คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บันทึก 90 %
บันทึกของเพื่อนคนหนึ่ง
มีนา say
ในเช้าวันจันทร์ที่แสนหน้าเบื่อ บรรยากาศในโรงเรียนตอนเช้ากลับดูเงียบเหงากว่าที่เคย ทั้งๆที่มีนักเรียนมากหน้าหลายตาเดินสวนกันไปมาอยู่แท้ๆ แต่ทำไมนะ ทำไม แม้แต่เหยียบเข้ามาในโรงเรียนนี้ ก็ทำให้รู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนแล้ว
นั่นสินะ……..อาจเป็นเพราะเรื่องนั้น
ผลัวะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับหัวฉันแรงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะแหวลั่นไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ตอนนั้น
“……”ฉันหันไปมองคนที่ส่งยิ้มแป้นแล่นให้ราวกับว่าภูมิใจซะเต็มประดาที่ตบหัวฉันได้
เมื่อฉันไม่ตอบโต้ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นก็กลับกลายเป็นเบื่อหน่ายทันที
“นี่แกยังไม่เลิกทำตัวอมทุกอย่างนี่อีกหรอ ถึงแกจะเศร้าไปก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรอกนะมีนา” เอวาถอนหายใจ ฉันรู้ในสิ่งที่เธอจะบอก และ ก็รู้ด้วยว่าเอวาก็รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ว่าฉัน
“ฉันทำใจไม่ได้จริงๆนะเอวา นี่มันก็ผ่านมาตั้งสองอาทิตย์แล้ว ทั้งข่าวคราว ทั้ง….อุ๊บ” เอวาดึงฉันเข้าไปกอด นั่นทำให้น้ำตาที่เก็บกลั่นเอาไว้หลั่งไหลออกมาทันที ฉันซุกหน้าลงที่ไหลของเธอ ฉันสังเกตเห็นว่าไหล่ของเอวาก็กำลังสั่นเช่นกัน และรู้สึกเปียกตรงไหล่ จึงทำให้สรุปได้ว่าเธอก็ร้องเหมือนกัน
ความผิดที่ฉันกับเอวาก่อมันอาจจะเป็นทางอ้อม แต่นั่นก็เหมือนกับว่าพวกฉันปล่อยเธอคนนั้นเข้าเดินไปสู่ความเจ็บปวดเพียงลำพัง….
เราทั้งคู่หยุดร้องไห้ สักพักเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทางสนามใหญ่ทำให้เราทั้งคู่หันไปสนใจ
รถปอร์เช่สีน้ำเงินหรูวิ่งผ่านเข้ามา ใบหน้าของบุคคลที่นั่งมานั้นผ่านไปช้าเหมือนภาพสโลว์ ภาพที่ฉันยิ่งมองยิ่งทำให้ความโกรธพุ่งเกือบจะทะลุปรอท คนใจร้ายที่ทำกับเพื่อนฉันลงคอ
เจ้าของรถคันนั้นคือเคลวิน คนที่(ผู้หญิง)ทั้งโรงเรียนกรี๊ด คงเพราะความหล่อ รวย มีอำนาจในโรงเรียน แต่ในมุมของฉัน หมอนี่คือคนที่ทำให้เพื่อนฉันถูกด่า ว่าไร้ยางอาย และอีกสารพัด ทั้งๆที่เธอเป็นผู้เคราะห์ร้าย
คนที่สองที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้นคือเรนะ สาวสวย อาจะเป็นเพราะเธอถูกทาบทามให้ไปประกวดมิสไทย และด้วยฐานะที่ร่ำรวยล้นฟ้าจึงไม่มีใครกล้าหือกับเธอ แต่สำหรับฉัน คนๆนี้คือคนที่เลือดเย็นที่สุด คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ไร้หัวใจ !
