองประตูที่ถูกดันเข้ามา
เขามองผู้หญิงที่หอบแฟ้มเอกสารกอดอกเดินตามเลขาของเขา
หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูพาสเทล กระโปรงทรงเอสีดำคลุมเข่า
กระดุมเสื้อถูกติดจนเรียบร้อยดี รองเท้าส้นสูงสีดำทำให้เธอยืนสง่า
พอเลขาเดินออกไปไม่บดบังร่างอรชรทำให้เหมันต์ได้มองดูคนที่เข้ามาสัมภาษณ์งานเต็มสองตา
ทุกอย่างเกือบจะเพอร์เฟกต์ แต่…เสื้อฝั่งขวากับผมสลวยดำขลับของเธอเปียกหมาด
ๆ ไม่ชุ่มเกินไป คาดว่าคงตากฝนมา
“โชคดีนะคะ” แพรวพราวอวยพร แล้วประตูห้องทำงานของเหมันต์ก็ปิดจนสนิท
“จะสมัครตำแหน่งอะไรนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถาม หลังพิงพนักเก้าอี้ มือข้างขวาหยิบปากกาขึ้นมาเคาะ
“เลขาท่านประธานฯ
ค่ะ”
ต้องยอมรับเต็มอกเลยว่าคนที่เขาเพิ่งเจอเธอเป็นคนหน้าตาดี
กรอบหน้างามนั้นไม่ต้องลงเครื่องสำอางหนัก ๆ ก็ดูสวยและมีเสน่ห์มาก ๆ
เอาละ
เขาจะลองมองข้ามเสื้อผ้ากับผมเปียก ๆ กระเซอะกระเซิงของเธอไปแล้วกัน
“พูดภาษาอังกฤษได้ไหม
คุณเรียนจบอะไรมา เกียรตินิยมหรือเปล่า”
เหมันต์ถามทั้ง
ๆ ที่ดูประวัติการศึกษาของเธอมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว และที่ยอมง่าย ๆ
ทำตามคำขอของบิดาเพราะรูปถ่ายที่ติดหน้าใบสมัครทำเขาต้องตื่นเช้า แต่งตัวเนี้ยบ ๆ
มาเนี่ยแหละ
“ได้ค่ะ”
“ระดับไหน
ดี ปานกลาง หรือ ต่ำเลยล่ะ” เสียงเขากดต่ำคำหลังมาเป็นพิเศษ
“ค่อนข้างดีค่ะ
พอดีพ่อดิฉันเป็นชาวต่างชาติ จึงได้เรียนภาษากับท่านมาบ้าง”
“ผมไม่ได้อยากรู้ลึกขนาดนั้น
ตอบเท่าที่ถามก็พอ”
“ค่ะ” กัญญาวีร์หน้าชา ยืนราวกับคนสงบนิ่ง บรรยากาศในห้องนี้ทำเธออึดอัดหัวใจบีบรัดจนจะหายใจไม่ออก
ก็พอรู้กิตติศัพท์รองประธานบริษัทนี้มาพอสมควร เตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างดีแต่พอมาเจอหน้าหล่อ
ๆ ของเขาก็ทำเธอสูญเสียความมั่นใจลงไปเยอะเลย
“งั้นเชิญนั่ง
เราจะเริ่มสัมภาษณ์คุณ”
“เอ่อ…คือว่า ดิฉันตัวเปียกน่ะค่ะ ขอยืนสัมภาษณ์ได้ไหมคะ ถ้าท่านรองฯ ไม่ติดอะไร”
ฮัดเช้ย! กัญญาวีร์จามติด ๆ กันสามครั้ง
ทำให้เหมันต์ต้องคว้ารีโมตขึ้นมาปิดแอร์คอนดิชันเนอร์เอาไว้
“ห้านาที
บอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณ
บอกเกี่ยวกับอะไรก็ได้ที่จะทำให้ผมยอมรับคุณมาเป็นเลขาท่านประธาน”
“ค่ะ
ดิฉันพร้อม”
“งั้นก็เริ่ม
ขอเป็นภาษาอังกฤษนะ ไม่เอางู ๆ ปลา ๆ อย่างที่บอกเพราะมันมีผลที่จะทำให้ผมตัดสินใจรับคุณเข้าทำงาน”
“สวัสดีค่ะ
กัญญาวีร์ อัมเบอร์ ชื่อเล่น มิเกลค่ะ …”
การแนะนำตัวรวมถึงการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษของเหมันต์กับกัญญาวีร์เป็นไปในทิศทางที่ดี
ไม่ว่าจะถามหรืออยากรู้อะไร เธอสามารถให้คำตอบฉะฉานชัดเจนเป็นที่น่าพอใจมาก รวมทั้งความสามารถด้านภาษา
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สำหรับความฉลาดทางด้านสติปัญญาถือว่าผ่านเลยละ เหมันต์เปลี่ยนน้ำเสียงให้ฉุนเฉียวแต่ดูเหมือนกัญญาวีร์เก็บอารมณ์ได้ดีที่เขายังต้องทึ่ง
หน้าตาสะสวยนั้นยิ้มรับพร้อมแก้ปัญหาได้ทุกสถานการณ์ เหมาะสมกับตำแหน่งมาก
ถ้าเขามองข้ามเสื้อผ้าเปียกปอนของเธอไป อย่างอื่นก็เพอร์เฟกต์มากที่สุด
พอจบการสนทนา
เหมันต์พยักหน้าพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารของอีกฝ่ายก่อนจะยื่นให้ด้วยมือ
แววตาเหมันต์เป็นประกาย
มองกัญญาวีร์อย่างมีแผนการในใจ แต่คนอย่างเธอฉลาดมากคงไม่ตกหลุมพรางเขาง่าย ๆ แน่
มันต้องมีสักวันให้เธอเดินมาตกหลุมพรางของเขาเองโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยอะไรเลย
“ผมรับคุณเข้าทำงาน” กัญญาวีร์ยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้าเริ่มงานได้พรุ่งนี้
จะดีมาก ๆ ”
“ดิฉัน”
“แทนด้วยชื่อเล่นของตัวเอง”
“เกลขอเริ่มวันจันทร์ได้ไหมคะ”
“ได้ครับ
งั้นก็วันจันทร์ ส่วนเรื่องเงินเดือน…จากความสามารถของคุณนั้นเป็นที่น่าพอใจ
แต่ต้องดูอีกทีว่าจะสมราคาคุยหรือเปล่า จะแจ้งอีกทีนะ”
เหมันต์ผายมือเชิญกัญญาวีร์ให้ออกจากห้องไป
“ขอบคุณนะคะ ที่ให้โอกาสเกลมาทำงานที่นี่”
เหมันต์พยักหน้า
มองกัญญาวีร์เดินออกไปจากห้องจนประตูถูกปิดสนิท เขาพ่นลมออกจากปากแล้วครุ่นคิด
กลิ่นหอมจาง ๆ ของเธอทำให้เขาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
แม้ตัวเธอไม่อยู่ความหอมก็ยังไม่จางหายไป
E-BOOK มาวันที่ 21 กันยายนนี้นะคะ
จัดโปรฯ 1 วันน้าาา
ความคิดเห็น