ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ่วงล่อบอดี้การ์ดจำเป็น (Beloved Bodyguard)

    ลำดับตอนที่ #4 : 3 ‘พีเค’ ปะทะ ‘ปิรัญย่าเขี้ยวลาก’

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 58


    3

    พีเคปะทะ ปิรัญย่าเขี้ยวลาก

     

                รุ่งขึ้น ชรัญดาลุกขึ้นแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าสไตล์ผิดแผกไปจากเดิม ปกติเธอจะแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบบ้าง รองเท้า
    มีส้นเตี้ยบ้างแต่เน้นกางเกง กระโปรงเธอแทบจะไม่เคยหยิบออกมาสวมใส่ แล้วแต่ว่าวันไหนนึกครึ้ม
    ! และวันนี้เธอก็นึกครึ้มอกครึ้มใจมากเป็นพิเศษ หยิบชุดแซ็กกระโปรงบานสีหวานแขนกุดมาสวม สางผมยาวสลวยให้เข้ารูปทรงทิ้งตัวอย่างมีน้ำหนัก แต่งหน้าเข้มเติมสีหน้าบนใบหน้าให้ดูสวยพริ้งขึ้นเฉดหนึ่ง
    ดูน่ารัก น่าทะนุถนอม มากกว่าจะเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัว

    ร่างเล็กเดินตัวปลิวออกจากห้องนอนลงมาชั้นล่าง เหลียวมองไปทางไหนก็ไม่พบใคร สงสัยเธอต้องไปบ้านสฤษดิ์ทรัพย์ไพศาลเองเสียแล้ว

    ชรัญดาเดินมาถึงหน้าบ้านก็พบกับคุณดารินที่กำลังยืนรถน้ำต้นไม้สวนหย่อมหน้าบ้านอย่างเพลิดเพลิน เธอย่องเบาโผเข้ากอดคนเป็นแม่แน่นพลางหอมแก้มซ้ายขวาออดอ้อน

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

    “เห็นข้าวต้มมั้ยลูก แม่เตรียมไว้ให้แล้ว” นางบอกพลางหันมาหอมแก้มลูกสาวคืน

    “เหรอคะ งั้นทานหน่อยดีกว่ากำลังหิวพอดีเลยค่ะ” เธอเอาใจผละจาก
    ผู้เป็นแม่ ซึ่งปิดก๊อกน้ำเดินตามหลังลูกสาวมาติดๆ

    ร่างแบบบางนั่งตรงหน้าชามข้าวต้มที่ผู้เป็นแม่ตักเตรียมไว้ให้ เริ่ม
    ลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดชามดื่มน้ำตามเสร็จจึงเอ่ยถามถึงผู้เป็นพ่อ

    “พ่อล่ะคะแม่”

    “ไปบ้านคุณภามแต่เช้าแล้วจ๊ะ” นางหมายถึงบ้านเจ้านายหรืออีกนัย
    ก็เพื่อนสามีพลางยื่นมือจะเก็บชามให้ลูก ทว่าคราวนี้ลูกสาวกลับปรามเสียงหลงลุกพรวดเก็บจานชามเองเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินมาสมทบผู้เป็นแม่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน

    “ว้า... คุณชรัญนี่ไม่รอลูกสาวเลย”

    “เอ...วันนี้ลูกสาวแม่นึกยังไงแต่งตัวเสียสวยหวานเชียว” นางทักพร้อมจับร่างระหงหมุนหนึ่งที

    “แล้วรัญสวยมั้ยคะ”

    “ลูกสาวแม่น่าจะแต่งแบบนี้บ่อยๆ หนุ่มๆ จะได้กล้าเข้ามาจีบ” นางชมภูมิใจในความน่ารักของลูกสาว

    “หืม ไม่เอาหรอกค่ะ อยู่ให้คุณชรัญกับคุณดารินเลี้ยงดีกว่า” เธอย่นจมูกคล้ายขัดใจ สวมกอดผู้เป็นแม่แน่นพร้อมกับหอมแก้ม “รัญไปก่อนนะคะ”

