เส้นทางสู่ตำแหน่งมเหสี

         หลิวหลี่ เป็นนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีเขาทำงานเกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัตถุ สิ่งของโบราณต่างๆ เขาเดินทางไปศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ต่างประเทศมาแล้วมากมาย เช่น ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส เวียนนาม รัฐเซียเป็นต้น

         เขาอาศัยอยู่ตัวคนเดียวโดยที่ไม่มีญาติพี่น้องเนื่องจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก เธอถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่าและคุณตาของเธอในขณะที่เธอมีอายุเพียง4ปี ต่อมาคุณย่าของเขาได้ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในขณะที่เธอเองก็มีอายุเพียง10ปี คุณตาของเธอจึงจำเป็นต้องรับเลี้ยงดูเธอจนเธอมีอายุได้19ปีคุณตาของเธอก็ได้ลาจากเธอไปเป็นคนสุดท้าย

       ทุกวันพระเธอมักจะเข้าวัดทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศสให้กับพ่อแม่ปูย่าตายายของเธอ เธอสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่างประเทศได้สำเร็จโดยสามารถสอบชิงทุนไปเรียนระดับปริญญาตรีที่ประเทศไทย คณะอักษรศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนสำเร็จการศึกษาเมื่อเธอมีอายุได้23ปี

.

       เธอทำงานเป็นนักประวัติศาสตร์ฟรีแลนซ์โดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของใครเธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการท่องเที่ยวและค้นคว้าสิ่งต่างๆพร้อมทั้งยังศึกษาขนบธรรมเนียมต่างๆของแต่ละประเทศอีกด้วย

       โดยที่เธอเองก็ชำนาญภูมิประเทศของแต่ละประเทศเป็นอย่างดีเธอสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้หลากหลาย อทิเช่น ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น ไทย อินเดีย เวียนนาม อังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น

      จนวันหนึ่งเธอได้รับเลือกให้ไปรับรางวัลดีเด่นด้านวรรณกรรมและการศึกษาดีเด่นประจำปี โดยได้ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินกรุงปักกิ่งไปมณฑลเสฉวนพอเครื่องบินได้บินออกจากท่าอากาศยานแล้วสักพักกับมีเสียงดัง "ตุ่บ" สนั่นห้องเครื่องเหล่าผู้คนต่างตกใจกันอย่างบ้าสนั่น พวกพนักงานต้อนรับต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองจนสุดความสามารถ

      เมื่อสถานการณ์กำลังเลวร้ายกับตันเครื่องก็ได้ประกาศให้ผู้โดยสารในเครื่องบินอยู่ในความสงบ

      "ตุ่บ!"สิ้นเสียงประกาศเครื่องบินได้พุ่งชนเข้ากับภูเขาแห่งหนึ่งจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นบริเวณที่ใกล้เคียงผู้โดยสารทุกคนร่วมถึงพนักงานต้อนรับและกับตันต่างเสียชีวิตกันหมดร่วมถึงหลิวหลี่ด้วย