ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซเลนเธเลี่ยน อาณาจักรมายา

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ความฝันกับราชานักกล้าม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 293
      1
      15 เม.ย. 53

    ตอนที่ 2

          “ปู่ ปู่อยู่ที่ไหน” เด็กหนุ่มร้องตะโกนเรียก ท่ามกลางพื้นที่ๆมีแสงสว่างขาวไปหมด เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาก็ไม่รู้ รู้สึกตัวก็มาอยู่ที่นี่แล้ว


          “ซาเรส” ไม่ใช่เสียงปู่เขา แต่เป็นเสียงผู้หญิงที่ไม่รู้จัก เขาตกใจแต่อีกใจหนึ่งก็ดีใจที่รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว


          “ใครนะ ออกมาพบกันสิครับ” เขาตะโกนเรียกเจ้าของเสียง เพราะยังไม่เห็นตัว


          “ไม่ได้หรอก ข้าพาเจ้ามาพบในที่นี่ได้เพียงครู่เดียว” เสียงนั้นตอบกลับ


          “งั้น ที่นี้คือที่ไหนครับ”


          “ห้วงนิมิต” เสียงนั้นตอบคำถามเขา และไม่รอให้เขาถามต่อ เสียงนั้นก็พูดอีก “ข้ามีเวลาไม่มาก มีสิ่งหนึ่งอยากให้เจ้า” เมื่อพูดจบบังเกิด “สร้อยร้อยศรีษะ” ลอยลอยได้เปล่งแสงสว่างไสว ตัวสร้อยนั้นมีจี้รูปหน้ายักษ์ มีเขาและเขี้ยวสีขาว ตาสีแดง สายสร้อยเป็นทองคำขาวสวยงาม แล้วมันก็ลอยมาทางมือเขา เขาแบมือรองรับแล้วมันก็ตกสู่มือเขา


          “ถ้าต้องการใช้งานให้พูดว่า “อามุโด้” แล้วเจ้าจะรู้ว่ามันคืออะไร” เสียงนั้นพูดกับเขาอีก


          “ให้ผมจริงหรอ” เด็กหนุ่มไม่แน่ใจ ที่อยู่ๆคนที่ไม่รู้จัก เขามาให้ของที่ดูสวยงามและมีค่าเช่นนี้


          “แน่นอน เพียงแต่ห้ามให้ปู่ของเจ้ารู้ว่าเจ้ามีอะไร แล้วมันจะมีประโยชน์กับเจ้า” เสียงนั้นยืนยันพร้อมบวกเงื่อนไข “ข้าไม่มีเวลาแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับแล้วกัน” สิ้นเสียง ถาพทุกอย่างหายไปหมด เหลือเพียงความมืด

    -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- 

          “...เรส ซาเรส” เสียงหนึ่งปลุกเด็กหนุ่มขึ้นจากความฝัน เขาเบิกเปลือกตาอย่างช้าๆเพราะยังไม่ชินกับแสง ปรากฏเป็นหน้าปู่ของเขาเอง เซโรสยิ้มอย่างเอ็นดู ให้มานั้งรอดันเพลอหลับได้ดีจริงๆ 

          “อ้าวปู่เองหรอ”

          “หลับได้หลับดีเลยนะ ถ้ามีขโมยมาขโมยเสื้อพงเสื้อผ้าไปจะทำยังไง หา” ชายแก่บนเสียงเย็น แต่ใบหน้านั้นดูท่าทางมีความสุข ที่ได้แกล้งเขา  เพราะเด็กหนุ่มก้มหน้างุด หน้าเจือนลง

          “เออ ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ”

          “ไปไหนครับ” เด็กหนุ่มถามงงๆ

          “ก็ที่พักไง” เออจริงด้วยเขาลืมไปได้ยังไง นี่ก็เย็นแล้วด้วย “ตามมา” แล้วชายแก่ก็เดินนำไป เด็กหนุ่มรีบไปขนของสัมถาระ แต่ก็พบว่ามือของเขาไม่ว่างเสียแล้ว มันมีสร้อยอันเดียวกับที่อยู่ในความฝัน เรื่องจริงหรอเนื้ย เขาคิดว่ามันเป็นแค่ฝันสะอีก 

