ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
แนะนำตัวละคร
ซาน เด็กหนุ่มผู้ถือครองจิตวิญญาณทั้งสี่ เป็นคนเฉยๆนิ่งๆดูจะเป็นคนฉลาด แต่ความจริงมั่วไว้ดีที่สุด
ใช้สัญชาตญาณกับรางสังหรณ์ ตัดสินทุกอย่าง เป็นเพียงคนธรรมดาเดินดินคนนึง ที่อยู่ๆก็โดนยัด ชื่อ
ผู้ถือสิทธิ์บรรณารักษ์ ห้องสมุดต้องสาปให้ แล้วต้องมาทำงานเป็นบรรณารักษ์ ในห้องสมุดต้องสาปแห่งนี้
สิ่งที่คิดในตอนนี้....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!!!ฉันขอนอนก่อนละกัน....
เร็น บรรยายรูปร่างไม่ได้ รู้แต่เป็นผู้หญิง ที่อยู่ๆก็โผล่มาจากสุดขอบโลกไหนไม่รู้ จับยัดชื่อ ให้แก่ซาน
เป็นสิ่งที่น่าหมั่นไส้มาก ทั้งท่าทางตอนหัวเราะที่เหมือนปิศาจตัวน้อยในคราบผู้หญิงนั้น ทั้งน้ำเสียงแม่มด
จอมเจ้าเล่ห์ เป็นคนก็ไม่ใช่ สรุปยัยนี้มันตัวอะไรกันแน่
สิ่งที่คิดในตอนนี้....ไอ้เจ้านี้แหละ ตัวระบายของฉัน ฮึๆ
บทนำ
...ในบางครั้ง บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้ อาจเป็นทั้งความรู้สึก หรือแม้กระทั้งสิ่งที่ผม
กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี้...
"ตื่นแล้ว?"
"...อืม"
ทุกปิดเทอมหน้าร้อนของผม ผมชอบจะเดินทางไปทำงานกับพ่อของผม พ่อผมเป็นเหมือนนักเดินทางคนนึง
ที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน อยู่ตลอดเวลา จึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน สักเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะผมก็ชอบ
ที่จะออกเดินทางไปกับพ่อเสมอ
หลังจากสอบเสร็จได้ไม่กี่วัน ผมก็เก็บของเตรียมตัวออกเดินทางไปกับพ่อ ถึงคราวนี้พ่อบอกว่าจะไปค้างที่โน่นนานหน่อย
ผมก็ไม่ได้บอกไม่ไป เพราะถึงผมจะอยู่บ้าน มันก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี เอาเป็นว่าไปกับพ่อดีกว่าอยู่บ้านล่ะกัน
ผมมีชื่อว่า ซาน เป็นแค่เด็กหนุ่มที่พึ่งเรียนจบม.ต้นเท่านั้น ในอีกไม่กี่เดือนผมจะเริ่มต้นชีวิตม.ปลาย ถึงจะไม่รู้
ว่าม.ปลายมันจะแตกต่างจากม.ต้นยังไง แต่ก็คงไม่ต่างกันมากมั้ง ผมคิด
เสียงรถของพ่อผมหยุดลง บอกถึงปลายทางที่มาถึงแล้ว ผมเก็บของของผมกับพ่อลงมาจากรถ แล้วเดินไปตามทาง
ที่ๆรอบมีแต่ทุ้งนา ต้นไม้ ป่าไม้สีเขียวสด อากาศร้อนอบอ่าว ร้อนมากจริงๆร้อนจนผมคิดว่า ยืนตากแดดนานๆตัวผมจะ
ไหม้ไม่นะ
เฮ้อ....ให้มันได้งี้สิ
ผมยกกระเป๋าสพาย กับกล่องหนังสือที่เอามาจากบ้าน กับคอมพกพา เข้าไปวางไว้ในบ้านพักของพ่อที่
หามาเป็นที่พัก บ้านทรงธรรมดา ทั่วไป ชั้นเดียว มีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอนสองห้อง ห้องเก็บ ห้องทำงานของพ่อ
ผม และก็อีกมากมายที่ผมใช้เวลาเดินสำรวจดู
"เดียวพ่อไป ที่ทำงานก่อนนะ "
"อะ ครับ"
"นี่แล้วเวลา นั้นน่ะ..."
