คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2 ชรัญดา ป้องปราบ 'รัญ'
2
ชรัญดา ป้องปราบ ‘รัญ’
“หยุดนะ อย่าขยับ ยอมให้พี่จับเสียดีๆ เถอะน้องสาว!
ส่งกระเป๋ามาซะ! ถ้าไม่อยากตาย...”
“เอ่อ...ยะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ อยากได้อะไรฉันจะให้...”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงล่ำหน้าตาหล่อคมคล้ำ อย่างหนุ่มแดนใต้ยืนใช้ปืนจี้บังคับหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ขู่ให้เธอส่งกระเป๋าถือในมือที่ยกชูขึ้นเหนือศีรษะให้เขา หากเพียงเธอขยับหันหลังเท่านั้น เท้าซ้ายที่ขยับถอยหลังได้องศา มือเล็กที่กำกระเป๋าอยู่ปล่อยกระเป๋าลงพื้น ใช้ท่อนแขนเรียวเล็กข้างซ้ายปัดแขนโจรรูปหล่อให้ร่างเพรียวพ้นวิถีกระสุน
แล้วขาเรียวด้านขวาก็หมุนผ่านหน้าโจร มือซ้ายกระชากแขนล่ำสันดึงร่างหนาเข้าหาแผ่นหลังบาง พร้อมออกแรงดึงรั้งร่างใหญ่ทุ่มสุดแรงเกิด!
ย๊าก!
ตุ๊บ!
โอ๊ย!
พอเห็นโจรสิ้นฤทธิ์นอนแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า แขนเรียวเล็กสองข้าง
ก็สอดเข้าล็อกท่อนแขนแกร่ง อีกมือปลดอาวุธปืนจากมือโจรพร้อมกับขยับถอยหลังเล็งไปที่โจรรูปหล่อในท่าควบคุม
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือ เสียงเชียร์ เสียงชมจากบรรดาลูกศิษย์ตัวน้อย
ตัวใหญ่ ที่นั่งมองให้ความสนใจกับศิลปะป้องกันตัวที่ ‘ครูรัญ’ และ
‘ครูเอ็กซ์’ สาธิตให้ดูก่อนที่พวกเขาจะลงมือฝึกซ้อมกันเองอย่างตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะศึกษาเรียนรู้ ดังขึ้นเซ็งแซ่ โดยมีครูท่านอื่นดูแลอีกสองท่าน อดขำอานนท์ที่จับบั้นเอวลุกขึ้นทำหน้าเหยเก เจ็บจริงหรือแกล้งก็ยากจะคาดเดา
ก็จะไม่ให้พวกเขา อึ้ง มองตาค้างได้ยังไงก็ภายในไม่กี่วินาที ชรัญดาก็จัดการทุ่มอานนท์ซะหมอบราบเลย เห็นชรัญดาตัวเล็ก ๆ บาง ๆ แบบนี้ หากแต่เธอกลับใช้ความตัวเล็กให้เกิดประโยชน์ ใช้สมองและทักษะการต่อสู้ที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่วัยเยาว์ กระทั่งถึงปัจจุบันจนช่ำชอง ทั้งมวยไทย ยูโด เทควันโด และที่เชี่ยวชาญสุดก็ ไอคิโด การต่อสู้สารพัด ที่เธอได้รับการถ่ายทอดจากผู้เป็นพ่อ และร่ำเรียนเพิ่มเติมจากสมาคมชื่อดังในประเทศและต่างประเทศอย่าง ‘ญี่ปุ่น’ เจ้าของศิลปะการต่อสู้แขนงนี้ จนได้รับ
ใบเซอร์ฯ (certificate หมายถึง ใบรับรอง) มาการันตีฝีมือหลายใบ
อีกอย่างพ่อของเธอเป็นถึงอดีตนักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ก่อนผันตัวมาเป็นโค้ช และจบอยู่ที่การกลับมารับงานเป็นเลขามือขวาเน้นภาคบู๊ ให้กับคุณภาม สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาล เจ้าของบริษัทผู้ผลิตและส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ พ่อเธอย่อมเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เป็นพิเศษทั้ง ปืนสั้น ปืนยาว มือเปล่า หรือแบบประชิดตัว แล้วมีเหรอที่เธอ
