คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่11 กลิ่นของชัยชนะ
ตอนที่ 11 กลิ่นของชัยชนะ
“อาคุเมทสึ”ซาเรสหันมาเรียกเด็กชาวลอเรเซียอีกคนที่อยู่ข้างเขา “นายมีหน้าที่คอยลอบสังหารเด็กๆกลุ่มอื่นที่หลบอยู่นะ แต่ต้องทำให้ไร้ร่องรอยที่สุด”
“ครับ! ท่านแม่ทัพ”อาคุเมทสึทำท่าตะเบ๊ะอย่างทหาร แล้วส่งยิ้มขี้เล่นให้ซาเรสก่อที่จะหายตัวไปกับความมืด
“รินกะ เรนกะ”ซาเรสเรียกเด็กผู้หญิงฝาแฝดคู่หนึ่ง
“ขา! ท่านแม่ทัพ”สองสาวฝาแฝดร้องเสียงดังเหมือนล้อเลียน “คิกๆๆ”
“เฮ้อ เลิกเล่นเถอะ ผมเขินนะ”ซาเรสยิ้มอายแล้วเกาหัว “คุณสองคนไปตามช่วยอาคุเมทสึลอบสังหารนะ แต่ต้องไม่ให้อาคุเมทสึรู้ตัว”
“ทำไมล่ะ”ฝาแฝดร้องถามพร้อมกัน
“เพราะหน้าที่ของพวกคุณจริงๆ คือระวังหลังให้อาคุเมทสึ ลอบสังหารคนที่เขามองข้าม ดังนั้นต้องไม่ให้เขารู้ เขาจะได้ทำงานได้เต็มที่ เข้าใจนะครับ”
“รับทราบค่ะท่านแม่ทัพ”แล้วทั้งสองก็หายตัวไป
ซาเรสหันไปมองการต่อสู้ ‘เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น’
ราพณาสูรพุ่งลงกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย “ตู้ม!!”
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ มีใครใช้ปืนใหญ่ด้วยเหรอ!”เสียงตกใจของทั้งสองฝ่ายดังระงมไปหมด
ทุกสายตาจ้องมองไปยังที่เกิดเหตุ ที่มีกลุ่มฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปหมดไม่สามารถจะมองเหตุด้านในได้ว่ามีอะไรตกลงมา
แต่เมื่อกลุ่มควันเริ่มจางลง กลับมีเงาอะไรแปลกที่เหมือนสัตว์ประหลาดหางยาวๆจนทุกคนเริ่มรู้สึกกลัว เมื่อควันจางหายไปหมดทุกคนก็ร้องอ๋อขึ้นมาทันที
ราพณสูรก้มหน้าพาดกระบองยักษ์ยาวสามเมตรไว้ที่บ่า เขาเงยหน้าขึ้นสอดส่องสายตามองไปจนรอบแล้วทำหน้าซื่อๆ “เอ้า สู้กันต่อสิครับ”
สิ้นคำของราพณาสูร การรบก็ดำเนินต่อทันที
“ย้าก!”เสียงทหารกองทัพฝ่ายตรงข้ามที่ พุ่งดาบเข้าหาราพณาสูร
ราพณาสูรเอี้ยวตัวหลบดาบ พลางตวัดกระบองสวนกลับเข้าที่กลางหลังของคู่ต่อสู้
แต่ไม่แค่นั้น!!
ด้วยความยาวของกระบองกลับทำให้คนรอบข้างไม่ว่าฝ่ายใดก็แล้วแต่ ต้องโดนกระบองฟาดจนกระเด็นตามกันไปกว่าสิบคน
“ไอ้บ้า!! จะฆ่าพวกเดียวกันเองรึไง!”เด็กผู้สมัครกลุ่มอื่นที่เห็นกลุ่มตัวเองโดนราพณาสูรฟาดกระเด็นไปก็หันมาตะโกนใส่ด้วยความโกรธ
“ใครพวกคุณไม่ทราบ”ราพณาสูรสวนคำกลับนิ่งๆ
“งั้นแกก็อย่าอยู่เลย!”เด็กคนนั้นควงง้าวอย่างคล่องแคล่วเข้าหาราพณาสูร
แต่ด้วยความยาวของอาวุธที่มีมากกว่า ราพณาสูรแทงกระบองสวนเข้าไปที่หน้าอกของเด็กคนนั้นจนร้องจุก แล้วเขาก็หมุนตัว “จักราผ่าสวรรค์!”
