ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mysterious Whisper เสียงกระซิบแห่งการชี้นำ

    ลำดับตอนที่ #2 : ว่าจ้าง 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 57


     ว่าจ้าง 1

    ______________________________________________________________________________

    ค่ำคืนแห่งฟรันเซียคือสถานที่เลื่องชื่อของ เหล่านักดื่มและนักพนัน สถานที่ๆใครๆต่างก็รู้ดี ว่าเป็นที่กบดานของเหล่าผู้ถูกว่าจ้างระดับแนว หน้า ไม่ว่าจะเป็นสายลับ นักฆ่า นักสะกดรอย  รวมไปถึงผู้หาข่าว ผู้คนต่างหลั่งไหลมายังที่นี่ราวกับน้ำหลากเพื่อต้องการทำบางสิ่งบางอย่างไม่ว่า จะดีหรือเลวเหล่าผู้ถูกว่าจ้างต่างยินดีที่จะลงมือ ถ้ารางวัลที่จะได้รับนั้นสมน้ำสมเนื้อ

     

    ร้านเหล้าก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ไว้สำหรับรวมตัว ผู้ คนจะสังเกตได้จากผ้าคลุมสีดำสนิทคลุมตั้งแต่ ศีรษะจรดปลายเท้า เงามืดของผ้าคลุมนั้นก็เป็น ตัวอำพรางชั้นดีที่จะปิดบังใบหน้าของผู้ถูกว่าจ้าง การจะติดต่อผู้คนเหล่านั้นเพียงแค่ไปบอกจุด ประสงค์แก่เจ้าของร้านเพียงเท่านั้นทุกอย่างก็จะขึ้นอยู่กับว่าฝีปากและรางวัลมันล่อตาล่อใจมากเพียงใด

     

    ฟริกก้านั่งเท้าคางอย่างเบื่อหน่ายหลังจากถูก กักบริเวณไม่ให้ออกไปนอกเขตเมืองมาหนึ่งอาทิตย์และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแห่งความน่าเบื่อนี้ผ้าคลุมสีดำสนิทเพียงแค่คลุมเอาไว้กันหนาวเสียมากกว่าหากแต่เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้สวมผ้าคลุม คลุมศีรษะมือเรียวบางที่โผล่พ้นออกมา จากเงามืดของผ้าคว้าเข้าที่หูของแก้วที่ทำจากไม้เนื้อหนาแล้วกระดกของเหลวสีเหลืองทองลงคอ อย่างลื่นไหล ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาคน ที่อยู่ในร้านซึ่งต่างก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอดี

     

    ฟิลิแกน โฮเก้น หนึ่งในห้าปริศนาแห่งฟรันเซีย

     

    "กินขนาดนี้ถ้าเป็นคนอื่นฉันว่าต้องอกหักมา แหงๆ"

    คนชงเหล้าประจำร้านเย้าแหย่เด็กสาว สอง มือกำลังเช็ดทำความสะอาดปากแก้วอย่างคล่องแคล่ว

     

    "คนอย่างฉันจะอกหักบ้างไม่ได้รึไง"

    ฟริกก้าค้อนขวับแล้วพูดสวนกลับอย่างไม่สบ อารมณ์ ขณะที่คนโดนย้อนยังคงหัวเราะอย่างไม่ รู้สึกรู้สาอะไร

     

    "ได้ข่าวว่าถูกกักบริเวณ ปกติเห็นว่าลุงนาร์ซิส ตามใจเธออย่างกับอะไรดี ไปทำอะไรมาล่ะ"

    แกร์รี่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เพราะรู้ดีว่าคนตรง หน้าถูกตามใจจนแทบจะเรียกได้ว่าคุณหนูประ จำเมือง  แม้แต่เนลล่าลูกสาวแท้ๆยังไม่ถูกตามใจ ขนาดนี้ แต่กลับตามใจน้องสาวจอมแสบนี่อีกคน จนคนโดนตามใจนั้นน่าหมั่นไส้เพราะแทบจะมา เป็นที่หนึ่งเสมอเวลาที่เนลล่าคิดถึง ซึ่งนั่นเขาไม่เคยพอใจอยู่แล้ว

     

