ชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ - ชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นิยาย ชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

    ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายที่ใช้ภูมิประเทศในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้สุดของไทย

    ผู้เข้าชมรวม

    1,333

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.33K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ม.ค. 50 / 17:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                                        ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายที่ใช้ภูมิประเทศในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้สุดของไทย
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       การวางระเบิดข้างถนนและการลอบสังหารแทบจะมีให้ได้ยินทุกวัน ขณะที่การวางระเบิดชุมชนและการลอบวางเพลิงก็มีให้ได้เห็นอยู่เนืองๆ วัดพุทธตกเป็นเป้าหมายในการลอบโจมตี พระภิกษุที่ออกบิณฑบาตยามเช้าต้องมีทหารติดตามอารักขา ขณะที่ครูบาอาจารย์ในหลายๆโรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนเป็นช่วงเป็นตอนตามสถานการณ์
           นี่ไม่ใช่เรื่องราวในนิยายที่ใช้ภูมิประเทศในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้สุดของไทยเป็นฉาก หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจนคล้ายจะเป็นปกติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเดือนกันยายน ปี 2549 จะจุดประกายความหวังในอันที่จะแก้ไขเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ แต่ฟรานเชสกา ลอว์-เดวีส์ นักสังเกตการณ์ชายแดนไทยของกลุ่มองค์กรวิกฤติการณ์ระหว่างประเทศ หรือไอซีจี (International Crisis Group)ตั้งข้อสังเกตว่า "คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ให้สำเร็จได้ "

            รากเหง้าของปัญหา ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ1,000 ปีก่อน ดินแดนที่เกิดความไม่สงบทั้งหมดนี้เดิมเป็นชุมชนชาวพุทธซึ่งกลายเป็นอาณาจักรมุสลิมในช่วงหลายร้อยปีมานี้ ก่อนถึงยุคล่าอาณานิคม ดินแดนนี้อยู่ภายใต้อำนาจของราชอาณาจักรสยาม จนถึงปี 2452 ที่มีการจัดทำสนธิสัญญาสยาม-อังกฤษ ซึ่งกำหนดให้ส่วนหนึ่งของรัฐปัตตานี อันได้แก่ กลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี(เกดะห์) และปะลิส(เปอร์ลิส) ตกเป็นของอังกฤษ เจ้าเหนืออาณานิคมมาเลเซียในขณะนั้น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นของไทย (สยาม) และกลายเป็นจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของสงขลา
           แม้สนธิสัญญาดังกล่าวอาจสงบศึกระหว่างสยามและอังกฤษ แต่กลับทำให้ความรุนแรงในภูมิภาคปะทุขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยใช้นโยบายต่างๆที่จะสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ผลเต็มที่ เพราะทัศนคติเชิงลบของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้เกิดช่องว่างที่รอวันจะขยายวงกว้างยิ่งขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากนโยบายรัฐบาลไทยหลายยุคหลายสมัย ส่งผลให้เกิดพลังต่อต้านในหลายรูปแบบ รวมทั้งการจัดตั้งองค์กรและกองกำลังติดอาวุธก่อความไม่สงบ โดยอ้างเรื่องความอยุติธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐหรือการแบ่งแยกดินแดน เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณนี้จึงปรากฎให้เห็นเสมอ แต่ระดับความรุนแรงจะแปรผันไปตามสถานการณ์และการตอบโต้ของรัฐบาลแต่ละสมัย

            ตลอดห้าปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร คืออุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อ ปฏิบัติการตอบโต้อย่างรุนแรงรวมทั้งการประเมินสถานการณ์และกำลังของกลุ่มก่อการร้ายผิดไปอย่างมหันต์ คือเชื้อไฟให้ขบวนการต่อต้านรัฐบาลปะทุและทวีความแข็งแกร่งขึ้นรายงานของไอซีจี ชี้ว่า มาตรการทางการเมืองของรัฐบาลทักษิณเป็นผู้เปิดช่องให้ฝ่ายก่อความไม่สงบทำให้พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งดูจะสงบสุขดีแล้ว เกิดปะทุขึ้นมาอีก โดยการยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ซึ่งเป็นสื่อกลางระหว่างชาวบ้านกับภาครัฐ ขณะที่การยุบกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ 43 (พตท.43) น่าจะเป็นสาเหตุที่จุดชนวนความรุนแรงครั้งใหม่ขึ้นมา


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×