    “ลูกคนนี้นี่” นางตีแขนทีหนึ่งอ่อนใจกับความปรู๊ดปร๊าดของลูกสาว
    นี่ขนาดปรามๆ กันไว้บ้างแล้วนะ

     

    ชรัญดาใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ก็เข้ามาเยือนอาณาจักร สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล ซึ่งมีเนื้อที่ใหญ่โตกว้างขวางนัก ร่างเล็กเข้ามายืนเด่นตรงเรือนรับแขกอันรโหฐานใช้สำหรับรับแขกทั่วไป ซึ่งถัดไปเป็นปีกซ้ายจะมีเรือนครัว ปีกขวาเป็นเรือนนั่งเล่น และเรือนนอนอีกสองหลังซึ่งจะมีระเบียงเชื่อมต่อถึงกัน
    โดยระหว่างทางเดินจะมีสระปลาแหวกว่าย น้ำตกเล็กๆ งามตานัก แบบบ้านได้ดัดแปลงเสริมแต่งเพิ่มเติมโดยไม่ให้ผิดไปจากแบบบ้านแบบเดิมมากนัก

    หญิงสาวยืนนิ่งมองชายสูงวัยที่เธอให้ความเคารพรักและนับถือ
    คนหนึ่งนั่งเป็นประธานบนโซฟาไม้สักตัวใหญ่ อีกคนยืนจังก้า เผยอเรียวปากหนาค้างอย่างอึ้งกับการแต่งตัวของลูกสาวคนสวย

    ท่านรู้ดีว่าลูกสาวท่านเป็นคนหน้าตาดี จัดว่าสวย แต่ท่านก็ไม่เคยชมมากไปกว่าคำว่า น่ารัก ด้วยกลัวว่าลูกสาวจะเหลิง ทว่าวันนี้ ไอ้ตัวแสบ ของท่านมาแปลก แต่งตัวซะสวยเฉียบมาเชียว...

    หรือว่า...แสบจริงๆ! แล้วดูทำเข้ายกมือไหว้อ่อนช้อยสวยงามอย่างกับหลุดออกมาจากในรั้วในวัง

    “สวัสดีค่ะ ท่านประธาน”

    “เรียกลุงเหมือนเดิมดีกว่า เชิญนั่งๆ หนูรัญจริงๆ เหรอเนี่ย เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ ตั้งแต่...” คุณภามประธานกรรมการ บริษัท พีเค เอนเนอร์ยี่ จำกัด เอ่ยแซวหญิงสาวที่ท่านหมายปองไว้เป็นคู่ครอง เอ๊ย! บอดี้การ์ดของ
    ลูกชายพลางผายมือเชื้อเชิญให้นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเลขามือขวาหรือพ่อของหญิงสาวเอง

    “ตั้งแต่ปีใหม่ที่รัญนำกระเช้าผลไม้ในสวนหลังบ้านมาฝากคุณลุงนั่นละค่ะ พอดีช่วงนี้ที่โรงเรียนกำลังรับเด็กเพิ่มน่ะค่ะ รัญเลยไม่ว่างเท่าไหร่
    รัญขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมคุณลุงเลย” ว่าที่บอดี้การ์ดคนสวยตอบว่าที่พ่อเจ้านายเสียงหวานหยด ให้ดูเป็นผู้หญิ๊ง
    ! ผู้หญิง! ที่อ่อนหวานและอ่อนแอ

    ก็ในข้อตกลงเธอจะทำตามคำขอร้องของพ่อทุกอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากเธอถูกปฏิเสธแล้วไซร้ ใครๆ ก็จะหาว่าเธอเสียสัตย์ไม่ได้
    แล้วคุณลุงภามก็ไม่มีสิทธิ์มายึดโรงเรียนเธอด้วย โฮะๆๆ

