คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ชุดเกราะกับองค์ชายหน้าสวย
ตอนที่ 3
“แอ๊ดดด” ซาเรสเปิดประตูเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้ ห้องพักที่เตรียมไว้นั้นมีข้าวของเครื่องใช้หรูหราเหมือนในโรงแรมห้าดาวไม่มีผิด ธรรมดาเด็กบ้านนอกอย่างเขาน่าจะตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความรู้สึกโกรธที่อัดแน่นอยู่เต็มอกของเขาได้ เขากำลังอารมณ์เสียสุดๆเมื่อนึกถึงตอนนั้น
“เรื่องมันก็คือ...ไม่บอก รู้แค่ว่าตอนนี้เจ้าเป็นหลานของผู้สำเร็จราชการแห่งประเทศเอเธนเซีย เจ้าจะต้องเป็นเพื่อนกับองค์ชาย เจ้าต้องเข้าโรงเรียน เจ้าต้องปรับตัวจากเด็กบ้านนอกให้กลายเป็นเด็กเมืองกรุงให้ได้และสุดท้ายเจ้ามาหาปู่ที่ห้องคืนนี้ด้วย เข้าใจไหม” จบประโยคอันยาวยืด ชายแก่ก็เดินจากไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างสะใจ ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
“ฮึ่ย!!ตาแก่เจ้าเล่ห์” ซาเรสบ่นกระฟัดกระเฟียดอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็นึกบางอย่างขึ้นได้ สร้อยในความฝันที่มีอยู่จริงนั่น แล้วเขาก็ล้วงมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“อามุโด้” เขาพูดประโยคตามที่เสียงในความฝันบอก แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะมีแสงสว่างให้ตื่นเต้นสักนิด
“อ๋อ” แหมโง่ตั้งนานมันเป็นเครื่องประดับก็ต้องใส่ก่อนสิ แล้วเด็กชายก็ไม่รอช้านำสร้อยขึ้นคล้องตรงบริเวณหน้าผากของเขาทันที มันช่วยให้เด็กชายดูดีขึ้นเมื่อทองคำขาวสะอาดที่เข้ากับสีผิวขาวสะอาดของเขาเช่นกัน
“เอาใหม่...อามุโด้!” พลันเกิดแสงสว่างเจิดจ้าที่สร้อย จี้สร้อยรูปหน้ายักษ์ค่อยๆเคลื่อนตัวลอยมาตรงหน้าของเขา ไม่นานจี้สร้อยก็กลายรูปเป็นหน้ากากทองคำขาวที่มีส่วนตาเป็นกระจกสีแดง ส่วนปากเป็นโลหะไม่มีรอยปาก และส่วนหน้าผากมีเขาคู่งามประดับอย่างลงตัว ไม่เท่านั้นหน้ากากมีเขาก็ตรงเข้าประกบใบหน้าเด็กชายทันที
“เฮ้ย!!” เด็กชายสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ สองมือก็พยายามดึงหน้ากากออก แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หน้ากากมันดึงไม่ออก! และเขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างลามไปทั่วร่างของเขา
“ว้าว” เด็กชายไล่สายตามองไปทั่วร่าง พลางเดินไปที่กระจกเงาบานใหญ่เพื่อจะได้ดูร่างกายของเขาให้เต็มตา
ภาพในกระจกเป็นตัวของเขาแน่นอน แต่รูปร่างกลับไม่ใช่เขา รูปในกระจกปราศจากเค้าโครงเดิมของเขาทั้งสิ้น มีเพียงชายร่างสูงใหญ่ประมาณสองเมตรที่อยู่ในชุดเกราะทองคำขาวอันสง่างาม ไหล่ด้านซ้ายเป็นหน้ากากเช่นเดียวกับที่อยู่บนใบหน้าแต่ต่างกันเพียงเขาด้านบนที่มีอยู่เพียงเขาเดียว เช่นกันกับด้านขวาที่มีอยู่สามเขา และผ้าคลุมสีน้ำเงินผืนใหญ่ที่หลัง
“ก๊อกๆๆ” ยังไม่ทันได้ชื่นชมความงามสง่าของตัวเขาในกระจกเสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา จะทำยังไงล่ะทีนี้เขาไม่รู้วิธีถอดชุดเกราะซะด้วย ทำยังไงดีๆๆๆ
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและถี่มากขึ้นด้วย
