คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ความจริงที่เปิดเผย
“อรุณสวัสดิ์เอลซ่า”เสียงทักทายดังขึ้น เมื่อสาวผมบลอนด์ก้าวลงบันไดมา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ”เอลซ่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปกล่าวคำทักทายแก่ผู้เป็นพ่อที่นั่งประจำอยู่โต๊ะอาหาร พ่อของเธอบินกลับมาดูธุรกิจโรมแรมที่กำลังขยายสาขาในประเทศไทยเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ส่วนคุณแม่ช่วยดูกิจการสาขาใหญ่ที่ประเทศนอร์เวย์ เธอจึงไม่ต้องทนกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนานนัก
“รีบร้อนไปไหนแต่เช้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยู่กินข้าวเช้ากับพ่อก่อนสิ”ชายวันกลางคนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนเองแต่งตัวเตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน
“คือ.....วันนี้หนูมีเข้าเรียนคลาสเช้า...............”
“พี่เอลซ่า!!Good morning!!! คุณพ่ออรุณสวัสดิ์ค่ะ”อันนาสวมกอดเอลซ่าจากด้านด้านหลัง และตามด้วยริมฝีปากนุ่มประทับลงบนแก้มของพี่สาว ก่อนที่จะวิ่งไปสวมกอดผู้เป็นพ่ออย่างร่าเริง
“อ้าวอันนา ตื่นเช้าเหมือนกันนะเรา ไปชวนพี่เอลซ่ามากินข้าวกับพ่อเร็ว”ชายวัยกลางคนยิ้มอบอุ่นให้ลูกสาวคนเล็ก ที่ยังคงความสดใสตั้งแต่เด็กจนโต
“พี่เอลซ่ากินข้าวกับคุณพ่อก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปเรียน นะๆ”อันนามาพูดโน้มน้าวพี่สาว เอลซ่าลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาที่เป็นประกายวิ๊งวับของน้องสาว เธอก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
ความจริงคลาสเรียนเองก็ไม่ได้เข้าเวลาเช้ามาก แต่เอลซ่าเองกลับรู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับผู้เป็นพ่อ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดำเนินไปอย่างสบายๆ โดยที่ผู้เป็นเป็นนั่งกินชุดอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างเงียบๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองพฤติกรรมของลูกสาวทั้งสองคน อันนาที่ชวนเอลซ่าคุยเรื่อยเปื่อย โดยที่เอลซ่าคอยเตือนให้อันนาเคี้ยวแฮมที่อยู่ในปากให้ละเอียด
“ลูกสองคนสนิทกันดีนะ”
“แหมมม ก็เป็นพี่สาวสุดที่ รัก นี่นา”อันนาตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
“แค่กๆๆๆๆๆ”เอลซ่าสำลักนมสดที่เพิ่งยกขึ้นดื่มอย่างรุนแรง เมื่อคำว่า”รัก”ที่ถูกพูดอย่างจงใจเน้นเสียงของอันนา ลอยมาเข้าโสตประสาทแบบเต็มๆ จนอันนาต้องโน้มตัวลงมาลูบหลังให้พี่สาว
“ค่อยๆดื่มสิพี่เอลซ่า”
“แหม..............พี่น้องคู่นี้ดูแลกันดีจริงๆ ถ้าใครซักคนแต่งงานไปจะทำยังไงละเนี่ย”ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเงียบลงทันใด..................แต่อันนาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“หนูยังไม่สนใจเรื่องนี้หรอกค่ะคุณพ่อ ลืมไปได้เลย”
“ได้ยังไงล่ะอันนา ลูกไม่มีแฟนหรือคนที่ชอบเลยเหรอ?”พ่อยังคงยิงคำถามต่อ
“ไม่ละค่ะ หนูมีพี่สาวที่แสนดีอย่างพี่เอลซ่าก็พอใจแล้ว ยังไม่อยากมีคนรักหรอก”อันนาตอบปฎิเสธอย่างหนักแน่น
