ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Frozen [elsanna] พี่แล้วทำไม ถ้าใจจะรัก Ft. Malora

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ความจริงที่เปิดเผย

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 57


    “อรุณสวัสดิ์เอลซ่า”เสียงทักทายดังขึ้น เมื่อสาวผมบลอนด์ก้าวลงบันไดมา

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ”เอลซ่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปกล่าวคำทักทายแก่ผู้เป็นพ่อที่นั่งประจำอยู่โต๊ะอาหาร พ่อของเธอบินกลับมาดูธุรกิจโรมแรมที่กำลังขยายสาขาในประเทศไทยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ส่วนคุณแม่ช่วยดูกิจการสาขาใหญ่ที่ประเทศนอร์เวย์ เธอจึงไม่ต้องทนกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนานนัก

    “รีบร้อนไปไหนแต่เช้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยู่กินข้าวเช้ากับพ่อก่อนสิ”ชายวันกลางคนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนเองแต่งตัวเตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน

    “คือ.....วันนี้หนูมีเข้าเรียนคลาสเช้า...............”

    “พี่เอลซ่า!!Good morning!!! คุณพ่ออรุณสวัสดิ์ค่ะ”อันนาสวมกอดเอลซ่าจากด้านด้านหลัง และตามด้วยริมฝีปากนุ่มประทับลงบนแก้มของพี่สาว ก่อนที่จะวิ่งไปสวมกอดผู้เป็นพ่ออย่างร่าเริง

    “อ้าวอันนา ตื่นเช้าเหมือนกันนะเรา ไปชวนพี่เอลซ่ามากินข้าวกับพ่อเร็ว”ชายวัยกลางคนยิ้มอบอุ่นให้ลูกสาวคนเล็ก ที่ยังคงความสดใสตั้งแต่เด็กจนโต

    “พี่เอลซ่ากินข้าวกับคุณพ่อก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปเรียน นะๆ”อันนามาพูดโน้มน้าวพี่สาว เอลซ่าลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาที่เป็นประกายวิ๊งวับของน้องสาว เธอก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้

    ความจริงคลาสเรียนเองก็ไม่ได้เข้าเวลาเช้ามาก แต่เอลซ่าเองกลับรู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับผู้เป็นพ่อ

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างสบายๆ โดยที่ผู้เป็นเป็นนั่งกินชุดอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างเงียบๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองพฤติกรรมของลูกสาวทั้งสองคน อันนาที่ชวนเอลซ่าคุยเรื่อยเปื่อย โดยที่เอลซ่าคอยเตือนให้อันนาเคี้ยวแฮมที่อยู่ในปากให้ละเอียด

    “ลูกสองคนสนิทกันดีนะ”

    “แหมมม ก็เป็นพี่สาวสุดที่ รัก นี่นา”อันนาตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

    “แค่กๆๆๆๆๆ”เอลซ่าสำลักนมสดที่เพิ่งยกขึ้นดื่มอย่างรุนแรง เมื่อคำว่า”รัก”ที่ถูกพูดอย่างจงใจเน้นเสียงของอันนา ลอยมาเข้าโสตประสาทแบบเต็มๆ จนอันนาต้องโน้มตัวลงมาลูบหลังให้พี่สาว

    “ค่อยๆดื่มสิพี่เอลซ่า”

    “แหม..............พี่น้องคู่นี้ดูแลกันดีจริงๆ ถ้าใครซักคนแต่งงานไปจะทำยังไงละเนี่ย”ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

    บรรยากาศในโต๊ะอาหารเงียบลงทันใด..................แต่อันนาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

    “หนูยังไม่สนใจเรื่องนี้หรอกค่ะคุณพ่อ ลืมไปได้เลย”

    “ได้ยังไงล่ะอันนา ลูกไม่มีแฟนหรือคนที่ชอบเลยเหรอ?”พ่อยังคงยิงคำถามต่อ

    “ไม่ละค่ะ หนูมีพี่สาวที่แสนดีอย่างพี่เอลซ่าก็พอใจแล้ว ยังไม่อยากมีคนรักหรอก”อันนาตอบปฎิเสธอย่างหนักแน่น