ผู้เป็นลูกสาวจะหล่นไกลต้น อะไรที่พ่อเชี่ยวชาญเธอเรียนรู้จนแตกฉานจนหมดสิ้นแล้ว
แต่ทว่า...เธอก็ยังไม่สามารถล้มพ่อได้อยู่ดี
ร่างเล็กผละจากลูกศิษย์ของเธอซึ่งเธอยืนให้คำแนะนำ บอกเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ให้กับบรรดาลูกศิษย์ได้นำไปประยุกต์ใช้แล้วแต่ใครจะมีความคิดพลิกแพลงพัฒนาฝีมือต่อไปแบบไหน เดินมาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนเก้าอี้มาเช็ดคราบเหงื่อไคลออกจากใบหน้า หยิบขวดน้ำขวดเล็กค่อยๆ จิบด้วยกลัวจะสำลัก
ดวงหน้าเรียวรูปไข่ น่ารัก สวยคม ดวงตากลมโตสดใสไหวระริกยามมองลูกศิษย์หลายวัยฝึกซ้อมอย่างขมักเขม้น ริมฝีปากสีแดงสดอดคลี่ยิ้มมองน้องเล็กสุดอายุแปดขวบ พยายามดึงรุ่นพี่ที่อายุห่างกันถึงหกปี
ดึงรั้งในท่าที่เธอสาธิตให้เด็กๆ ดูอดเอ็นดูกับภาพที่เห็นไม่ได้ แล้วรุ่นพี่ก็ยอมอ่อนข้อให้น้องทุ่ม ทำให้อดนึกถึง...
หัวทุยส่ายสลัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้กลับมาจนกลุ่มผมยาวเกือบถึงกลางหลังดำขลับที่รวบมัดถักเปียมีลูกผมหลุดลุ่ยหลายปอย หากยังเผยดวงหน้าเรียวสวยคมเด่นชัดแม้ไม่ต้องเสริมแต่ง สีผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน
ยังเคยแอบน้อยใจอยู่เนืองๆ ว่าทำไมเชื้อพ่อแรงกว่าแม่ก็ไม่รู้! เพราะแม่ของเธอทั้งสวย อ่อนหวาน ผิวขาวเนียน อย่างสาวเหนือแท้ๆ ส่วนพ่อเธอนะเหรอ คมขำ ติดจะเข้มขรึม ดุกร้าว แต่เกรงใจแม่ของเธอสุดๆ
--- กะ กะ กะ กลัวที่ไหนเกรงใจหรอกหนา ไหนใครว่าไม่กล้าเข้าไป---
เสียงเพลงรอสายซึ่งเธอตั้งไว้เป็นเสียงเฉพาะ ทำให้นึกรู้ทันทีว่าใครโทรหากันแน่ แล้วสายนี้เธอจะทำเล่นตัว ไม่ยอมรับสายไม่ได้เสียด้วย
ก็เบอร์นี้มันสายของ ‘เจ้าหนี้’ รายใหญ่...
มือเล็กหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นกดรับทันที “ฮัลโหล...ค่ะพ่อ”
แต่การณ์กลับเป็น
“น้องรัญแม่เองนะจ๊ะ...” คุณดารินภรรยาคนสวยคุณชรัญ
ป้องปราบ บอกแก่ลูกสาวคนสวยแล้วพูดต่อ “วันนี้น้องรัญเลิกสอนกี่โมงจ๊ะ กลับมาทานข้าวบ้านนะลูก”
“อืม...ประมาณสองทุ่มค่ะแม่ แม่มีอะไรรึเปล่าคะ ปกติรัญก็กลับบ้านทุกอาทิตย์อยู่แล้วนี่คะ หรือว่า...คิดถึงรัญล่ะสิ!”เสียแต่ว่าช่วงหลังเธอไม่ได้กลับเกือบเดือนแล้วก็เท่านั้น เธอหยอดคำอ้อนเสียงหวาน
แม่เธอสั่งห้ามพูดคำหยาบทุกชนิด ต้องมีคะ มีขา สืบเนื่องมาจาก