    “หนูรัญนี่กิริยามารยาทงาม หน้าตาสะสวยเหมือนคุณดารินไม่มีผิด ว่ามั้ยชรัญ” ท่านประธานกรรมการใหญ่ เหลียวหาพวก ขอความคิดเห็นจากพ่อของหญิงสาวเอง ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันเป็นมั่นเหมาะแบบแปร่งๆ

    “ครับ...น้องรัญเขามารยาทงามเหมือนแม่!แต่ความเจ้าเล่ห์ได้พ่อไปเต็มๆ ท่านก็ได้แต่หวังว่า คุณโภคินจะยอมรับชรัญดาเวอร์ชั่น คุณหนู๊! คุณหนู! เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ไม่อย่างนั้นละก็...พัง!

    คุณภามชวนชรัญดาคุยเพลินโดยมี คุณชรัญพ่อของเธอคอยเสริม ถามไถ่บอกเล่าเรื่องราวที่เธอห่างหายไปอย่างครึกครื้น มาพร้อมกับอารมณ์ขันที่ทั้งคุณภาม พ่อของเธอและตัวเธอต่างขนเรื่องเล่าขำขันมาเล่าสู่กันฟัง จะว่าไปเธอก็สนิทกับคุณภามมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่หลังๆ  เธอยุ่งจนไม่ค่อยได้เข้ามากราบท่านเท่านั้นเอง

    และช่วงที่ลูกชายท่านไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอก็แวะเข้ามาเป็นเพื่อนคุยกับท่านออกบ่อย จึงได้รับรู้ว่าชายหนุ่มมีแฟนแล้ว เป็นถึงลูกสาวของคนใหญ่คนโต เห็นบอกว่าเพิ่งคบหาดูใจกัน แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้
    ชรัญดาเจ็บจี๊ดไปทั้งทรวงแล้ว นั่นจึงเป็นสามารถทำให้เธอต้องหลบหน้าหลบตาลูกชายของท่านร่ำไป แต่คราวนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชรัญดาก็ได้ แต่หวังว่าโภคินจะปฏิเสธเธอ

    “คุณพีเคจะไปทำงานแล้วเหรอคะ ยังไม่หายดีเลย หน้ายังซีดอยู่เลยนะคะนั่น” แม่บ้านวัยกลางคนทักเจ้านายหนุ่มน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

    “ผมแข็งแรงดี ไม่เป็นไรหรอกป้า คุณพ่ออยู่ไหน”

    “ที่ห้องรับแขกค่ะ อยู่กับคุณชรัญ แล้วก็...” แม่บ้านบอกยังไม่ทันจบร่างสูงก็หันหลังตรงดิ่งไปยังเรือนรับแขกเสียแล้ว

    เสียงทักถาม พูดคุยระหว่างลูกชายเจ้าของบ้านดังแว่วมาจากฝั่งเรือนนอน ซึ่งต้องผ่านเรือนนั่งเล่นก่อนด้วยสีหน้าซีดเซียวกับแม่บ้านวัยกลางคน
    ทำเอาคนที่เรือนรับแขกต่างชะเง้อคอมองคนนอกห้อง รอการย่างกรายเข้ามาตามคำบอกของแม่บ้าน

    ยกเว้น...ชรัญดา ที่นั่งนิ่งยังไม่อยากหันไปมองคนเบื้องหลัง ก็เธอนั่งเก้าอี้เดี่ยวตัวที่หันหลังให้กับประตูทางเข้า อีกอย่างเธอจำใบหน้า พอดูได้
    ในสายตาเธอของเขาได้แม่น มันพิมพ์อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเลยก็ว่าได้
    เหตุผลน่ะเหรอ...

    เพราะเธอเกลียดเขาเข้าไส้!

    โภคินในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน เสื้อสูทตัวหรูพาดแขนข้างที่ปกติ
    เตรียมตัวกลับไปทำงานอย่างทุกวัน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หน้าตายังคงหล่อคมเข้มแม้ว่า หากมองดูดีๆ แล้วยังอิดโรยอยู่มากก็ตามที

    เขายกมือไหว้ทักทายผู้อาวุโสคุณอาชรัญ เพื่อนซี้ผู้เป็นพ่อพ่วงตำแหน่งมือขวาอีกตำแหน่งด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ สาเหตุก็เพราะต้นแขนข้างขวาของเขาเพิ่งได้รับแผลมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดีที่ร่างกายเขาแข็งแรง ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้นอนซมเพราะพิษไข้นานกว่านี้แน่!

    ร่างสูงหยุดยืนข้างคุณชรัญก่อนทรุดกายลงนั่งข้างคุณภามผู้เป็นพ่อ แล้วสายตาเขาก็กระทบเข้ากับ สิ่งมีชีวิตร่างเล็ก ผมยาว สวมชุดแซ็กแขนกุด
    สีหวาน ดูเสี้ยวหน้าด้านข้างมองเห็นแพขนตาหนางอนเด้งไม่รู้ของจริงหรือของปลอม
    ! จมูกโด่งรั้นสวย ริมฝีปากอวบอิ่มแดงฉ่ำสีสดเชียว ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน น่าโลมลูบ

    “เป็นไงไอ้เสือ วันนี้ไปทำงานไหวเหรอ”ท่านประธานกรรมการใหญ่เอ่ยถามลูกชายประโยคแรก หากไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ท่านเลยเพิ่มความดังขึ้นมาอีกระดับ

    “พีเค!

    “ครับคุณพ่อ”เขาละสายตาจาก  สิ่งมีชีวิตหันมาให้ความสนใจกับเจ้าของเสียงกระตุ้น ประมวลคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่แล้วตอบคล่องปรื๋อ “อ๋อ!
    ผมห่วงงานนะครับ เกรงว่าจะมีปัญหา”

    “แผลหายแล้วเหรอครับ คุณพีเค” เสียงนี้เป็นของคุณอาชรัญซึ่งนั่งอยู่ฝั่งขวามือของเขา

    “ก็ยังปวดๆ ปากแผลบ้างครับแต่ไม่เท่าไหร่ พอทนไหว”หากสายตายังคอยปรายไปทาง สิ่งมีชีวิต ที่นั่งเยื้องข้างคุณอาชรัญ เขาอยากรู้ว่า
    คุณเธอมาทำอะไรที่นี่ ในเวลาที่เขาอยู่บ้าน ซึ่งตลอดเวลาเกือบห้าปี หญิงสาวหลบเขาได้ตลอด แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง

    “แล้ว...”

    สายตาคมปราดจ้องมองหญิงสาวร่างอรชรที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเป็นเธอ พยายามกลบเกลื่อนสีหน้าลิงโลดไว้ภายใต้สีหน้าขรึม ดุ เหลียวมองผู้ใหญ่ทั้งสองเพื่อต้องการความกระจ่าง

    “ลูกสาวอาเองครับ คุณพีเคจำไม่ได้เหรอ”

    โอ้แม่เจ้า! อิมพอสสิเบิ้ล! ทำไมเขาจะจำไม่ได้ ก็ยัยหางเปีย ตัวดำ
    ผอม ก้าง แถมยังขี้แยอีกต่างหาก เขาหยอกเล่นด้วยหน่อยก็ไม่ได้ ร้องไห้ไปฟ้อง
    คุณอาชรัญลูกเดียว

    “สวัสดีจ๊ะน้องรัญ” โภคินทักทายสีหน้ายังเรียบนิ่ง

    ชรัญดาหันมายกมือไหว้วางท่าเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว เอ่ยตอบเสียงหวานใสพร้อมส่งยิ้มละมัยเป็นทัพหน้า ทว่าหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเขาโพล่งสวนมา

    “สวสัดค่ะคุณโภคิน”

    “คุณพ่อกับคุณอาคงไม่คิดที่จะจับเราสองคนคลุมถุงชลกันหรอกนะครับ”

    ฉึก!ฉึก!

