คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 คำสัญญา
“เอลซ่า........พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูกนะ ตามพ่อมาที่ห้องทำงานหน่อย”
เสียงผู้เป็นพ่อเรียกให้เด็กหญิงผมบลอนด์ ซึ่งปีนี้กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ละสายตาจากการอ่านหนังสือนิยาย
“ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เอลซ่าวางมือจากหนังสือทันที เด็กหญิงรู้ดีการที่พ่อเรียนตนเองให้ไปคุยในห้องทำงาน เรื่องนั้นจะต้องเป็นเรื่องสำคัญ
ก็อกๆ//
“ขออนุญาตค่ะ”เด็กหญิงเคาะประตูตามมารยาท
“เข้ามาได้เอลซ่า”
เสียงอนุญาตจากในห้อง ทำให้เด็กหญิงผมบลอนด์เปิดประตูเข้าไป ผู้เป็นพ่อได้นั่งรออยู่แล้วบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน
“นั่งสิเอลซ่า”
เอลซ่านั่งลงบนเก้าอี้ เผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ
“เรียกหนูมามีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ? คุณพ่อ”เด็กหญิงเป็นฝ่ายเริ่มคำถามก่อน
“พักนี้พ่อเห็นลูกสนใจการวาดรูปนะ”
“ค่ะ....หนูชอบวาดรูปค่ะคุณพ่อ”เอลซ่าตอบไปตามความจริง เธอสนใจการออกแบบ และวาดรูปมาตั้งแต่ยังจำความได้ ถ้าไม่ได้ออกไปเล่นข้างนอกกับอันนา เอลซ่าก็มักจะชวนอันนาวาดรูปต่างๆด้วยกันอยู่ในห้องเสมอๆ
ผู้เป็นพ่อมองรอยยิ้มที่มีความสุขของลูกสาว ก่อนจะทำหน้าจริงจังมากขึ้น
“เอลซ่า......ลูกรู้ใช่มั้ย? ว่าบ้านของเราทำธุรกิจโรงแรม” เป็นที่รู้กันดีว่า ตระกูล เอเรนฎา นั้นสืบทอดธุกิจการทำโรงแรมมาหลายช่วงอายุคน และก็ตกทอดมาจนถึงรุ่นของเอลซ่า
“ทราบค่ะคุณพ่อ..........” เอลซ่าตอบรับ
“พ่ออยากให้โรงแรมในเครือเอเรนเดลของเรา เจ้าของจะต้องนามสกุลเอเรนฎาเท่านั้น เอลซ่า ลูกเข้าใจความหมายที่พ่อต้องการจะสื่อมั้ย?”
เด็กหญิงนิ่งไปซักพัก พ่อของเธอมักจะไม่ยอมบอกอะไรกับเธอตรงๆ ชอบพูดให้มีความหมายเป็นนัยเพื่อให้เอลซ่าได้คิดต่อเอาเอง
“ซึ่งก็มีแค่ลูกกับอันนาเท่านั้น……… แม่ของลูกสุขภาพไม่ดี ไม่สามารถมีน้องให้ลูกได้อีกแล้ว”
ถึงเอลซ่าจะเป็นเด็กอายุแค่ 11 ปี แต่เอลซ่าก็รู้ว่าผู้ที่สืบทอดตระกูล หรือกิจการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เหมือนดั่งเข่นคุณพ่อของพวกเธอ
“ลูกต้องเรียนคณะบริหาร..................”
“ค่ะ...........หนูเข้าใจดี”
เด็กหญิงรับปากผู้เป็นบิดาอย่างตั้งใจ เพราะเป็นพี่คนโต เอลซ่าจึงมีความรับผิดชอบสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เพื่อกิจการ เพื่อคุณพ่อ...........เธอสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง
แต่อันนาล่ะ?....................