"รู้แล้วน่า"
"อืม"
"เฮ้อ..."
พ่อผมเป็นคนแปลกๆจะว่าเหมือนกับผม หรือผมเหมือนกับพ่อดีนะ ฮ่ะๆเป็นลูกมันก็ต้องเหมือนกับพ่อสินะ
ผมจัดของ ของผมไปพลางคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้ไปเรื่อย คิดเอามากๆ ผมขาวก็ขึ้นตลอด นี่อุสาไปทำสีแล้วน่ะเนี่ย
ทำไมมันขึ้นเร็วจัดเลยแฮะ
ผมจัดของทุกอย่างเสร็จก็เดินสำรวจบ้านพักอีกที อืม รู้สึกจะเดินสำรวจแล้วนะ หรือยังวา เพราะคิดมาก
ตลอด การลืมเรื่องบางเรื่องเลยกายเป็นเรื่องปกติ แต่ช่างมันเถอะ เดินๆไปล่ะกัน
ผมเปิดหน้าต่าง ให้ลมพัดเข้ามาระบายอากาศ แต่มันกลับมาไม่มีลมพัดเข้ามาเลย เอ่อ นี้มันน่าร้อน
นี้ว้า
ผมเปิดพัดลมในห้อง แล้วจัดเตรียมคอมของผม กะว่าปิดเทอมนี้จะทำโปรเจคลับนั้นให้เสร็จ แต่มันคงไม่ง่ายเหมือนที่
คิดเอาไว้ เพราะ ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ถนัดเรื่องการเดามากกว่า เพราะ เวลาผมคิดมากที่ไร สุดท้าย
ก็ตอบตามสัญชาตญาณตัวเองเหมือนเดิม
"อืม....เอาไงดีแฮะ"
ผมคิดเรื่องว่าจะใช้เวลาในปิดเทอมหน้าร้อน ไม่สิ เวลาในตอนนี้ทำอะไรดี เน็ตก็ขาดๆหายๆต่อได้สิบนาทีหลุดหาย
ไปเป็นสามชั่วโมง สุดท้ายก็ผิดจอคอมลง แล้วเปลี่ยนเป็นชุดทางการปานกลาง เดินออกจากบ้านไป
ผมสีน้ำตาลอ่อน สะท้อนแสงแดดอันร้อนแรงที่มีพลังสามารถกดดันผมจนแรงแถบหมด ดวงตาสีน้ำตาลใต้
กรอบแว่นสีน้ำตาลไม้ มองไปยังทุ้งนา สีเขียว เห็นชาวบ้านสองสามคนยืนทำอะไรไม่รู้ยืนกลางนา ผมมองดูพร้อมคิดไป
ว่า เขายืนอยู่ได้ไงนะ อากาศร้อนแบบนี้
สถานที่ที่ผมกับพ่อพักอยู่ เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆนอกเมือง ที่ว่าทำไมมาอยู่นี้ก็เพราะ สถานที่ทำงานพ่อผมอยู่
นอกเมือง ผมก็ชอบที่จะอยู่แบบนี้ เพราะ ในเมืองเสียงดัง ถึงจะมีความสะดวกสบายมากกว่า แต่ผมก็ยังชอบ
จะอยู่ตามป่าเขา
"ฮึ ถึงยังไงก็เงียบดีนะ...."
ผมเดินห่างจากบ้านมาไม่ใกล้นัก กะจะเดินไปซื้อของกิน ที่ร้านขายของ ข้างหน้าซะหน่อย
มันตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เลยเดินไปไม่นานก็ถึง แสงแดดยังส่องลงมาเหมือนเดิม แต่ตัวผมชักจะ
เหงื่อแตกแล้วสิ
"นี่ฉันมาเดินอยู่กลางทะเลทรายรึไงเนี่ย"
ถ้าฝนตกก็ดีสินะ......
บรรยากาสรอบตัวผมพลันเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินทำนองเพลงนั้น
ถ้าเรา...ได้เจอกัน....ก็ดีสินะ
สายลมพัดผ่านไป ร่างของซาน ซานหยุดก้าวเดินลง เสียงแว่วมาจางหายไป ไมรู้นั้นเป็นเสียงของ
เขาเองหรือเป็นเสียงของสิ่งที่จะนำเขาไปอีกแล้วนะ
"นั้นสินะ....ถ้าฝนตกก็ดีแฮะ"
ผมเงยน่าขึ้นมองดู ภูเขาสีเขียว ผ่านกลุ่มหมองสีขาวที่ปกคลุมภูเขานั้น เหมือนดินแดนมายาที่
หลบซ้อนจากทุกสิ่ง
"อ่ะ นี่ฉันก็..."
ก้มน่าลงยิ้มหน่อยๆแล้วก้าวเท้าเดินต่อ...
หลังจากเดินเลือกของในร้านได้ไม่นาน ผมก็ตัดสินใจซื้อน้ำชาเขียวขวดนึง กับนมอีกสองกล่อง
แล้วเดินออกมา
นี่นายไม่ได้ซื้อข้าวเที่ยงเหรอ...
"อ่ะ ลืมเลยแฮะ...ค่อยซื้อก็ได้"
เดินถือถุงใส่ของ กลับตามทางเดิม เมฆสีขาวลอยไปมา บางครั้งก็บังแดดให้ผมบ้าง
เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นยายคนหนึ่ง ผมจำหน้าได้เพราะ ยายเขาเป็นเจ้าของร้านขายของที่ผมเดิน
ไปซื้อของเมื่อกี้
"อะ เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"อ่ะ พ่อหนุ่มเมื่อกี้นี้"
คุณยาย หันน่ามองดู แล้วยืนขึ้นช้าๆ ผมเป็นคนที่จะว่าดีก็ดีนะ แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี
เหมือนจะดูเป็นคนปกติก็ไม่ใช่คนปกตินั้นแหละ
"พอดี ยายจะเอาของไปเก็บในห้องสมุดตรงภูเขานั้นนะจ๊ะ แต่เกิดปวดหลังขึ้นมา เฮ้อ"
คุณยาย ถอนหายใจออกมา แล้วกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ถึงจะเอาของไปไว้ที่นั้นได้ ผมดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่อง
ใหญ่อะไร ในเมื่อตัวเองไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว
"งั้นผม เอาขึ้นไปให้ก็ได้ครับ"
" จะดีหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม ขึ้นเขาน่ะ เหนื่อยมากเลยน่ะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ครับ เรื่องแค่นี้เอง"
ผมยิ้มแบบเป็นมิตร ที่บอกไปว่าเรื่องแค่นี้เอง ที่จริงมันก็หนักเอาการนะ แต่ช่างมันสิ
ดีกว่า ยืนดูเชยๆ
สิบนาทีผ่านไป...
"ฮ่ะๆฉันว่านี้มันนรกเลยแหละ"
หลังจาก ใช้จักรยานของร้าน ปั่นเอาของขึ้นมาบนเขา ก็ผ่านไปได้สิบกว่านาทีแล้ว
จากตอนแรกที่สบายๆเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นแหละ สติดิ่งเหวลงทุกที
"บ้าจริง รู้งี้...เอ๊"
คำบ่นยังไม่ทันได้ออกจากปากซาน ท้องฟ้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมฆสีขาวที่เปลี่ยนสีไปเป็น
ดำเขียวคล้ำขึ้นเรื่อยๆ สีของต้นไม้ที่ไม่รู้เริ่มเปลี่ยนตอนไหน จากสีเขียวสดๆกลับกายเป็นเขียว
เข้มเงาดำๆ
"กำ ไอ้ทีจะตกก็ตกเนอะ "
เร่งฝีเท้าขึ้น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปั่นจักรยานขึ้นไปบนเขา แล้วในที่สุดความปรารณานับพันปีของเขา
ก็สำเร็จ ความรู้สึกเหมือนได้รางวัลออสการ์ยังไงยังงั้น
นี่มัน....