    ฉึก! แรกเข้าเป้าท่านผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสอง หากแต่ยังวางสีหน้าเรียบนิ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีหลักฐานอย่ามาปลักปลำเสียให้ยาก

    ฉึก! ที่สองเสียบแทงกลางหัวอกชรัญดาอย่างจัง ฉุนปรี๊ด! จนอยากลุกขึ้นมาอาละวาดนัก คิดได้ไง! ว่าท่านทั้งสองอยากเกี่ยวดองเป็นญาติกัน โดยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา รอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนเถอะ! ดีที่คุณภามไขข้อข้องใจซะก่อน ไม่งั้นอาจมีเฮ!

    “ไม่ใช่เว้ย ไอ้ลูกชาย! หนูรัญจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้แก”

    “ห๊า! คุณพ่อว่าไงนะครับ ให้ชรัญดามาเป็นบอดี้การ์ดผม”เขากวาดสายตาลากไล้มองร่างสวยขึ้นลงหลายรอบอย่างไม่เชื่อถือแถมยังดูถูกซ้ำ “อ้อนแอ้นแบบนี้ไม่ไหวหรอกครับ ดูแลตัวเองจะรอดรึเปล่าก็ไม่รู้”

    “ขอโทษด้วยนะครับคุณอาที่ผมต้องพูดตรงๆ” เขาหันมาเอ่ยขอโทษคุณชรัญซึ่งเคยเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวให้แก่เขาเช่นกัน

    “จะสบประมาทกันมากไปแล้วนะคุณโภคิน! คุณรู้จักฉันดีแค่ไหนกันเชียว!” ชรัญดาแอ๊บหลุด ตวาดแว๊ดเสียงแหลม

    “ก็รู้จักมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกนั่นละ” ตอบพลางแอบยักคิ้วแหย่คนตรงหน้า

    “เอาล่ะๆ อย่าเถียงกันเลย พีเคยังไงเสีย แกก็ต้องมีหนูรัญคอยดูแลปกป้อง ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงฝีมือหนูรัญทั้งพ่อและอาชรัญรับประกันได้ ดีไม่ดีแกอาจจะแพ้หนูรัญตั้งแต่ยกแรกเลยก็ได้” คุณภามยกมือขึ้นในท่าปางห้ามญาติ เพื่อยุติการถกเถียงกันระหว่างสองหนุ่มสาว และสรุปให้เองเสร็จสรรพ พลางแหย่ลูกชายในประโยคท้าย

    แล้วเธอถูกการันตีความสามารถเสียขนาดนี้เห็นทีจะรอดยาก

    ชรัญดาเสียอย่างมีรึจะยอมแพ้ แม้จะรู้ว่าในที่สุดต้องยอมจำนนก็ตาม

    “คุณลุงคะ รัญว่าถ้าคุณโภคินเขาไม่สะดวกก็อย่าฝืนใจเขาเลยนะคะ รัญว่า ฝีมืออย่างคุณโภคินคงเก่งกาจพอที่จะเอาตัวรอดจากคนร้ายได้อย่างแน่นอนค่ะ หรือหากคุณลุงไม่วางใจ เดี๋ยวรัญจะติดต่อบอดี้การ์ดมือดีที่เชื่อใจได้ให้”

    โภคินได้ยินถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เริ่มเอะใจเสียแล้วว่า ที่ชรัญดายอมมาเผชิญหน้าพบปะเขาในวันนี้คงมีจุดประสงค์แอบแฝง ยากที่จะเชื่อเหลือเกินว่าหญิงสาวหาทางใกล้ชิดเขาด้วยการอยากเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว เพราะหลงเสน่ห์ในความหล่อลากติดอันดับท็อปเท็นนิตยสารชื่อดัง เลยแต่งตัวสวยเช้งมาล่อลวงเขา

    ชรัญดาก็ยังเป็นชรัญดาคนเดิม คงหาทางบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงการตอบรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้เขาล่ะสิ