    "ก็แค่ไปแก้แค้นให้พี่เนลนิดหน่อยเอง นายนั่นแหละไม่ยอมดูแลพี่สาวฉันให้มันดีๆ"

    ฟริกก้าตอบว่าที่พี่เขยด้วยน้ำเสียงสะบัด

    "โธ่ ฉันไม่มีเวลาดูแลเนลตลอดเวลานี่เธอก็รู้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฝากเธอช่วยดูแลทำไม"

    แกร์รี่ตอบเสียงอ่อย พลางนึกถึงพี่สาวของ จอมแสบที่เรียบร้อยและอ่อนหวานต่างจากน้อง สาวต่างสายเลือดอย่างสุดกู่ทั้งๆที่โตมาด้วยกัน ตั้งแต่เล็กแต่น้อย คนอายุน้อยสุดกลับชอบเล่น ต่อสู้แถมยังกระโดกกระเดก ห่างไกลกับคำว่า กุลสตรีอยู่มากโข ไหนจะชอบปกป้องพี่สาวแบบ ผิดวิธีด้วยการหาเรื่องคนที่มายุ่งกับพี่สาวไม่ว่า จะชกต่อยหรือเป็นผู้จุดชนวนการท้าตีกันของ เด็กคนอื่นๆ  ซึ่งนั่นเป็นความสามารถที่น่าตกใจ มากสำหรับเด็กหญิงอายุเพียงแปดขวบ ถึงเวลา จะผ่านมากว่าเจ็ดแปดปีแล้วความแสบสันของ เจ้าตัวยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมและยังคงพัฒนา ไปเรื่อยๆจนน่าปวดหัว

     

    คนชอบหาเรื่องเจ็บตัวหน้ามุ่ยเพราะรู้ดีว่า คน ตรงหน้างานรัดตัวแค่ไหนที่เห็นมาชงเหล้าก็เพื่อมาดูแลเธอรวมถึงความปลอดภัยให้ร้านของคนรู้จัก  

     

    "รู้หรอกน่าก็แก้แค้นพวกนั้นแทนนายแล้วนี่ ไง" ฟริกก้าบอกแล้วดื่มเหล้าประจำตัวเธอที่เจ้า ของร้านเคยมอบให้อย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจ สายตาเอือมระอาของผู้เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อน ซึ่งในอีกไม่นานก็น่าจะขยับสถานะเป็นพี่เขยได้ อย่างเต็มตัว

     

    "ไอ้เหล้านี่ก็เพลาๆลงบ้าง ถ้าเนลมาเห็นได้ฆ่า ฉันตายไปข้างแน่ๆ ก็รู้อยู่ว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไร ดีแต่ทำให้เธอเมา"

    แกร์รี่ที่พยายามชงเหล้าให้เจือจางมากที่สุด เท่าที่จะทำได้โดยไม่ให้เด็กสาวที่มีคอทองแดง ยิ่งกว่ากระทะล่วงรู้  ฉายานี้ใครที่มาท้าประลอง ต่างก็ยอมแพ้ยกธงขาวให้อย่างไร้ข้อกังขาใดๆ เพราะเธอดื่มมันได้ราวกับน้ำเปล่า

     

    "พี่เนลไม่เห็นหรอกน่า คนเรามีเรื่องหนักใจก็ต้องกินซะบ้าง ขาดแอลกอฮอลล์มีหวังได้ขาดใจ ตายตามนายไปแหงๆ"

    ฟริกก้าตอบแล้วหัวเราะเมื่อเห็นคนที่เป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนแยกเขี้ยวใส่เป็นจังหวะเดียวกันกับ เสียงกรุ้งกริ๊งของระฆังสีทองเหลืองที่ติดอยู่เหนือประตูทำให้ลูกค้าที่มานั่งประจำเฮลั่น

     

    ผู้ที่เข้ามาใหม่เป็นหญิงสาวร่างยักษ์จนเหมือนกระเทย ร่างกายอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยมัด กล้ามไม่เข้ากับชุดรัดรูปสีชมพูแปร้นสะท้อน แสงวิบวับตามจังหวะการก้าวเดินเช่นเดียวกับผมสีทองเหยียดตรงถึงบั้นเอวริมฝีปากค่อนข้างบางถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเข้มตัดกับผิวสีแทน เพราะการอาบแดดที่เจ้าตัวอ้างว่ามันเป็นตรรกะ ธรรมดาที่ทุกคนควรรู้ว่าคนผิวแทนจะเซ็กซี่ ทั้งที่ จริงๆแล้วกลับทำให้คนตรงหน้าดูเหมือนกระเทย มากเข้าไปทุกทีและคนๆนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...