ภาพคฤหาสน์เก่าสีดำปรากฏตรงน่าของผม ก้าวลงมาจากจักรยาน แล้วเข็นมันเข้าไปใกล้ๆ
ประตูรั่วเหล็กสีดำ ลวดลายออกแนวยุโรป ดูงดงามแฝงไปด้วยความลึกลับอันน่าค้นหา รั่วเหล็กมีเถ้าวัน
ผันรายรอบ ไปหมด แต่ก็ยังเหลือบางส่วนไว้
จอดจักรยานไว้ข้างๆกำแพงหิน แล้วยกของลงจากข้างหลัง ยกเดินเข้าไปใกล้ประตูรั่ว
"อืม....กุญแจนี้ล่ะมั้ง"
ผมหยิบกุญแจที่ได้จากคุณยายเจ้าของร้าน มาดูแล้วใช้ไขว้ประตูรั่วเข้าไป เสียงแกร๊งๆของประตูรั่ว
ดังขึ้นเบาๆเหมือนเวลาเดินเข้าบ้านผีสิง
"อืม....คงไม่มีไรมากหรอกมั้ง"
ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่สัญชาตญาณของผมบอกว่า มันไม่ได้มีแค่นี้ มันมีอะไร
บ้างอย่างที่กำลังรอผมอยู่
เสียงประตูไม้ เลื่อนเปิดออก ยกของขึ้นแล้วเดินเข้ามาด้านในช้าๆหันซ้ายหันขวา สิ่งที่เห็น
คือห้องๆนึงที่ มีที่วางหนังสือรอบด้าน ภาพที่เห็นเป็นเหมือนภาพวาดสีดำเขียว ที่ใช้สีน้ำระบายลงไป
ทำให้ดูงดงามจนน่าสงสัย
พลันเดินเข้ามาได้ไม่นาน เสียงฝนก็ดังตามมา หันน่าไปดูตรงประตู พบว่า ฝนตกลงมาซะแล้ว
เสียงสายฝนดังไปทั่วคฤหาสน์หลังนี้ แต่มันกลับเหมือนเสียงเพลงที่กำลังขับร้องเพื่อใครสักคน
"เฮ้อ"
ฝนตกแล้วแฮะ....
"อืม..."
วางกล่องของลง ใกล้ๆชั้นหนังสือสีดำ ผมมองหาที่นั่ง มองไปก็เห็นเก้าอี้เข้า
ดูคล้ายเก้าอี้ของเจ้าของคฤหาสน์หนังสยองมาก แต่ก็ช่างมันเถอะ เดินไปปัดฝุ่น
ออกแบบง่ายๆแล้วนั่งลง
เก้าอี้นั้นตั้งติดกับข้างๆหน้าต่างพอดี ข้างๆเก้าอี้มีโต๊ะทรงกลมอยู่ มองดูก็ไปสะดุดกับ
ของสิ่งนึงเข้า...
หนังสือ...
ผมหยิบมันขึ้นมาดู เป็นหนังสือปกแข็ง เก่ามาก แต่ก็ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ เพียงแค่
มีรอยของความเก่าติดอยู่แค่นั้นเอง ซานพลิกดูน่าหลัง
The rain of story......
"อืม....."
อ่านชื่อหนังสือ บนปก สีเขียนดำคล้ำ ตัวหนังสือสีเหลืองทองอ่อนเก่าจนเห็นเป็นสีเขียวดำๆ
"ฮึๆ....."
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น ผมละสายตาจากตัวหนังสือบนปก....
...พริบตาที่ได้เห็นสิ่งนั้น ความรู้สึกที่เคยจางหายไป ก็กลับปรากฎขึ้นอีก เพียงแต่ มาครั้งนี้
มันไม่ได้เหมือนกับครั้งก่อนที่ผ่านมา...
โปรดติดตาม บทต่อไป....
เรื่องราวเรียบง่าย ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ท่ามกลางดินแดนมายาที่แฝงไปด้วย
ความลับมากมาย สายสัมพันธ์น่าร้อนของเขากับเธอจะเป็นยังไง มาดูกันเถอะ
ท่ามกลางฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยหยดน้ำฝนที่ตกลงมาไม่สิ้นสุด...