ราพณาสูรหมุนตัวไปรอบๆ แล้วควงกระบองยักษ์ด้วยความเร็ว ทำร้ายผู้ที่อยู่ในรัศมีคมอาวุธเขาทุกคนจนเป็นแสงหายขึ้นฟ้าไป แน่นอน เด็กคนนั้นก็เป็นแสงไปแล้ว
จริงๆราพณาสูรก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้นักหรอก เพราะเขาก็เป็นคนที่อ่อนโยนไม่อยากจะทำร้ายใคร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ฝั่งเดียวกัน แต่ซาเรสบอกว่า ‘พวกที่ช่วยกันสู้อยู่นี้ เดี๋ยวก็ต้องหันมาฆ่ากันเองอยู่ดีเพราะต้องการเข้าโรงเรียน ดังนั้นเราจงห่วงพวกกลุ่มเดียวกันไว้ก่อนดีกว่า เขาว่ากันว่า ไม่มีอะไรสำคัญเท่าแขนขาเราเอง เพราะมันจะไม่ทรยศเรา’
“พี่ ดูนั่นสิ”นักรบขี่มังกรสีเงินร้องเรียก นักรบขี่มังกรสีทอง
นักรบมังกรสีทองหันไปมองตามที่ผู้เป็นน้องบอก พลางทำหน้าแปลกใจแม้จะใส่หมวกเหล็กอยู่ก็ตาม
ต่อยักษ์สีเขียวที่ตัวเล็กกว่ามังกรของพวกเขานิดหนึ่ง กำลังบินมาทางพวกเขาด้วยความเร็วสูง ด้านหลังต่อยักษ์มีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่
นักรบมังกรทั้งสองแค่มองตาเด็กคนนั้นก็สั่นสะท้านขนลุกไปทั้งตัว ‘ทำไมถึงน่ากลัวอย่างนี้ ถึงจะไม่เท่าเจ้านั่นก็เถอะ แล้วนั่นมันอะไร เกิดมาทั้งชีวิตเรายังไม่เคยเห็นต่อตัวใหญ่ขนาดนั้นมาก่อนเลย และยังมีคนสามารถควบคุมมันได้อีก ขนาดเรากว่าจะได้เจ้า โกลเด้นรีทรีฟเว่อร์มาขี่ยังเหนื่อยแถบรากเลือด แล้วต่อนั้นเขาทำอย่างไรนะ ไม่ได้การณ์ละ ต้องให้เด็กนั่นมาเป็นรุ่นน้องให้ได้’นักรบมักรทองคิด
“พี่! เตรียมรับมือเถอะ เด็กนั่นใกล้มาแล้ว”นักรบมังกรเงินร้องเรียกพี่ชาย
“อือ!”นักรบมังกรทองขานรับ
ไสยรันณ์ชี้นิ้วไปที่นักรบมังกรทั้งสองแล้วพึมพำคนเดียวอีกครั้ง แล้วก็มีเงาสีดำห้าดวงพุ่งออกมาจากร่างกายเขาตรงเขาหานักรบมังกรทั้งสอง
“เฮ้ย!อะไรวะ”นักรบมังกรทองและนักรบมังกรเงินร้องขึ้นพร้อมกันพลางสั่งมังกรบินหลบ แต่ก็ไม่สามารถหลบได้ เงาดำทั้งหลายเหมือนจรวดติดตามสามารถหักเหวิถีการบินได้
“หลบไม่ทันแล้วพี่!”แล้วเงาดำทั้งหลายก็พุ่งผ่านศรีษะพวกเขาไป
“อ้าว?”ทั้งสองมองหน้ากันงงๆ “ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
“แต่พี่รู้สึกแปลกๆ”นักรบมังกรทองว่า “คันหัวยังไงไม่รู้สิ”
นักรบมังกรเงินก็เริ่มรู้สึกเช่นกัน แล้วทั้งสองก็ถอดหมวกออก
“พี่! ผมพี่หายไปกระจุกหนึ่ง!”นักรบมังกรเงินร้องบอก
“เออ! ของแกก็เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าหลายกระจุกเลยนะ”
“นี่จ้ะ พ่อ”เงาสีดำค่อยๆเปล่งแสงแล้วก็กลายร่างเป็นเด็กชายอายุประมาณสามขวบใส่กางเกงโจงกระเบนสีแดง มีกำไลและสร้อยสีทองประดับอยู่ ผมถูกเกล้าเป็นจุก ร่างกายจ้ำมั่มน่ารักน่าชัง กำลังยื่นมือที่กำอะไรบางอย่างให้ไสยรันณ์ แล้วยิ้มยิงฟันจนตาปิด