     

    "เจ๊ใหญ่!" เสียงผิวปากแซวดังลั่นพร้อมกับการเต้นยั่วยวนของเจ้าของร้านสาววัยยี่สิบปลายๆ ทันใดนั้นสายตาของเจ้าหล่อนก็เหลือบมาเห็นคน ที่นั่งอยู่บนเคาท์เตอร์ที่หันไปคุยกับคนดูแลร้าน ของเธออย่างไม่สนใจใคร ทำให้คนที่ถูกเรียก ว่า เจ๊ใหญ่กระวีดกระวาดเข้ามากอดหมับเข้าที่เอว บางของเด็กสาวที่เห็นมาตั้งแต่ตัวเท่าหน้าแข้ง?

    "หนูน้อย แหม่ หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ เจ๊ล่ะคิดถึ๊งคิดถึง แกก็ด้วยนะแกร์รี่"

    ฟริกก้าหลับตาปี๋เมื่อริมฝีปากของเจ๊ใหญ่หรือ ราเรีย แวนเดิล เจ้าของร้านเหล้าชื่อดังประจำ ฟรันเซีย ประทับลงที่ข้างแก้มแรงๆหนึ่งที ทิ้งลอย ลิปสติกรอยเบ้อเร่อเอาไว้จนต้องถูกออกแรงๆ อย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของรอยจูบ ท่ามกลางเสียงหัว เราะของทุกคนไม่เว้นแม้แต่เจ้าของรอยลิปสติก เองที่มองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

     

    "โหยเจ๊ กอดอะไรของเจ๊ กระดูกแทบหัก แล้ว มาคิดถึงอะไร คนที่หายหน้าหายตามันเจ๊ไม่ใช่รึไง"   เด็กสาวตอบเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่ได้ยิน บทสนทนาเป็นอย่างดี

     

    "เพราะน่ารักอย่างนี้ไงเจ๊ถึงต้องต่อรองน๊านนาน   ใครจะไปยอมให้หนูน้อยของเจ๊ไปทำงานลำบากล่ะจริงไหม"  

    เจ๊ใหญ่หันไปขอความเห็นจากลูกค้าที่ส่งเสียงเฮลั่นโดยตีความหมายไปเองว่าเห็นด้วย

       

    "เจ๊มีงานให้ฉันทำใช่ไหมทำหน้าทำตาแบบนี้"

    ฟริกก้าหรี่ตาลงอย่างจับผิดในขณะที่คนโดน จับผิดไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ แถมยังยกหลังมือ ขึ้นมาปล้องปากหัวเราะหน้าตาเฉย

                "แน่นอนที่รักแถมพ่อของเธอยังเห็นด้วยเลยนะจ้ะ ตามเจ๊มา เอาล่ะทุกคนวันนี้ฉันเลี้ยงไม่อั้น แต่อย่าให้เห็นว่าหยดลงพื้นแม้แต่หยดเดียวนะ แม่ตบไม่เลี้ยงเลยคอยดู!"

    เมื่อเจ๊ใหญ่ประกาศ ร้านก็ชุลมุนวุ่นวาย ฟริกก้าโบกมือหยอยๆให้แกร์รี่ที่มองตามหลังเจ้าของร้านใจปล้ำไม่ได้ดูกำลังคนซักนิดว่าจะชงเหล้า ทันหรือไม่

      

    'ถ้าครั้งนี้ไม่ขึ้นเงินเดือน อย่าหวังว่าเขาจะมาทำงานให้ฟรีๆก็แล้วกัน!'  