    นั่นสิ! เขาลืมไปเสียสนิทว่าชรัญดา หรือ ปิรัญย่าเขี้ยวลาก ที่เขาตั้งฉายาให้ เจ้าเล่ห์ขนาดไหน แล้วฉายานั้นก็ได้มาจากเหตุการณ์ตอนเด็กๆ
    ยัยตัวเล็กงับแขนเขาซะเลือดซิบ ม่วงช้ำเป็นดวงเชียว เขาก็แค่... สะดุดขาตัวเองแล้วล้มทับริมฝีปากประกบกัน ระหว่างนั้นมีเพียงเขาและเธอฝึกซ้อมกันเอง
    แล้วความรู้สึกที่เขารับรู้ได้มากกว่าอุบัติเหตุซึ่งในวัยนั้นเขาไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทั้งตื่นเต้น พอใจและสุขใจ ตามมาด้วย ปวดแขน
    ! เพราะยัยตัวแสบโวยวายลั่นหาว่าเขาแกล้งผลักเขาล้มหน้าหงายแล้วกัดแขนเขาซะจมเขี้ยว เงยหน้าขึ้นมาได้ก็มองเขาหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่ แล้วเขาก็จำได้ขึ้นใจเลยทีเดียว ที่ยัยปิรัญย่าเขี้ยวลากร้องกรี๊ดๆ อย่างหลุดโลก

    อ๊ายยย! นี่มันจูบแรกของรัญนะ! ไม่ยอมๆๆ!!!’

    จะฟ้องพ่ออีกรึไงยัยปิรัญย่าเขี้ยวลาก อูย! กัดมาได้เจ็บนะ เด็กหนุ่มตัวสูงโย่งลูบแขนบริเวณแผลป้อยๆ ยัยตัวเล็กยังมีหน้ามาเยาะเย้ยแต่ก็ยังมีน้ำใจ

    สมน้ำหน้าอยากแกล้งเขาดีนัก ไหน! ดูสิ ยัยตัวเล็กเห็นรอยเขี้ยวตัวเองถึงกับห่อปาก ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบรู้บ้างไม่รู้บ้างทำตามที่คุณชรัญพ่อของเธอเคยทำแผลให้

    เป็นไงละเล่นไม่รู้เรื่อง สมควรโดนแล้ว รัญน่าจะกัดให้เนื้อขาดเลย ฮึ! หายกันนะรัญไม่ฟ้องพ่อก็ได้ ยัยตัวเล็กบอกอย่างใจป้ำแต่คนเจ็บกลับบอกว่า

    โห! เธอกัดฉันซะจมเขี้ยว แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ มันเป็นอุบัติเหตุใครจะอยากจูบเด็กกะโปโลอย่างเธอ ไม่รู้ละฉันจะกลับมากัดเธอคืน

    หมายความว่าไงคะ กลับมาพี่พีเคจะไปไหน

    ไปเรียนต่อเมืองนอก

    ยัยตัวเล็กอึ้งไปชั่วขณะสีหน้าสลดวูบหากเขาไม่ทันสังเกตเห็น แล้วจู่ๆ ยัยตัวเล็กก็ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นตะโกนก้องเลยถูกคนเจ็บลุกขึ้นมาไล่จับหวังชำระความ

    เย้! ต่อไปนี้รัญจะไม่มีคนแกล้งแล้ว ไปเลย! ไปเลย!’

    ยัยเด็กบ้า! อย่าหนีนะ!’