ผู้เป็นพ่อปรายตามาทางสาวผมบลอนด์ที่หลุดออกจากวงสนทนา นัยน์ตาดุหรี่ลงเล็กน้อย ให้เอลซ่าได้รู้สึกถึงรังสีของความกดดัน ก่อนที่นัยน์ตานั้นจะกลับอ่อนโยน และบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูกสาวคนเล็กก็ดำเนินต่อไป
มื้ออาหารเช้าอันแสนอึดอัดใจได้จบลง ก่อนที่สองพี่น้องจะออกจากบ้าน เสียงเรียกจากพ่อก็ดังมาจากทางด้านหลัง
“เอลซ่า.........เดี๋ยวพอกลับบ้านมา ไปคุยกับพ่อที่ห้องทำงานหน่อยนะ พ่อจะสอนงานให้”
“ค่ะ...............คุณพ่อ”เอลซ่าตอบรับอย่างสุภาพเรียบร้อย
ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในรถยนต์ส่วนตัว
“ดีจังเลยพี่เอลซ่า คุณพ่อจะสอนงานให้พี่แล้ว”
“อืม............”เอลซ่าตอบกลับคำชวนคุยของอันนาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ทำไมพี่ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”อันนาถามด้วยความเป็นห่วง เธอสังเกตเห็นอาการของพี่สาวตั้งแต่เช้าแล้ว เอลซ่าดูมีสีหน้าเศร้าหมอง แต่พอคุณพ่อ หรือเธอเข้ามาพูดด้วย เอลซ่าจะรีบปรับสีหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่ปกติดีอันนา พี่สบายดี ขอบคุณนะที่เป็นห่วงพี่”เอลซ่าหันมายิ้มอ่อนหวานให้กับอันนา รอยยิ้มที่อ่อนโยนทำให้อันนาถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย
“พี่เอลซ่าอ่ะ.............”
อันนาที่กำลังจะแย้ง แต่กลับต้องหยุดทุกการกระทำ เมื่อเอลซ่าดึงตัวเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงเข้ามาในอ้อมกอด
“ขอบคุณนะอันนา...........ที่เป็นกำลังใจให้พี่ ขอบคุณจริงๆ”
ถึงอันนาจะไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นอะไร อาจจะเครียดเรื่องเรียน? เพราะการสอบของมหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาแล้ว เอลซ่าเองเวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ส่วนมากสาวผมบลอนด์ก็เลือกที่จะไม่พูด ถ้าเรื่องนั้นเป็นปัญหาที่ไม่หนักหนาสาหัสมาก เอลซ่าจะสามารถแก้ปัญหาเองได้
“อื้อ!!พี่มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้ตลอดเลยนะ”อันนายิ้มรับคำขอบคุณของพี่สาว
รถยนต์จอดลงเอลซ่าให้ลงที่มหาวิทยาลัยก่อน เนื่องจากมหาวิทยาลัยและโรงเรียนของสองพี่น้องอยู่ใกล้กัน จึงง่ายต่อการเดินทางเป็นอย่างมาก
“บ๊ายบายนะพี่เอลซ่า”
“จ๊ะ ไว้เจอกันที่ตอนเย็นนะอันนา”เอลซ่าตอบรับคำจากน้องสาว แต่ก่อนที่สาวผมบลอนด์จะก้าวขาลงไปจากรถ มือของอันนาก็เอื้อมมาจับไหล่เอาไว้เสียก่อน เอลซ่าที่หันหน้ากลับมา เพราะคิดว่าอันนาลืมอะไร ริมฝีปากนุ่มก็ประทับเข้าที่แก้มขาวของเธอทันที
“อะ..............”
“good bye kiss ไงละ ดูแลตัวเองด้วยนะพี่เอลซ่า”อันนายิ้มทะเล้น ก่อนจะผลุบตัวกลับเข้าไปนั่งประจำที่เหมือนเดิม
ให้สาวผมบลอนด์ยืนมองรถที่ขับจากออกไปด้วยแววตาเอ็นดู แบะรอยยิ้มที่ขนขันปนเขินอาย ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดถึงเรื่องเย็นนี้ที่เธอจะต้องเผชิญ
ขอบคุณอันนา.................พี่ขอรับไว้แค่ความรู้สึกของเธอก็พอแล้ว.........................
.
สาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงเปิดประตูบ้านเข้ามา วันนี้พี่เอลซ่ากลับบ้านก่อนเธอ เพราะวันนี้มีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อ เมื่อเด็กสาวเดินผ่านห้องทำงาน ซึ่งประตูทำด้วยไม้สักบานใหญ่ ยากที่จะมีเสียงอะไรเล็ดรอดออกจากห้อง
เอ..........พี่เอลซ่าก็กลับมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ออกมาจากห้องคุณพ่ออีกนะ
อันนาเกิดความสงสัย พอดีกับที่มีเสียงของผู้เป็นพ่อแว่วออกมาเบาๆ
“ลูกจะเดือดร้อนไปทำไมล่ะเอลซ่า...........”
เอ๋...........ทำไมเสียงถึงลอดออกมาได้ล่ะ ? อันนาเดินเข้าไปใกล้บานประตูด้วยความสงสัย ก็พบกับบานประตูที่ปิดไม่สนิท จึงทำให้เสียงที่พูดคุยกันในห้องดังแว่วออกมาเผื่อแผ่บุคคลภายนอก
ขอฟังซักหน่อยเถอะ...........ถ้าคุยเรื่องงานกันจริงๆ เราที่เป็นลูกสาวของคุณพ่อ ก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องเหมือนกัน อันนาหาเหตุผลสรุปให้แก่ตนเองได้ ก็พาตัวเองเข้าใกล้กับรอยแง้มของประตู และแนบหูลงไป ทุกการกระทำนั้นเงียบกริบไร้เสียง....
“หนูคิดว่ามันเป็นการบังคับจิตใจอันนาเกินไปค่ะ”น้ำเสียงของพี่เอลซ่าไม่สู้ดีเอาเสียเลย.............ทำไมถึงมีชื่อของเธอไปเกี่ยวข้องด้วยละ?
“พ่อคิดว่าอันนาโตมากพอที่จะเริ่มมองหาคู่ชีวิตแล้วนะ”เสียงของคุณพ่อพูดอย่างจริงจัง
อะไรนะ!!? คู่ชีวิต? นี่มันอะไรกัน? พ่อกับพี่เอลซ่าคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย?
“คุณพ่อค่ะ!!!”เอลซ่าเผลอพูดเสียงดัง
“เป็นหนูแทนไม่ได้เหรอคะ?”เอลซ่าเสนอตัวเองอย่างไม่ลังเล อะไรที่จะทำให้อันนามีความสุขเอลซ่ายินดีทำทุกอย่าง
“หึ...........พ่อคิดว่า พ่อเคยคุยกับลูกรู้เรื่องแล้วนะ”ชายวันกลางคนแค่นรอยยิ้มส่งไปให้กับลูกสาวคนโต
คุย!! พ่อกับพี่เอลซ่าคุยเรื่องอะไรกัน? อันนาพยายามแนบหูตัวเองกับรอยแง้มตรงประตูให้มากยิ่งขึ้น
“หนูรู้ แต่............”น้ำเสียงเอลซ่ามีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“ฟังพ่อนะเอลซ่า.......คนที่จะมาดูแลธุรกิจโรงแรมของตระกูลเราได้ จะต้องเป็นคนนามสกุลเอเรนฎาเท่านั้น ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่มีลูกชายที่จะสืบสกุล คนที่จะต้องขึ้นเป็นประธานบริษัทต้องเป็นลูก.......ไม่ก็อันนา”
“หนูจึงแต่งงานไม่ได้...........”เอลซ่าพูดต่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ในเมื่อลูกเลือกที่จะมอบอิสระให้แก่อันนาในการเลือกเรียนคณะที่ชอบแล้ว อันนาก็ต้องแบกรับภาระที่จะมีลูกหลานสืบสกุลเช่นกัน”
มอบอิสระ...............นี่มันเรื่องอะไรกัน.........................
อันนากำมือของตนเองที่เริ่มสั่นไว้..........................................