เอวาจับแขนทั้งสองข้างของฉันไว้ทันควานเพราะรู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไร เธอกอดฉันที่กำลังสติแตกแน่น เธอรู้ดี ว่าฉันถีงแม้จะเป็นคนอ่อนไหวง่าย แต่พอฉุดขาดขึ้นมาแม้แต่คำว่าสติก็ไม่เหลือ
“หยุดมีนา เธอจะให้เรื่องมันใหญ่โตกว่านี้รึไง มานี่เลย”เอวาลากฉันออกมา ทั้งที่ฉันขัดขืนแต่ไม่รู้ว่ายัยนี่เอาแรงมาแต่ไหน เธอลากฉันมาจนไกลพอสมควรจึงปล่อยมือ
“เธอห้ามฉันทำไม!”ฉันตอกกลับไปอย่างอารมณ์เสีย
“มีสติหน่อยสิ ขืนทำแบบนั้นไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ดีไม่ดีเรื่องมันอาจจะใหญ่โตนแก้ไขอะไรไม่ได้อีกนะ” เอวาเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ฉันเริ่มได้สติ
“ อะ อืม ขอโทษ”ฉันก้มหน้า
เรื่องที่เกิดขึ้น คือเรื่องที่ถ้าฉันได้ฟังมาคงไม่มีวันเชื่อ ถ้าไม่เจอกับตัวเอง
ความโชคร้าย
และความตั้งใจของใครบางคน
.
.
.
บรรยากาศอันเปี่ยมล้นไปด้วยความฝัน และความหวังของวันปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ ทุกๆคนดูตื่นเต้น และแจ่มใส
ในวันนั้นรุ่นพี่จะพาพวกเรานักเรียนใหม่รับน้องกันที่โรงเรียนในวันนั้นเลย โดยแบ่งกลุ่มกันเป็น 4สี โดยให้แต่ละกลุ่มเวียนกันเล่นเกมส์ของแต่ละฐาน
ฉันซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ นั่งอยู่กับกลุ่มสีแดง เพราะไม่มีรู้จักใครเลย เอวาเพื่อนที่โรงเรียนเก่าก็อยู่คนละสี เพราะฉะนั้นฉันจึงเลือกนั่งเงียบๆคนเดียว จนกระทั่งรุ่นพี่เรียกรวม แต่
เควก
โอ้ย
เพราะลุกไม่ทันระวังแขนจึงไปขูดกับกิ่งไม้เข้า เสื้อบริเวณนั้นขาดเป็นทางยาว อีกทั้งแขนเลยได้แผลด้วยนี่สิ
“หนอย ไอ้กิ่งไม้บ้า”ฉันหันไปด่า แล้วรีบวิ่งไปเข้ากลุ่มโดยไม่สนใจแผลเพราะกลัวเกมส์ทำโทษแต่มีมือใครคนหนึ่งคว้าไว้ซะก่อน
“มะ ไม่ได้นะ เดี๋ยวก็ติดเชื้อกันพอดี” เธอว่า แล้วก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า ก่อนจะนำสิ่งที่เธอหาเจอมาแปะตรงแขนที่มีแผลของฉัน
“ว้าว พลาสเตอร์ลายหมีพูหรอเนี้ย^^”ฉันหัวเราะคิก นั่นก็ทำให้เธอคนนั้นที่ก้มๆเงยๆเหมือนกลัวฉันจะด่ายิ้มออกมา
“เธอชื่ออะไรหรอ ฉันชื่อมีนาจ๊ะ”
“ฉันชื่อแองเจิล แต่ว่านะช่วยเรียกว่าฟ้าเถอะจ๊ะ^^” เธอยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ และทำให้ฉันรู้สึกดียังไงไม่ถูก คนๆนี้ อาจจะเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันในอนาคตก็ได้ว่าไหม^^
เอ่อ แต่ว่านะฉันลืมอะไรไป รึเปล่าหว่า?