    เขาไล่กวดตามดึงเปียยัยตัวเล็กจนหนำใจจึงยอมปล่อย สะบักสะบอมกันทั้งคู่จนคุณชรัญกลับมาจากทำธุระด้านนอกยังตกตะลึงมองสภาพที่แทบดูไม่ได้ของลูกสาวและเด็กหนุ่มลูกชายเพื่อน

    วันนั้นคือครั้งสุดท้ายที่เขากับเธอได้ซ้อมศิลปะป้องกันตัวด้วยกัน
    ผ่านมาเกือบสิบแปดปีแล้วสินะ
    ! ยัยตัวเล็กก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็น ปลาปิรัญย่า เหมือนเดิม กัดเขาไม่เลิก

    “ไม่ต้องหรอกหนูรัญ ถ้าหนูรัญไม่รับลุงก็คงตามใจหนู”

    “แล้วพ่อก็คงต้องทำตามที่ตกลงกันไว้...”

    “รัญไม่ได้บอกว่าไม่รับงานนี้นี่คะ แต่...คุณโภคินต่างหากยอมรับไม่ได้ที่จะให้ผู้หญิงอ้อนแอ้น อ่อนแอ อย่างรัญดูแล มันไม่ใช่ความผิดรัญเลยสักนิด” ชรัญดาตีหน้าเศร้าเล่นละครพูดถึงบุคคลที่สี่ที่ยังนั่งหน้านิ่งฟังและเป็นผู้ตัดสินชะตาของเธอ

    หากเขาปฏิเสธเธอก็ไม่ได้เสียคำพูด ไม่ต้องเสียโรงเรียนอันเป็นที่รัก
    ยิงปืนนัดเดียวได้ผลประโยชน์ฝ่ายเดียวแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    คุณชรัญได้แต่ถอนใจส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์แสนกลของลูกสาว
    คงจะไร้ซึ่งวาสนาขนาด  บุญ (ภาม) พา (โภคิน) วาสนา (ชรัญ) ส่ง (ชรัญดา)
    จนได้มาพบกันยังมิแคล้วจะต้องคลาด

    สีหน้าและแววตาของหญิงสาวเพียงคนเดียวดูเปล่งประกายออร่าสุขใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทว่าเธอยังเก็บอาการลิงโลดได้อย่างแนบเนียน อิสระของเธออยู่ใกล้แค่เพียง...

    “ผมว่า...ลองให้ชรัญดาพิสูจน์ฝีมือดูก็ได้ครับ ถ้าเธอชนะผมได้ผมจะรับเธอเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว”

    แป่ว!‘

    ประกายแสงออร่าแห่งความสุขดับวูบทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา หงุดหงิดสุดๆ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอออกจะ ผู้หญิ๊งผู้หญิงแล้วจะดูแลปกป้องเขาได้ยังไงอุตส่าห์แต่งตัวสร้างภาพว่าอ่อนแอมา เซ็งชะมัด! เอ๊ะ! แต่เขาบอกว่าถ้าเธอชนะเขาเขาก็จะรับเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ฉะนั้น เธอต้อง แพ้! เท่านั้น

    “เย็นนี้เจอกันที่โรงเรียนของเธอนะรัญ สายแล้วผมต้องรีบไปทำงาน” เขาบอกเสร็จก็ผุดลุกจากเก้าอี้ยังไม่ทันพ้นประตูห้อง คุณภามก็โพล่งขึ้น

    “เดี๋ยวพีเค พ่อว่า ไหนๆ ก็ต้องไปทดสอบฝีมือกันอยู่แล้ว หนูรัญ...”
    คุณภามบอกพลางหันมาหาหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องรับแขก “ไปกับพี่เขาหน่อยไป ลุงเป็นห่วง แขนเขายังเจ็บอยู่ แล้วไม่รู้ว่าพวกมันจะลงมืออีกเมื่อไหร่”

    “เอ่อ...” ชรัญดาถึงกับอึกอักติดอ่าง ยิ่งหนียิ่งใกล้ยิ่งได้ฟังประโยคเด็ดจากโภคินเข้าให้ เธอเลยใจอ่อนยวบ

    “ไม่เป็นไรครับผมดูแลตัวเองได้ แขนอีกข้างยังใช้งานได้ดี ทั้งขับรถแล้วก็...ยิงปืนอูย!” เขาบอกปั้นหน้าให้ดูเหมือนกับเขาปกติดีทุกอย่าง
    ส่งเสียงครางประท้วงเมื่อเขายกแขนสาธิตให้ทุกคนดู