แม่เธอเป็นสาวเหนือ ซึ่งสาวเหนือ ‘ส่วนใหญ่’ จะมีกิริยาอ่อนหวาน อ่อนช้อย และคุณดารินก็ต้องการให้ลูกสาวนาง น่ารัก อ่อนหวาน พูดจาไพเราะ และเธอคงจะเป็น ‘ส่วนน้อย’ ที่ไม่มีความอ่อนช้อยเหล่านั้นเอาเสียเลย เพราะนอกจากเธอจะดื้อเป็นม้าดีดกะโหลกแล้วล่ะก็ ยังปากร้ายในบางครั้งอีกด้วย
เลยประสบผลสำเร็จเพียงสองส่วนสี่
แต่คุณดารินก็ยังไม่ละความพยายามยันดเยียดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้แก่เธอ จนเก่งกาจทั้งการบ้าน การเรือน ฝีมือไม่ด้อยไปกว่า
คุณดารินเลยสักนิดเดียว
ชรัญดาเป็นทุกอย่างที่ว่ามา ช่างขัดแย้งกับสารพัดวิชาการต่อสู้
ที่พ่อเธอสอนโดยแท้ แต่จงเชื่อเถอะว่านั่นคือส่วนประกอบที่มันรวมกันจนกลายมาเป็น ‘ชรัญดา ป้องปราบ’ แม่เรียก ‘น้องรัญ’ พ่อเรียก ‘รัญ หรือ
ไอ้ตัวแสบ’
แต่ทำไม! เธอถึงยังหาคนมาตัด ‘สาว’ ท้าย ‘นาง’ ไม่ได้เสียที ทั้งๆ ที่อายุเธอก็เลยเบญจเพสมาตั้งเกือบสองปีแล้ว หรือว่า ‘สเป็คเธอสูงไป ก็แค่ หล่อเข้ม สูง เป็นผู้นำ ก็แค่นั้น!’ อย่าง... ใครคนหนึ่งที่เธอเฝ้าฝันถึงมาตลอด
“อันนั้นก็ส่วนหนึ่งลูก แต่คุณพ่อมีเรื่องอยากให้หนูช่วยหน่อยน่ะจ๊ะ”
“งั้นเหรอคะ อืม...เอาเป็นว่าเดี๋ยวรัญออกก่อนเวลาก็ได้ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงใส พลางกวักมือเรียก อานนท์เพื่อนที่เพิ่งเข้าร่วมหุ้น และจะมาช่วยงานราษฎร์ในยามที่เจ้าตัวว่างจากงานหลวงเท่านั้น “แค่นี้นะคะ
ค่ะแม่ รักแม่เหมือนกันค่ะ”
เธอรับคำ เสียงที่กำชับมาตามสาย ก่อนวางสายก็พอดีกับอานนท์เดินมาถึงตัว
“ว่าไงคร๊าบบบ...ได้ทีละจิกเอาๆ เลยนะไอ้รัญ” เสียงทุ้มแซวถาม ทั้งเอ็นดูแกมหมั่นไส้คนเรียก
“พอดีว่า...เพื่อนมีธุระด๊วน! ด่วน! ฝากเพื่อนเอ็กซ์ดูแลเด็กๆ ต่อหน่อยนะจ๊ะ” เธอบอกเพิ่มระดับในน้ำเสียงให้ฟังดูน่ารัก น่าใคร่
“สำคัญมากเหรอถึงทิ้งลูกศิษย์ได้ลงคอ” อานนท์แกล้งตัดพ้อ
“โห! พูดซะเสียเลย...เอ็กซ์ก็รู้ว่ารัญไม่เคยทิ้งเด็กถ้าไม่สำคัญจริงๆ อีกอย่างปกติพ่อไม่เคยให้แม่โทรตามแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องคอขาดบาดตาย” ชรัญดาเรียกเพื่อนด้วยชื่อเล่น ซึ่งจะเรียกแบบนี้ก็ต่อเมื่อเธอมีเรื่องอยากอ้อนวอน ปกตินะเหรอ แก เอ็ง ไอ้เอ็กซ์! อย่าหวังว่าจะได้ยิน
สรรพนามเพราะๆ แบบนี้จากปาก ‘ไอ้ตัวแสบ’ บ่อย ยกเว้นกรณีอยู่ต่อหน้า ‘คุณดาริน’ และบุคคลภายนอกที่ไม่ได้สนิทกันมาก่อน
“เรียกอย่างนี้อีกละ ขนลุกว่ะ!”อานนท์สะบัดไหล่หนาทำท่าขนลุกขนพอง “จะไปก็ไปเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูแลให้เอง จะคอยส่งเด็กๆ จนกว่าผู้ปกครองมารับครบทุกคนเลย”
“แทง – ยู เพื่อน” ชรัญดาเอ่ยขอบคุณแบบศัพท์แสลงที่วัยรุ่นชอบพูดกัน
“เฮ่อ! ทำภาษาเกิดตัวเองวิบัติไม่พอ ยังจะลากภาษาชาติอื่นเข้ามาวิบัติด้วย” อานนท์บ่น คนถูกว่ากลับบอก
“ขำๆ น่าอย่าคิดมาก อ้อ...ขอบใจมากนะ ไปละ!”