    ผู้เป็นพ่อปรายตามาทางสาวผมบลอนด์ที่หลุดออกจากวงสนทนา นัยน์ตาดุหรี่ลงเล็กน้อย ให้เอลซ่าได้รู้สึกถึงรังสีของความกดดัน ก่อนที่นัยน์ตานั้นจะกลับอ่อนโยน และบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูกสาวคนเล็กก็ดำเนินต่อไป

    มื้ออาหารเช้าอันแสนอึดอัดใจได้จบลง ก่อนที่สองพี่น้องจะออกจากบ้าน เสียงเรียกจากพ่อก็ดังมาจากทางด้านหลัง

    “เอลซ่า.........เดี๋ยวพอกลับบ้านมา ไปคุยกับพ่อที่ห้องทำงานหน่อยนะ พ่อจะสอนงานให้”

    “ค่ะ...............คุณพ่อ”เอลซ่าตอบรับอย่างสุภาพเรียบร้อย

     






    ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในรถยนต์ส่วนตัว

    “ดีจังเลยพี่เอลซ่า คุณพ่อจะสอนงานให้พี่แล้ว”

    “อืม............”เอลซ่าตอบกลับคำชวนคุยของอันนาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

    “ทำไมพี่ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”อันนาถามด้วยความเป็นห่วง เธอสังเกตเห็นอาการของพี่สาวตั้งแต่เช้าแล้ว เอลซ่าดูมีสีหน้าเศร้าหมอง แต่พอคุณพ่อ หรือเธอเข้ามาพูดด้วย เอลซ่าจะรีบปรับสีหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “พี่ปกติดีอันนา พี่สบายดี ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่”เอลซ่าหันมายิ้มอ่อนหวานให้กับอันนา รอยยิ้มที่อ่อนโยนทำให้อันนาถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย

    “พี่เอลซ่าอ่ะ.............”

    อันนาที่กำลังจะแย้ง แต่กลับต้องหยุดทุกการกระทำ เมื่อเอลซ่าดึงตัวเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงเข้ามาในอ้อมกอด

    “ขอบคุณนะอันนา...........ที่เป็นกำลังใจให้พี่ ขอบคุณจริงๆ”

    ถึงอันนาจะไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นอะไร อาจจะเครียดเรื่องเรียน? เพราะการสอบของมหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาแล้ว เอลซ่าเองเวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ส่วนมากสาวผมบลอนด์ก็เลือกที่จะไม่พูด ถ้าเรื่องนั้นเป็นปัญหาที่ไม่หนักหนาสาหัสมาก เอลซ่าจะสามารถแก้ปัญหาเองได้

    “อื้อ!!พี่มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้ตลอดเลยนะ”อันนายิ้มรับคำขอบคุณของพี่สาว

    รถยนต์จอดลงเอลซ่าให้ลงที่มหาวิทยาลัยก่อน เนื่องจากมหาวิทยาลัยและโรงเรียนของสองพี่น้องอยู่ใกล้กัน จึงง่ายต่อการเดินทางเป็นอย่างมาก

    “บ๊ายบายนะพี่เอลซ่า”

    “จ๊ะ ไว้เจอกันที่ตอนเย็นนะอันนา”เอลซ่าตอบรับคำจากน้องสาว แต่ก่อนที่สาวผมบลอนด์จะก้าวขาลงไปจากรถ มือของอันนาก็เอื้อมมาจับไหล่เอาไว้เสียก่อน เอลซ่าที่หันหน้ากลับมา เพราะคิดว่าอันนาลืมอะไร ริมฝีปากนุ่มก็ประทับเข้าที่แก้มขาวของเธอทันที

    “อะ..............”

    good bye kiss ไงละ ดูแลตัวเองด้วยนะพี่เอลซ่า”อันนายิ้มทะเล้น ก่อนจะผลุบตัวกลับเข้าไปนั่งประจำที่เหมือนเดิม

    ให้สาวผมบลอนด์ยืนมองรถที่ขับจากออกไปด้วยแววตาเอ็นดู แบะรอยยิ้มที่ขนขันปนเขินอาย ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดถึงเรื่องเย็นนี้ที่เธอจะต้องเผชิญ





    ขอบคุณอันนา.................พี่ขอรับไว้แค่ความรู้สึกของเธอก็พอแล้ว.........................