น้องสาวของเธอเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น รักการผจญภัย คงจะไม่ชอบเป็นแน่ ที่จะจะต้องเดินตามเส้นทางที่มีคนอื่นขีดไว้ให้
“คุณพ่อคะ.........หนูจะทำตามที่คุณพ่อบอก จะเชื่อฟังทุกอย่าง หนูมีสิ่งจะขอร้องคุณพ่อค่ะ”เอลซ่าพูดกับบิดาด้วยน้ำเสียงวิงวอน จนผู้เป็นบิดาเกิดความเห็นใจ
“ว่ามาสิ..............”
“หนูขอ......................”
.
ร่างบางนำน้ำจากก็อกน้ำ ขึ้นมาลูบใบหน้า
เอลซ่าจ้องหน้าของตัวเองผ่านกระจกเงา ภาพในนั้นสะท้อนให้เห็นหญิงสาวผู้มีผมสีบลอนด์เป็นประกายเงางาม หญิงสาวผู้นั้นมีใบหน้าที่สง่างามไร้ที่ติ แต่ดวงตาสีฟ้าใสดูไม่มีประกายสดชื่นเอาเสียเลย เอลซ่าคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดที่เธอเคยสัญญาเอาไว้กับพ่อของเธอ
หนูจะเป็นคนสืบทอดกิจการทั้งหมดเองค่ะ…………….
เพราะงั้น………คุณพ่อให้อิสระกับอันนาเถอะนะคะ
“เอลซ่า..........”เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง แต่ไม่ต้องหันกลับไปดูเอลซ่าก็สามารถจำได้ขึ้นใจ ว่านั้นคือเสียงของใคร
ใบหน้าของน้องสาวที่เธอสัญญาจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีความสุข ใบหน้าของอันนาที่สะท้อนมาในกระจกเงา แววตาที่สะท้อนความสำนึกผิด.......ทำให้เอลซ่าเจ็บปวด..............
ทั้งๆที่ ฉันเป็นคนไปคาดคั้นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเธอแท้ๆ...........................
เป็นคนทำให้อันนาโกรธเองแท้ๆ...........................
ฉันนี่มันเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ......................
เอลซ่าหมุนตัวพยายามจะเดินเลี่ยงเพื่อซ่อนหยดน้ำตา
“อย่าหนีสิ!...........ฉัน..........ฉันขอโทษเอลซ่า”แต่มือของอันนาก็รวดเร็วพอที่จะคว้าแขนของเอลซ่าเอาไว้ได้ทัน
“!!!”เอลซ่าพยายามสะบัดมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล เธอเองก็รู้ดีอยู่ว่าอันนานั้นแข็งแรงกว่าเธอมาก ถึงเด็กสาวจะตัวเล็กกว่า แต่ก็เป็นถึงนักกีฬาระดับประเทศ ที่ทุ่มผู้ชายตัวใหญ่ๆปลิวได้สบาย นี่ยังถือว่าอันนาผ่อนแรงให้กับเธอมากทีเดียว.......
ถึงได้จับแขนไว้ให้รู้สึกว่าไม่สามารถหนีไปไหนพ้น แต่ไม่ได้ได้อึดอัดหรือเจ็บตรงไหน
“พี่เอลซ่าฟังหน่อยนะ............”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกใส่พี่นะ..............”
“อย่าเงียบสิ...........ฉันขอโทษจริงๆนะ”
อันนาพยายามใส่ความจริงๆลงไปบนน้ำเสียง ตอนแรกผู้คนในห้องน้ำก็พากันแตกตื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็สงบลง เมื่อเห็นว่าเป็นเหตุการณ์พี่น้องสาวสวยสองคนทะเลาะกัน
“อื้อ.....ฮึก.......ฮึก....พี่เอง.....ก็ไม่ได้โกรธอันนาซักหน่อย.......”เอลซ่าตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
“ไหงร้องไห้ซะได้ละ………..ฉันเองก็ไม่ได้โกรธพี่เหมือนกันนะ”
“อันนา.................”อันนานำนิ้วมาเกลี่ยน้ำตาให้พี่สาวอย่างอ่อนโยน
“เราสองคนไม่ได้โกรธกัน..........เพราะงั้น ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ”
“โอเคนะ?”อันนาหันมายิ้ม
“อื้อ.........”