“น้องสองคนนั่นนะเตรียมรับการลงทัณฑ์”
แงT^T ว่าแล้วไง
ในตอนนั้น ฉันมีเพื่อนอยู่สอง ไม่สิสามคน คนแรกคือเอวา คนที่สองก็คือฟ้าและคนที่สามคือยัยเรนะ เราสามคนเข้ากันได้ดี โดยฉะเพราะฉันกับฟ้า เราอยู่ชมรมเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนๆกัน แทบจะเรียกว่าตัวติดกันตลอดก็ว่าได้ สนิท จนบางครั้งถึงขั้นเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ฟ้าเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้ม และให้กำลังใจ ปลอบ และให้คำแนะนำในบางเรื่อง มันทำให้ฉันรู้ว่าเธอไม่เหมือนคนอื่นที่ฉันเคยเจอ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับฟ้า สบายใจ อาจจะมีดุกันบ้างตอนฉันงอแงไม่อ่านหนังสือก่อนสอบ จนบางทีฉันเรียกเธอว่า แม่ -_- ส่วนเอวารายนั้น อยู่ชมกีฬา ได้แผลมาฝากตลอดจนบางทีฉันประชดให้ไปตัดขาทิ้งซะจะได้หมดเรื่อง-_-^ จะได้ไม่ต้องมาร้องโอดโอยให้ฟังอีก แต่กระนั้นหล่อนก็ยังไม่เข็ด เอาแผลมาเป็นของฝากให้ฉันกับฟ้าทำแผลให้ตลอดๆ ซึ่งถ้าฉันไม่ทำ ฟ้า ก็ทำให้อยู่ดี-_- ด้วยเหตุผลและน้ำเสียงที่ชวนหมั่นใส้นั่น ‘เพื่อนกัน ก็ต้องไม่ทิ้งกันสิ^^’ ฉันล่ะเกลียดคำนี้จริงๆเลยเชียวพูดขึ้นมาทีไร แพ้ให้ทุกทีสิน่า
อาจสงสัยว่าใครบางคนในกลุ่มหายไปไหน จะบอกให้ฉันสนิทกับทุกคนในกลุ่มยกเว้นเรนะ คนที่วันๆก็เอาแต่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว แล้วยังเป็นต้นเหตุให้เพื่อนฉันย้ายชมรมอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอเบื่อ
ยัยนี่เข้ากลุ่มเรามาในฐานะเพื่อนของฟ้า แต่กลับไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่างทั้งกับพวกเราและทั้งฟ้า คนอะไรสนใจแต่เรื่องของตนเอง ใช้สายตาดูถูกคนอื่น ชอบใช้ฟ้าทำนู้นทำนี่ให้ตลอด ทำอย่างกับตัวเองเป็นราชินี แต่ทำกับฟ้าอย่างกับคนใช้ จนบางทีฉันทนไม่ได้ เกือบมีเรื่องด้วยหลายหน แต่ฟ้าก็ยังมาห้ามอีก ฉันไม่เข้าใจว่าฟ้าไปเป็นเพื่อนกับคนอย่างนี้ได้ยังไง และก็ไม่มีวันเข้าใจด้วย
ฉันกับเอวาพยายามบอกให้ฟ้าออกห่างจากยัยนี่ แต่ฟ้าก็ไม่ฟังเธออ้างคำเดิม‘เพื่อนกัน ก็ต้องไม่ทิ้งกันสิ^^’ จนบางครั้งฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าฟ้าเป็นคนยังไงกันแน่ นี่ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงว่าหล่อนแบ๊วไปแล้ว-*- แต่นี่เป็นฟ้า มันเป็นตัวตนจริงๆของเธอ คนที่ไม่ว่าจะคิดอะไร ทำอะไรฉันและคนภายนอกก็อ่านออกอยู่ดี เพราะมันแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน และ….มองโลกในแง่ดีเกินไป
ทุกวันฟ้ายังคงตามใจเรนะ แม้กระทั้งฉันกับเอวาโดนยัยนั่นเล่นงาน ฟ้าก็ยังเข้าข้าง ไม่สิ เธอไม่เลือกฝ่ายใดเลยต่างหาก แต่ว่านะความอดทนของมนุษย์มันย่อมมีจุดสิ้นสุดเช่นกัน แม้แต่ฉันกับเอวาก็ไม่เว้น!
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ฟ้า เธอจะเลือกใครระหว่างยัยนั่นกับพวกฉัน” เอวาเดือด ฉันพยายามจะห้ามแต่เธอก็ไม่ฟังดันฉันเข้าไปด้านหลัง
“ทะ ทำไม”ฟ้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หรือตกใจอะไรสักอย่าง แต่รู้แค่ว่าฉันรู้สึกแย่มากๆที่เห็นเธอทำสีหน้าแบบนั้น
แล้วยัยเรนะก็โผล่มา
“เฮอะอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เลือก” เรนะพูดใส่ฟ้า
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เลือก ฟ้าขอแค่เธอพูดมาคำเดียว ว่าเลือกพวกฉันหรือเลือกยัยนี่ ก็จบ” เอวา
ฟ้าเริ่มลังเล
“สัญญาที่ว่านั่นคงจะไม่เป็นจริงสินะ” อยู่ๆยัยเรนะก็พูดอะไรขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้ฟ้าเงียบ อาจจะเพราะกำลังสับสน คิดหาวิธีทางออก แต่ มาคิดตอนนี้มันสายไปรึเปล่า?