“แต่พ่อไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหนู!!!”เอลซ่าตะโกนเสียงดัง
“ลูกกล้าขึ้นเสียงกับพ่อหรือเอลซ่า...............”น้ำสียงของผู้เป็นพ่อกดต่ำอย่างน่ากลัว
“ขะ........ขอโทษค่ะ”
“เอาเถอะ...........อันนาเองก็ยังไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก................พ่อคิดว่าเป็นเพราะอันนาสนิทกับลูกมากเกินไป...............”
ประโยคสุดท้ายชายวัยกลางคนปรายตามองลูกสาวคนโตอย่างมีความหมาย
“คุณพ่อหมายถึง........................”
“เลิกตัวติดกันกับอันนาได้แล้ว ลูกควรจะเตรียมตัวรับหน้าที่ที่จะต้องสืบทอดในอนาคตนะ”
“ตะ...........แต่ว่า.....................”เอลซ่าพยายามแย้ง
“ไม่มีแต่เอลซ่า พ่อคิดว่าลูกเป็นผู้ใหญ่มากพอใช่มั้ย? ลูกไม่เคยทำให้พ่อต้องผิดหวังนี่”ชายผู้เป็นพ่อพูดตัดบท
“ค่ะ..................หนู..............หนูจะทำสิ่งที่คุณพ่อคาดหวังให้ดีที่สุดค่ะ”เอลซ่าได้แต่ก้มหน้ายอมรับอย่างจำยอม
“พ่อรักลูกทั้งสองคนมากนะ สิ่งที่พ่อทำ คือสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตัวของพวกลูกเองนะ”
“ลูกไปพิจารณาสิ่งที่พ่อพูดให้ดีๆนะ”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่อันนาได้ยิน ก่อนที่เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงจะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของพี่สาว ด้วยสภาพจิตใจที่แตกสลาย
ทุกคนปิดบังเธอมาตลอด.....................
โดยเฉพาะพี่เอลซ่า........................................
พี่ต้องสวมหน้ากากว่ามีความสุขอยู่ตลอดเวลา.....................
เมื่อเอลซ่ากลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง ก็พบกับอันนาที่นั่งรออยู่แล้ว แต่เอลซ่าก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายนัก เพราะอันนามานอนกับเธอทุกคืนอยู่แล้ว
“เอลซ่า..............พี่มีอะไรจะบอกฉันไหม?..............”ใบหน้าของอันนาของแปลกไปกว่าทุกที นัยน์ตาสีฟ้าเข้มดูหม่นหมอง
“อะไรอันนา รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านี่”เอลซ่าตอบกลับอย่างไม่รู้เรื่อง มุมปากบางยังคงรอยยิ้มเอ็นดูเอาไว้
“ทำไม..........พี่ยังยิ้มอยู่ละ”อันนาหันมาเผชิญหน้ากับพี่สาว ที่ยังมีรอบยิ้มอันอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า ราวกับเรื่องที่เธอได้ยินมาจากในห้องทำงานของคุณพ่อ ไม่เคยเกิดขึ้น....................
“เอ๋............”
“ทำไม!!!!พี่เจอถึงขนาดนี้ทำไมถึงยังยิ้มได้!!!”อันนาจับไหล่ของเอลซ่าไว้
“อันนา ชู่วววว”เอลซ่าได้แต่ปรามน้องสาว เพราะกลัวว่าคุณพ่อที่อยู่ห้องชั้นล่างจะได้ยิน สาวผมบลอนด์โอบกอดร่างที่สะอื้นจนตัวสั่นเทาของน้องสาวไว้
“ฮึก...........ฮึก ทำไม...............พี่แบกรับเรื่องอะไรทำไม่เคยบอกหนู”
“อันนาเธอได้ยิน?.....................พี่ขอโทษนะ..............พี่แค่อยากให้อันนามีความสุข”เอลซ่าบอกความจริงออกไป เพราะจากท่าทีของน้องสาว ก็เป็นตัวเฉลยแล้วว่า อันนาได้ล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดเสียแล้ว
“ความสุขบนความทุกข์ของพี่ ฉันไม่อยากได้หรอก!”อันนาพูดเสียงอู้อี้
“ฉันไม่น่าเชื่อถือเลยใช่มั้ย? สำหรับพี่.............ฉันปกป้องพี่ไม่ได้เลยใช่มั้ย?”
“พี่ขอโทษ.........”