“พี่เอลซ่าน่ะ เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ อย่าร้องไห้บ่อยๆสิ ฉันเห็นแล้วเศร้าตามไปด้วยเลย”อันนากระชับมือเอลซ่าให้แน่นขึ้น ก่อนจะพาจูงเดินไปด้วยกัน
บรรยากาศรอบตัวของสองพี่น้องผ่อนคลายขึ้นทันที
“นี่......ทำไมคนต้องมองมาทางพวกเราแล้วยิ้มด้วยละ...........”เอลซ่าพูดขึ้นด้วยความกังวล หรือว่าที่เธอกับอันนาจับมือกันมันดูไม่ดีงั้นเหรอ?
“เค้าดีใจที่พวกเราคืนดีกันได้ต่างหากละ!”อันนาตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ จนน่าหมั่นไส้
“เข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยล่ะมั้ง?”เอลซ่าหายจากอาการเศร้า เริ่มกลับมาพูดคุยหยอกล้อกับน้องสาวอีกครั้ง
“จริงจริ๊ง เชื่อเค้าสิ เค้าออกจะเป็นน้องสาวที่น่ารัก”อันนายิ้มหวาน เปลี่ยนจากจูงมือเอลซ่า ไปคล้องแขนแทน
“ก็ได้ๆ........”เอลซ่าหัวเราะออกมา อันนานั้นเปรียบเหมือนแสงตะวัน ที่อบอุ่น และสดใส ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ใกล้จะรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย
ราพันเซลและออโรล่าที่ยืนรออยู่ที่เดิมที่เกิดเรื่อง เห็นสองพี่น้องเดินกลับมา
“แหม............ตอนวิ่งไปอย่างกับคู่รักทะเลาะกัน กลับมาก็ท่าทางสวีทกันเหลือเกิน”ราพันเซลบ่นออกมาเบาๆ
“เอาน่าๆ ทั้งสองคนคืนดีกันได้ก็ดีแล้ว บรรยากาศเกือบกร่อยแล้วมั้ยละ”ออโรล่าพูดปลอบใจรุ่นพี่สาวให้ใจเย็นๆ
เมื่อเอลซ่ากับอันนาเดินมาถึง สาวผมบลอนด์ก็แทบจะก้มโค้งขอโทษเพื่อนและรุ่นน้องสาวทันที
“ฉันข-“
“หยุด!! พวกฉันเข้าใจน่า ไม่ต้องทำท่าสำนึกผิดขนาดนั้น”ดีที่ราพันเซลเบรกสาวผมบลอนด์ผู้แสนจะจริงจังไว้ได้ก่อน เพราะเอลซ่ามักจะใส่ใจทุกคนที่อยู่รอบข้างตัวเธอเสมอ และการคิดถึงใจคนอื่นมากไปโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของตนเอง จุดนี้เอง...........มันอาจเป็นปัญหากับสาวผมบลอนด์ในอนาคตได้
“ไปกินไอศกรีมกัน เอลซ่าตาเธอแดงๆนะ แน่ใจว่าไม่เป็นไร?”ราพันเซลถามเพื่อนสนิทอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“ไม่เป็นไรจริงๆ พอดีผงเข้าตาแล้วเผลอไปขยี้น่ะ ตาเลยแดงๆ”เอลซ่าตอบ
โกหกไม่เก่งเลย..................//
เป็นความคิดที่ดังอยู่ในหัวของทุกคน แต่ราพันเซลก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป ก็ตอนนี้เอลซ่าอารมณ์ดีแล้วนี่นา...........ทำไมจะต้องไปขุดคุ้ยเรื่องอดีตล่ะ
เหตุการณ์ในช่วงบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ราพันเซลกับออโรล่าจึงตกลงกันว่าจะพักการสังเกตพี่น้องคู่นี้กันไปก่อน
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็น ทั้งหมดก็ตัดสินใจว่าจะกลับบ้านกัน