“ขอบใจมาก หนูแดง”ไสยรันณ์ยื่นมือไปรับ มันเป็นเส้นผมสีทองของนักรบมังกรทอง
“พ่อจ๋า!!”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็ก ดังขึ้นมาทางเงาอีกสี่เงา
เงาทั้งสี่เปล่งแสงแล้วก็กลายเป็นเด็กอีกห้าคน คนแรกเด็กผู้ชายอายุเท่าหนูแดงใส่โจงกระเบนสีน้ำเงิน คนที่สองเด็กชายเช่นกันใส่โจงกระเบนสีเขียว คนที่สามก็ยังเป็นเด็กชายใส่โจงกระเบนสีเหลือง สุดท้ายเด็กน้อยคนที่สี่เป็นเด็กผู้หญิงใส่โจงกระเบนและผ้าคาดอกสีชมพู
ในมือเด็กแต่ละคนมีเส้นผมสีเงินคนละกำรวมเป็นสี่กำ
“นี่จ้ะพ่อ”เด็กทั้งสี่คนเรียงแถวกันยื่นเส้นผมให้ไสยรันณ์
“พ่อขอบใจทุกคนมากนะ ทั้งหนูแดง หนูเขียว หนูฟ้า หนูเหลือง แล้วก็หนูบานเย็นด้วยนะ เก่งมากทุกคนเลย”ไสยรันณ์ร้องขอบใจเด็กทั้งห้า
“แน่นอนอยู่แล้วครับพ่อ”หนูแดงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูด “เพราะพวกเราคือ...!”
แล้วเด็กทั้งห้าก็ค่อยๆไปยืนประจำที่ของตนเตรียมโพสท์ท่า โดยมีหนูบานเย็นเด็กผู้หญิงคนเดียวอยู่ตรงกลาง
“ขบวนการห้าสี กุมารน้อยพิทักษ์คุณธรรม!!”แล้วก็มีระเบิดควันห้าสีเล็กๆอยู่ด้านหลังที่ไม่รู้ว่าใครทำ
“จ้าๆ พ่อรู้แล้ว”ไสยรันณ์รับคำเสียงอ่อย พร้อมกุมขมับ ‘ไม่น่าให้เด็กพวกนี้ดูการ์ตูนเยอะเล้ย’ แล้วเขาก็ต้องตกใจ “หลบเร็ว!!”
ไสยรันณ์บังคับต่อยักษ์หลบลูกน้ำแข็งที่พุ่งมา แล้วให้กุมารทั้งห้าเข้ามาหลบในตัวเอง
“จะเอาผมพวกฉันไปทำไมฮะ!”นักรบมังกรเงินพูดขึ้นอย่างหัวเสียที่ตนโดนดึงไปหลายกระจุก
“หึหึหึหึ เดี๋ยวก็รู้”ไสยรันณ์หัวเราะแสยะยิ้มน่ากลัว พลางสั่งต่อยักษ์ให้บินหลบก้อนน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามา
ไสยรันณ์หยิบตุ๊กตาฟางรูปร่างคล้ายคนออกมาสองตัว เขานำเส้นผมของทั้งสองคนมาผูกติดกับตุ๊กตา แล้วนำสายสินญ์มาพัน
“มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ”นักรบมังกรทองวิเคราะห์ แล้วหันไปบอกน้อง “อย่าให้มันทำไอ้ตุ๊กตานั่นเสร็จ! เร็ว!”
แล้วนักรบมังกรทั้งสองระดมยิงลูกไฟและน้ำแข็งใส่ แต่ต่อยักษ์ก็สามารถหลบได้ทุกครั้งไป ทั้งสองจึงเปลี่ยนมาควงหอกยาวไล่แทงต่อยักษ์ และไสนรัณ์ที่อยู่บนหลังต่อ แต่ก็ไม่โดนเต็มๆเลยสักครั้งได้แค่เพียงเฉี่ยวไปมาเท่านั้น
ในสนามรบ
ราพณาสูรยังคงกวัดแกว่งกระบองยักษ์อย่างบ้าคลั่ง เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น ไม่ว่าศัตรูหรือพวกเดียวกัน ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่อยู่ในรัศมีกระบองของเขาล่ะก็ จำต้องเป็นแสงลอยขึ้นฟ้าไปเสียทุกครั้ง
จนตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาแล้ว คนที่เห็นการต่อสู้ของเขาก็เอาแต่ร้องว่า “ปีศาจๆ! มันไม่ใช่มนุษย์!!”
