คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5
“กลับมาแล้วเหรอค่ะคุณมินฮยอน” ป้ายูนาที่กำลังตรวจความเรียบร้อยภายในบ้านเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างสูงของเจ้าของบ้านก้าวผ่านประตูเข้ามา
ก่อนจะรีบเดินไปรับสูทตัวสวยที่ผู้เป็นนายเพิ่งถอดออกจากตัว
“ครับ แล้วเร็นหละ” มินฮยอนส่งยิ้มละมุนให้ป้าแม่บ้าน
ก่อนจะมองหาคุณหนูอีกคนของบ้านที่ปกติต้องลงมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นเป็นประจำ
“คุณเร็นอยู่บนห้องคะ
ป้าไปตามให้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาเขาที่ห้องเองดีกว่า” มินฮยอนพูดก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องของคนตัวเล็กอย่างไม่รอช้า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงประตูห้องดังขึ้นทำให้เร็นที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำต้องละสายตาจากกระจกบานใหญ่ที่ตนกำลังส่องอยู่
ก่อนจะรีบเดินไปเปิดให้แขกผู้มาเยือน
“ฮะ แป๊บนึงนะฮะ
แป๊บนึง” เท้าเล็กเร่งความเร็วเพื่อให้ไปถึงประตูอย่างไว มือเล็กหมุนลูกบิดประตูเพื่อเปิดต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์
“มินฮยอน” ทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่ยืนรออยู่หน้าประตู
รอยยิ้มหวานเมื่อครู่ก็พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่นิ่งเฉยโดยอัตโนมัติ
ไม่มีคำทักทายหรือเชื้อเชิญใดๆ
นอกจากการปิดประตูไล่โดยเร็นไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองจะส่งผลให้มีภัยมาถึงตัว
มินฮยอนที่ยืนรออยู่รีบดันประตูไว้เพื่อไม่ให้อีกคนหนีหน้าเขาได้และด้วยพละกำลังที่มากกว่าจึงทำให้ร่างสูงสามารถเข้ามาในห้องนอนของคนตัวเล็กได้อย่างง่ายดาย
“นี่!! ออกไปเดี๋ยวนี้นะมินฮยอน”
“ชั้นไม่ออก มีอะไรมั้ย” มินฮยอนยิ้มมุมปากพลางปิดประตูห้องและไม่ลืมที่จะกดล็อคเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครหนีออกไปจากห้องนี้ได้
สายตาคมจ้องมองร่างตรงหน้าที่เริ่มมีท่าทีหวาดหวั่น ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆ
“มี เพราะนี่มันห้องชั้นฉะนั้นนายก็ควรออกไป” เสียงหวานตวาดใส่อีกคนอย่างอาจหาญเพื่อกลบเกลื่อนความกลัวของตัวเอง
“พูดไม่เพราะยังพออภัย
แต่ไล่สามีออกจากห้องนี่ไม่น่ารักเลยนะ” นิ้วเรียวบรรจงแตะลงบนริมฝีปากหยักของอีกคนอย่างเบามือ
แม้จะดูเป็นการกระทำที่ไม่รุนแรงแต่สำหรับ ชเว เร็น
แล้วการกระทำที่อ่อนโยนและรอยยิ้มของคนตรงหน้านั้นช่างน่ากลัวกว่าการกระทำห่ามๆของผู้ชายทั่วไปเสียอีก
“คนอย่างนายพูดดีไปก็เท่านั้นแหละ
เพราะมันไม่ได้ทำให้นิสัยนายดีขึ้นมาหรอก” เร็นปัดมือหนาออกพลางแสดงท่าทีขยะแขยงกับการกระทำของร่างสูง
“ฮึ ปากเก่งนักน่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าเจอแบบนี้จะยังเก่งได้อยู่มั้ย”
มินฮยอนแสยะยิ้ม ก่อนจะกระชากแขนเรียวอย่างแรงจนอีกคนเซเข้ามาหาตัว
“อ๊ะ มินฮยอนปล่อยนะ!!!” ร่างบางพยายามสะบัดแขนหนีจากการเกาะกุม
แต่กลับโดนมินฮยอนรั้งเอวบางเข้ามาแนบกายยิ่งขึ้นและสายตาคมก็ยังคงรุกรานจ้องมองเรือนร่างบางตรงหน้าอย่างจาบจ้วงก่อนจะหยุดสายตาอยู่ตรงไหล่ขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อคลุมอาบน้ำตัวโคร่งออกมา
“นะ นายจะทำอะไร ” เสียงสั่นเครือพูดอย่างหวาดระแวงพร้อมกับมือเล็กที่รีบดึงเสื้อคลุมมาปิดส่วนที่โผล่พ้นออกมาทันทีที่เหลือบเห็นสายตาของมินฮยอนที่เอาแต่จ้องมองตาไม่กระพริบ
“ก็จะสั่งสอนคนอวดเก่งอย่างนายไง” สิ้นเสียงริมฝีปากบางก็ทาบลงบนริมฝีปากหยักทันทีโดยไม่ให้อีกคนได้ทันตั้งตัว
มือเล็กระดมทุบอกแกร่งไม่ยั้งเพื่อต้องการอิสระแต่นั่นกลับยิ่งทำให้ร่างสูงอยากเอาชนะมากขึ้น
จูบที่ดุดันและหนักหน่วงยังคงดำเนินต่อไปก่อนจะค่อยผ่อนลงกลายเป็นจูบที่อ่อนโยนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืน
มือหนาค่อยๆลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างหลงใหลก่อนจะต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำอุ่นๆที่แก้มขาว
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของมินฮยอนเต้นแรงราวกับรัวกลองเมื่อได้เห็นใบหน้าหวานที่มีน้ำตาอาบสองแก้ม
มือหนายกขึ้นหมายจะเช็ดน้ำตาให้แต่ก็ต้องฝืนใจแสร้งพูดเหมือนไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“เย็นนี้ชั้นจะพานายออกไปข้างนอก เตรียมตัวไว้ด้วย” สิ้นประโยคมินฮยอนก็หันหลังเดินกลับห้องแต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นออกจากประตู
ก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ชั้นเกลียดนาย…ฮวัง มินฮยอน ” เร็นพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและชัดเจน
และนั่นก็ทำให้ร่างสูงหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
:
:
อีกส่วนหนึ่งของบ้านถูกจัดให้เป็นมุมส่วนตัวโดยภายในห้องมีการประดับด้วยโคมไฟที่ให้แสงสลัวบวกกับชั้นวางที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มมากมายและมีเสียงเพลงเปิดเคล้าคลอเพื่อสร้างบรรยากาศทำให้ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในไนท์คลับส่วนตัวแต่สิ่งรอบกายคงไม่มีความหมายเมื่อเจ้าของที่นั่งดื่มอยู่มีสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอภิรมย์สักเท่าไหร่นัก
มินฮยอนยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผ่านมารวมไปถึงคำพูดของเร็นเมื่อครู่ที่ทำให้คนอย่างเขาเจ็บปวดหัวใจ
“ทำไมนายต้องเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นด้วยเร็น” ร่างสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มจนหมด
ปีตุลรอจีมยอน นัล บวา
จุลกา บวา~~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติให้มินฮยอนต้องละความสนใจจากสิ่งตรงหน้าแล้วหันมากดรับสายเรียกเข้า
“ ว่าไงแบคโฮ”
(มิน เย็นนี้ชั้นคงไปด้วยไม่ได้แล้วว่ะ)
“อ้าว! ทำไมวะ..
อย่าบอกนะว่าแกอยู่กับสาวแล้วเบี้ยวชั้น” มินฮยอนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ฟังปลายสาย
(สาวที่ไหนแกหละ
ชั้นติดแหง็กอยู่บ้านตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ออกไปไหนเลย)
“คนอย่างแกนอกจากเวลานอนแล้ว
นี่อยู่บ้านเกินชั่วโมงได้ด้วยเหรอวะ”
(ไม่ได้ก็ต้องได้แล้วหละ
ก็พี่ชายคนดีของชั้นดันกลับมาพ่อก็เลยสั่งว่าให้อยู่กินข้าวที่บ้าน…ชั้นหละไม่เข้าใจจริงๆว่าวันนี้วันดีอะไรเขาถึงขยันกลับจากต่างประเทศนักหนา)
“ฮ่าๆ อยู่กินข้าวที่บ้านกับครอบครัวนั่นแหละดีแล้ว…อบอุ่นดี” มินฮยอนถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อได้ฟังแต่มันก็จริงอย่างที่แบคโฮพูดวันนี้เป็นวันอะไรกันทุกคนถึงกลับมาเจอกันอย่างถ้วนหน้า
(ชั้นขอโทษนะมินฮยอน)
“ไม่เป็นไรหรอก”
(งั้นแค่นี้ก่อนนะ)
“อื้ม บาย” มินฮยอนวางสายเมื่อสิ้นสุดบทสนทนาพร้อมกับดูเวลาในโทรศัพท์จึงรู้ว่าใช้เวลาอยู่ในนี้นานเกินไปเขาจึงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาคนตัวเล็กที่ป่านนี้คงจะแต่งตัวเสร็จแล้ว
มินฮยอนเดินไปที่หน้าประตูหมายจจะเคาะเรียกคนข้างในและเป็นเวลาเดียวกับที่เร็นเดินออกมาจากห้องพอดี
“รู้เวลาดีนี่” มินฮยอนพูดพลางมมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่เร็นกลับไม่ได้สนใจและเดินผ่านหน้ามินฮยอนไปโดยไม่แม้แต่จะปลายตามอง
มินฮยอนยกยิ้มก่อนจะเดินตามหลังไปเงียบๆ
ณ
ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมืองเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเหล่าไฮโซที่มักจะมาลิ้มรสอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่แห่งนี้
ทั้งมินฮยอนและเร็นเดินตามพนักงานเข้ามายังโต๊ะที่เขาได้จองไว้แล้วล่วงหน้า
มินฮยอนมองทิวทัศน์โดยรอบที่ประดับไปด้วยแสงไฟหลากสีและมีมีดนตรีไพเราะบรรเลงให้ฟังอยู่ไม่ขาด
“บรรยากาศที่นี่ดีนะ
วิวก็สวยนายชอบมั้ย ?”