“เห็นรึยังว่ายัยนี่เลือกฉัน” เรนะยิ้มยียวนกวนประสาท นั่นยิ่งทำให้คนความอดทนต่ำอย่างเอวาเดือดจนถึงที่สุด
“ก็ได้ฟ้า ในเมื่อเธอเลือกยัยนี่ เราก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อไปแล้ว แล้วเธอจะเห็นไม่ว่ายังไงยัยนี่ก็ไม่มีวันหวังดีกับเธอ!” เอวาสะบัดหน้าหนีโดยไม่ลืมลากฉันมาด้วย จนได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาของคนด้านหลัง
“ไม่ เอวา มีนา อย่า…..” นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยินเสียงของฟ้า หลังจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย…สักคำ
“จำไว้นะมีนา เธอจะต้องอดทนไว้ สักวันฟ้าจะต้องรู้ว่าใครหวังดีกับฟ้าอย่างแท้จริง ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนี้แต่เพื่อพวกเราและตัวฟ้า สักวันฟ้าก็จะทนยัยนั่นไม่ได้และก็จะกลับมาหาเรา”
คำของเอวายังดังก้องในหู ใช่ฉันก็หวัง หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ทว่า ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันคิด มันกลับยิ่งตอกย้ำคำว่าติดผิดอย่างร้ายแรง และไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว…ไม่เลยสักนิด
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของฟ้า ซึ่งฉันและเอวาก็ไม่รู้ข้อมูลข้อนี้ดีนักเพราะได้ยินข่าวลือมาอีกที
ผู้ชายคนนั้นชื่อ ‘เคลวิน’ เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่ง และเฟอร๋เฟ็กอย่างที่สาวๆที่ไหนได้เห็นเป็นต้องการ แต่ทว่าข่าวลือของหมอนี่ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก เพราะควงหญิงไม่ซ้ำหน้า แถมยังเจ้าชู้สุดๆ เป็นคนอันตรายที่คนดีๆ อย่างฟ้าไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง
แต่ว่าอย่างฉัน จะเข้าไปห้ามได้ยังไง เพราะตอนนี้ ฐานะของพวกเราได้เปลี่ยนไปแล้ว หน้าที่ของฉันคือการรอ รอให้ฟ้าคิดได้และกลับมาหาพวกเรา แต่ มันจะดีแน่หรือ? ฉันพยายามบอกตัวเองให้ท่องคำพูดของเอวาเข้าไว้ เอวาก็เอาแต่ปลอบใจฉันว่าหมอนั่นไม่ทำอะไรฟ้าหรอก เพราะท่าทางจะชอบผู้หญิงสวยและร้อนแรงอย่างเรนะมากกว่า
ในช่วงเวลาสั้นๆที่ฉันง่วนอยู่กับงานโครงงานที่กองเป็นตึก นั่นทำให้ฉันไม่รับรู้เรื่องข่าวภายนอกชั่วคราว ไม่มีเวลาแม้กระทั่งคิดเรื่องฟ้า หรือเรื่องอื่นๆ จนมาวันหนึ่งข่าวลือหนาหูที่เป็นเสียงซุยซิบนินทาของใครต่อใครก็ลอยมากระทบหูฉัน มันเป็นข่าวลือที่ทำให้ตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“นี่ๆ แกได้ยินข่าวที่เคลวินสนใจยัยฟ้าอะไรนั่นรึเปล่า”
“ได้ยินสิ แต่เฮอะ พูดแล้วก็หงุดหงิด ยัยนั่นมีดีอะไรนักหนา ไม่สมกันเลยสักนิด เฉิ่มก็เฉิ่ม เชยก็เชยอย่างกับคุณป้า”อีกคนว่าพรางเบะปาก แล้วพูดต่อ”แต่ที่หน้าตลกคือ ยัยเรนะ เห็นว่าตอนแรกเขาสนใจยัยนี่จะตายไป แต่ไหงเป็นยัยฟ้าอะไรนั่นได้ สงสัยจะตกกระป๋องซะแล้วล่ะมั้ง”ทั้งคู่หัวเราะ
“แพ้ใครไม่แพ้ มาแพ้ยัยหน้าจืด”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันไดยินจากพวกหล่อน มันทำให้ฉันอึ้งไปตั้งหลายวินาที ฉันไม่อยู่ไม่กี่วันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้เลยหรอ ไม่ได้! ฉันตั้งใจจะเดินไปเพื่อเตือนฟ้า สองเท้าของฉันมันไม่สามารถอยู่นิ่งอีกต่อไป คนอันตรายอย่างนั้น ไม่คู่ควรกับฟ้าหรอก!