          “เฮ้ย เร็วๆซี่” เสียงตะโกนเร่งดังมาจากปู่ของเขา เพราะว่าเขายังไม่ตามไปเลย

          “คร้าบ” เขาตะโกนกลับ แล้วรีบขนของตามไป

    -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- -- 

          เซโรส พามาหยุดอยู่หน้าปราสาทหลังงามหลังหนึ่ง ตัวปราสาทแนวยุโรปตั้งตะหง่านอยู่กลางคูน้ำที่ล้อมรอบ และทุ่หญ้ากว้างใหญ่สุดตา มีทั้งค้ายทหารโรงม้าและโรงครัวอีกมากมาย ซึ่งดูยังไงมันก็ปราสาทพระราชาชัดๆ ถ้าไม่ใช่ก็เป็นมหาเศรษฐี

          “ปู่ มาที่นี่ ทำไมอะ” ซาเรสถามขึ้นขณะเดินตามปู่ของเขา

          “ก็นี่คือที่พักเราไง” ชายแก่เดินพูดไปโดยไม่หันไปมองคนถาม

          “แต่...ปู่” เด็กหนุ่มยังคงงงๆที่มาที่นี่ คนระดับพวกเขามีธุระอะไร กับปราสาทหลังใหญ่ขนานนี้

          “เงียบแล้วดูไปเถอะ” ชายแกพูดจบประโยค สักพักก็เดินมาถึงประตูรั้วหน้าปราสาท มีทหารเฝ้าประตูอยู่ 2 คน

          “ถ้าจะมาขอทานไปข้างนอกเลยไป” ยามคนหนึ่งไล่ชายแกกับเด็กหนุ่มอย่างหมูอย่างหมา เพราะเครื่องแต่งกายของชายแก่และเด็กหนุ่ม นั้นดูเก่าอย่างมากดูเหมือนขอทานมากกว่า งดูไม่เหมือนคนที่จะมีธุระอะไรกับปราสาทหลังนี้


          
    ซาเรสทำท่าจะเถียงกับว่าพวกเขาไมได้มาทำอย่างนั้น แต่ชายแก่ยกมือห้ามไว้ชะก่อน แล้วชายแก่ก็หยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันเป็นตราสีทองทรงแปดเหลี่ยม ชายแก่ชูให้ยามดูพวกนั้นอ้าปากเหวออย่างตกใจสุดๆ เมื้อได้สติยามคนนั้นก้มศรีษะคำนับ


          “ขอประทานโทษจริงๆครับ ข้าไม่ทราบว่าท่านมีป้ายอาญาสิทธิ์” ยามรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เพราะถ้าไปยุ่งกับคนมีป้ายอาญาสิทธิ์ คงจะถูกกุดหัวในไม่ช้า

          “ไม่เป็นไร เจ้าโดนลงโทษแน่” ชายแก่สงสายตาคาดโทษไว้ เพราะทหารทำตัวแบบนี้มันเสือมต่อสถาบันกษัตริย์ “เอ้า ยืนทื่ออยู่ทำไมเปิดประตูให้ข้าสิ”

          ยามเฝ้าประตู  จำต้องเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป  ด้วยใบหน้าละห้อย หมดเรี่ยวหมดแรง  จนยามอีกคนต้องมาช่วยกันเปิด  ชายแก่จึงเดินเข้าไปและเด็กชายที่เดินตามอย่าง งงๆ  ป้ายอาญาสิทธิ์นั่นมันคืออะไร แล้วปู่เขาได้มายังไง

          เมื่อผ่านประตูหน้าปราสาทมาแล้ว  ชายแก่ก็ตรงเข้าปราสาททันที  เมื่อถึงประตูหน้าปราสาท ก็มีทหารยามเฝ้าประตูอีกเหมือนกัน  แต่ทหารยามก็เปิดให้เข้าแต่โดยดี