แต่ราพณาสูรกลับลอบเถียงในใจว่า ‘ใช่สิ แต่ครึ่งเดียวนะ’
“หลบไป!!”เสียงแข็งกร้าวดังก้องขึ้น ในสนามรบที่อึกทึกยังต้องเงียบลงและหันไปมองตามเสียง
เด็กหนุ่มอายุสิบห้าร่างกายแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ในมือของเขามีดาบเล่มใหญ่ยาวสองเมตรกว้างครึ่งเมตร สีฟ้าอ่อนๆที่มีความเงาของสีเงินปนอยู่ด้วย ใบดาบรอบด้านบิ่นแทบไม่เห็นความคม
“เก่งนี่ไอ้น้อง”ผู้มาใหม่ชี้ดาบอันใหญ่โตไปที่หน้าราพณาสูร “เจอกับพี่หน่อยไหม”
ราพณาสูรควงกระบองอย่างคล่องแคล่ว จนเกิดลมหมุนรอบตัวเขาเพราะความแรงจากการควงกระบอง “เข้ามา”
“หึ”เด็กหนุ่มผู้ท้ากลับถูกท้ากลับ เขาหัวเราะอย่างชอบใจที่หนึ่ง “รับมือ!” เขายกดาบขึ้นเหนือหัวแล้วกระโดดฟาดคมอาวุธใส่ราพณาสูร
“เคร้ง!”ราพณาสูรยกกระบองขึ้นกัน ตอนแรกเขาคิดว่าคงจะรับมือง่ายๆ แต่ความรุนแรงของดาบคู่ต่อสู้ถึงกับทำให้เขาถอยหลังไปสองก้าวเลยทีเดียว
ราพณาสูรพลักดาบยักษ์ของคู่ต่อสู้ออกไป แล้วหันหลังตวัดกระบองใส่อีก
แต่คู่ต่อสู้เขากลับรับได้! ทั้งๆที่แรงของเขามนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะรับได้โดยไม่เกิดบาดแผลอย่างนี้
“หึหึ ฉันว่าเราเหมือนกันนะ”เด็กหนุ่มพูดอะไรแปลกๆออกมา คนนอกอาจไม่เข้าใจแต่ราพณาสูรกลับเข้าใจในความหมายนั้นดี
มันหมายความว่า ‘เขาก็เป็นลูกครึ่งยักษ์แบบเราเหรอ!!’
“ฉันชื่อ คิมอน”เขาบอกราพณาสูร แล้วส่งเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน “เป็นลูกครึ่งยักษ์แดงเขาเดียว”
ยักษ์แดงเขาเดียว เป็นยักษ์ที่มีความคล้ายมนุษ์มาก แต่ร่างกายจะมีสีแดงและมีเขาอันใหญ่อยู่กลางหน้าผาก ยักษ์แดงเขาเดียวเป็นเผ่าพันธุ์ยักษ์เร่ร่อนที่ไม่เคารพใครทั้งสิ้น พวกเขาชอบอยู่สันโดษในป่า นานๆทีจะลงมาหาอาหารแถวเขตแดนมนุษย์ และเมื่อมนุษย์คนใดพบเห็นก็มักไล่ทำร้ายอยู่เสมอๆ ดังนั้นพวกยักแดงเขาเดียวจึงอาจจะไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก พวกยักษ์แดงเขาเดียวเป็นยักษ์ที่ดีเด่นทางด้าน พละกำลังและความเร็ว เป็นที่ต้องการของพญายักษ์ชั้นเทพเป็นอย่างมาก เพราะพวกนี้เป็นทหารที่ทำการรบได้เยี่ยมยอด ต่างจากยักษ์ชนิดอื่น แต่พวกเขาเป็นยักษ์ที่รักสงบ จึงไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของพญายักษ์ชั้นเทพเช่นยักษ์ชนิดอื่น
ราพณาสูรแม้พอจะเดาได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังตกใจเล็กน้อยที่มีลูกครึ่งยักษ์แบบเขา
“ผมชื่อ ราพณาสูร”ราพณาสูรแนะนำตัวกลับบ้าง “เป็นลูกครึ่งยักษ์ชั้นเทพ”
ยักษ์ชั้นเทพเป็นยักษ์ที่มีรูปงามปานเทพบุตรเทพธิดา พวกเขาเหมือนมนุษย์ทุกๆอย่างแต่บางตนที่มีฤทธิ์มากก็อาจมีบางส่วนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นมา เช่น แขน ขา หรือแม้แต่ศรีษะ
ยักษ์ชั้นเทพเป็นพวกที่เชื่อว่า บรรพบุรุษของตนเองเคยอยู่บนสวรรค์ร่วมกับเทวดา เด่นทางด้านพละกำลังและมนตราโบราณ ที่เรียกว่า ‘มนตร์ยักษพรหม’ ด้วยเวทมนตร์โบราณนี้เองที่ทำให้ยักษ์ชั้นเทพก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของเผ่าพันธุ์ยักษ์
เวทมนตร์โบราณ มนตร์ยักษพรหม เป็นสายเวทย์ที่ไม่ถูกจัดอยู่ในหนังสือเรียนเวทมนตร์ว่ามีอยู่ด้วยซ้ำ เพราะเวทย์สายนี้จะถูกสอนในหมู่ยักษ์ชั้นเทพเท่านั้น
คิมอนมีสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่ง “ก็คิดอยู่หรอกว่าอาจเป็นยักษ์ชั้นสูง แต่ไม่คิดว่าจะสูงที่สุด”
“แต่ยังไงก็แค่ครึ่งเดียวนี่ครับ”ราพณาสูรตอบ
“นั่นสินะ”คิมอนถอนหายใจอย่างปลงๆ “แต่อย่าคิดนะว่าจะชนะฉันได้ ถึงสายเลือดนายจะสูงกว่าแต่ด้านการต่อสู้ฉันไม่เป็นรองแน่นอน!!”