     

     




    .

     

    สาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงเปิดประตูบ้านเข้ามา วันนี้พี่เอลซ่ากลับบ้านก่อนเธอ เพราะวันนี้มีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อ เมื่อเด็กสาวเดินผ่านห้องทำงาน ซึ่งประตูทำด้วยไม้สักบานใหญ่ ยากที่จะมีเสียงอะไรเล็ดรอดออกจากห้อง

    เอ..........พี่เอลซ่าก็กลับมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ออกมาจากห้องคุณพ่ออีกนะ

    อันนาเกิดความสงสัย พอดีกับที่มีเสียงของผู้เป็นพ่อแว่วออกมาเบาๆ

    “ลูกจะเดือดร้อนไปทำไมล่ะเอลซ่า...........”

    เอ๋...........ทำไมเสียงถึงลอดออกมาได้ล่ะ ? อันนาเดินเข้าไปใกล้บานประตูด้วยความสงสัย ก็พบกับบานประตูที่ปิดไม่สนิท จึงทำให้เสียงที่พูดคุยกันในห้องดังแว่วออกมาเผื่อแผ่บุคคลภายนอก

    ขอฟังซักหน่อยเถอะ...........ถ้าคุยเรื่องงานกันจริงๆ เราที่เป็นลูกสาวของคุณพ่อ ก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องเหมือนกัน อันนาหาเหตุผลสรุปให้แก่ตนเองได้ ก็พาตัวเองเข้าใกล้กับรอยแง้มของประตู และแนบหูลงไป ทุกการกระทำนั้นเงียบกริบไร้เสียง....

    “หนูคิดว่ามันเป็นการบังคับจิตใจอันนาเกินไปค่ะ”น้ำเสียงของพี่เอลซ่าไม่สู้ดีเอาเสียเลย.............ทำไมถึงมีชื่อของเธอไปเกี่ยวข้องด้วยละ?

    “พ่อคิดว่าอันนาโตมากพอที่จะเริ่มมองหาคู่ชีวิตแล้วนะ”เสียงของคุณพ่อพูดอย่างจริงจัง

    อะไรนะ!!? คู่ชีวิต? นี่มันอะไรกัน? พ่อกับพี่เอลซ่าคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย?

    “คุณพ่อค่ะ!!!”เอลซ่าเผลอพูดเสียงดัง

    “เป็นหนูแทนไม่ได้เหรอคะ?”เอลซ่าเสนอตัวเองอย่างไม่ลังเล อะไรที่จะทำให้อันนามีความสุขเอลซ่ายินดีทำทุกอย่าง

    “หึ...........พ่อคิดว่า พ่อเคยคุยกับลูกรู้เรื่องแล้วนะ”ชายวันกลางคนแค่นรอยยิ้มส่งไปให้กับลูกสาวคนโต


    คุย!! พ่อกับพี่เอลซ่าคุยเรื่องอะไรกัน? อันนาพยายามแนบหูตัวเองกับรอยแง้มตรงประตูให้มากยิ่งขึ้น


    “หนูรู้ แต่............”น้ำเสียงเอลซ่ามีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด

    “ฟังพ่อนะเอลซ่า.......คนที่จะมาดูแลธุรกิจโรงแรมของตระกูลเราได้ จะต้องเป็นคนนามสกุลเอเรนฎาเท่านั้น ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่มีลูกชายที่จะสืบสกุล คนที่จะต้องขึ้นเป็นประธานบริษัทต้องเป็นลูก.......ไม่ก็อันนา”

    “หนูจึงแต่งงานไม่ได้...........”เอลซ่าพูดต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา

    “ในเมื่อลูกเลือกที่จะมอบอิสระให้แก่อันนาในการเลือกเรียนคณะที่ชอบแล้ว อันนาก็ต้องแบกรับภาระที่จะมีลูกหลานสืบสกุลเช่นกัน”


    มอบอิสระ...............นี่มันเรื่องอะไรกัน.........................


    อันนากำมือของตนเองที่เริ่มสั่นไว้..........................................