“ชั้นมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นด้วยเหรอว่าชอบรึไม่ชอบ”
เร็นตอบเสียงเรียบทำให้คนที่ถามต้องงหันกลับมามองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ
“นายจะตอบชั้นดีๆสักครั้งไม่ได้เลยใช่มั้ยเร็น”
“รอนานมั้ยคะมินฮยอน”
ซอลฮยอนที่พึ่งมาถึงพูดขึ้นทำให้มินฮยอนต้องปรับอารมณ์ของตัวเองให้ปกติแล้วหันไปยิ้มให้
“ไม่นานครับ”
“นึกว่ามินจะมากับแบคโฮซะอีก” ซอลฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเมื่อหันไปเจอคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามมินฮยอน
“แบคโฮมาติดธุระนะ ก็เลยมาไม่ได้”
มินฮยอนยิ้มแหยๆก่อนจะลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้อีกคนนั่ง
“แบคโฮมาไม่ได้เราก็มากันสองคนก็ได้นี่ค่ะ
ไม่เห็นจะต้องพาคนอื่นมาแทนเลย” ซอลฮยอนหันไปพูดกับมินฮยอนแต่ก็ไม่วายที่จะพูดเหน็บแนมให้อีกคนได้ยิน
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนหละกัน”
เร็นพูดพร้อมกับลุกขึ้น
“ใครอนุญาตให้นายกลับ” มินฮยอนที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นคว้ามือของอีกคนไว้ทันที
“ไม่ต้องกลับหรอก ไหนๆก็มาแล้วเดี๋ยวจะหาว่าชั้นใจดำอีก” ซอลฮยอนพูดอย่างจำใจเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆเริ่มหันมามองทางโต๊ะที่พวกตัวเองนั่งอยู่
:
:
“ขอบคุณนะมินฮยอนสำหรับดินเนอร์มื้อนี้”
ซอลฮยอนพูดระหว่างที่เดินควงแขนมินฮยอนออกมาจากร้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
โดยมีเร็นเดินตามหลังมาไม่ห่าง
“ด้วยความยินดีครับ”
“วันพุธนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับซอลกับพี่โชอา มินฮยอนต้องไปให้ได้นะ
”
“ครับ ผมไปแน่นอน”
“ฝันดีคะมินฮยอน” ซอลฮยอนยิ้มให้ก่อนจะโน้มคออีกคนลงมาหอมแก้มต่อหน้าต่อตาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่
“เช่นกันครับ”
มินฮยอนยิ้มน้อยๆพร้อมกับเปิดประตูรถให้และไม่วายที่จะเหลือบไปมองหน้าเร็นที่ยืนนิ่งรอเขาอยู่ที่รถ
ทันทีที่รถของซอลฮยอนขับออกไปมินฮยอนก็เดินไปหาคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่ที่รถด้วยสีหน้าที่ไม่บอกถึงอารมณ์ใดๆ
“เมื่อกี๊ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย”
“ได้ยินครับ”
เร็นตอบส่งๆทั้งที่ไม่ได้หันไปมอง
ฝ่ายมินฮยอนที่ยืนมองท่าทางนิ่งเฉยของเร็นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นได้พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนใบหน้า
“นายจะต้องไปกับชั้น” มินฮยอนก้มลงไปกระซิบข้างหูของเร็น
จนเจ้าตัวต้องรีบหันกลับมามองหน้าเขาทันที
“ทำไมชั้นต้องไป” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันพลางจ้องหน้ามินฮยอนอย่างต้องการคำตอบ
“เพราะชั้นสั่ง”
ความคิดเห็น