ซาน เด็กหนุ่มผู้ถือครองจิตวิญญาณทั้งสี่ เป็นคนเฉยๆนิ่งๆดูจะเป็นคนฉลาด แต่ความจริงมั่วไว้ดีที่สุด
ใช้สัญชาตญาณกับรางสังหรณ์ ตัดสินทุกอย่าง เป็นเพียงคนธรรมดาเดินดินคนนึง ที่อยู่ๆก็โดนยัด ชื่อ
ผู้ถือสิทธิ์บรรณารักษ์ ห้องสมุดต้องสาปให้ แล้วต้องมาทำงานเป็นบรรณารักษ์ ในห้องสมุดต้องสาปแห่งนี้
สิ่งที่คิดในตอนนี้....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!!!ฉันขอนอนก่อนละกัน....
เร็น บรรยายรูปร่างไม่ได้ รู้แต่เป็นผู้หญิง ที่อยู่ๆก็โผล่มาจากสุดขอบโลกไหนไม่รู้ จับยัดชื่อ ให้แก่ซาน
เป็นสิ่งที่น่าหมั่นไส้มาก ทั้งท่าทางตอนหัวเราะที่เหมือนปิศาจตัวน้อยในคราบผู้หญิงนั้น ทั้งน้ำเสียงแม่มด
จอมเจ้าเล่ห์ เป็นคนก็ไม่ใช่ สรุปยัยนี้มันตัวอะไรกันแน่
สิ่งที่คิดในตอนนี้....ไอ้เจ้านี้แหละ ตัวระบายของฉัน ฮึๆ
บทนำ
...ในบางครั้ง บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้ อาจเป็นทั้งความรู้สึก หรือแม้กระทั้งสิ่งที่ผม
กำลังเห็นอยู่ตรงหน้านี้...
"ตื่นแล้ว?"
"...อืม"
ทุกปิดเทอมหน้าร้อนของผม ผมชอบจะเดินทางไปทำงานกับพ่อของผม พ่อผมเป็นเหมือนนักเดินทางคนนึง
ที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหน อยู่ตลอดเวลา จึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน สักเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะผมก็ชอบ
ที่จะออกเดินทางไปกับพ่อเสมอ
หลังจากสอบเสร็จได้ไม่กี่วัน ผมก็เก็บของเตรียมตัวออกเดินทางไปกับพ่อ ถึงคราวนี้พ่อบอกว่าจะไปค้างที่โน่นนานหน่อย
ผมก็ไม่ได้บอกไม่ไป เพราะถึงผมจะอยู่บ้าน มันก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี เอาเป็นว่าไปกับพ่อดีกว่าอยู่บ้านล่ะกัน
ผมมีชื่อว่า ซาน เป็นแค่เด็กหนุ่มที่พึ่งเรียนจบม.ต้นเท่านั้น ในอีกไม่กี่เดือนผมจะเริ่มต้นชีวิตม.ปลาย ถึงจะไม่รู้
ว่าม.ปลายมันจะแตกต่างจากม.ต้นยังไง แต่ก็คงไม่ต่างกันมากมั้ง ผมคิด
เสียงรถของพ่อผมหยุดลง บอกถึงปลายทางที่มาถึงแล้ว ผมเก็บของของผมกับพ่อลงมาจากรถ แล้วเดินไปตามทาง
ที่ๆรอบมีแต่ทุ้งนา ต้นไม้ ป่าไม้สีเขียวสด อากาศร้อนอบอ่าว ร้อนมากจริงๆร้อนจนผมคิดว่า ยืนตากแดดนานๆตัวผมจะ
ไหม้ไม่นะ
เฮ้อ....ให้มันได้งี้สิ
ผมยกกระเป๋าสพาย กับกล่องหนังสือที่เอามาจากบ้าน กับคอมพกพา เข้าไปวางไว้ในบ้านพักของพ่อที่
หามาเป็นที่พัก บ้านทรงธรรมดา ทั่วไป ชั้นเดียว มีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอนสองห้อง ห้องเก็บ ห้องทำงานของพ่อ
ผม และก็อีกมากมายที่ผมใช้เวลาเดินสำรวจดู
"เดียวพ่อไป ที่ทำงานก่อนนะ "
"อะ ครับ"
"นี่แล้วเวลา นั้นน่ะ..."