แล้วทั้งสองก็ตรงเข้าฟาดฟันอาวุธใส่กันอย่างดุเดือด จนคนที่สู้ด้วยรอบข้างต้องถอยห่างออกมาก่อนที่จะโดนลูกหลงจากอาวุธอันใหญ่ยักษ์ของทั้งคู่
“น่าจะได้เวลาแล้วนะ”ซาเรสพูดกับตัวเองเบาๆ
ในสนามรบที่เหลือไพร่พลของแต่ละฝ่ายเพียงหยิบมือ ฝ่ายผู้สมัครที่มีกำลังพลประมาณเรือนหมื่นกลับเหลือไม่ถึงสองพัน และกองทัพฝ่ายโรงเรียนพิทักษ์โลกที่เหลือเพียงห้าสิบกว่าคนเท่านั้นก็เป็นเวลาที่ซาเรสเห็สมควรว่าน่าจะบุกไปนำตราสัญลักษ์มาประดับกลุ่มสักที
ซาเรสเดินออกมาจากที่ซ่อน เป็นสัญญาณบอกทุกคนในกลุ่มว่าได้เวลาแล้วนั่นเอง
ทุกคนในกลุ่มเริ่มทยอยกันออกมายืนข้างซาเรส บางคนก็หลับไปแล้วจนต้องปลุกขึ้นมา แต่ทุกคนก็ตื่นตัวคึกคักกันเป็นอย่างมาก
“ฮิโร่ มานี่”ซาเรสหันมาเรียกฮีโร่ที่นั่งรออย่างเบื่อหน่ายมานานแล้ว “นายไปกับฉัน เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ดูแลได้”
ฮิโร่มองค้อนแก้มป่องใส่ซาเรส “ฉันโตแล้วนะ”
“เหรอ แล้วตอนนั้นใครนะ ที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งหาพ่อเหมือนเด็กเล็กๆน่ะฮะ”
“ นะ
! นั่นเขาเรียกผู้ชายอ่อนโยนต่างหาก”ฮิโร่รีบแก้ตัวเสียงสูง
ซาเรสยิ้มแล้วส่ายหน้า
ซาเรสโบกมือทีหนึ่งก็เกิดก้อนน้ำลอยในอากาศ ที่ค่อยขยายขนาดขึ้นจนมันเท่าล้อรถขนาดใหญ่
หลายๆคนเริ่มหันมามองอย่าสนใจว่าเขาจะทำอะไร
แล้วก้อนน้ำก็เริ่มก่อรูปร่างจนกลายเป็นเต่าตัวใหญ่ที่ใส่จนมองทลุได้
ซาเรสกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังมันแล้วกวักมือเรียกฮิโร่ให่ขึ้นมา ฮิโร่ทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยอมขึ้นไปอย่างเก้ๆกังๆ
“ทุกคน ไปเถอะ”ซาเรสหันไปบอกคนในกลุ่มที่กำลังยืนอึ้งอยู่
เต่าน้ำเริ่มเคลื่อนไหว มันไม่ได้ช้าสมชื่อสักนิดเพราะตอนนี้มันกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วพอๆกับนกบินเลยที่เดียว ซาเรสหันไปมองทุกคนที่ตามมาแล้วก็ตะโกนขึ้น
“บุก!!!”
TBC
วันนี้ผมเริ่มสอบแล้วนะเนี่ย ภาษาณี่ปุ่นกับกฎหมายยากมากเลย แล้วคณิตก็ทำไม่ได้สักข้อ 55555555555+
ความคิดเห็น