หมับ
“แกจะไปไหน” เอวาที่โผล่มาจากทางไหนก็ไม่รู้จับแขนฉันไว้
“ไม่เห็นต้องบอก ฉันก็จะไปหาฟ้าน่ะสิ!”
“รู้เรื่องที่ว่านั่นแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ฉันจะไปห้ามฟ้า” ฉันตวาด พลอยพาลเอวาไปด้วยที่อยู่ แต่ก็ไม่ทำอะไรเลย
เอวายังรั้งไว้ เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แสดงออกทางสีหน้าแทน
“ฉันว่า ฟ้าไม่เชื่อเราหรอก ฉันเห็นสายตาแล้ว ฟ้ารักเขาแล้วจริงๆ”เธอพูดเสียงแผ่ว
“แกรู้ได้ยังไง”
“เพราะฟ้าชอบคนๆนั้น แถมยังมียัยเรนะคอยกรอกหู เธอคิดว่าฟ้าจะเชื่อเธองั้นหรอ!”เอวาตะโกน ฉันอึ้งไปสักพัก ก่อนจะแกะมือนั้นออกอย่างเบามือ ฉันส่งยิ้มไปให้
“เพื่อนกัน ต้องไม่ทิ้งกันสิ” ฉันยิ้ม ก่อนจะวิ่งออกจากตรงนั้น พยายามใช้สายตาควานหาคนที่อยากเจอ
อยู่ไหนนะฟ้า
อยู่ที่ไหน
ฉันเดินมาจนแทบจะสุดปลายทางถนนโรงเรียน แต่ก็ยังไม่พบคนที่ฉันอยากเจอ ฟ้าฝนด้านบนเริ่มตั้งเค้าแล้ว บวกกับว่าเป็นเวลาเลิกเรียน นักเรียนทั้งหลายจึงรีบกลับ จนตอนนี้บริเวณที่ฉันยืนอยู่ไม่มีใครอยู่และวังเวงแปลกๆ รู้สึกหนาวยะเยือกยังไงไม่ถูก รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ บางทีฟ้าอาจจะกลับไปแล้วก็ได้ และในขณะที่ฉันกำลังหันหลังกลับนั่นเอง
เสียงบางอย่าง ก็ทำให้ฉันชะงักเท้าและเดินไปยังต้นเสียง
เสียงฟ้าลั่น เปรี๊ยงปร้าง สนั่นพื้น และเสียงของสายฝน
นานเท่าไหร่แล้วที่ฉันยืนอึ้ง อยู่ตรงที่เดิมๆราวกับถูกสาป
เสียงฟ้าร้อง เสียงฝน เสียงคำราม น่าแปลก ตอนนี้ฉันกลับไม่ได้ยินมัน
หากแต่ ทั้งสมองและหูที่อื้ออึง กลับมีแต่บทสนทนาเหล่านั้นอยู่ในหัว จนกระทั่งใครคนหนึ่งวิ่งผ่านตัวไป นั่นทำให้คนที่เหลืออยู่หันมามองอย่างคาดไม่ถึงว่าจะมีคนยืนอยู่
สติ มันถึงกลับมาอีกครั้ง
“…..”