ซาเรสเริ่มกระวนกระวายใจหนักขึ้นอีก จะเอายังไงล่ะทีนี้ เขาคลำใบหน้าด้วยความร้อนใจ และโชคก็เข้าข้างเขา เขาพบร่องรอยต่อระหว่างหน้ากากกับเกราะหุ้มตรงคอ เอาวะเป็นไงเป็นกัน เขารอช้างัดหน้ากากออกทันที
“ก๊อกๆๆๆๆๆๆ” เสียงเคาะประตูดังถี่ขึ้นอีกแสดงถึงอารมณ์ที่เริ่มไม่ดีของแขกผู้มาเยือน
“หาวววว มีอะไรครับ” ซาเรสเปิดประตูออกมา ด้วยสภาพที่เหมือนคนเพิ่งตื่นจากนิทราอันสงบ ซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
“ขอโทษค่ะ เอ่อ...องค์ชายทรงเรียกพบค่ะ” ผู้มาเยือนไม่ใช่ไครสาวใช้นั่นเองครับ
‘องค์ชายเหรอ คงเป็นลูกชายที่ราชาออรอนพูดถึงล่ะมั้ง’
“ที่ไหนล่ะ” เสียงยานคางพร้อมกับการขยี้ตาเป็นกิริยาที่แสดงถึงการพยายามจะตื่นให้เต็มที่
“เชิญตามดิฉันมาเลยค่ะ” สาวใช้พูดเสร็จก็หันหลังเดินนำไปทันที
“หึ” เด็กชายกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เหมือนกันปู่ของเขาไม่ผิดเพี้ยน
ณ สนามบินนครเอเธนเซีย เรือบินรูปนกขนาดใหญ่สีเขียว ซึ่งรูปร่างของนกเหล็กยักษ์ตัวนี้เป็นนกหายากในทวีปกอนด์วาเนีย เป็นทวีปที่อยู่ไกล้เส้นศูนย์สูตรที่สุดในทั้งสามทวีป คือ ลอเรเซียทางเหนือสุด กอนด์วาเนียตรงกลาง และเซเลนเธียล่างสุด ซึ่งประเทศเอเธนเซียก็อยู่ในทวีปนี้นั่นเอง
“ครืนนนนน” เสียงดังน่าปวดหัวของการลงจอดเรือบินเริ่มดังได้ไม่นานก็เงียบลง
เมื่อประตูถูกเปิดออกก็พบชายชุดสูทสีดำซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของเจ้าของเรือบินประมาณสิบกว่าก้าวเท้าลงมาเพื่อจัดเตรียมการลงมาของเจ้านาย
โดยมีพรมแดงปูลาดจากเรือบินไปยังทางเข้าและอื่นๆที่คนมีฐานะเขาทำกัน
เมื่อเสร็จสรรพ พวกเขาก็นั่งคุกเข่าเรียงกันพร้อมประนมมือถวายบังคมกันอย่างพร้อมเพรียง
“เชิญเสด็จพระเจ้าค่ะ” หัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ยขึ้น
ไม่ทันไรเด็กชายผู้สูงศักดิ์จากนครอันห่างไกลก็ก้าวเท้าเดินออกมาจากเรือบินอย่างสง่างามน่าเกรงขาม
ด้วยส่วนสูงที่มากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเล็กน้อยส่งผลให้เขาดู
โตกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน
ดวงตาสีนิลกร้าวแกร่ง พร้อมผมสั้นเสยตั้งสีเดียวกัน ทุกอย่างดูจะดีไปหมดหากไม่มีปานดำอันใหญ่เท่าไข่ไก่ที่แก้มด้านซ้ายทำให้ราศีแห่ง
ความสูงศักดิ์ถูกไปโดยสิ้นเชิง
“พระองค์ทรงรักษาพระวรกายด้วยนะพะยะค่ะ” ชายแก่ที่เป็นพี่เลี้ยงขององค์ชายน้อยผู้สูงศักดิ์ กล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะยังไม่ยอมตายก่อนจะได้กลับไปหรอก” เด็กชายพูดอย่างเด็ดเดี่ยวด้วยน้ำเสียงเจือความโกรธ
“ทางนี้ค่ะ” สาวใช้ในวังนำทางซาเรสมาจนถึงสวนดอกไม้หลังวัง ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์หลากหลายสีสันละลานตา และมีเด็กผมยาวสลวยถึงกลางหลังสีน้ำตาลเข้มและผมหางม้าสีเดียวกันทับอยู่อีกที
“เขาว่ากันว่า ชะตามักจะลิขิตให้คนเราได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง”ใช่แล้วอย่างที่คิด เมื่อเด็กผมยาวหันหน้ามาทางซาเรสเขาก็รู้ทันทีว่านี่คือคนที่เขาช่วยไว้จากชายชุดดำที่สวนสาธารณะ
“อ้าว นายคือคนที่แส่เข้ามาช่วยฉันตอนนั้นนี่”เด็กผมยาวพูด แค่เสียงที่เปล่งออกมาก็ทำให้ซาเรสรู้ว่าตอนนั้นเขาเข้าใจผิด เด็กคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็น เฮอะ เฮอะ
ผู้ชายอะไรสวยชะมัด!!