"รู้แล้วน่า"
"อืม"
"เฮ้อ..."
พ่อผมเป็นคนแปลกๆจะว่าเหมือนกับผม หรือผมเหมือนกับพ่อดีนะ ฮ่ะๆเป็นลูกมันก็ต้องเหมือนกับพ่อสินะ
ผมจัดของ ของผมไปพลางคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้ไปเรื่อย คิดเอามากๆ ผมขาวก็ขึ้นตลอด นี่อุสาไปทำสีแล้วน่ะเนี่ย
ทำไมมันขึ้นเร็วจัดเลยแฮะ
ผมจัดของทุกอย่างเสร็จก็เดินสำรวจบ้านพักอีกที อืม รู้สึกจะเดินสำรวจแล้วนะ หรือยังวา เพราะคิดมาก
ตลอด การลืมเรื่องบางเรื่องเลยกายเป็นเรื่องปกติ แต่ช่างมันเถอะ เดินๆไปล่ะกัน
ผมเปิดหน้าต่าง ให้ลมพัดเข้ามาระบายอากาศ แต่มันกลับมาไม่มีลมพัดเข้ามาเลย เอ่อ นี้มันน่าร้อน
นี้ว้า
ผมเปิดพัดลมในห้อง แล้วจัดเตรียมคอมของผม กะว่าปิดเทอมนี้จะทำโปรเจคลับนั้นให้เสร็จ แต่มันคงไม่ง่ายเหมือนที่
คิดเอาไว้ เพราะ ผมไม่เชี่ยวชาญเรื่องแบบนั้นสักเท่าไหร่ แต่ถนัดเรื่องการเดามากกว่า เพราะ เวลาผมคิดมากที่ไร สุดท้าย
ก็ตอบตามสัญชาตญาณตัวเองเหมือนเดิม
"อืม....เอาไงดีแฮะ"
ผมคิดเรื่องว่าจะใช้เวลาในปิดเทอมหน้าร้อน ไม่สิ เวลาในตอนนี้ทำอะไรดี เน็ตก็ขาดๆหายๆต่อได้สิบนาทีหลุดหาย
ไปเป็นสามชั่วโมง สุดท้ายก็ผิดจอคอมลง แล้วเปลี่ยนเป็นชุดทางการปานกลาง เดินออกจากบ้านไป
ผมสีน้ำตาลอ่อน สะท้อนแสงแดดอันร้อนแรงที่มีพลังสามารถกดดันผมจนแรงแถบหมด ดวงตาสีน้ำตาลใต้
กรอบแว่นสีน้ำตาลไม้ มองไปยังทุ้งนา สีเขียว เห็นชาวบ้านสองสามคนยืนทำอะไรไม่รู้ยืนกลางนา ผมมองดูพร้อมคิดไป
ว่า เขายืนอยู่ได้ไงนะ อากาศร้อนแบบนี้
สถานที่ที่ผมกับพ่อพักอยู่ เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆนอกเมือง ที่ว่าทำไมมาอยู่นี้ก็เพราะ สถานที่ทำงานพ่อผมอยู่
นอกเมือง ผมก็ชอบที่จะอยู่แบบนี้ เพราะ ในเมืองเสียงดัง ถึงจะมีความสะดวกสบายมากกว่า แต่ผมก็ยังชอบ
จะอยู่ตามป่าเขา
"ฮึ ถึงยังไงก็เงียบดีนะ...."
ผมเดินห่างจากบ้านมาไม่ใกล้นัก กะจะเดินไปซื้อของกิน ที่ร้านขายของ ข้างหน้าซะหน่อย
มันตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เลยเดินไปไม่นานก็ถึง แสงแดดยังส่องลงมาเหมือนเดิม แต่ตัวผมชักจะ
เหงื่อแตกแล้วสิ
"นี่ฉันมาเดินอยู่กลางทะเลทรายรึไงเนี่ย"
ถ้าฝนตกก็ดีสินะ......