    ชายหนุ่มคิดก่อนจะถอนหายใจยาวพลางควง ขวดเหล้าอย่างชำนาญแล้วเทรวดเดียวสิบแก้วไม่มีหกอย่างมืออาชีพ

               

    ฟริกก้าเดินเข้าประตูด้านหลังเคาท์เตอร์ตาม หลังเจ๊ใหญ่ที่กำลังผิวปากอย่างสบายอารมณ์ พื้นไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามจังหวะการก้าว เดินอย่างไม่กลัวพื้นพังของเจ้าของร้านโดย เฉพาะตรงบันไดที่ไม่ว่าจะขึ้นมากี่ครั้งก็น่าขนลุก ทุกครั้งเพราะไม่รู้ว่ามันจะหักเมื่อไหร่

     

    มือหนาหยาบกร้านจากการทำงานค่อนข้าง หนักของเจ้าของร้านสาวผลักประตูที่ไม่มีลูกบิด  เข้าไป  ก่อนจะดันหลังเด็กสาวเบาๆ และเมื่อฟริกก้าเดินเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยบานพับของประตูก็ส่งเสียงสุดหลอนอีกครั้งแล้วจึงปิดลงเพื่อความ เป็นส่วนตัวของผู้ว่าจ้างและผู้ถูกจ้าง

     

    คนที่เข้ามาใหม่ทำให้คนที่นั่งอยู่ก่อนทั้งสาม คนกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเด็ก สาว  ใบหน้าสวยสะดุดตาอ่อนหวานน่ามอง ดวง ตาสีฟ้าสดราวกับท้องนภาทอประกายสงสัยอยู่ ในที ผมสีดำสนิทหยักศกราวกับผ้าแพรเนื้อนุ่ม พลิ้วไหวจากแรงลมที่พัดเอาความหนาวเข้ามา จากหน้าต่างที่เปิดอ้า ผิวสีขาวงาช้างสะท้อนแสง จันทร์ทำให้ดูขาวนวลเนียนราวกับไข่มุก เครื่อง แต่งกายรัดกุมสีดำสนิทและที่สำคัญเป็นกางเกง! ซึ่งไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาใส่กัน แต่สิ่งที่สะดุดตาที่ สุดคงจะเป็นดวงตาและรอยของอะไรบางอย่าง ใต้ตาสีดำสนิทที่ทำให้ดวงตาคู่งามดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

     

    ฟริกก้ากวาดตามองว่าที่ผู้ว่าจ้างในอนาคต อย่างพินิจพิจารณา ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลผู้มี ดวงตาสีไพรินเย็นชาดูมีอำนาจอย่างน่าขนลุก ผิวขาวคล้ำแดดเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แถมยัง มีมัดกล้ามตามท่อนแขนอย่างสมชายชาตรีน่า แปลกที่เขาดูมีอำนาจดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เขา โดดเด่นต่างจากคนที่นั่งขนาบข้างทั้งสอง คนต่อ มาเป็นชายหนุ่มที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกันกับชายคนคนแรก ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้เช่นเดียวกับสีของ ดวงตาที่ทอประกายสนใจมาทางเธออย่างไม่ปิดบัง ผิวสีแทนแบบฉบับที่เจ๊ใหญ่ใฝ่ฝันรูปร่างกำยำ พอๆกับคนแรก คนสุดท้ายเป็นชายค่อนข้างมีอา ยุ ผมสีดอกเลาทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยน คนนี้มอง ปราดเดียวก็รู้ว่ามากประสบการณ์ โดยเฉพาะ สายตาอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน

     

    "หน่วยก้านใช้ได้ ท่านว่าอย่างไร ถึงจะหน้าตาธรรมดาพอไปวัดไปวา แต่แบบนี้คนอื่นจะได้ไม่สงสัย"

    คนที่ผมสีน้ำตาลพูดขึ้นทำลายความเงียบ ใน ขณะที่คนโดนหาว่าหน้าตาธรรมดา ตากระตุก ยิกๆ อยากจะประท้วงแก่ แต่ก็ต้องอดทนตามกฎ ของผู้ถูกว่าจ้างแห่งฟรันเซียว่าจะไม่สอดแทรก หรือขัดขวางการตัดสินของนายจ้างไม่เช่นนั้นชื่อ เสียงที่สั่งสมมาอาจจะปลิวหายเข้ากลีบเมฆ

     

    'หน้าตาพอไปวัดไปวา! ชิ พูดมาได้ ฉันหน้าตา ระดับนางงามย่ะ!'