“ขอประทานโทษด้วยที่กระผมแส่”ซาเรสกัดฟันกรอด แต่ใบหน้ายังคงยิ้มตอบอย่างบิดเบี้ยว
“ไม่เป็นไรหรอก ข้ายกโทษให้”เด็กผมยาวบอกปัดๆ “นั่งสิ”
ซาเรสเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวตามคำเชิญ
“ฉันชื่อฮิโร่ เป็นบุตรแห่งราชาออรอน”เด็กผมยาวคนนี้ก็คือองค์ชายที่เรียกซาเรสนั่นเอง “นายสินะที่จะมาเป็นเพื่อนคนใหม่ของฉัน”
“ครับ”
“เฮ้อ ฉันล่ะเบื่อจริงๆไอ้พวกแหยๆแบบเนี่ย”
“หึ ทราบได้ยังไงครับว่าผม แหย”
“เฮอะ คำพูด กริยาท่าทางไง ไอ้พวกก่อนๆก็แบบนี้แหละเห็นฉันเป็นถึงองค์ชายก็ไม่กล้าทำโน่นนี่เกรงใจอยู่นั่นแหละแล้วแบบนี้จะเล่นกันยังไงให้สนุกกันเล่า”ถึงตอนนี้ซาเรสพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาต้องสนิทกับองค์ชาย ก็เอาแต่ใจอย่างนี้ไงเล่าถึงไม่ค่อยมีเพื่อนต้องดัดนิสัยสักหน่อย อยากได้เพื่อนที่ไม่แหย ซาเรสจัดให้
“แล้วผมจะต้องทำยังไงถึงจะไม่แหยล่ะครับ”
“พิสูจน์สิ”
“ยังไงล่ะครับ”
“มาซัดกันซักตั้งสิ”
“ได้เลยครับ”ซาเรสยิ้มเจ้าเล่ห์
แล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้
“เริ่มได้”แล้วระฆังการต่อสู้ก็ดังขึ้นจากสาวใช้
“ฉันก่อนเลยนะ”ฮิโร่ใช้วิชาคล้ายมายากล เอามือผัดหน้าครั้งเดียวก็ปรากฏหน้ากากสีเหลืองมีรูปสายฟ้าอยู่กลางหน้าผาก
ฮิโร่พุ่งร่างเข้าหาซาเรส รวดเร็วราวสายฟ้า แต่แล้ว
“ดึ๋งงงง”คล้ายมีม่านพลังสีใสอยู่ตรงหน้าซาเรส มันยืดหยุ่นและเหนียวนุ่มจนดีดร่างองค์ชายกระเด็นกลับไปล้มอยู่ตรงที่เดิม
“เฮ้อ”ซาเรสถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปนั่งจิบชาเหมือนเดิม
“หนอย”ฮิโร่ครางอย่างหัวเสีย เขาพุ่งตัวเข้าไปอีกรอบแต่พอใกล้จะถึงจุดที่มีม่านพลังเขากลับเปลี่ยนหน้ากากเป็นสีแดงที่มีเปลวเพลิงอยู่รอบใบหน้ากาก เปลวไฟพลันปรากฏขึ้นรอบกายของเขา
“ฝุบ”เปลวไฟรอบร่างของเขาแผดเผาม่านพลังของซาเรสที่เป็นธาตุน้ำ
น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แน่นอนฮิโร่สามารถทะลวงม่านพลังเข้ามาได้แล้วและกำลังจะถึงตัวเป้าหมาย
“มัจฉาโจนทะยาน”เสียงร้องที่แผ่วเบาเหมือนสายลมกระทบโสตหูของฮิโร่ที่กำลังย่ามใจโดยไม่ทันระวัง
“โครม”สายน้ำที่เปลี่ยนรูปเป็นปลาวาฬเพชฌฆาต โถมตัวใส่ร่างฮิโร่จนกระเด็นถอยไปอีกรอบ
“มัจฉาตรึงร่าง”ซาเรสสาดน้ำชาในแก้วไปด้านฮิโร่พลันน้ำชาเปลี่ยนรูปกลายเป็นปลาไหลสี่ตัวลอยเข้าไปรัดตรึงแขนขาทั้งสี่ขององค์ชาย
ฮิโร่พยามปลดปล่อยพลังงานความร้อนเพื่อสลายการรัดตรึงแต่ไม่ว่าจะแผดเผามันเท่าไรมันกลับยังอยู่ คล้ายกับว่ามีพลังน้ำมาเสริมอยู่เรื่อยๆ
“ยอมแล้ว”ฮิโร่กัดฟันประกาศความพ่ายแพ้ออกมาอย่างจำใจ แต่ก็ต้องทำเขาไม่เหลือพลังจะใช้สู้อีกแล้ว
ซาเรสปลดพันธนาการออกและเดินไปยื่นมือให้ฮิโร่
ฮิโร่ยื่นมือไปจับมือของซาเรสและยันตัวลุกขึ้นยืน
“นายเก่งนะ แต่ ฉันเก่งกว่า”ซาเรสพูดด้วยรอยยิ้ม
“เออ นายชนะนี่จะพูดอะไรก็พูดได้”ฮิโร่พูดและยิ้มตอบ
“ฮ่าๆๆ”ทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน
และนี่คือการพบกันครั้งแรกของสองในสามแกนนำผู้กู้โลก
tbc
ความคิดเห็น