คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chance of destiny:บทนำ
Chance of destiny
บทนำ
ณ อาคารไม้สามชั้นรูปทรงตัวที ที่กึ่งกลางทีโดมใหญ่ ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านเล็กๆ ในเนินเขาล้อมรอบ กลุ่มคนในชุดสีขาวต่างนั่งหารือกันอยู่ที่โต๊ะยาวซึ่งทำจากไม้เนื้อดี ขณะที่หญิงสาวร่างเล็กกำลังเสนองานของตนให้ทุกคนรับทราบ ก็มีคนชุดดำและปิดหน้าเหลือให้เห็นเพียงตาเท่านั้นวิ่งเข้ามาคุกเข้าใกล้กับที่นั่งประธานซึ่งเป็นชายชราในชุดคลุมสีขาว กล่าวว่า
“เรียนท่านเอลกรินขณะนี้สายจากเขตมิติซีดีร่า รายงานเข้ามาว่าพบพลังงานแปลกประหลาดจากประตูมิติที่อยู่ในปราสาทใต้ดินขอรับ”
ชายชราจึงบอกว่า “เหลียนอี่อี่เจ้าหยุดการรายงานก่อน” หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังรายงานอยู่ก็นั่งลงประจำที่ แล้วหัวหน้าผู้เฒ่าจึงกล่าวกับคนชุดดำว่า “ไหนเจ้าลองเล่าให้ละเอียดมาสิ”
“ประมาณเวลา 10 นาฬิกาได้มีรายงานจากลูกน้องที่อยู่เฝ้าไทม์เบิร์ดว่ามีสารด่วนจากมิติซีดีร่า โดยในสารนั้นเขียนไว้ว่า เมื่อคืนนี้มีเหตุผิดปกติที่ประตูมิติพิเศษที่เมืองไกอา มีพลังงานความมืดที่แปลกประหลาดออกมาจากประตูมิติครับ” คนชุดดำรายงาน
“เจ้ากลับไปติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด สอบถามประตูมิติพิเศษอีกสี่อันที่เหลือด้วยว่าเป็นอย่างไรหากมีอะไรเพิ่มให้รีบมารายงานโดยด่วน” ชายชรากล่าว
หลังจากชายชุดดำจากไปแล้วหัวหน้าผู้เฒ่าจึงบอกกับผู้นั่งที่โต๊ะทั้งหมดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ เหลือผู้ถูกเลือกอีกชุดเดียวงานของพวกเราที่นี่ก็จะหมดลงแล้ว แต่ดูท่าทางจะมีศึกใหญ่ตามมาในอีกไม่ช้าแน่”
.
อีกมิติหนึ่งที่ดาวเคราะห์โลก เด็กหนุ่มผู้หนึ่งนั่งหลับอยู่บนรถทัวร์ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทำการ “รับน้อง” ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็ได้ตื่นขึ้นมาจากเสียงร้องเพลงของกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ที่ตั้งวงดื่มกันอยู่หลังรถ
“อยู่บ้านดีๆไม่ชอบ ดันมารับน้องเสร็จล่ะมึ- เสร็จล่ะมึ- (เซ็นเซอร์)”
เด็กหนุ่มมองดูนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาตีสองแล้ว “ดึกป่านนี้แล้วยังไม่เลิกกันอีก” เด็กหนุ่มคิดในใจ
แม้พวกเขาจะออกมาจากมหาลัยตั้งแต่ห้าทุ่มแล้ว แต่จากการบอกเล่าของรุ่นพี่ว่าเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และกว่าจะถึงก็ประมาณเจ็ดโมงเช้าแต่ไอ้การตั้งวงดื่มในรถนี่เขาไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้บางทีอาจถึงเช้าเลยก็ได้
แรกๆ เขาก็ร่วมแจมกับในวงอยู่บ้างหรอกแต่ดึกมากก็ไม่ไหว เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตอนรถแวะจอดปั้มน้ำมันเขาจึงแอบแวบมานอน โดยมี โยธา เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมต้นอยู่ที่นั่งติดกันนอนฝั่งชิดหน้าต่างอยู่ พอเขาหันไปอีกข้างหนึ่ง ก็เห็นแววตาคู่หนึ่งมองมาที่เขาอยู่แล้ว