บรรยากาสรอบตัวผมพลันเปลี่ยนไป เมื่อได้ยินทำนองเพลงนั้น
ถ้าเรา...ได้เจอกัน....ก็ดีสินะ
สายลมพัดผ่านไป ร่างของซาน ซานหยุดก้าวเดินลง เสียงแว่วมาจางหายไป ไมรู้นั้นเป็นเสียงของ
เขาเองหรือเป็นเสียงของสิ่งที่จะนำเขาไปอีกแล้วนะ
"นั้นสินะ....ถ้าฝนตกก็ดีแฮะ"
ผมเงยน่าขึ้นมองดู ภูเขาสีเขียว ผ่านกลุ่มหมองสีขาวที่ปกคลุมภูเขานั้น เหมือนดินแดนมายาที่
หลบซ้อนจากทุกสิ่ง
"อ่ะ นี่ฉันก็..."
ก้มน่าลงยิ้มหน่อยๆแล้วก้าวเท้าเดินต่อ...
หลังจากเดินเลือกของในร้านได้ไม่นาน ผมก็ตัดสินใจซื้อน้ำชาเขียวขวดนึง กับนมอีกสองกล่อง
แล้วเดินออกมา
นี่นายไม่ได้ซื้อข้าวเที่ยงเหรอ...
"อ่ะ ลืมเลยแฮะ...ค่อยซื้อก็ได้"
เดินถือถุงใส่ของ กลับตามทางเดิม เมฆสีขาวลอยไปมา บางครั้งก็บังแดดให้ผมบ้าง
เดินไปได้ไม่ไกลก็เห็นยายคนหนึ่ง ผมจำหน้าได้เพราะ ยายเขาเป็นเจ้าของร้านขายของที่ผมเดิน
ไปซื้อของเมื่อกี้
"อะ เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"อ่ะ พ่อหนุ่มเมื่อกี้นี้"
คุณยาย หันน่ามองดู แล้วยืนขึ้นช้าๆ ผมเป็นคนที่จะว่าดีก็ดีนะ แต่จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี
เหมือนจะดูเป็นคนปกติก็ไม่ใช่คนปกตินั้นแหละ
"พอดี ยายจะเอาของไปเก็บในห้องสมุดตรงภูเขานั้นนะจ๊ะ แต่เกิดปวดหลังขึ้นมา เฮ้อ"
คุณยาย ถอนหายใจออกมา แล้วกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ถึงจะเอาของไปไว้ที่นั้นได้ ผมดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่อง
ใหญ่อะไร ในเมื่อตัวเองไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว
"งั้นผม เอาขึ้นไปให้ก็ได้ครับ"
" จะดีหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม ขึ้นเขาน่ะ เหนื่อยมากเลยน่ะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ครับ เรื่องแค่นี้เอง"
ผมยิ้มแบบเป็นมิตร ที่บอกไปว่าเรื่องแค่นี้เอง ที่จริงมันก็หนักเอาการนะ แต่ช่างมันสิ
ดีกว่า ยืนดูเชยๆ
สิบนาทีผ่านไป...
"ฮ่ะๆฉันว่านี้มันนรกเลยแหละ"
หลังจาก ใช้จักรยานของร้าน ปั่นเอาของขึ้นมาบนเขา ก็ผ่านไปได้สิบกว่านาทีแล้ว
จากตอนแรกที่สบายๆเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นแหละ สติดิ่งเหวลงทุกที
"บ้าจริง รู้งี้...เอ๊"
คำบ่นยังไม่ทันได้ออกจากปากซาน ท้องฟ้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมฆสีขาวที่เปลี่ยนสีไปเป็น
ดำเขียวคล้ำขึ้นเรื่อยๆ สีของต้นไม้ที่ไม่รู้เริ่มเปลี่ยนตอนไหน จากสีเขียวสดๆกลับกายเป็นเขียว
เข้มเงาดำๆ
"กำ ไอ้ทีจะตกก็ตกเนอะ "
เร่งฝีเท้าขึ้น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายปั่นจักรยานขึ้นไปบนเขา แล้วในที่สุดความปรารณานับพันปีของเขา
ก็สำเร็จ ความรู้สึกเหมือนได้รางวัลออสการ์ยังไงยังงั้น
นี่มัน....