ชรัญดาหายเข้าไปด้านในซึ่งได้จัดห้องพักสำหรับครูผู้สอนไว้อย่างเป็นสัดส่วน อาบน้ำชำระร่างการก่อนเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีขาวปล่อยผมดำขลับให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เติมหน้าทาปากเล็กน้อยอย่างที่เธอชอบ กลับออกมาก็เดินมาบอกลาลูกศิษย์ โบกมือให้เพื่อนแล้วลาลับหายออกจากห้องไป ทิ้งให้อานนท์ได้แต่ส่ายหน้าอดขำปนระอาเพื่อนสาวคนสวยไม่ได้
ถ้าเขากับหญิงสาวไม่รู้จักและรู้ไส้รู้พุงกันมาตั้งแต่วัยแรกรุ่นล่ะก็ เขาก็จะลองจีบเพื่อนแล้วเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นแฟนอยู่หรอก เสียแต่เขาชอบผู้หญิงหวานๆ เรียบร้อย ส่วนเพื่อนเขาชอบผู้ชายหล่อคมคนละเรื่องกับเขาเลย
ชรัญดาขับรถส่วนตัวคันเล็กประสิทธิภาพสูงของเธอกลับบ้านสวน ซึ่งอยู่แถวปริมณฑลฝั่งตะวันออก ปกติเธอจะกลับบ้านทุกวันจันทร์ เพราะเป็นวันหยุดของโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดา มาคราวนี้เธอต้องกลับก่อนกำหนดหนึ่งวัน แล้ววันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์วันหยุดของบรรดาลูกศิษย์ด้วย เธอเลยอดห่วงไม่ได้แต่ก็คลายใจไปมากโขเมื่อช่วงนี้มีเพื่อนรักเป็นหุ้นส่วนมาคอยช่วยดูแลอีกแรง
รถคันเล็กทรงสมรรถนะเลี้ยวเข้าประตูรั้วไม้สีขาวสูงประมาณ
เมตรห้าสิบเซ็นติเมตร เข้าจอดนิ่งยังโรงจอดรถที่มีโฟร์วิลล์สี่ประตูสีดำ
คันใหญ่จอดอยู่ก่อนหน้า
ร่างเล็กทะมัดทะแมงเปิดประตูก้าวลงจากรถ ถือกระเป๋าใบเล็กขึ้นคล้องไหล่ก่อนเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าเป้ที่ใส่สัมภาระจำเป็นใบโตออกจากรถเดินเข้าบ้าน
เสียงแรกทักทายเธอคือเสียงทุ้มเข้มฟังดูคล้ายดุปนตัดพ้อของคุณชรัญ ‘เจ้าหนี้’ และ ‘คุณพ่อ’ ของเธอเอง
“ไง! ลูกสาวพ่อ คราวนี้หายหน้าไปเกือบเดือนเลยนะ ไหนบอกจะกลับบ้านทุกอาทิตย์ นี่อะไรถ้าไม่โทรตามก็ไม่กลับเลยใช่มั้ย เดือนนี้”
“พ่ออย่าบอกนะว่าเรื่องด่วนของพ่อคือเรื่องที่รัญไม่ได้กลับบ้านเกือบเดือน...”เธอยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยประชดเสียงสูง แล้วท่านก็ส่ายหน้าปฏิเสธวางหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมืองลงบนโต๊ะกระจกตัวเล็ก ร่างอรชรเดินเข้ามาทักทายพลางวางกระเป๋ากับโซฟาเดี่ยวก่อนเดินหายเข้าห้องครัวหาน้ำส้มคั้นเย็นๆ ดื่ม กลับออกมาอีกทีก็เห็น
คุณดารินผู้เป็นแม่เดินเลี้ยวเข้ามายังส่วนห้องนั่งเล่นแล้ว
ร่างเล็กรี่เข้าไปกราบแทบอกแล้วหอมแก้มนางอีกทีด้วยความคิดถึง ซึ่งคนเป็นแม่หอมแก้มลูกสาวคนเดียวคืนเช่นเดียวกันจนคนถูกละเลยอย่างคุณชรัญต้องทำเสียงขลุกขลักในลำคอเรียกร้องความสนใจจากลูกสาว
“อะแฮ่ม!”