“สารเลว”
ฉันวิ่งออกมาโดยที่สมองมีเพียงสิ่งเดียวอยู่ในหัว ไม่สนว่าฝนจะตก ไม่แคร์ว่าจะเปียก คนเดียวตอนนี้ที่ฉันแคร์คือคนๆเดียวกับที่ฉันตามหาอยู่ตอนนี้ ฟ้า
“เธอคิดว่า เขารักเธอ? หึ ฝันไปหรอ เอ่อ ไม่ผิดสินะก็เขา แกล้งฝืนใจเข้าใกล้เธอนี่”
“สนุกใช่ไหมล่ะ! ‘เกมส์’ ที่ฉันคิดเองกับมือ เพื่อจะพิสูจน์ว่าเคลวินมีเสน่ห์จริงๆแม้แต่ยัยเฉิ่มอย่างเธอก็ต้องยอมสยบรึเปล่า เพื่อที่จะได้รางวัลเป็นแค่…..เบอร์โทรของฉัน”
“คงไม่โกรธสินะ เธอน่ะ อภัยให้ฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ หือฟ้า นางฟ้าผู้แสนดี เพราะแม้ว่าฉันจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากเธอ! เธอก็คงไม่โกรธหรอก จริงไหม^_^”
“งั้น ฉันขอ ‘ผู้ชายของฉันคืน’ ล่ะนะ เพราะว่าเขาไม่ได้รักเธอ ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูก “ไม่เคย”รัก จริงไหมเคลวิน”
“ใช่ ฉันไม่เคยรักเธอ”
“และสิ่งที่อยากจะบอกเธอเอาไว้ คือ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทั้งด้านฐานะ หน้าตา และทุกๆสิ่งทุกๆอย่างฉันมีเหนือกว่าเธอ! และความจริงอีกอย่างที่ฉันจะให้เธอจำเอาไว้ อะๆ แต่ว่าเธอคงไม่โกรธฉันหรอกจริงไหม แม่นางฟ้าผู้แสนดีของเพื่อนๆ~ ^^ ฉัน-เกลียด-เธอ”
ทุกถ้อยคำทุกคำพูดที่แสนจะเลือดเย็นและไร้หัวใจนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว มันเลวร้ายซะจนฉันเจ็บแน่นในอก แต่ฟ้าล่ะ ฟ้าจะเป็นยังไงบ้าง คนที่ให้ความสำคัญกับคำว่าเพื่อนอย่างที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีนั่นจะรู้สึกยังไง เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนเดียวที่ไดรับผลกระทบโดยตรง มันยิ่งทำให้เท้าของฉันหยุดไม่อยู่ พยายามหาตัวใครสักคนที่เจ็บที่สุด ปวดร้าวที่สุด และโชคร้ายที่สุดของเรื่องทั้งหมดนั่น แต่ทว่า ท้องฟ้าไม่เป็นใจเลย เหมือนยิ่งหา ยิ่งหลงทาง ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้น ฟ้าก็ไม่มาเรียน ฉันกับเอวาจึงตัดสินใจไปบ้านของฟ้า แต่สิ่งที่ฉันเห็นนั้น มันยิ่งทำให้เท้าทั้งสองข้างฉันแทบทรุดลงกับพื้น
“อ๋อ บ้านนี้หรอ วันนี้มีงานศพน่ะ เห็นว่าคนแม่ถูกรถชนเมื่อวาน ได้ยินว่าออกไปรับลูก แต่กลับโดนชนซะงั้นต่อหน้าลูกสาวซะด้วย น่าสงสารก็แต่เด็กคนนั้นคงช็อกแหละ ตั้งแต่มานี่ก็ไม่เห็นเลย” คำบอกเล่า นั่นยังคงพูดไปเรื่อย แต่หูของฉันกลับอื้อสนิท มือไม้อ่อนไปหมด ก่อนที่น้ำใสๆในตามันจะไหลทะลักออกมาเรื่อยๆ กระทั้งเท้าก็ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา ความรู้สึกสงสาร และอีกมากมายปะทะกันในคราเดียว ในวินาทีนั้นไม่มีใครทำอะไรถูก ไม่มีใครรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆ
หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีใครเจอฟ้าอีก ไม่แม้แต่ในงานศพของแม่ฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวฉันคล้ายจะกลายเป็นสีเทาไปหมด มันดูเลวร้าย โดยเฉพาะกับเสียงนินทาร้อยแปดเกี่ยวกับตัวฟ้า จนฉันแทบทนไม่ไหวนั่นก็ยิ่งทำให้โลกในสายตาฉันยิ่งเลวร้าย มากกว่าเดิม
Creme Brulee
ความคิดเห็น