    คนอิดออด เลยอ่อนใจเผลอใจอ่อน “เอ่อ...รัญไปด้วยก็ได้ค่ะ
    เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกันได้” เธอบอกพลางขยับลุกไหว้ลาท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ออกเดินนำหน้าชายหนุ่มที่ยืนขวางประตูรออยู่

    สีหน้าเรียบนิ่งของโภคิน แอบยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวเดินตามร่างบางต้อยๆ พอใกล้ถึงรถเขาก็เอ่ยขึ้น พร้อมกับยัดเยียดกุญแจรถของเขาให้

    “อะนี่กุญแจ”

    “ให้ฉันขับเหรอ”

    “อืม ถูก! บอดี้การ์ดก็ต้องปกป้องดูแลเจ้านายให้พ้นภัยอันตราย
    ทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่ ขับรถ”

    “แต่ฉันยังไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดให้คุณ”

    “ก็นี่เขาเรียก ทดลองงาน เดี๋ยวผ่านการทดสอบก็เป็นเต็มตัวแล้ว อย่าเรื่องมากเข้าไปนั่งประจำที่คนขับเร็ว”เขาบอกพร้อมกับเปิดประตูรถ
    ผลักร่างบางให้เข้าไปนั่งปิดประตูให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขานะเหรอ เปิดประตูด้านหลังเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย

    เธอนับหนึ่งถึงสิบ สิบวนมาหนึ่งแล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อแรงกระแทกจากมือใหญ่ตบเบาะคนขับเร่งเธอ ตามมาด้วยเสียงสั่งการณ์

    “ไปได้แล้วฉันสายมากแล้ว”

    เธอโคตรโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ดันใจอ่อนรับปากเอง ออกรถขับออกจากรั้ว บ้านสฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองย่านธุรกิจ โชคชะตาทำไมต้องมาเล่นตลกกับเธอแบบนี้ ทุกทีวิถีชีวิตของเขาและเธอไม่เคยโคจรมาพบเจอกันอย่างเป็นทางการนานเกือบห้าปี

    ตั้งแต่... เขากลับจากเรียนต่อที่อเมริกาและได้ข่าวว่าเขาอกหักยับเยินจากอดีตแฟนสาวไฮโซ มาธาวี วิบูรณ์รังสรรค์ และตัวเธอเองก็กลับมาได้ทันเห็นเขาตกอยู่ในสภาพยับเยิน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองแพ้แอลกอฮอล์แต่ก็ซัดเข้าไปจนต้องหามส่งโรงพยาบาล และช่วงเวลานั้นเธอเป็นฝ่ายแวะเวียนไปดูแลเขา พอหายดีเขากลับกลายเป็นคนเย็นชา หมางเมิน เห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องบำบัด
    ความใคร่ เธอได้ยินเขาบอกกับเพื่อนของเขาชัดเต็มสองหู เธอเลยไม่กล้าที่จะเสี่ยง ยอมอยู่ห่างๆ อย่างเจ็บปวดเพียงลำพังจะดีกว่า วันเวลาช่วยเยียวยาบาดแผลเธอได้ดีทีเดียว แล้วทำไม โชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอแบบนี้นะ
    ไม่เข้าใจจริงๆ

     ‘อุตส่าห์หลบหลีกการเผชิญหน้ามาได้เกือบห้าปี ทำไมต้องมีวันนี้ด้วยซวยบรม’

     

    --- Beloved Bodyguard  ---

     โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

    https://www.facebook.com/chaya.kam

    สามารถดาวน์โหลดได้แล้วนะคะ

     

     

    *****************************************************************

    โปรดติดตามตอนต่อไป --->>>

    สฤษดิ์

    https://www.facebook.com/chaya.kam

     

    --- Beloved Bodyguard  ---

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×