“นอนไม่หลับเหรอสิน” เจ้าของแววตาคู่นั้นถามขึ้น
“หลับไปแป๊บ แต่เรานอนไม่ถนัดน่ะ เบาะเราเสียเอนไม่ได้เลยแล้วกานล่ะ” เด็กหนุ่มมีชื่อว่าสินธรนั่นเอง เขาเป็นคนผิวขาวเหลือง ผมดำตัดผมรองทรง รูปร่างเกือบสมส่วนแต่มองดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะค่อนไปทางท้วมเล็กน้อย
“หลับไปตั้งแต่ขึ้นรถน่ะ แต่มันหนาวเลยตื่น” เด็กสาวผิวขาวร่างเล็กบอก เธอชื่อว่าศุภกาญจน์ เป็นเด็กสาวตัวเล็กหน้าตาน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางออกแนวห้าวเล็กๆ ผมดำยาวถึงบ่า ซึ่งขณะนั้นบรรยากาศด้านนอกฝนตกปรอยๆ เครื่องปรับอากาศในรถจึงเย็นกว่าปกติ
สินหยิบของออกมาจากกระเป๋าเป้ที่กอดอยู่แล้วยื่นให้กับกาน “งั้นใส่เสื้อตัวนี้สิ ซักแล้ว เรายังไม่ได้ใช้”
ที่สินส่งให้เป็นเสื้อเชิ้ตยีนส์สีฟ้าอ่อนตัวใหญ่มาก กานรับไว้ก่อนถามว่า “สินไม่หนาวเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก เรามีกระเป๋าอยู่นี่มีเสื้ออีกตั้งหลายตัว แต่เห็นกระเป๋ากานใบใหญ่เลยเก็บไว้ใต้รถหนิ”
“ก็ใช่.....งั้น ขอบคุณนะ” ว่าแล้วกานก็เอาเสื้อยีนส์ของสินห่มทางด้านหน้าไว้ก่อนใช้ผ้าห่มของรถคลุมทับอีกที แล้วหลับตาลงนอน สินเอียงหน้ากลับมามองออกไปนอกหน้าต่างแต่ปากก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
สักพักใหญ่รถก็เลี้ยวเข้าไปจอดในปั้มน้ำมัน ทั้งๆที่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพิ่งจอดไปหยกๆ เนื่องจากเหล่าคอทองแดงต้องการซื้อของเพิ่มนั่นเอง ตัวแทนที่ยังมีสติดีอยู่ไปซื้อเหล้า น้ำแข็งและมิกซ์มาเพิ่ม เหล่าคอแป็บ(เดียวจอด)ก็ลงไปอาเจียนรวมถึงไปห้องน้ำบ้าง คนที่ไม่หลับบางคนก็ไปห้องน้ำเหมือนกัน
“สิน...สิน หลับยัง” เสียงเรียกเบาๆ จากกาน
สินจึงหันไปหาแล้วถามว่า “อะไรเหรอ”
“คือ...สินจะไปซื้อของหรือเข้าห้องน้ำไหม”
สินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “อือ กำลังจะไปอยู่พอดี”
“ดีเลยงั้นเราไปด้วยสิ”
ทั้งคู่ก็เดินลงจากรถ สินให้กานเข้าห้องน้ำหญิงโดยเขารออยู่ด้านนอก เนื่องจากในรถไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเข้าห้องน้ำเลยนั่นเอง(ก็เมื่อกี้เพิ่งเข้ากันเองนิ) และท่าทางกานก็ไม่อยากปลุกทีร่าเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆด้วย จากนั้นก็ไปซื้อของในมินิมาร์ทกับกานก่อนหาข้ออ้างแวบออกมาเข้าห้องน้ำเองบ้าง จากนั้นก็เลือกซื้อของกับกาน(ของกินไว้กินคืนพรุ่งนี้) แล้วกลับขึ้นรถไป หลังจากรุ่นพี่สต๊าฟดูแลรถตรวจว่าคนขึ้นรถหมดแล้ว(รวมถึงพวกวงเหล้าที่เสียเวลาไปตามกันเล็กน้อย) รถก็ออกเดินทางต่อ