“แหมไม่ต้องน้อยใจหรอกค่ะพ่อ ยังไงเสีย! รัญก็รักและคิดถึงพ่อทุกวันอยู่แล้วแหละ” คนถูกเรียกร้องความสนใจเอ่ยอ้อนพ่อเสียงหวาน ทว่าท่านกลับไม่พอใจทำเสียงน้อยใจอย่างแกล้งๆ
“แค่ทุกวันเองเหรอลูก น้องรัญ”
“ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที เลยค่ะ พอใจมั้ยคะ”ไอ้รัญของพ่ออ้อนเรียกคะแนนเพิ่ม
คุณชรัญทำเสียงพอใจในลำคอแล้วยิ่งชอบใจเมื่อลูกสาวสุดที่รักหันมากอดและหอมแก้มท่านเป็นการประจบ คุณดารินมองสองบุคคลอันเป็นที่รักหยอกล้อกันอย่างเอ็นดู แล้วเอ่ยถามทั้งสอง
“หิวกันรึยังพ่อลูก”
“มากๆ เลยละค่ะ วันนี้มีอะไรทานคะแม่”
“ขนมจีนน้ำยาแกงเขียวหวานไก่ที่น้องรัญชอบไงจ๊ะ”
“ว้าว! ไปค่ะรัญหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวละ” เธอบอกพลางฉุดดึง
ผู้เป็นแม่ให้เดินตามเธอไปยังห้องอาหาร
สายตาคมปลาบของคุณชรัญประมุขของบ้านมองตามสองสตรีต่างวัยบุคคลที่ท่านรักไปจนลับตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วท่านก็ลุกตามไป
พออิ่มหนำกับอาหารคาวของโปรดของลูกสาวแล้ว ของหวานที่
ยังคงไว้ซึ่งของโปรดของลูกสาวก็ถูกคนเป็นแม่เสิร์ฟให้ทั้งคุณพ่อและคุณลูก พอลูกสาวจะลุกช่วยนางก็ให้เหตุผลว่า ‘นานๆ หนูรัญจะกลับบ้านทีแม่บริการเองดีกว่าจ๊ะ’ ลูกสาวก็เลยต้องตามใจ แถมยังอ้อนเติมอีก
คุณชรัญที่เห็นว่าลูกสาวกำลังให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้ามองลูกสาวเพลินทั้งรักใคร่ ห่วงใย สุดท้ายคิ้วเข้มขมวดมุ่นครุ่นคิด จนหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกของคนเป็นลูก
“พ่อคะ เป็นไรคะ”
“อะ อ๋อ! เปล่าลูก อิ่มรึยัง พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย เรียกว่าขอร้องเลยดีกว่า...” ท่านบอกลูกสาวที่นั่งจ้องหน้าท่านแทนการโซ้ยของโปรดตรงหน้าต่อมาก็รวบช้อนพลางพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า ‘อิ่มแล้วค่ะ’
“พ่อมีเรื่องอะไรจะขอร้องรัญคะ ว่ามาได้เลย”
“แม่ว่า สองพ่อลูกย้ายไปคุยที่ห้องนั่งเล่นดีมั้ยจ๊ะ สะดวกกว่า”
นางบอก มือก็หยิบจับเก็บจานชาม ไม่ใช่ว่า ‘บ้านป้องปราบ’จะไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้ แต่นางให้เหตุผลว่า นางอยากทำเองมากกว่าชี้นิ้วสั่ง บ้านทั้งหลังเนื้อที่กว่าสองไร่ จึงมีเฉพาะคุณชรัญและคุณดารินเท่านั้น ส่วนลูกสาวจะกลับมาเฉพาะวันที่ว่าง แล้วก็จ้างชาวบ้านแถวนั้นมาตัดแต่งต้นไม้เป็นครั้งคราวไป หรือไม่พวกชาวบ้านก็ไม่รับค่าจ้างที่เป็นเงินแต่ขอเป็นผลหมากรากไม้ที่คนบ้านนี้ชอบแบ่งปันผู้คนละแวกหมู่บ้านอยู่แล้ว เบื้องหน้าคนแถวนั้นก็นึกว่าชาวสวนมีฐานะพอมีพอกิน