“ฉันว่าอยู่แล้วเชียวว่ามันแปลกๆ พี่เลือกเรียนคณะบริหาร แต่แววตาของพี่ก็ยังโหยหาการวาดรูปทุกครั้งที่พี่เผลอ”อันนาพูดความคิดของตัวเองออกมา ตลอดมาเธอก็รู้สึกอยู่แล้ว ว่าที่พี่เอลซ่าเลือกสอบเข้าคณะบริหารมันแปลกๆ เธอคิดไปเองว่า พี่เอลซ่าอาจจะเปลี่ยนความชอบกระทันหัน แต่ความจริงที่เธอได้รู้ในวันนี้ มันบาดลึกเข้าไปในจิตใจ
ว่าเธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพี่เอลซ่าเลยแม้แต่น้อย......................
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอันนานะ...............”เอลซ่าไม่สามารถพูดอะไรต่อได้
“ความหวังดีของพี่ฉันไม่เคยอยากได้มันเลย ทำไมละ พี่ยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อฉัน ตอนนี้พี่ยังจะยมสละตัวเองไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้เพื่อฉันอีกเหรอ”
“จะเป็นคนดีเกินไปแล้ว.................”
อันนาปาดน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้มออกไป
“ช่วยเห็นแก่ตัวหน่อยก็ได้ ทำเพื่อตัวเอง”
“พี่ทำไม่ได้.........พี่ยอมทนเห็นคนที่พี่รักแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้”เอลซ่าเผยความจริงออกมา นัยน์ตาสีฟ้าใสเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“พี่เห็นแก่ตัวนี่นา.................”อันนาจับไหล่เอลซ่าให้ใบหน้าของทั้งคู่ตรงกัน อันนาเผยรอยยิ้มออกมา เธอโกรธเอลซ่าไม่ลง..................
“ฉันก็ไม่อยากให้คนที่ฉันรักต้องไปแต่งงานกับคนอื่นเหมือนกัน”
ริมฝีปากอุ่นของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่อันนาจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปก่อน
“อันนา.................พี่ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่คุณพ่อ.............”
นิ้วชี้ของอันนาจรดที่ริมฝีปากของเอลซ่า เป็นเชิงให้พี่สาวหยุดพูด
“ฉันไม่สนหรอก.............ฉันจะไม่ยอมทำตามใจคุณพ่อหรอก ไม่มีทาง”แววตาของอันนาเผยให้เห็นถึงความดื้อดึง เอลซ่าที่รู้นิสัยของน้องสาวดีจึงเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้อันนาอารมณ์เย็นลงก่อน
“นอนก่อนเถอะนะอันนา เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปโรงเรียน”
“อื้อ...........ฉันรักพี่คนเดียวนะ ต่อให้ต้องขัดขืนคำสั่งคุณพ่อ ฉันก็จะทำ”อันนาพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าสดจะเริ่มปรือลง เพราะความเหนื่อยทั้งกายและใจ
เอลซ่าที่ผละอ้อมกอดออก เพราะเห็นว่าอันนาหลับสนิทแล้ว มือเรียวบรรจงเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าของน้องสาว
ในที่สุดอันนาก็รู้จนได้.............................
ในคืนนั้น เอลซ่าได้แต่อดทนกลั้นเสียงสะอื้นไว้ และนอนกอดอันนาด้วยจิตใจที่เศร้าหมอง.....................
สองพี่น้องจะทำอย่างไร ในเมื่อโชคชะตาที่ถูกขีดไว้ด้านหน้า ไม่ราบรื่นเสียแล้ว.......................................
เมาท์มอยค่ะ // 10 วัน ตรงเวลา (ต่อให้ดองแค่ไหน เราก็ดองไม่เกิน10วันนะเอ้อ!!!!
ตอนที่แล้วหวานน้ำตาลท่วม..........ตอนนี้ก็.....................น้ำตา..............ลท่วม (วิ่งหนีคนอ่าน//)
ชีวิตมันต้องมีรสชาติ ถ้าไม่มีอุปสรรคจะไปสนุกอะไร ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน และคอมเมนต์ค่า
ความคิดเห็น