    “แต่พ่อไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหนู!!!”เอลซ่าตะโกนเสียงดัง

    “ลูกกล้าขึ้นเสียงกับพ่อหรือเอลซ่า...............”น้ำสียงของผู้เป็นพ่อกดต่ำอย่างน่ากลัว

    “ขะ........ขอโทษค่ะ”

    “เอาเถอะ...........อันนาเองก็ยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก................พ่อคิดว่าเป็นเพราะอันนาสนิทกับลูกมากเกินไป...............”
    ประโยคสุดท้ายชายวัยกลางคนปรายตามองลูกสาวคนโตอย่างมีความหมาย

    “คุณพ่อหมายถึง........................”

    “เลิกตัวติดกันกับอันนาได้แล้ว ลูกควรจะเตรียมตัวรับหน้าที่ที่จะต้องสืบทอดในอนาคตนะ”

    “ตะ...........แต่ว่า.....................”เอลซ่าพยายามแย้ง

    “ไม่มีแต่เอลซ่า พ่อคิดว่าลูกเป็นผู้ใหญ่มากพอใช่มั้ย? ลูกไม่เคยทำให้พ่อต้องผิดหวังนี่”ชายผู้เป็นพ่อพูดตัดบท

    “ค่ะ..................หนู..............หนูจะทำสิ่งที่คุณพ่อคาดหวังให้ดีที่สุดค่ะ”เอลซ่าได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างจำยอม



    “พ่อรักลูกทั้งสองคนมากนะ สิ่งที่พ่อทำ คือสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตัวของพวกลูกเองนะ”

    “ลูกไปพิจารณาสิ่งที่พ่อพูดให้ดีๆนะ”

    นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่อันนาได้ยิน ก่อนที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงจะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของพี่สาว ด้วยสภาพจิตใจที่แตกสลาย


    ทุกคนปิดบังเธอมาตลอด.....................

    โดยเฉพาะพี่เอลซ่า........................................

    พี่ต้องสวมหน้ากากว่ามีความสุขอยู่ตลอดเวลา.....................

     



     

    เมื่อเอลซ่ากลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง ก็พบกับอันนาที่นั่งรออยู่แล้ว แต่เอลซ่าก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายนัก เพราะอันนามานอนกับเธอทุกคืนอยู่แล้ว

    “เอลซ่า..............พี่มีอะไรจะบอกฉันไหม?..............”ใบหน้าของอันนาของแปลกไปกว่าทุกที นัยน์ตาสีฟ้าเข้มดูหม่นหมอง

    “อะไรอันนา รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่”เอลซ่าตอบกลับอย่างไม่รู้เรื่อง มุมปากบางยังคงรอยยิ้มเอ็นดูเอาไว้

    “ทำไม..........พี่ยังยิ้มอยู่ละ”อันนาหันมาเผชิญหน้ากับพี่สาว ที่ยังมีรอบยิ้มอันอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า ราวกับเรื่องที่เธอได้ยินมาจากในห้องทำงานของคุณพ่อ ไม่เคยเกิดขึ้น....................

    “เอ๋............”

    “ทำไม!!!!พี่เจอถึงขนาดนี้ทำไมถึงยังยิ้มได้!!!”อันนาจับไหล่ของเอลซ่าไว้

    “อันนา ชู่วววว”เอลซ่าได้แต่ปรามน้องสาว เพราะกลัวว่าคุณพ่อที่อยู่ห้องชั้นล่างจะได้ยิน สาวผมบลอนด์โอบกอดร่างที่สะอื้นจนตัวสั่นเทาของน้องสาวไว้

    “ฮึก...........ฮึก ทำไม...............พี่แบกรับเรื่องอะไรทำไม่เคยบอกหนู”

    “อันนาเธอได้ยิน?.....................พี่ขอโทษนะ..............พี่แค่อยากให้อันนามีความสุข”เอลซ่าบอกความจริงออกไป เพราะจากท่าทีของน้องสาว ก็เป็นตัวเฉลยแล้วว่า อันนาได้ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดเสียแล้ว

    “ความสุขบนความทุกข์ของพี่ ฉันไม่อยากได้หรอก!”อันนาพูดเสียงอู้อี้

    “ฉันไม่น่าเชื่อถือเลยใช่มั้ย? สำหรับพี่.............ฉันปกป้องพี่ไม่ได้เลยใช่มั้ย?”