“กลับกันเถอะ......โอ๊ะ......ฝนตกนี่นา”เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูห้างสรรพสินค้า อันนาก็สังเกตเห็นสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ถึงสายฝนจะตกลงมาแบบไม่หนักจนขนาดทำให้เปียกโชก แต่ตกเป็นละอองแบบนี้แหละอันตรายกว่ามากนัก อาจจะทำให้เป็นหวัดได้อย่าง่ายดาย
ซึ่งทางกลับบ้านจำเป็นจะต้องเดินฝ่าฝนเพื่อไปที่สถานีรถไฟฟ้า
“ตอนเช้าก็ร้อนจะแย่!!ตอนเย็นก็ฝนตกอีก!!ประเทศไทย!!เค้าจะเอาฤดูหนาววววว”ออโรล่าบ่นออกมาอย่างสุดทน
ราพันเซลแทบอยากจะหันไปไฮไฟว์กับรุ่นน้องสาว แบบนี้แหละประเทศไทย หนาวได้อย่างมากไม่ถึง10วัน นอกจากนั้นร้อนตาย กับจมน้ำตายค่ะ
คิดแล้วยังสะพรึงกับเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพเมื่อปีที่แล้วไม่ได้ เล่นเอาพวกเธอหยุดเรียนไปเป็นเดือน แทบจะลืมเนื้อหาบทเรียนไปจนเกลี้ยงหัวสมอง เอลซ่าถึงกับต้องมาเปิดคอร์สติวหนังสือให้อันนาทีเดียว
“อ่ะ......อันนาเอาร่มไปนะ”เอลซ่าส่งร่มคันเล็กให้
กับน้องสาว เพราะเป็นคนที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เอลซ่าจึงมีร่มคันเล็กขนาดพับเก็บได้ไว้ในกระเป๋าถือ
“ไม่สิ!!พี่เอลซ่านั่นแหละเอาไป ฉันแข็งแรงจะตาย”อันนายัดร่มคันเล็กกลับเข้ามาอยู่มือของเอลซ่า
นัยน์ตาสีฟ้าต่างโทนสีจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร......................
“อันนา............”เอลซ่าพยายามใช้ความเป็นพี่เข้าข่ม
“พี่เอลซ่า.............”อันนาใช้ความเมะ เอ้ย ความดื้อรั้นยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว
ออโรล่ามองสองพี่น้องที่กำลังโต้เถียงกันทางวาจาและสายตาด้วยความเอือมระอา เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า
ถ้ายังเป็นแบบ..............คงเถียงกันจนฝนหยุด.....................
แต่เดี๋ยว!!! วันนี้การ์ตูนอนิเมชั่นที่เธอโปรดปรานฉายตอนจบนี่นา!!
ปรายตามองไปทางอันนาที่ยังพยามยัดร่มคันน้อยลงมือของพี่สาว................
หักครึ่งไปเลยสิ!!!// ความคิดของราพันเซลและออโรล่าประสานก้อง
“พวกเธอน่ะ..........เอาร่มมานี่!!!”ราพันเซลคว้าร่มมาจากมือของเอลซ่า และจัดแจงกางพร้อมจับออโรล่าที่ยังยืนงงๆอยู่ให้ตามมา
“ดะ......เดี๋ยวสิ พี่ราพันเซล อ๊ะ......”อันนาตั้งท่าจะโวย แต่ก็ต้องรีบรับร่มที่ราพันเซลโยนมาให้
“คันนี้น่ะ ใหญ่กว่าของเอลซ่า รีบๆตามมาซะ ร่มคันเดียวก็บังอยู่น่า ฝนไม่แรง ป่ะออโรล่า.......เดี๋ยวกลับไปดูการ์ตูนไม่ทัน
“เอ๋......พี่ราพันเซลรู้ได้ไงอ่ะ”
“เห็นเธอมองนาฬิกาน่ะสิ แถมยูจีนก็ชอบดูเหมือนกันด้วย ผู้ชายนี่ชอบจริงๆเลยการ์ตูนบู๊เลือดสาดเนี่ย”ราพันเซลบ่นถึงแฟนหนุ่มของเธอ ดูการ์ตูนน่ะเธอไม่ว่าหรอก แต่บางทีไม่ต้องชวนมานั่งดูด้วยกันก็ได้ อยากอ่านนิตยสารมากกว่า.............เฮ้อ..................