    ฟริกก้าค้อนคนพูดเล็กๆ แต่ก็ไม่สามารถเล็ดรอดสายตาของคนในห้องที่กำลังจับตามองเธออยู่ก่อนแล้ว

     

    "แม้ว่าจะโดนสะกดเอาไว้แต่ข้าค่อนข้างแน่ใจ ว่าเวทของนางไม่ได้อ่อนด้อยอย่างที่นางปกปิด แน่นอน"

    ชายสูงอายุพูดต่อ เหลือแต่คนตรงกลางที่ยัง คงปิดปากเงียบ ฟริกก้าหยุดเถียงคนที่หาว่าเธอ หน้าตาไม่ดีในใจแล้วมาสนใจกับวิจารณ์ถัดมาที่ ทำให้เธอต้องมองชายสูงวัยอย่างละเอียดอีกครั้ง

     

    อ่อนด้อย ปิดผนึก? คนพวกนี้ตั้งใจจะหาเรื่อง เธอใช่ไหม ว่าแล้วปากมันก็คันยิบๆ อยากจะเถียง แทบขาดใจ แต่ก็ต้องอดกลั้นตั้งใจฟังสิ่งที่ว่าที่ นายจ้างทั้งสามจะพูดต่อ

     

    "ตกลงฉันจ้างเธอ"  เสียงเรียบนิ่งเอ่ย ทำให้ฟริกก้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ

     

    "ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้ฉันทำอะไร พวก คุณพึ่งเคยจ้างใช่ไหม ถ้าจ้างทำเรื่องวุ่นวายฉัน ไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปจ้างคนอื่นได้เลย"

    ฟริกก้าโบกมือบอกปัดไว้ก่อนอย่างไม่ใส่ใจ นักเพราะถึงยังไงการหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่วิถีชีวิตที่เธอจะทำแน่ๆ

     

    "พวกเราจ้างเธอไปเป็นคนนำทาง สายลับและ องครักษ์ให้ฉัน"

    เสียงเรียบตอบคำถามของเธอ ทำให้ฟริกก้านิ่งไปซักพัก แล้วถามต่อทั้งๆที่ใจเริ่มโอนเอนไป บ้างแล้วกับงานที่ดูสบายและแสนจะง่าย

     

    "ราคาว่าจ้างล่ะ"

     

    "ทองหนักเท่าน้ำหนักตัวเธอ"

    ไปหมดแล้วคำพูดที่จะโก่งราคา ฟริกก้ายิ้มกว้างแล้วหัวเราะให้กับความใจป้ำของคนว่าจ้างคนนี้ นี่คงเป็นเงินรางวัลที่อาจจะมากที่สุดที่เคยมีในวงการการว่าจ้างเลยก็ว่าได้ ใครจะรู้ แถมผู้โชคดีคนนั้นคือเธอซะด้วย     

    "แล้วขอบเขตงานล่ะทั้งเวลาและสถานที่"  

    ฟริกก้าถามหน้าตาชื่นบาน ดวงตาสีฟ้าวิบวับ จนทั้งสามคนมองอย่างสงสัย เนื่องจากคนเป็น สายลับจะต้องปกปิดความรู้สึกเก่งกว่านี้จนแทบจะจับไม่ได้  ไม่ใช่อาการดีใจจนดูเหมือนมีออร่า ออกมาจากคนที่ได้ฉายาว่าสายลับแห่งฟรันเซีย

        

    “แล้วแต่ว่าเธอจะทำสำเร็จเร็วแค่ไหน ไม่ต้อง ห่วงเรื่องสถานที่มีที่นอนและ อาหารการกินให้ เธออย่างดี"

    คนหัวน้ำตาลเป็นคนตอบ แล้วอมยิ้มกับสายตาแวววาวของคนตรงหน้า

     

    "ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง พูดแล้วอย่าคืนคำนะ ถ้าพวกคุณ ปล่อยฉันอดตายล่ะก็จะมาตามหลอกเรียงตัวเลย คอยดู อ้อ เริ่มงานวันไหนนะ"

    ฟริกก้าถามแล้วกระพริบตาปริบๆเมื่อได้รับคำตอบที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ที่สุดในตอนนี้จากคนหน้านิ่ง

     

    "วันนี้ เราจะเดินทางกลับราลล์ทันที"

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×