หากแท้จริงคุณชรัญเป็นถึงเลขาพ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดมือฉมังคอยปกป้องคุ้มครองเจ้าของบ้านเรือนไทยไม้สักหลังใหญ่ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรท้ายหมู่บ้าน แถมยังเป็นเพื่อนซี้ประธานกรรมการ บริษัท พีเค เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้ผลิตหม้อแปลงและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่อย่างคุณภาม สฤษดิ์ทรัพย์ไพศาลอีกด้วย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อเกือบสามสิบปีก่อนคุณชรัญเคยช่วยชีวิตคุณภามจากการถูกลอบทำร้าย ทั้งสองจึงสนิทสนมกันและสิบปีต่อมาคุณชรัญทำธุรกิจโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวที่หน้าหมู่บ้านแต่ถูกพิษเศรษฐกิจเข้าแทบล้มละลาย ทว่าคุณภามยื่นมือเข้ามาช่วย ท่านทั้งสอง
จึงยิ่งรักใคร่สนิทสนม เรียกได้ว่าตายแทนกันได้เลยทีเดียว
และครั้งนี้ก็เช่นกัน... สองร่างต่างเพศ ต่างไซด์ ต่างวัย
หากสายเลือดเดียวกันเดินเคียงกันเข้ามานั่งยังส่วนที่จัดไว้เป็นห้องนั่งเล่น
มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าคอยอำนวยความสะดวกทั้งภาพ เสียง ด้วยระบบโฮมเธียเตอร์ แล้วคนเป็นลูกก็เปิดฉากเอ่ยถามก่อน
“พ่อมีเรื่องอะไรหนักใจเหรอคะบอกรัญได้นะ”
“มีสิ มีมากด้วยล่ะ ไอ้ตัวแสบ” ท่านทำเสียงขึงขัง
“คอขาดบาดตายเลยเหรอคะ” ทักถามหน้าหน้าเป็นกังวล
คนเป็นพ่อพยักหน้ารับสีหน้าจริงจังจนเธอไม่กล้าหยอกเล่น
คิ้วเรียวขมวดผูกเป็นโบว์มองหน้าพ่อที่เหม่อมองจอทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่
ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานสะท้อนเงาภาพเธอและพ่อเด่นชัด แล้วผู้เป็นพ่อ
ก็หันมาจ้องเธอพลางบอก
“รัญ ช่วยดูแล ‘คุณพีเค’ ให้พ่อที”
“พีเคพ่ออย่าบอกนะว่า ให้รัญดูแลลูกชายคุณลุงภาม!”เธอถามพ่อเสียงสูง ตาเบิกโพลง สีหน้าแสดงถึงความตกใจสุดๆ มองพ่อด้วยความที่
ไม่คิดว่าพ่อเธอจะขอร้องเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ก็จะให้เป็นไปได้ได้ไงในเมื่อเธอ
กะอีตานั่นเคยถูกกันซะที่ไหน
ตั้งแต่เธอจำความได้จนเธอสิบขวบ เธอก็ถูกลูกชายเจ้านายพ่อแกล้งมาโดยตลอด โดยเฉพาะเวลาเลิกเรียน เขาและเธอต้องกลับมาเรียนศิลปะป้องกันตัวในตอนเย็น เธอตัวเล็กยังถักเปียสองข้างอยู่เลย ส่วนเขานะเหรอสูงโย่งในวัยสิบห้าปี หน้าตาจัดว่าใช้ได้!
เรื่องอะไรเธอจะยอมรับว่าเขาหล่อ ไม่มีทาง! พอพ่อเธอหันหลังเขาก็จะชอบแหย่ ชอบดึงหางเปีย! พอวันที่เธอทราบข่าวว่าเขาจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศเธอดีใจแทบเต้น แต่ก็มีห่อเหี่ยวแอบเหงาบ้างเวลาซ้อมคนเดียว...โดยเฉพาะเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย...