“พี่เอลซ่ามาเร็ว”อันนาร้องเรียกให้พี่สาวเข้ามาอยู่ในร่ม เอลซ่ายอมเดินเข้ามาภายใต้ร่มคันเดียวกับน้องสาวแต่โดยดี
เมื่อเดินไปได้ซักพัก อันนาก็รู้สึกว่าร่มมันเริ่มจะเอียงมาทางฝั่งตนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหันไปดูสาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงก็แทบจะถอนหายใจออกมาให้กับความดื้อรั้นของพี่สาว
มือของอันนากุมรอบมือของเอลซ่าเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้ร่มกลับไปอยู่ระหว่างทั้งคู่เหมือนเดิม.............
“พี่เอลซ่าร้อนเหรอ............”อันนาแกล้งถามขึ้นมา ก็ตอนนี้ใบหน้าของสาวผมบลอนด์ขึ้นสีชมพูระเรื่ออยู่นี่นา..........
“อ๊ะ.....อืม.............อากาศมันร้อนๆน่ะ”เอลซ่าสะดุ้งนิดหน่อย ก็จะตอบกลับ
“เดี๋ยวกลับบ้านค่อยไปเปิดแอร์เนอะ”อันนาพูด ระหว่างจะกุมมือของเอลซ่าให้กระชับมากยิ่งขึ้น
“อืม............”
มือของอันนา..........อบอุ่น................
เธอจะปล่อยให้ความอบอุ่นเข้าครอบงำหัวใจไม่ได้เชียวนะเอลซ่า..............................
ตอนแถม
“ฮัดชิ่วววว”เสียงจามดังออกมาจากสาวผมบลอนด์ ที่ตอนนี้ได้แต่นอนซมลุกไม่ไหวอยู่บนเตียง
“พี่เอลซ่าไหวมั้ยเนี่ย.........”อันนานำปรอทวัดไข้ออกมาดู 39 องศา............. เป็นไข้จนได้สิน่า...............
“ปวดหัวจัง.........”เอลซ่าครางออกมา............... ปวดหัวจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
“เฮ้อ.......ก็บอกแล้ว ว่าให้เอาร่มไป ดูสิดื้อตากฝนจนไข้ขึ้นเลย...................”ถึงอันนาจะบ่น แต่เอลซ่าก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะอันนาบ่นด้วยความเป็นห่วง เหตุที่เธอต้องมาป่วยนอนซมอยู่แบบนี้เป็นเพราะความดื้อรั้นของเธอเอง
“ขอโทษนะ..............”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เคยโกรธพี่อยู่แล้ว เอ้า!!ลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อออกมาเร็ว”อันนาพยุงตัวตัวสาวผมบลอนด์ขึ้นมา ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อ.............
“ดะ.....เดี๋ยว พี่ถอดเองได้.................”เอลซ่ารีบปฎิเสธความหวังดีของผู้เป็นน้องสาว อันนาก็ได้แต่ปล่อยให้พี่สาวจัดการกับเสื้อผ้าของตนเอง
หือ.........ว่าไงนะ?..........ทำไมอันนาดูไม่หื่น?
งั้นเรามาแอบส่องดูความคิดของแม่สาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงกันดีกว่า
สงบใจไว้ สงบใจไว้สิ!! พี่เอลซ่าป่วยอยู่นะ เราเป็นน้องสาวที่ดีต้องดูแลพี่สาวสิ!!
อันนาสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างตั้งสติ ก่อนจะหันหน้ากลับไปเพื่อที่จะเช็ดตัวให้เอลซ่า
พรู่ด!!!.........ขาว อวบ อึ๋ม เฮ้ยยยยยย ไม่ๆๆๆ อันนาในร่างสวรรค์เตะอันนาในร่างจอมมารกลับลงไปทันที
“จะจ้องอีกนานมั้ย?...........พี่หนาวนะ.............”เสียงพูดอันสั่นเครือของเอลซ่าเรียกอันนาให้ได้สติ
“โอ๊ะ มาแล้วๆ แหมมม พี่ยังหุ่นดีเหมือนเดิมเลยนะ”อันนาทำทีชวนคุยเรื่อยเปื่อย เพื่อบังคับไม่ให้เกิดความคิดอกุศล
“ช่วงนี้พี่น้ำหนักขึ้น........อื้อ........เย็น.......”เอลซ่าตอบกลับเบาๆ ก่อนจะเผลอหลุดครางออกมา เพราะผ้าที่อันนานำมาเช็ดตัว
“ทนหน่อยนะพี่เอลซ่า เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว........”อันนาอยากจะเอาผ้ามาปิดตาตัวเองแล้วเช็ดตัวให้พี่สาวจริงๆเลย ผิวขาวเนียนละเอียด ที่เป็นสีชมพูระเรื่อเพราะพิษไข้...........อยากจูบ................อยากกัด...............โว๊ย...............ออกไปไกลๆเลยนะ ไอ้ความคิดอกุศลนี่!!!
ฝ่ายสาวผมบลอนด์เองก็ไม่ใช่จะไร้ความรู้สึกซะทีเดียว เธออายจะแย่อยู่แล้ว แต่เพราะพิษไข้มันสูบแรงออกไปหมด เลยทำอะไรมากไม่ได้ ต้องยอมให้อันนาช่วยแต่โดยดี ไม่มีแรงขัดขืน
หลังจากที่เช็ดตัว และป้อนข้าวให้เอลซ่าเรียบร้อย อันนายืนมองพี่สาวที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยา............
โทรไปบอกพี่ราพันเซลดีกว่า ว่าวันนี้พี่เอลซ่าไม่ไปเรียน............................
ก่อนที่อันนาจะออกไปจากห้องนอน เด็กสาวหมุนตัวกลับมา จ้องมองใบหน้ายามหลับของพี่สาวอยู่ชั่วครู่
ก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งที่หัวใจของตนเองเรียกร้องมาตลอด
ริมฝีปากบางจรดลงบริเวณริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยของพี่สาว สัมผัสบางเบา..............
“พี่เอลซ่า..........ฉันรักพี่นะ...............รักแบบไม่ใช่พี่น้อง..................”
“ซักวัน.....ฉันจะทำให้พี่เชื่อ..........ว่าฉันสามารถปกป้อง อยู่เคียงข้างพี่ตลอดไปได้.............”
กระซิบบอกความในใจ ก่อนที่จะหมุนตัวปิดไฟ และเดินออกจากห้อง ปล่อยให้พี่สาวได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ภายในความมืด.................มีเสียงหัวใจที่เต้นดังราวกับรัวกลอง
นัยน์ตาสีฟ้าลืมขึ้น....................
อันนา.................บอกรักเธอ..............................
เอลซ่า.................เธอจะทำยังไงดี....................................
เมาท์มอย// มาอัพช้าไปหนึ่งวัน ซอรี่ค่า //ก้มโค้ง
ตอนนี้เนื้อหาเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วสิเนอะ ตื่นเต้นแทนตัวละคร ฮ่าๆ จะพยายามไม่ดราม่ามากละกันเนอะ อุอิ
พรุ่งนี้เราไปงานหนังสือค่ะ ไปหาแรงบันดาลใจ ><+ อิๆๆๆ
ขอให้ทุกคนสนุกกับฟิคค่า
ความคิดเห็น