เมื่อสินตื่นขึ้นด้วยแสงแฟลช กานถือกล้องยืนอยู่ “นอนไม่รู้ตัว ก็ต้องโดนแกล้งอิอิ”กานกล่าวแล้วก็นั่งลงเก็บกล้องลงกระเป๋าแล้วคุยกับธีราที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แล้วเมื่อคืนตอนกานหลับแล้วเรานั่งมองกานตั้งนานยังไม่ได้แกล้งกานอย่างนี้เลยนะ” สินคิดในใจ “เจ้าโย ก็ไม่ช่วยปลุกกันบ้างเลย”
เมื่อสินมองไปนอกรถก็พบว่ารถหยุดแล้วและด้านนอกหมอกลงหนาจัดมาก
“กี่โมงแล้วนี่” สินเอ่ยขึ้นแม้มีนาฬิกาอยู่ที่ข้อมือแต่ก็ขี้เกียจยกขึ้นมาดู
“หกโมงกว่า” โยบอกแล้วพูดต่อว่า “หมอกลงหนามากทางรีสอร์ทเขากลัวรถใหญ่เข้าไปจะอันตราย เลยเอากระบะมารับ พวกเราเป็นชุดสุดท้ายคงอีกสักพัก”
รุ่นพี่สต๊าฟที่ดูแลรถคันนี้ก็ขึ้นมาบอกให้ทุกคนลงไปเตรียมตัวข้างล่างพร้อมสัมภาระของตัวเองและจัดกลุ่มแปดคนเพื่อขึ้นรถกระบะที่กำลังจะมาถึง
พวกเขาได้ขึ้นรถกระบะคันที่สามจากห้าคัน โดยสองคันหลังเป็นปีหนึ่งเพื่อนพวกเขาคันหนึ่งและรุ่นพี่สต๊าฟคันหนึ่ง รถกระบะทั้งหมดวิ่งตามกันเป็นขบวนโดยคันหลังคอยสังเกตคันด้านหน้าเป็นทอดๆ ไป
รถกระบะที่สินนั่งนั้น นอกจากสินแล้วยังมี
โยธา (โย) เพื่อนสนิทและคู่แข่งของสินตั้งแต่มัธยมต้น รูปร่างใกล้เคียงกับสินแต่จะไว้ผมรองทรงยาวกว่าและผิวขาวกว่า
ศรัณยู (ยู) เพื่อนที่รู้จักกันตอนเข้าคณะใหม่ๆ มีผิวขาวรูปร่างเล็ก (แต่ด้วยหน้าตาที่หล่อแบบตี๋ๆ จึงพอจะลบปมด้อยด้านความสูงได้บ้าง)
ทศทิศ (ทิด) เพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับยู ตัวใหญ่ผิวคล้ำ แต่เป็นคนตลกและสนุกสนาน
ศุภกาญจน์(กาน) (แนะนำไปแล้วนะครับ^_^)
ธีรา(ทีร่า) สาวสวยลูกครึ่งอังกฤษ ผมออกสีน้ำตาลเข้มสีเดียวกับตา ผิวขาวและรูปร่างสูงและหุ่นดี เป็นหนึ่งในสาวสวยประจำคณะ ที่สามารถเทียบกับสาวสวยคณะอื่นได้สบายๆ
ภารดี (ดี) สาวเปรี้ยว ผิวขาวรูปร่างผอมเพรียวแต่มีน้ำมีนวลเหมือนนางแบบ ทำให้เธอและทีร่าถูกรุ่นพี่จัดให้เป็นสองดาวคณะไปโดยปริยาย
นพมาศ (มาส) ผู้หญิงเรียนเก่งที่สุดในคณะของสิน (สอบเข้าได้อันดับหนึ่ง) เป็นชาวใต้ ผิวออกสีแทน หน้าตาสวยคม
สาวๆที่นั่งอยู่ในกระบะรถตอนหน้ากำลังหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานกับหนุ่มๆ ที่คุยเรื่อยเปื่อยสลับกับมุขตลกๆที่ ทิดกับยูยิงและรับกันอยู่
เมื่อรถแล่นมาได้สักพัก ทั้งเลี้ยวซ้าย ขวา ขึ้นเขา ลงเนิน โดยที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรห่างตัวไกลนักเนื่องจากหมอกที่ลงจัดมาก ขณะรถกำลังแล่นลงเนิน(หรือเขา)ลูกหนึ่งอยู่นั้น มาสก็รู้สึกผิดปกติเนื่องจากเธอหันหน้าไปคุยกับเพื่อนที่นั่งถัดไปด้านท้ายรถจึงบอกเพื่อนๆว่า “ทำไมแสงไฟของรถคันข้างหลังเราหายไปแล้วล่ะ”
ทุกคนจึงหันกลับไปมองด้านหลังสักพักหนึ่งแต่ก็ไม่มีวี่แววของไฟหน้ารถสักคันจะโผล่ออกมา
“หรือว่าพวกรถนั้นเสียหรือหลงทาง” ทิดเสนอความเห็นออกมา
สินที่นั่งอยู่หลังรถหันหน้าไปด้านหน้าพยายามมองฝ่าหมอกออกไปแล้วบอกกับเพื่อนๆว่า “เราก็ไม่เห็นไฟท้ายของรถคันด้านหน้าสักพักแล้วนะ”
“งั้นดีช่วยบอกคนขับรถทีสิ เผื่อพวกเราหลง” โยบอก
ความคิดเห็น