“เพื่ออะไรคะ”
“ตอนนี้ คุณพีเคต้องมีคนที่มีฝีมือคอยดูแล เป็นหูเป็นตาให้ เพราะเราไม่รู้ว่าคนร้าย มันจะคิดลงมืออีกเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวนะคะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณพีเค ทำไมถึงต้องใช้คนมีฝีมือ แล้วก็ไว้ใจได้ด้วยล่ะคะ”
“เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณพีเคถูกลอบยิง แต่ทางเราปิดข่าวเลยไม่มีข่าว คุณพีเคถูกลอบยิงเล็ดลอดออกไปน่ะ” ท่านอธิบายเสียงเรียบ
“คนของคุณลุงมือฉกาจทั้งนั้นไม่ส่งไปเทคแคร์เขาละคะ หรือไม่ก็...บริษัทรับจ้างเป็นบอดี้การ์ดเยอะแยะนี่คะพ่อ ลูกศิษย์พ่อที่ไปเปิดบริษัทแบบนี้ก็เยอะแยะ เดี๋ยวรัญติดต่อให้ ของอาหนึ่งไง บอดี้การ์ดในบริษัท
อาหนึ่งเจ๋งๆ ทั้งนั้น รอเดี๋ยวนะคะ” เธอว่าพลางค้นๆ ล้วงๆ หามือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ห่วงก็ห่วงหรอกนะ แต่ถ้าให้เธอไปคลุกคลีดูแลชายหนุ่มเกรงว่าเธอจะดูแลหัวใจตัวเองไม่รอดเอาน่ะสิ
แต่น้ำเสียงทุ้มราบเรียบที่ดังมาจากปากของพ่อเธอ ทำเอามือเล็กชะงักค้าง “พ่อไม่ไว้ใจคนอื่นนอกจากลูก ลุงภามก็เหมือนกัน”
“เอ่อ...รัญมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่คน เดี๋ยวรัญติดต่อให้”เธอพยายามหาทางออกให้ตัวเอง เกือบจะโล่งใจพอได้ฟังประโยคแรก หากทว่าประโยคถัดมายิ่งทำให้เธออารมณ์ขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นพ่อก็ไม่รบกวนลูกก็ได้ แต่พ่อคงต้องปล่อยให้คุณภามยึดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดา...ตามสัญญา”
ท้าวความเมื่อครั้งที่เธอกลับจากญี่ปุ่นใหม่ๆ เธอทั้งอ้อนวอน ขอร้อง ให้พ่อลงทุนด้านการเงินและเครดิตการันตีฝีมือลูกสาวเปิด ‘โรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดา’ ก็แล้วจะมีผู้ปกครองคนไหนเชื่อใจส่งลูกหลานมาเรียนกับคุณครูสาวสวยโนเนมที่ไม่มีใครรู้จักบ้างล่ะ ถึงแม้ว่าจะมีใบเซอร์การันตีความเก่งกล้าสามารถของเธอก็เถอะถ้าแบ็คเธอไม่ดี แล้วสัญญาลมปากระหว่างพ่อลูกก็เกิดขึ้น
‘พ่อจัดการเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดาให้รัญแล้วแถมโปรโมทให้อีก สมใจแล้วล่ะสิยิ้มใหญ่เชียว’
‘แหม! ก็นี่มันเป็นความฝันของรัญนี่คะ’ เธอบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน แถมเสนอบริการเสริมท้ายประโยค ‘ถ้ามีเรื่องจะให้รัญคนนี้ช่วยบอกได้เลยนะคะ รัญช่วยเต็มที่ไม่มีเกี่ยง แน่นอน!’
‘อย่ากลืนน้ำลายตัวเองซะละ ไม่อย่างนั้นพ่อจะยึดโรงเรียน ขายต่อให้คนอื่นซะเลย’
‘ไม่มีทาง! ชรัญดาลูกสาวคุณชรัญพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้วค่ะ’ เธอส่งยิ้มแป้นแร้นแถมกอดรัดผู้เป็นพ่อด้วยความรักและเคารพอย่างยิ่ง
‘โอ๊ย!โอ๊ย!โอ๊ย!รัญอยากจะบ้า! ไม่น่าเลยให้ตายสิ! ทำไงดีละทีนี้’ จะดึงดันต่อ พ่อคงยึดโรงเรียนที่เธอสร้างมากับมือให้คนอื่นแน่ จะตกปากรับคำก็ยังทำใจไม่ได้! โอ้แม่เจ้า!