    “พี่ขอโทษ.........”

    “ฉันว่าอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ พี่เลือกเรียนคณะบริหาร แต่แววตาของพี่ก็ยังโหยหาการวาดรูปทุกครั้งที่พี่เผลอ”อันนาพูดความคิดของตัวเองออกมา ตลอดมาเธอก็รู้สึกอยู่แล้ว ว่าที่พี่เอลซ่าเลือกสอบเข้าคณะบริหารมันแปลกๆ เธอคิดไปเองว่า พี่เอลซ่าอาจจะเปลี่ยนความชอบกระทันหัน แต่ความจริงที่เธอได้รู้ในวันนี้ มันบาดลึกเข้าไปในจิตใจ

    ว่าเธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่เอลซ่าเลยแม้แต่น้อย......................

    “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอันนานะ...............”เอลซ่าไม่สามารถพูดอะไรต่อได้

    “ความหวังดีของพี่ฉันไม่เคยอยากได้มันเลย ทำไมละ พี่ยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อฉัน ตอนนี้พี่ยังจะยมสละตัวเองไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เพื่อฉันอีกเหรอ”

    “จะเป็นคนดีเกินไปแล้ว.................”

    อันนาปาดน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้มออกไป

    “ช่วยเห็นแก่ตัวหน่อยก็ได้ ทำเพื่อตัวเอง”

    “พี่ทำไม่ได้.........พี่ยอมทนเห็นคนที่พี่รักแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้”เอลซ่าเผยความจริงออกมา นัยน์ตาสีฟ้าใสเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

    “พี่เห็นแก่ตัวนี่นา.................”อันนาจับไหล่เอลซ่าให้ใบหน้าของทั้งคู่ตรงกัน อันนาเผยรอยยิ้มออกมา เธอโกรธเอลซ่าไม่ลง..................

    “ฉันก็ไม่อยากให้คนที่ฉันรักต้องไปแต่งงานกับคนอื่นเหมือนกัน”

    ริมฝีปากอุ่นของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่อันนาจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปก่อน

    “อันนา.................พี่ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่คุณพ่อ.............”

    นิ้วชี้ของอันนาจรดที่ริมฝีปากของเอลซ่า เป็นเชิงให้พี่สาวหยุดพูด

    “ฉันไม่สนหรอก.............ฉันจะไม่ยอมทำตามใจคุณพ่อหรอก ไม่มีทาง”แววตาของอันนาเผยให้เห็นถึงความดื้อดึง เอลซ่าที่รู้นิสัยของน้องสาวดีจึงเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้อันนาอารมณ์เย็นลงก่อน

    “นอนก่อนเถอะนะอันนา เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปโรงเรียน”

    “อื้อ...........ฉันรักพี่คนเดียวนะ ต่อให้ต้องขัดขืนคำสั่งคุณพ่อ ฉันก็จะทำ”อันนาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าสดจะเริ่มปรือลง เพราะความเหนื่อยทั้งกายและใจ

    เอลซ่าที่ผละอ้อมกอดออก เพราะเห็นว่าอันนาหลับสนิทแล้ว มือเรียวบรรจงเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของน้องสาว

    ในที่สุดอันนาก็รู้จนได้.............................


     

    ในคืนนั้น เอลซ่าได้แต่อดทนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ และนอนกอดอันนาด้วยจิตใจที่เศร้าหมอง.....................



    สองพี่น้องจะทำอย่างไร ในเมื่อโชคชะตาที่ถูกขีดไว้ด้านหน้า ไม่ราบรื่นเสียแล้ว.......................................

     

     




    เมาท์มอยค่ะ // 10 วัน ตรงเวลา (ต่อให้ดองแค่ไหน เราก็ดองไม่เกิน10วันนะเอ้อ!!!!

    ตอนที่แล้วหวานน้ำตาลท่วม..........ตอนนี้ก็.....................น้ำตา..............ลท่วม (วิ่งหนีคนอ่าน//)

    ชีวิตมันต้องมีรสชาติ ถ้าไม่มีอุปสรรคจะไปสนุกอะไร ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน และคอมเมนต์ค่า

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×