    เพราะเซโรสชู ป้ายอาญาสิทธิ์หราเลย  และอีกอย่างในเมื่อเข้าประตูหน้ามาได้แล้ว

    มีหรือจะเข้าปราสาทไม่ได้  แต่ก็ยังคงปรากฏสีหน้าแปลกใจของ   ยามทั้งสอง และ ซาเรสที่มากกว่ายามมาก

          เมื่อเข้าไปในตัวปราสาท  ซึ่งจะดูสวยงามกว่าข้างนอกหลายเท่านัก  พื้นที่เป็นหินอ่อน  ตามหน้าต่างที่เคลือบสีเป็นรูปต่างๆสวยงาม  โคมไฟคริสตัลระโยงระยางอยู่บนเพดานอย่างสวยงามระยิบระยับ

          เมื่อเดินมาเรื่อยๆ  ก็ถึงห้องโถงกว้าง  คล้ายจะเป็นท้องพระโรง  ข้างในนั้นดูจะสวยงามกว่าข้างนอกมาก  มีพรมแดงปูเป็นทาง  ยาวไปจนสุดกำแพง  มีขั้นบันไดขึ้นไปเป็นแท่น  บนนั้นมีบัลลังก์ใหญ่สีทอง  ประดับเพชรนิลจินดามากมาย  ที่สำคัญมีชายฉกรรจ์  รูปร่างสูงใหญ่องอาจ  นั่งอยู่บนบัลลังก์  กล้ามที่โชว์ให้เห็นบางส่วน เป็นมัดดูแข็งแรงคล้ายหมี  ในชุดทรงกษัตริย์  ใบหน้าที่ดูอายุประมาณ 40 ต้นๆ  เส้นผมดำสั้นที่เสยขึ้นดั่งราชสีห์  ดวงตาน้ำตาลไหม้ที่คมกล้าดุจนกอินทรีย์  กรามที่ใหญ่อย่างพอดีเหมือนปลาฉลาม  แสดงถึงความมีอำนาจ

          ซาเรสกำลังตะลึงในความ  องอาจน่าเกรงขามดุจพระเจ้าช่างปั้น  ชายผู้อยู่บนบัลลังก์เมื่อเห็นเซโรสก็เผยรอยยิ้มอย่างดีใจ

          “บิดา !!  ท่านมาแล้วเหรอ”  เสียงมีอำนาจกล่าวคำแรกกับเซโรส  ชายแก่ทำความเคารพเขา

         “ถวายบังคมพะยะค่ะ  องค์ราชา”  ซาเรสเกิดอาการ งง งง และ งง ในทุกเรื่องตั้งแต่

    ฉะกับพวกชุดดำ  กระทั่งถึงตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว   ปวดหัว!!

          “ลุกขึ้นเถิด  บิดา”  ได้ยินดังนั้นชายแก่จึงเงยหน้าขึ้นมอง

          “ท่านดูโทรมไปโขนะฝ่าบาท”นี่โทรมเหรอครับ  ซาเรสคิด  นี่ขนาดโทรมยังดูองอาจมีราศีขนาดนี้

          “ก็มีหลายเรื่องน่ะบิดาข้าเครียดไปหมด  แต่เพราะข้าคือราชา  จึงยอมทน  แต่ก็มีอีกเรื่องที่ข้าต้องเรียกตัวท่านกลับมา  ถึงท่านจะเกษียนไปแล้วก็เถอะ  แต่มีเพียงท่านเท่านั้น  ผู้เคยเป็นมหาจอมเวท และ เป็นองครักษ์มือขวาของเสด็จพ่อ ที่จะช่วยข้าได้”

    องค์ราชาบอกเหตุผลมี่ท่านดูโทรมลง และบอกเรื่องที่ซาเรสสงสัย  ให้คลายไปได้เปาะว่าเขาและปู่ต้องมาที่นี้เพราะอะไร “ก็เรื่องที่ข้าได้เรียนไว้ในจดหมายนั้นแหละ”