‘แต่เอ๊ะ! ทำไมต้องเป็นคุณลุงภามด้วยล่ะ’
มือเรียวสีน้ำผึ้งบีบนวดลำแขนผู้เป็นพ่ออย่างเอาอกเอาใจหวังจะให้ท่านเปลี่ยนใจ เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่กล้าเสียสัตย์กลืนน้ำลายตนเองเป็นแน่ เริ่มชักแม่น้ำทั้งห้า
“พ่อขา...พ่อไม่ห่วงรัญเหรอคะ ถึงกล้าส่งลูกสาวคนเดียวไปเป็นบอร์ดี้การ์ดปกป้อง อี...เออ...คุณโภคินเกิดพลาดพลั้ง ลูกสาวพ่อได้รับบาดเจ็บ อาจถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้นะคะ”เธอหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง หวังให้ผู้เป็นพ่อเห็นด้วย แล้วเปลี่ยนใจ
‘ไม่มีวันนั้นหรอกลูกเอ๊ย!’ ท่านได้แต่กระหยิ่มอยู่ภายในใจหากแต่
สีหน้าท่าทีกลับเคร่งขรึมหนักทำทีคิดตามคำของลูกสาว “นั่นนะสิ เดี๋ยวพ่อจ้างคนของอาหนึ่งก็ได้ลูก...”
“ใช่เลยค่ะพ่อ!” เธอยิ้มร่ามือควานหามือถืออีกครั้ง แล้วก็อีกครั้งที่อยากจะร้องไห้กับประโยคถัดมาของคนเป็นพ่อ ‘พ่อนะพ่อ!’
“พ่อคิดว่าลุงภามคงยกโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดาเป็นค่าจ้าง หลังยึดไปจากรัญแล้ว ความคิดนี้ก็ไม่เลวนะ” ท่านสรุปลอบมอง
ลูกสาวที่หน้าซีด น้ำตาคลอจะร้องมิร้องไห้แหล่ ทั้งเห็นใจและสงสารแต่
ทำไงได้ละลูกเอ๊ย! พ่ออยากอุ้มหลานเต็มแก่
นี่มันถึงเวลาแล้วหรือที่ต้องพบหน้ากันแบบตัวเป็นๆ ไม่ใช่แค่ใน หนังสือพิมพ์ นิตยาสาร ‘หนุ่มโสดในฝัน’ ติดอันดับท็อปเท็น
“ก็ได้ค่ะพ่อ! รัญรับงานนี้ แต่รัญอยากทราบรายละเอียดทั้งหมด
ว่าทำไมคุณลุงภามต้องมายึดโรงเรียนรัญด้วย” เธอโพล่งตอบรับ แต่ไม่วายอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียน ทำเอาผู้เป็นพ่อที่รอลุ้นโห่ร้องก้องภายในใจ “และสัญญานี้ถือว่าได้ทำตามข้อตกลงแล้ว จะไม่มีการร้องขออีก ตกลงมั้ยคะ”
“พ่อก็ไม่ได้บังคับนี่ลูก แล้วแต่ลูกจะพิจารณา” ‘ส่วนพ่อจะตัดสินใจอีกที’ ท่านตอบแบบเลี่ยงๆ กั๊กไว้ในฐานที่เข้าใจ ลูกสาวท่านฟันธงไม่ได้หรอก เก็บทุกเม็ด ไม่รู้เหมือนใคร!
“อ้อ! อีกอย่างนะคะพ่อ ถ้าคุณพีเคเค้าไม่ยอมรับรัญ จะเอาโรงเรียนรัญมาขู่ไม่ได้แล้วนา!”
ท่านพยักหน้ารับคำ ไม่ต่อความยาวอีกต่อไปก็อย่างที่ไอ้หนูรัญบอกถ้าคุณโภคินไม่ยินยอมก็คงไร้ซึ่งวาสนา
จากนั้นคุณชรัญก็ได้เล่าเรื่องราวเมื่อครั้งในอดีตให้ลูกสาวฟังจนหมดเปลือกว่าทำไมคุณภามถึงได้มีอิทธิพลกับการยึดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวชรัญดาแห่งนี้นัก เพราะจะว่าไปจริงๆ แล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวก็ได้มาจากผลกำไรที่ได้จากสาขาหนึ่ง ซึ่งคุณชรัญเปิดสอนไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก แม้มันไม่เกี่ยวในทางตรง แต่คุณชรัญก็อยากดึงมันเข้ามาเกี่ยวข้อง ลูกสาวท่านจะได้ไม่มีข้ออ้างมาแก้ต่างมากนัก
--- Beloved Bodyguard ---
https://www.facebook.com/chaya.kam
โปรดติดตามตอนต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
https://www.facebook.com/chaya.kam
สามารถดาวน์โหลดได้แล้วนะคะ
ความคิดเห็น