ภาพคฤหาสน์เก่าสีดำปรากฏตรงน่าของผม ก้าวลงมาจากจักรยาน แล้วเข็นมันเข้าไปใกล้ๆ
ประตูรั่วเหล็กสีดำ ลวดลายออกแนวยุโรป ดูงดงามแฝงไปด้วยความลึกลับอันน่าค้นหา รั่วเหล็กมีเถ้าวัน
ผันรายรอบ ไปหมด แต่ก็ยังเหลือบางส่วนไว้
จอดจักรยานไว้ข้างๆกำแพงหิน แล้วยกของลงจากข้างหลัง ยกเดินเข้าไปใกล้ประตูรั่ว
"อืม....กุญแจนี้ล่ะมั้ง"
ผมหยิบกุญแจที่ได้จากคุณยายเจ้าของร้าน มาดูแล้วใช้ไขว้ประตูรั่วเข้าไป เสียงแกร๊งๆของประตูรั่ว
ดังขึ้นเบาๆเหมือนเวลาเดินเข้าบ้านผีสิง
"อืม....คงไม่มีไรมากหรอกมั้ง"
ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่สัญชาตญาณของผมบอกว่า มันไม่ได้มีแค่นี้ มันมีอะไร
บ้างอย่างที่กำลังรอผมอยู่
เสียงประตูไม้ เลื่อนเปิดออก ยกของขึ้นแล้วเดินเข้ามาด้านในช้าๆหันซ้ายหันขวา สิ่งที่เห็น
คือห้องๆนึงที่ มีที่วางหนังสือรอบด้าน ภาพที่เห็นเป็นเหมือนภาพวาดสีดำเขียว ที่ใช้สีน้ำระบายลงไป
ทำให้ดูงดงามจนน่าสงสัย
พลันเดินเข้ามาได้ไม่นาน เสียงฝนก็ดังตามมา หันน่าไปดูตรงประตู พบว่า ฝนตกลงมาซะแล้ว
เสียงสายฝนดังไปทั่วคฤหาสน์หลังนี้ แต่มันกลับเหมือนเสียงเพลงที่กำลังขับร้องเพื่อใครสักคน
"เฮ้อ"
ฝนตกแล้วแฮะ....
"อืม..."
วางกล่องของลง ใกล้ๆชั้นหนังสือสีดำ ผมมองหาที่นั่ง มองไปก็เห็นเก้าอี้เข้า
ดูคล้ายเก้าอี้ของเจ้าของคฤหาสน์หนังสยองมาก แต่ก็ช่างมันเถอะ เดินไปปัดฝุ่น
ออกแบบง่ายๆแล้วนั่งลง
เก้าอี้นั้นตั้งติดกับข้างๆหน้าต่างพอดี ข้างๆเก้าอี้มีโต๊ะทรงกลมอยู่ มองดูก็ไปสะดุดกับ
ของสิ่งนึงเข้า...
หนังสือ...
ผมหยิบมันขึ้นมาดู เป็นหนังสือปกแข็ง เก่ามาก แต่ก็ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ เพียงแค่
มีรอยของความเก่าติดอยู่แค่นั้นเอง ซานพลิกดูน่าหลัง
The rain of story......
"อืม....."
อ่านชื่อหนังสือ บนปก สีเขียนดำคล้ำ ตัวหนังสือสีเหลืองทองอ่อนเก่าจนเห็นเป็นสีเขียวดำๆ
"ฮึๆ....."
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น ผมละสายตาจากตัวหนังสือบนปก....
...พริบตาที่ได้เห็นสิ่งนั้น ความรู้สึกที่เคยจางหายไป ก็กลับปรากฎขึ้นอีก เพียงแต่ มาครั้งนี้
มันไม่ได้เหมือนกับครั้งก่อนที่ผ่านมา...
โปรดติดตาม บทต่อไป....
เรื่องราวเรียบง่าย ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ท่ามกลางดินแดนมายาที่แฝงไปด้วย
ความลับมากมาย สายสัมพันธ์น่าร้อนของเขากับเธอจะเป็นยังไง มาดูกันเถอะ
ท่ามกลางฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยหยดน้ำฝนที่ตกลงมาไม่สิ้นสุด...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น