          “อืม” ชายแก่รับคำในลำคอ และดึงตัวซาเรสไปข้างหน้า “นี่ ซาเรสไงท่านจำได้ไหม”

          “สวัสดี เอ๊ย ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ” เด็กหนุ่มตกใจมากที่อยู่ๆปู่ก็แนะนำเขากระทันหันแบบนี้ เขารีบคุกเข่าและคำนับทันทีอย่างปู่เขา

          “เอ้อๆ ฮะ ฮะ ฮะ ไม่เป็นไรลุกขึ้นเถอะ”องค์ราชาตลกในท่าทางของซาเรสพลางบอกให้ลุกขึ้น “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ตั้งแต่เจ้าเกิดเลยมั้ง ข้าเคยอุ้มเจ้าครั้งเดียวเอง” นี่เขาเคยถูกชายผู้สูงศักดิ์อุ้มด้วยหรือนี่

          “อือ เจ้าเกิดพร้อมลูกชายข้าพอดีเลยนี่ ลูกชายข้านี่ก็ไม่ไหวไม่เอาการเอางาน อย่างนู้นก็ไม่ได้อย่างนี่ ก็ไม่ไหวหน้ามันเหมือนแม่มันยังกับแกะ เพื่อนก็ไม่ค่อยมี ชอบเก็บตัว เฮ้อ แต่เพราะเราคือราชา จึงต้องหาวิธีอะไรจัดการสักอย่าง” องค์ราชาขุดเรื่องลูกตัวเอง “อ้อ  เจ้ายังไม่รู้ชื่อข้านี่  นี่บิดาท่านบอกหรือยัง”

          “ยังเลยพระเจ้าค่ะ” ชายแก่ตอบคำ

          “อะแฮ่ม ฟังนะข้าชื่อออรอน เวนเดสต้า และข้าคือราชา555+”ราชาเปล่งพระวาจาทรงอำนาจ พระสุรเสียงดังกัมปนาทจนเด็กหนุ่มตัวสั่น

          “เดี๋ยวก่อนพระองค์” ชายแก่กล่าวหยุดการแผ่อำนาจขององค์ราชา “หลานข้ากลัวหมดแล้ว”

          “อ้อ ขอโทษด้วย” องค์ราชาทรงกล่าวขอทา แหมพอบอกชื่อแล้วพูดประโยคนั้นทีไรมันท่านดูมีอำนาจมากกว่าเดิมยังไงไม่รู้

          “เอ้า  เจ้ามีอะไรจะถามข้าไหม” ซาเรส สดุ้งอีกครั้ง ตั้งแต่เข้ามาในปราสาทนี้เขา สดุ้ง3ครั้งติดเลย

          “เอ่อ...ทำไมท่านถึงเรียก  ปู่ข้าว่า  บิดาล่ะครับ เอ๊ย! พะยะค่ะ” ซาเรส เอ่ยถามขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

          “ก็เพราะข้าคือราชา  ข้าจะเรียกอย่างนี้  แล้วใครจะว่าข้าได้”องค์ราชากล่าวตอบ  โดยไม่ลืมสโลแกนประจำตัวของท่าน “มีอะไรอีกไหม”

          “เอ่อ...ไม่แล้วพะยะค่ะ” ถึงมี ก็ไม่กล้าแล้ว

          “ดี...งั้นท่านและหลานไปพักก่อนเถอะบิดา เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อย” เมื่อสิ้นคำองค์ราชาก็ตบมือเรียกเด็กรับใช้ให้พาไปพักที่ห้อง และขนสัมภาระไป “กราบทูลลาพระยะค่ะ”

          ชายแก่และเด็กหนุ่ม  เดินทางมาถึงห้องพัก  แล้วซาเรสก็ถามปู่ของเขา

          “มันเกิดอะไรขึ้นปู่ ปู่ต้องเล่าให้ผมฟังทั้งหมดนะครับ” ชายแก่ยิ้มและตอบกลับ

          “เรื่องมันก็คือ...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×